Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1496

ตอนที่ 1496

ตัดสินด้วยการต่อสู้

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ในการมายังที่แห่งนี้ อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ด้วยระดับพื้นฐานฝึกตนของเขา การกระทำที่ขาดความกล้าหาญเช่นนั้น อาจมีผลกระทบต่อจิตใจของตนเอง

สำหรับผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังเช่นเมิ่งฮ่าว การปกปิดพลังการฝึกตน และจากนั้นก็ระเบิดออกไปอย่างคาดไม่ถึง เป็นสิ่งที่น่าเบื่อและไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ผู้แข็งแกร่งเช่นนั้นจะไม่กระทำเช่นนี้ จนกว่าจะมีความจำเป็นอย่างแท้จริง ในระยะยาวแล้ว มันอาจจะมีผลต่อจิตเต๋าของคนผู้นั้น การพึ่งพาแต่กลยุทธ์เล็กๆ น้อยๆ เช่นนั้น อาจจะกลายเป็นอุปสรรค์ในความก้าวหน้าของเต๋าอันยิ่งใหญ่ หลังจากได้ครอบครองระดับพลังเช่นนั้น สิ่งที่ดีที่สุดก็คือเปิดเผยและตรงไปตรงมา บดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่มาขวางทางอยู่เบื้องหน้า

หงส์เพลิงรู้สึกว่ายากที่จะจัดการกับนิสัยที่ตรงไปตรงมาของเมิ่งฮ่าวได้ ถอยไปทางด้านหลังหนึ่งก้าว หอบหายใจออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ข้าไม่เคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อน แต่เมื่อสหายเต๋ามาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็จะช่วยค้นหา แต่ขอเตือนท่านว่าอาณาจักรน้ำแข็งไฟแห่งนี้กว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง สหายเต๋าคงต้องเตรียมใจที่จะเสียเวลาอย่างมากมาย”

เมิ่งฮ่าวมองไปยังหงส์เพลิง จากนั้นก็หัวเราะและส่ายหน้าไปมา กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงใจเป็นอย่างยิ่ง “ของสิ่งนี้มีความสำคัญกับข้าเป็นอย่างมาก ถ้าไม่อาจจะหาพบได้จริงๆ ข้าก็จะจากไป แต่ถ้าข้าถูกบังคับให้ต้องออกไปจากอาณาจักรน้ำแข็งไฟก่อนที่มันจะถูกผนึกขึ้นอีกครั้ง ข้าก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องทำลายมันไป นี่เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าสหายเต๋าคงจะเข้าใจ”

เมื่อได้เห็นเศษชิ้นส่วนกระจกทองแดงเมื่อครู่นี้ หงส์เพลิงไม่ค่อยมีปฏิกิริยาเท่าใดนัก แม้แต่สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนไป แต่เมิ่งฮ่าวก็มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ทำให้สามารถจะรับรู้ได้ถึงความตื่นตระหนกที่นางแอบซ่อนไว้

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางพูดเป็นนัยขึ้นมาว่าต้องใช้เวลานาน

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าโลกแห่งนี้ไม่ได้เปิดออกตลอดไป เขาต้องรอคอยอยู่ที่ด้านนอกนับร้อยปี ก่อนที่มันจะเปิดออก และจากการคิดคำนวณของเขา ทำให้ค่อนข้างจะมั่นใจว่ามันจะปิดลงไปอีกครั้งประมาณหกสิบปีข้างหน้านี้ ถ้าไม่จากไปในช่วงเวลานั้น ก็จะต้องรอคอยอีกนานมากๆ สำหรับโอกาสต่อไป จนกระทั่งบุปผาบานขึ้นอีกครั้ง เขาจึงสามารถจะออกไปได้

อาจจะต้องสูญเสียโอกาสไปอย่างมากมายในช่วงเวลานั้น และเมิ่งฮ่าวก็ไม่ยินดีที่จะเสี่ยงเช่นนั้น

ดังนั้นคำพูดที่เขากล่าวออกไปเมื่อครู่นี้ไม่ใช่คำขู่ เป็นแค่คำอธิบายถึงความตั้งใจของตนเองอย่างชัดเจนเท่านั้น

“ดินแดนของเจ้าจะถูกทำลายไป เช่นเดียวกับพื้นที่ราบน้ำแข็ง ถ้าเกิดขึ้นเช่นนั้น อากาศที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยสิ่งแวดล้อมทั้งสองก็จะหายไป และสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ก็จะถูกทำลายไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อไปด้วยเสียงราบเรียบ

