Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1504

ตอนที่ 1504

ซงเต้าจื่อ

เมื่อการควาญหาวิญญาณเริ่มต้นขึ้น จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม อย่างน่าตกใจยิ่งไม่มีความทรงจำให้มองเห็นแม้แต่น้อย! มีแค่เสียงๆ หนึ่งเท่านั้น!

“นับจากนี้ไป เจ้าคือหลัวเทียนสือเจ่อ (ทูตแห่งสวรรค์ทุกชั้นฟ้า)…” มีแค่เสียงนี้เท่านั้นที่ดังก้องไปมาอยู่ในจิตใจของมันตราบชั่วนิรันดร์ ยากที่จะบอกได้ว่าคำพูดเหล่านี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ทำให้สติสัมปชัญญะของเมิ่งฮ่าวต้องหมุนคว้างไปมาอย่างรุนแรง ราวกับว่าเขากำลังถูกโจมตีด้วยแรงระเบิดขนาดใหญ่

ที่ยิ่งน่าประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะประกอบไปด้วยพลังเจาะทะลวงจนพุ่งเข้ามาอยู่ในร่างเมิ่งฮ่าว ในชั่วพริบตาเสียงนั้นก็ดังก้องอยู่ในจิตใจ

คล้ายกับเป็นเครื่องหมายผนึก ที่กำลังลุกไหม้อยู่ในส่วนลึกของร่างกาย ผลก็คือ…ทำให้เมิ่งฮ่าวกลายเป็นหลัวเทียนสือเจ่อคนใหม่

ร่างกายเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และภายใต้หน้ากากของเกราะป้องกัน ดวงตาลุกโชนขึ้นด้วยแสงสีแดงเข้ม ปราณอสูรปะทุอยู่ภายในร่าง กำลังพุ่งขึ้นมาเพื่อสะกดข่มเสียงที่ดังก้องอยู่ในจิตใจ

ภาพที่เห็นอยู่ในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวในตอนนี้ก็คือ เมิ่งฮ่าวกำลังคว้าจับไปที่ลำคอของหลัวเทียนสือเจ่อ ไม่ได้ดูแปลกประหลาดแต่อย่างใด แต่ความเป็นจริงก็คือว่าเมิ่งฮ่าวกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายอันน่าเหลือเชื่อซึ่งกำลังคุกคามจิตวิญญาณตนเองอยู่

ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่าการควาญหาวิญญาณอาจจะมีอันตรายแล้วละก็ เขาจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? คนผู้นี้เรียกตัวเองว่าหลัวเทียนสือเจ่อ และยังมีเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวบนร่างมันอีกด้วย เนื่องจากเช่นนั้น และจากสิ่งที่เมิ่งฮ่าวเคยรู้มาในเขตสุสานแห่งชางหมางพ่าย ทำให้สามารถจะคาดเดาได้บ้าง

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดมีเจตจำนงของมันเอง และเจตจำนงนั้นก็คือเจตจำนงของหลัวเทียนนั่นเอง!

ดังเช่นคำกล่าวที่ว่าหลัวเทียนหวาดกลัวเซียน นอกจากนี้หลัวเทียนก็ต้องการให้อสูรปรากฏขึ้น ทั้งหมดนั้นทำให้เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงวิกฤตที่ใกล้เข้ามา และทำให้ได้ข้อสรุปด้วยเช่นกันว่าทำไมอาณาจักรขุนเขาทะเลถึงต้องพบเจอกับหายนะเช่นนั้น

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด แต่เมิ่งฮ่าวก็มีเบาะแสอยู่มากมาย ดังนั้นเขาจึงถือว่าหลัวเทียนสือเจ่อ (ทูตแห่งสวรรค์ทุกชั้นฟ้า) ผู้นี้คือหนึ่งในตัวแทนของมัน ถ้าได้รับคำตอบจากจิตใจของคนผู้นี้มาได้บ้าง ก็จะช่วยให้เข้าใจถึงความเป็นจริงได้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้มีโอกาสสูงที่จะเอาชนะมันได้ในวันข้างหน้า

“เจ้าต้องการให้ข้ากลายเป็นหลัวเทียนสือเจ่อ? เจ้า…ไม่คู่ควร!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาดขึ้นด้วยเสียงที่ทรงพลัง และชุดเกราะก็เริ่มสั่นสะเทือนไปมา พลังของกระจกทองแดงระเบิดออกไป หลอมรวมเข้ากับปราณอสูรของเมิ่งฮ่าว เพื่อก่อตัวเป็นลมพายุที่พุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง พัดพาเครื่องหมายผนึกให้จางหายไป ม้วนกวาดและทำลายมันไปโดยสิ้นเชิง

