ตอนที่ 1500
หนึ่งคนรักษาด่าน
มังกรสีแดงเข้มทั้งหมดที่อยู่ต่ำกว่าระดับผู้ยิ่งใหญ่ ต่างก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ขณะที่หยดโลหิตของพวกมันกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง สองมือเมิ่งฮ่าวขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และหัตถ์ยักษ์สามข้างก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกของเกราะป้องกันชั้นที่สาม แต่ละข้างกระจายเป็นพลังของระดับเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดออกมา และพุ่งตรงไปยังมังกรสีแดงเข้มที่ยังเหลืออยู่อีกสามตัวนั้น
ต่อมาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็สั่นสะท้าน คาดไม่ถึงว่าจุดแสงสีแดงนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นบนหัตถ์ยักษ์ทั้งสาม เมื่อมองดูให้ละเอียดก็จะพบว่าจุดแสงแต่ละจุดเหล่านั้นคือแมลงบางชนิด ในชั่วพริบตาพวกมันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งหัตถ์ยักษ์ ตามมาด้วยเสียงหึ่งๆ ที่แปลกประหลาด แมลงปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งจะกลายเป็นแถบแสงสีแดงขนาดใหญ่
จากนั้นในที่ห่างไกลออกไป กลิ่นอายอันน่ากลัวก็ปรากฏขึ้น กระจายออกไปทั่วทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว และภายในนั้นก็สามารถจะมองเห็นเป็นซากศพนับไม่ถ้วน ดูเหมือนว่าแต่ละซากศพเหล่านั้นต่างก็ถูกพลังบางอย่างครอบงำมา และพวกมันก็รวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นกองกำลังขนาดใหญ่พุ่งตรงมายังดินแดนแห่งนี้
แมลงสีแดงและกองกำลังของซากศพ ต่างก็โจมตีไปยังเกราะป้องกันชั้นที่สามอย่างเต็มกำลัง
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทางอย่างน่าตกใจยิ่ง
เมิ่งฮ่าวไม่พูดจาใดๆ มองออกไปยังที่ห่างไกล ใช้สองมือกดลงไปบนพื้นดิน จากนั้นก็หลับตาลง ไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นตรงด้านนอกเกราะป้องกัน ส่งพลังจิตให้ไหลเข้าไปในเศษชิ้นส่วนกระจกทองแดง เพื่อเรียกออกไปด้วยความเข้มข้นมากขึ้น
เวลาเลื่อนผ่านไป สองวันต่อมา กระจกทองแดงก็ยังคงเป็นลำแสงที่กำลังพุ่งตรงมายังตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวอยู่
สำหรับดินแดนอันกว้างใหญ่ มันกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกราะป้องกันชั้นที่สามพังทลายลงไปแล้ว และตอนนี้ชั้นที่สี่ก็แทบจะถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน แมลงสีแดงตายไปครึ่งหนึ่ง และกองกำลังซากศพก็หายไปเกือบหมดสิ้น
อย่างไรก็ตามยักษ์ศิลากลุ่มหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นมา และเนื่องจากการโจมตีอย่างดุร้ายของพวกมัน ทำให้เกราะป้องกันชั้นที่สี่แทบจะถูกทำลายลงไป ยักษ์ศิลาโจมตีมาด้วยความบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากพวกมันแล้วก็ยังมีมนุษย์ครึ่งวัว และสิ่งมีชีวิตซึ่งมีแขนคล้ายหนวดปลาหมึกที่แปลกประหลาด ร่างกายของสิ่งมีชีวิตหนวดปลาหมึกไม่ได้แข็งแกร่งทรงพลัง แต่วิชาเวทของพวกมันก็น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทั้งหมดนั้นในที่สุดเกราะป้องกันชั้นที่สี่ก็ถูกทำลายลงไป แม้ในขณะที่เสียงระเบิดดังก้องออกมา ดวงตาของยักษ์ศิลาก็สาดประกายขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง และทันใดนั้นพวกมันก็ระเบิดตนเองไป
ตูมมมมมมม!