“สำหรับเจ้าและปิงซานเหลาจู่ ข้าอาจจะไม่สามารถสังหารไปได้ แต่ถ้าข้าสามารถผนึกคนใดคนหนึ่งในพวกเจ้า ข้าก็สามารถผนึกอีกคนไว้ได้”

“ถ้าข้าไม่อาจจะค้นหาสิ่งที่ต้องการ ก็เชื่อมั่นได้ว่าด้วยเพลิงโทสะของข้า จะผนึกเจ้าไว้จนกระทั่งไม่อาจจะมีอิสระได้เป็นเวลานานมากๆ และเมื่อบุปผาบานขึ้นอีกครั้ง ข้าก็จะกลับมาผนึกเจ้าไว้อีกครั้ง”

“หนึ่งพันปี? หนึ่งหมื่นปี? ข้าจะผนึกเจ้าไปตราบชั่วนิรันดร์ สักวันหนึ่งเมื่อพื้นฐานฝึกตนของข้าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสังหารเจ้าได้ ข้าก็จะทำเช่นนั้น แต่ก่อนที่เจ้าจะตายไป ข้าจะใช้วิชาควาญหาวิญญาณกับเจ้า และจะได้รับคำตอบทั้งหมดที่ข้าค้นหา ในที่สุดข้าก็จะได้รับในสิ่งที่ต้องการ”

“แน่นอนว่ามันอาจจะต้องใช้เวลานานมากๆ ผู้คนมากมายจะต้องตายไป ข้าไม่ต้องการทำเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นจึงหวังว่าสหายเต๋าจะไม่บังคับให้ข้าต้องลงมือ” ด้วยเช่นนั้น เขาจึงประสานมือและโค้งตัวลง จากนั้นก็มองขึ้นไป กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ขึ้นกับท่านแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร”

แต่ละประโยคที่เมิ่งฮ่าวกล่าวออกไป ทำให้จิตใจหงส์เพลิงต้องสั่นสะท้านขึ้นมา เมื่อพูดจบ จิตใจนางก็พลุ่งพล่านขึ้นด้วยคลื่นแห่งโทสะ แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสะกดข่มไว้ นางรู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เมิ่งฮ่าวกล่าวออกมานี้เป็นเรื่องจริง

เขาสามารถกระทำดังเช่นที่กล่าวไว้ได้อย่างแท้จริง และมีความเป็นไปได้สูงที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นดังเช่นที่เขาอธิบายมา ถึงแม้ว่าเรื่องราวจะไม่ได้เกิดขึ้นตรงตามที่กล่าวไว้อย่างแน่นอน แต่เขาก็สามารถจะทำให้คลาดเคลื่อนไปจากแผนการนี้น้อยมาก และมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาคงจะเหมือนกันอย่างแน่นอน

ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับพลังการฝึกตน ไม่ว่าจะเป็นนางหรือปิงซานเหลาจู่ ถึงแม้ว่าจะมีระดับที่สูงเกินว่าขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุรุษหนุ่มผู้นี้

สิ่งที่บอกได้มากไปกว่านั้นก็คือ ถึงแม้ว่าสายตาของเขาที่จ้องมองมาจะดูเยือกเย็นสงบนิ่ง แต่นางก็บอกได้ว่ามีความรุนแรงที่พร้อมจะระเบิดออกมาซุกซ่อนอยู่ภายในนั้น ม่านตาของเขาเป็นสีแดงจ้า เมื่อนางมองเข้าไป ก็ราวกับว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วน ยังมีเพลิงโทสะที่อยู่ภายในนั้นทำให้จิตใจนางต้องสั่นสะท้าน แม้แต่พื้นฐานฝึกตนก็ยังต้องตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และทะเลแห่งเปลวไฟที่อยู่รอบๆ ตัวนางก็สั่นไหวไปมา

เวลาเลื่อนผ่านไป แต่ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่วิตกแม้แต่น้อย เฝ้ารอคำตอบจากนางพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา

หลังจากที่ช่วงเวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป หงส์เพลิงก็ก้มตัวลงเล็กน้อย และถอนหายใจด้วยความขมขื่นออกมา

จากนั้นก็มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้อาณาจักรน้ำแข็งไฟ ไม่เคยเป็นเช่นนี้ จากตำนานที่ถูกบอกเล่าสืบต่อกันมา เมื่อนานมาแล้ว ของวิเศษอันล้ำค่าชิ้นหนึ่งได้ตกลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และทำให้พื้นดินแยกออกจากกัน”