ไม่ว่าเครื่องหมายผนึกนั้นจะทรงพลังมากแค่ไหนเมื่อในอดีตที่ผ่านมา แต่หลังจากที่ออกมาจากภายในร่างของสือเจ่อ ก็อ่อนแอลงไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรวมเข้ากับความจริงที่ว่าเมิ่งฮ่าวอยู่ในขั้นสูงสุดของตนเองในตอนนี้ เมื่อไหร่ที่เขาต่อสู้กลับไป ก็สามารถจะทำลายเครื่องหมายผนึกและเสียงนั้นให้หายไปได้

ขณะที่เสียงนั้นเริ่มจางหายไป หลัวเทียนสือเจ่อก็สั่นสะท้าน และดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น เส้นผมบนศีรษะมันกลายเป็นสีขาวโพลนไปทั้งหมด และผิวกายก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงไป ภายในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็แก่ชราลงไปอย่างรวดเร็ว

เวลาเดียวกันนั้น จิตใจมันก็ไร้ซึ่งเครื่องหมายผนึกใดๆ และความทรงจำนับไม่ถ้วนก็ไหลบ่าท่วมท้นกลับเข้ามา เพราะว่ามันยังคงอยู่ในท่ามกลางการควาญหาวิญญาณ ทำให้เมิ่งฮ่าวสามารถจะมองเห็นความทรงจำเหล่านั้นได้ทั้งหมด

เขามองเห็นโลกที่ไม่ใช่อาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่ใช่อาณาจักรเทพ และไม่ใช่อาณาจักรมาร ไม่ใช่โลกที่เคยมองเห็นในเขตสุสาน เป็นดินแดนที่แปลกประหลาด แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตั้งอยู่ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน

มันเป็นโลกที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก และถึงแม้ว่าจะไม่บรรลุถึงระดับที่แข็งแกร่งมากที่สุด แต่ก็ยังคงมีผู้แข็งแกร่งอยู่มากมาย ที่สำคัญมากที่สุดก็คือว่าโลกแห่งนั้นมีตำนานแห่งเซียน เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ที่คล้ายคลึงกับอาณาจักรขุนเขาทะเลหรือดาวชางหมาง เป็นสถานที่ซึ่งผู้ฝึกตนมีความคิดที่จะกลายเป็นเซียน ถ้าพวกมันมีโชคชะตาที่ถูกต้อง ก็สามารถจะสร้างเป็นรากเซียนขึ้นมาได้

ถ้าให้กล่าวในอีกแง่หนึ่งก็คือว่า มันคือโลกที่สามารถจะมีเซียนปรากฏขึ้นมาได้!

ในกรณีนี้คำว่าเซียนไม่ได้หมายถึงอาณาจักรเซียน แต่เป็นสิ่งที่หลัวเทียนหวาดกลัว…ความเป็นอมตะ (เซียน)!

เมิ่งฮ่าวมองเห็นหลัวเทียนสือเจ่อในโลกแห่งนั้น ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัย เมิ่งฮ่าวมองเห็นมันฝึกฝนและเติบใหญ่ขึ้น เริ่มกลายเป็นผู้ฝึกตนเร่ร่อน และในที่สุดก็มีความสำเร็จเหนือล้ำกว่าคนในรุ่นเดียวกันทั้งหมด เป็นผู้โดดเด่นมากที่สุดในโลกแห่งนั้น บรรลุถึงขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้

เวลาเดียวกันนั้นหลัวเทียนสือเจ่อผู้นั้นก็ไม่เหมือนกับในตอนนี้ มันมีเป้าหมายของตนเอง และกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทั้งปวง จากนั้นในวันหนึ่งกลุ่มคนภายนอกก็ปรากฏขึ้นมา และสงครามใหญ่ก็เกิดขึ้น โลกแห่งนั้นถูกทำลายไป สิ่งมีชีวิตทั้งปวงตกตายไป

บุรุษที่กลายเป็นหลัวเทียนสือเจ่อแหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงกู่ร้องด้วยความขมขื่นออกมา ขณะที่ถูกห้อมล้อมด้วยศัตรูนับไม่ถ้วน ทันใดนั้นร่างกายมันก็ปะทุขึ้นด้วย…ปราณอสูร!