การระเบิดตนเองของยักษ์ศิลาทำให้ระลอกคลื่นจากแรงระเบิดของเกราะป้องกันชั้นที่สี่ กระแทกเข้าไปยังเกราะป้องกันชั้นที่ห้า รอยแตกร้าวกระจายออกไป ขณะที่ฝูงสิ่งมีชีวิตแปลกๆ เหล่านี้โจมตีมาอย่างต่อเนื่อง และเกราะป้องกันชั้นที่ห้าก็พังทลายลงไป
ต่อมาก็มีศรพิรุณนับล้าน ส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศตรงมายังเกราะป้องกันชั้นที่หก ระเบิดขึ้นด้วยระดับพลังอันน่าตกใจ ในชั่วพริบตาเกราะป้องกันชั้นที่หกก็ถูกทำลายไป ทำให้เกราะป้องกันชั้นที่เจ็ดปรากฏขึ้น
ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา มองออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และขยับสองมือร่ายเวท ทำให้ใบหน้าที่ดูเลือนลางใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของเกราะป้องกันชั้นที่เจ็ด
ดูคล้ายกับเป็นภูตผีตนหนึ่ง ขณะที่ลอยขึ้นมาปะทะกับศรพิรุณ ต่อมาสิ่งมีชีวิตตัวน้อยซึ่งมีความสูงแค่เข่าของมนุษย์ธรรมดากลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
เวลาเลื่อนผ่านไป ในวันที่สาม เกราะป้องกันชั้นที่เจ็ดก็ถูกทำลายไปโดยสิ่งมีชีวิตตัวน้อย ในช่วงเวลาสามวันที่กองกำลังของสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดโจมตีมายังเกราะป้องกัน พวกมันเกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และยังได้สูญเสียแม้แต่ระดับผู้ยิ่งใหญ่ไปอีกด้วย
มองเห็นสิ่งมีชีวิตได้เกือบทุกชนิด จากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจำนวนมากมายที่เมิ่งฮ่าวเคยพบเจอมา ตลอดช่วงเวลาที่ท่องไปในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนานนับร้อยปี มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มาปรากฏขึ้นในที่แห่งนี้ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้รับเสียงเรียกซึ่งดังก้องออกมาจากเจตจำนงแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ด้วยเช่นนั้นพวกมันจึงโจมตีมายังเกราะป้องกันชั้นที่เจ็ดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เมื่อถึงวันที่สี่ เกราะป้องกันชั้นที่เจ็ดก็พังทลายลงไป ในวันที่ห้า เกราะป้องกันชั้นที่แปดถูกทำลายไป
วันที่หก เกราะป้องกันชั้นที่เก้ากำลังสั่นสะท้านไปมา เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และมองออกไปยังกองกำลังของสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจะไร้จุดสิ้นสุด ด้วยจำนวนที่มากมายของพวกมัน ทำให้ดูแล้วน่าตกใจอย่างแท้จริง
พวกมันมีผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้อยู่มากมาย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัวแทนของกองกำลังที่มีอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ตาม แต่พวกมันก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และจะไม่ยอมหยุดจนกว่าเมิ่งฮ่าวจะตกตายไป
“อีกหนึ่งวัน…เกราะป้องกันชั้นที่เก้าน่าจะคงอยู่ได้นานกว่านั้น” เมิ่งฮ่าวพึมพำ รับรู้ได้ว่ากระจกทองแดงอยู่ห่างไกลออกไปไม่มากแล้ว มันจะต้องปรากฏขึ้นมาภายในหนึ่งวันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา และสีหน้าก็สลดลง ที่ห่างไกลออกไปในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว ทันใดนั้นดวงดาวขนาดใหญ่ก็เคลื่อนย้ายทางไกลมาอยู่ในบริเวณด้านหลังของดินแดนแห่งนี้ ดาวดวงนั้นสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที ขณะที่เริ่มเร่งความเร็วตรงมา
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อดาวดวงนั้นบดขยี้ไปยังสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่เป็นกองกำลังซึ่งโจมตีมายังเกราะป้องกันชั้นที่เก้า