“มันคือเศษชิ้นส่วนกระจก ด้านหนึ่งกระจายเป็นแสงและความร้อนอันเข้มข้น ซึ่งสร้างเป็นโลกแห่งไฟขึ้นมา อีกด้านกระจายเป็นความหนาวเย็นอย่างรุนแรง ซึ่งสร้างเป็นดินแดนแห่งน้ำแข็ง”

“สิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน พวกมันค่อยๆ กลายร่างไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งหลายปีต่อมา ชนเผ่าภูเขาน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้น เช่นเดียวกับชนเผ่าหงส์เพลิง”

“ถ้าท่านต้องการนำเศษชิ้นส่วนกระจกจากไป ก็ไม่จำเป็นต้องโจมตีไปยังอาณาจักรน้ำแข็งไฟเพื่อทำลายมัน มันจะถูกทำลายไปเอง สิ่งมีชีวิตทั้งปวงจะถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น”

“ท่านไม่ใช่คนแรกที่มายังที่แห่งนี้เพื่อค้นหาเศษชิ้นส่วนกระจก ตลอดหลายปีมานี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีบุคคลภายนอกผ่านเข้ามาเมื่อบุปผาเบ่งบาน ด้วยความตั้งใจที่จะมาหยิบฉวยชิ้นส่วนกระจกไป”

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาเคยคาดเดาว่าเรื่องราวน่าจะเป็นเช่นนี้ ในทันทีที่มองเห็นรูปปั้นน้ำแข็งเหล่านั้น ก็สามารถจะคาดเดาได้แล้ว และจากความจริงที่ว่ายักษ์ภูเขาน้ำแข็งและหงส์เพลิงโจมตีตนเองในทันทีด้วยเช่นกัน

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก็กล่าวขึ้นมาว่า “ถ้าเช่นนั้นก็มอบชิ้นส่วนกระจกมาให้ข้า และข้าก็จะแยกโลกของเจ้าออกมา และผนึกพวกมันไว้เพื่อความปลอดภัย จากนั้นข้าจะกลับมาภายในเวลาหนึ่งพันปี เพื่อทำให้ผนึกมั่นคงแข็งแรง”

“ท่าน…” หงส์เพลิงไม่เชื่อว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมานี้จะเป็นความจริง

“เจ้าได้แต่ต้องเชื่อข้าเท่านั้น” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาสาดประกายเย็นชาขึ้นมา เขาหมดความอดทนมานานแล้ว เขาจะให้คำมั่นสัญญา แต่ถ้านางไม่ยอมเชื่อ ตนเองก็ไม่อาจจะทำอะไรได้อีก เศษชิ้นส่วนกระจกนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

หงส์เพลิงเริ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และสีหน้าก็เปลี่ยนไปมาอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร

แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะปฏิเสธข้อเสนอของเมิ่งฮ่าว ซึ่งจะทำให้โลกแห่งนี้ต้องถูกทำลายไป อีกด้านหนึ่งการเห็นด้วยกับเขา ก็จะทำให้โลกแห่งนี้เสี่ยงที่จะถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน

ลึกลงไปในจิตใจ นางยังคงไม่ต้องการจะยอมแพ้ให้กับเขา

หลังจากที่ผ่านไปนานชั่วขณะ นางก็มองขึ้นไปอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ข้าไม่อาจจะตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียวได้ ปิงซานเหลาจู่ต้องยินยอมด้วยเช่นกัน”

เมิ่งฮ่าวหัวเราะหึๆ โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป และลมพายุก็เริ่มพุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง เขาเริ่มบินตรงไปยังทิศทางของพื้นที่ราบน้ำแข็ง หงส์เพลิงกัดฟันแน่น และบินตามไปทางด้านหลัง

ครั้งนี้เมิ่งฮ่าวพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วมากกว่าครั้งที่แล้ว เพียงไม่กี่เดือนก็ข้ามผ่านอาณาจักรน้ำแข็งไฟไปทั้งหมด หงส์เพลิงตกตะลึงและจิตใจก็เริ่มเต้นรัว ถ้าให้กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว นางไม่อาจจะติดตามไปได้ทัน แต่นางก็ใช้ของวิเศษบางอย่างออกมา เพื่อให้มีความรวดเร็วอย่างเพียงพอที่จะติดตามไปได้