มันถูกบังคับให้เปลี่ยนจากเซียนจนกลายเป็นอสูร หลังจากที่ใช้ปราณอสูรสังหารเหล่าศัตรู ก็บินขึ้นไปในท้องฟ้า และเริ่มมีเป้าหมายอยู่อย่างเดียวเท่านั้นก็คือ ล้างแค้น!

ล้างแค้น ล้างแค้น! ล้างแค้น!!

ความคิดหนึ่งเดียวนี้รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ในท่ามกลางการควาญหาวิญญาณ ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องหอบหายใจออกมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่า…ชีวิตของหลัวเทียนสือเจ่อผู้นี้ช่างคล้ายคลึงกับตนเองเป็นอย่างยิ่ง!

ขณะที่เมิ่งฮ่าวทำการควาญหาวิญญาณต่อไป สือเจ่อก็สั่นสะท้าน ดวงตาไม่ได้เต็มไปด้วยความสับสนอีกต่อไป ราวกับว่ามันกำลังตื่นขึ้นมา หลังจากที่หลับใหลไปนานหลายปีจนนับไม่ถ้วน

มันมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เจิดจ้าและแจ่มใส ไม่เพียงแต่จะไม่ต่อต้านการควาญหาวิญญาณนี้เท่านั้น มันยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วย มันเปิดความทรงจำของตนเองออกไป ปล่อยให้เมิ่งฮ่าวมองเห็นได้ทุกสิ่ง

เมื่อทำเช่นนั้นแววตามันก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งการหวนรำลึก ภายในส่วนลึกแห่งความทรงจำของมันเต็มไปด้วยจิตใจที่ไม่ยอมสยบ มีความเสียใจและความต้องการล้างแค้นอย่างรุนแรง แต่ที่มากไปกว่านั้นทั้งหมดก็คือ…การหัวเราะด้วยความขมขื่น

เป็นการหัวเราะที่ไร้เสียงซึ่งมาพร้อมกับเส้นผมสีขาวที่ล่วงหล่นลงไปบนพื้น ร่างกายมันกำลังแห้งเหี่ยวและกลายเป็นเถ้าธุลีไป

ราวกับว่าร่างกายมันคงอยู่มาถึงช่วงเวลาหนึ่ง และจากนั้นกาลเวลาก็ลืมเลือนมันไป แต่ตอนนี้พลังแห่งห้วงกาลเวลาเหล่านั้นทั้งหมดกำลังมีผลกระทบต่อร่างกายมันอย่างต่อเนื่อง

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่มองเห็นความทรงจำของหลัวเทียนสือเจ่อ หลังจากที่หลบหนีขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยความต้องการล้างแค้น ในอนาคตต่อมาสือเจ่อก็ต้องพบเจอกับอันตรายมากมาย แต่ก็ได้รับโชควาสนาที่มากมายเช่นเดียวกัน พื้นฐานฝึกตนของมันเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นไปกว่าเดิม ในความเป็นจริงแล้วมันยังได้ก้าวเข้าไป…ห่างจากเหนือสูงสุดแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น

เป็นระดับพลังที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งยังได้สูงเกินกว่าระดับในตอนนี้ของเมิ่งฮ่าวอีกด้วย ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งมากที่สุดรองลงมาจากเหนือสูงสุดเท่านั้น สิ่งที่ถูกถือว่าห่างจากเหนือสูงสุดแค่ครึ่งก้าว มาจากความจริงที่ว่ายังมีอีกสามส่วนที่ต้องเอาชนะให้จงได้ ซึ่งก็คือวิญญาณ, แก่นแท้ และร่างกาย ใครก็ตามที่สามารถเอาชนะหนึ่งในสามเหล่านั้นก็จะถูกถือว่าห่างจากเหนือสูงสุดแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น

หลัวเทียนสือเจ่อในอนาคตเอาชนะได้ในส่วนของร่างกาย บรรลุถึงระดับเดียวกันกับจิ่วเฟิงแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล

หลังจากที่บรรลุถึงระดับนั้น มันก็เข้าใจได้ถึงสาเหตุที่บ้านเกิดของตนเองถูกทำลายล้างไป ก็เนื่องมาจากสวรรค์ทั้งปวงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และเจตจำนงที่ถูกเรียกว่าหลัวเทียน!