แม้แต่กองกำลังของสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด ก็แทบจะทนเสียงกระหึ่มที่ดังก้องออกมาจนเสียดแทงแก้วหูนั้นไม่ได้ อาณาเขตที่เป็นเกราะป้องกันชั้นที่เก้าถูกกระแทกจนแตกกระจายไปในทันที จากนั้นดวงดาวขนาดใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนที่ต่อไป ขณะที่กลายร่างเป็นยักษ์ขนาดใหญ่อย่างน่าตกใจยิ่ง ยืนสูงเด่นอย่างน่าเกรงขามอยู่ที่นั่นนอกเกราะป้องกัน จ้องมองลงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาอันดุร้าย
ช่วงเวลาเดียวกับที่มันมองลงไป ลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งผ่านช่องว่างที่ถูกเจาะจนทะลุออกไปของเกราะป้องกัน และมุ่งหน้าตรงมายังเมิ่งฮ่าวในทันที
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าที่เคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ยกมือขวาขึ้นมาในทันทีและกำลงไปอย่างรุนแรง เสียงระเบิดดังก้องขึ้น เมื่อสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่มีความสูงแค่เข่าของเขาถูกคว้าจับไว้
เป็นหญิงสาวหน้าตางดงามนางหนึ่ง เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหล แต่ใบหน้าซีดขาวและมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อว่าด้วยเวทล่องหนที่ตนเองฝึกฝนมา จะถูกเมิ่งฮ่าวมองเห็นได้
ก่อนที่นางจะทันได้ร้องขอความเมตตา เมิ่งฮ่าวก็กำมือแน่นลงไป และเสียงปะทุก็ดังก้องขึ้นเมื่อร่างกายนางระเบิดออกไป
แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืน ต่อยหมัดซ้ายออกไปอย่างดุร้าย ทันใดนั้นมังกรสีแดงเข้มตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งที่เขาต่อยหมัดออกไป แววตาเต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่หมัดนั้นกระแทกมาบนร่าง ทำให้ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง
เวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็เอียงศีรษะหลบไปทางด้านข้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีมาของภูตผีตนหนึ่ง ขณะที่ร่างมันพุ่งผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็อ้าปากขึ้นมาในทันที และตรึงร่างภูตผีนั้นไว้
ขณะที่มันกรีดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ต่อมาภูตผีตนนั้นก็หดเล็กลงไป ถูกเมิ่งฮ่าวดูดกลืนลงไปจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของพื้นฐานฝึกตนของเขา
ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่ยักษ์ดาวเคราะห์พุ่งทะลวงเกราะป้องกันจนกลายเป็นช่องโหว่และยิ้มออกมาเท่านั้น
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ก้าวเดินเนิบนาบตรงไปสิบจ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้นเศษกระจกชิ้นที่แปดซึ่งยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เขายืนอยู่เมื่อครู่นี้ ก็กระจายเป็นเกราะป้องกันอันเจิดจ้าออกมา
เกราะป้องกันนั้นประกอบด้วยสีสันที่กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของมัน และก็คือ…การจัดเตรียมที่ทรงพลังมากที่สุดของเมิ่งฮ่าว เกราะป้องกันชั้นที่สิบ
ที่เกราะป้องกันนี้ทำการปกป้อง ไม่ใช่ดินแดนอันกว้างใหญ่ แต่เป็นค่ายกลเวทที่กำลังร้องเรียกกระจกทองแดงอยู่ในตอนนี้
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ตรงด้านนอกเกราะป้องกันมองไปรอบๆ บริเวณนั้น ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร และกลิ่นอายอันน่ากลัวก็หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่าง
เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไรออกมา แต่การกระทำของเขาชัดเจนยิ่ง…ไม่มีใครสามารถจะผ่านตนเองไปเพื่อทำลายค่ายกลเวทนี้ได้!