ไม่กี่เดือนต่อมา ลึกเข้าไปในพื้นที่ราบน้ำแข็ง เมิ่งฮ่าวและหงส์เพลิงได้ยินเสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะ ปิงซานเหลาจู่ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงหนึ่งแสนจ้าง กำลังสั่นสะท้านขณะที่ดิ้นรนต่อต้านผนึก

หงส์เพลิงมองมายังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่ความหวาดกลัวพุ่งขึ้นมาในจิตใจ เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมามองกลับไปยังหงส์เพลิง และมองตรงไปยังยักษ์ภูเขาน้ำแข็งสลับกันไปมา

“ถ้าพวกเจ้าไม่ยินยอม ข้าคงต้องใช้เวลานานในการได้ครอบครองชิ้นส่วนกระจก นอกจากนั้นหลังจากที่ค้นหาไปทั่วทุกที่อย่างไร้ประโยชน์ใดๆ ข้าก็เริ่มรับรู้ได้ว่าชิ้นส่วนกระจกอยู่ใต้พื้นดิน” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น มองลงไปยังพื้นดินที่ด้านล่าง สิ่งแปลกๆ ก็คือว่า จริงๆ แล้วเขาเคยพยายามจะระเบิดพื้นดินให้เปิดออกมาก่อนหน้านี้ แต่ถึงแม้ว่าจะด้วยระดับพื้นฐานฝึกตนของเขาในตอนนี้ ก็ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ แสงแห่งความมุ่งมั่นก็แวบประกายขึ้นมาในดวงตา และชี้นิ้วตรงไปยังปิงซานเหลาจู่

ทันใดนั้นผนึกก็คลายออก และเสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะก็ดังก้องขึ้น ขณะที่มันลุกขึ้นมายืน โดยไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย มันรีบพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ต่อยหมัดออกไป

ดูเหมือนว่าหงส์เพลิงจะรู้สึกตกตะลึง แต่จากนั้นก็กัดฟันแน่น และโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน

เมิ่งฮ่าวยิ้มด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แต่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวน้ำแข็ง “รนหาที่ตาย?”

เมื่อคำพูดหลุดออกมาจากปาก พื้นฐานฝึกตนก็ปะทุขึ้นด้วยพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาหลายร้อยปี แก่นแท้ที่แปดถูกปลดปล่อยออกไป พร้อมด้วยพลังอันน่าตกใจของกายเนื้อ รวมเข้ากับปราณอสูร และพลังในสายโลหิตของตนเอง ทำให้สามารถจะปลดปล่อยเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อออกไปได้

ทำให้ยักษ์ภูเขาน้ำแข็งและหงส์เพลิงสั่นสะท้านไปมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่น ศีรษะขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลัง กระจายเป็นความมืดมิดอย่างไร้ขอบเขตออกมา

ศีรษะยักษ์นั้นมีเขาอันดุร้ายงอกออกมาจากหน้าผาก พร้อมกับเส้นผมที่ยาวดกดำ และดวงตาที่สาดประกายด้วยแสงสีแดง จนดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยทะเลแห่งโลหิต ปราณอสูรทำให้โลกแห่งนิ้บิดเบี้ยวไปมา ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ถ้าทั้งหมดนั้นมีอยู่แค่นี้ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยกมือขวาขึ้นมา และเศษกระจกทองแดงเจ็ดชิ้นก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นชุดเกราะสีดำที่กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งมือข้างขวา และจากนั้นก็ลำตัว แขนข้างซ้ายและสองขา ทั่วทั้งร่างกายยกเว้นส่วนศีรษะต่างก็ปกคลุมไปด้วยชุดเกราะสีดำอยู่ในตอนนี้!

ในทันทีที่ชุดเกราะปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันดุร้ายก็ระเบิดออกไป ทำให้พลังของเมิ่งฮ่าวเพิ่มขึ้นมา

ตูมมมมมมม!

พลังอันน่าเหลือเชื่อพุ่งออกไปจนดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวสามารถจะปลดปล่อยพลังแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเอง ราวกับว่าเขาคือราชันผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง เป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

พลังเหนือสูงสุดค่อยๆ เริ่มกระจายออกมาจากร่างเขาเล็กน้อย มองลงไปยังยักษ์ภูเขาน้ำแข็งและหงส์เพลิง จากนั้นก็กวักมือเรียกพวกมัน

“พวกเจ้าไม่ใช่ต้องการจะสู้ด้วย? เข้ามา!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!