ทั่วทั้งสนามรบเงียบกริบลงไปโดยสิ้นเชิง แต่ความเงียบนั้นคงอยู่เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น จากนั้นเสียงแผดร้องคำรามก็ทำลายความเงียบนี้ไป ขณะที่เงาร่างนับไม่ถ้วนผ่านช่องโหว่ของเกราะป้องกันมา สำหรับยักษ์ดาวเคราะห์ มันเริ่มบดขยี้ไปยังตำแหน่งอื่นๆ ของเกราะป้องกันชั้นที่เก้าต่อไป
เมิ่งฮ่าวเดินตรงไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว และพื้นดินก็สั่นสะเทือนไปมา เพราะว่าพลังของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตอ่อนแออยู่ในดินแดนแห่งนี้ ทำให้พื้นดินที่สั่นสะเทือนอยู่นี้มีผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น เขาเดินเข้าไปใกล้ศัตรูอย่างช้าๆ
เนื่องจากเช่นนั้น จึงมีสิ่งมีชีวิตอยู่น้อยมากที่จะพุ่งออกมาอยู่เบื้องหน้าคนทั้งหมดได้ ซึ่งก็คือผู้แข็งแกร่งระดับผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีอยู่แค่คนเดียวที่อยู่ในระดับเก้าแก่นแท้ ที่เหลืออยู่ในระดับแปดแก่นแท้กันทั้งหมด แต่พวกมันก็ยังคงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลัง ในทันทีที่พวกมันเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งตรงไปข้างหน้า ต่อยหมัดพิฆาตมารออกไป
ทำลายล้างชีวิต เผาไหม้ตนเอง สังหารเทพ พิฆาตมาร…หลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นหนึ่งหมัด ที่ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะท้าน ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน พลังอันน่าเหลือเชื่อถูกปลดปล่อยตรงไปยังผู้ยิ่งใหญ่จำนวนแค่หยิบมือที่เบื้องหน้า ในท่ามกลางความตกตะลึงของพวกมัน ร่างกายก็ระเบิดออกไปจนหมดสิ้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะเตรียมตัวป้องกันก็ตาม แต่ก็ยังคงถูกบดขยี้ไปได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นหญ้าแห้ง
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นเมื่อพวกมันระเบิดออกไป ถูกทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณ เหลือแต่ผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้ที่รอดชีวิตอยู่ได้ด้วยความบังเอิญเท่านั้น โลหิตพุ่งออกมาจากบาดแผลทั่วร่าง
แต่จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็เดินไปเป็นก้าวที่สอง ไปปรากฏขึ้นในกลางอากาศ ต่อยหมัดที่สองออกไป ไม่ได้โจมตีไปยังผู้ยิ่งใหญ่นั้น แต่เป็นคนอื่นแทน
อากาศที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นมา ขณะที่ชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น มีผิวหนังสีดำสนิทและเขาสองข้างงอกออกมาจากศีรษะ กระจายเป็นพลังของระดับเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดออกมา
สีหน้ามันเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่เผชิญหน้ากับหมัดของเมิ่งฮ่าว แผดร้องคำรามออกมา ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกไป เรียกวัวสีดำซึ่งมีลมเปลวไฟหมุนวนไปมาอยู่ใต้เท้าออกมาหนึ่งตัว
หมัดเดียวของเมิ่งฮ่าว ทำลายสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดมากมาย ที่กำลังหลั่งไหลผ่านช่องโหว่ของเกราะป้องกันเข้ามา แม้แต่ชายชราเองก็ยังต้องกระอักโลหิตออกมา และลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในตอนนี้วันที่หกก็ผ่านไปแล้วครึ่งวัน เมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวที่สาม แต่ก็ไม่ได้โจมตีไปยังชายชราที่มีผิวหนังสีดำสนิท ไปปรากฏขึ้นที่ด้านนอกเกราะป้องกันชั้นที่เก้า…อยู่เบื้องหน้ายักษ์ดาวเคราะห์ตนนั้น
“เจ้าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง?” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ แม้ในขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก ยักษ์ก็สั่นสะท้าน และจิตใจก็เริ่มเต้นรัวขึ้นมา รีบเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนที่มันจะทันได้จากไปไกล เมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีดำ พุ่งตรงไปราวกับเป็นสายฟ้า แทงเข้าไปที่หน้าผากของมัน และจากนั้นก็พุ่งทะลวงออกไปจากศีรษะมันอีกด้าน!
หมายเหตุ: ชื่อตอนนี้มาจากภาษาจีนว่า 一夫当关 万夫莫开
(อีฟูตังกวน ว่านฟูโม่ไค) แปลว่า หนึ่งคนรักษาด่าน หมื่นคนยากทะลวงผ่าน