สาเหตุที่บ้านเกิดของมันถูกลบล้างออกไป เป็นเพราะว่าหลัวเทียนไม่ต้องการให้มีเซียนอมตะปรากฏขึ้น แต่ต้องการให้มีอสูรปรากฏออกมาแทน

บุรุษที่จะกลายมาเป็นสือเจ่อผู้นี้ ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างสูงลิ่ว เพื่อที่จะค้นหาจุดอ่อนของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน มันได้ต่อสู้ไปตลอดทางอย่างน่าประหลาดใจ จนบรรลุออกไปจากความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

นั่นคือสถานที่ซึ่งความทรงจำของมันจู่ๆ ก็หยุดชะงักนิ่งไป ไม่ว่าสิ่งที่มันเคยพบเจอมาตรงด้านนอกความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตจะมีอะไรบ้าง ก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ ความทรงจำเหล่านั้นสูญหายไป สิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือว่า หลายปีต่อมามันได้ปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้งแต่ไม่ใช่ตัวตนของมันเอง นับจากนั้นเป็นต้นมามันได้กลายเป็น…หลัวเทียนสือเจ่อ! (ทูตแห่งสวรรค์ทุกชั้นฟ้า)

เมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้านขณะที่ลดมือลงมา สีหน้าเปลี่ยนไปและถอยไปทางด้านหลัง ลมหายใจหนักหน่วงถี่เร็ว อารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนมองเห็นได้บนใบหน้า ขณะที่มองไปยังหลัวเทียนสือเจ่อ

ร่างกายของมันแทบจะกระจายหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่ได้ดูเหมือนปีศาจอีกต่อไป แต่ดูอ่อนแอและขมขื่น มันมีชีวิตอยู่เพื่อล้างแค้นแต่สุดท้ายแล้ว ไม่เพียงแต่จะทำไม่ได้เท่านั้น ยังได้กลายเป็นตัวแทนให้กับบุคคลที่มันต้องการจะล้างแค้นอีกด้วย

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ

สือเจ่อมองลงไปยังร่างกายที่กำลังจะหายไปของตนเอง และจากนั้นก็มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว

“ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้า…ก็เหมือนกับข้า” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและเก่าแก่โบราณ

“ในตอนนั้นข้าพ่ายแพ้…แต่ก็หวังว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จ!” มันถอนหายใจและมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มองเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต จากนั้นแสงอันดุร้ายก็ปรากฏขึ้นในแววตา

“เหล่าฟูจะไม่เป็นหลัวเทียนสือเจ่อไปตลอดกาล เหล่าฟูคือซงเต้าจื่อแห่งอาณาจักรเจ็ดธุลี!”

“หลัวเทียน เจ้าต้องตาย!!” ซงเต้าจื่อแหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง จนคล้ายกับเป็นเสียงร้องไห้ ร่างกายมันค่อยๆ กลายเป็นเถ้าธุลีไปอย่างช้าๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นดวงตามันก็แวบประกายขึ้นด้วยความทรงจำ ราวกับว่าในตอนนี้มันกำลังจะไปอยู่ร่วมกับกลุ่มคนในตระกูล, ครอบครัวและสหายของตนเองได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตามก่อนที่มันจะหายไปโดยสิ้นเชิง จู่ๆ ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ราวกับว่าวิญญาณของมันทันใดนั้นก็ยึดจับอะไรบางอย่างไว้ได้ มองตรงมายังเมิ่งฮ่าว ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ และยังมีท่าทางวิตกกังวลอีกด้วย ราวกับว่ามีบางสิ่งที่สำคัญซึ่งจำเป็นต้องบอกต่อเมิ่งฮ่าว แต่ไม่มีเวลาเพียงพอ ขณะที่กำลังจางหายกลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยสิ้นเชิง ก็พูดบางประโยคออกมา

“ข้าจำได้แล้ว! จุดอ่อนของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตที่เคยค้นพบในตอนนั้น…อยู่ที่นี่นี่เอง!!”

“ข้าจำได้แล้ว! ข้าไม่ได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้ด้วยเหตุบังเอิญ มีใครบางคนชี้นำข้า…”

“ไม่ถูกต้อง ทำไมข้าถึงจำไม่ได้ว่าคนผู้นั้นมีหน้าตาอย่างไร? ข้าจำได้ว่านางคือหญิงสาวผู้หนึ่ง…”

“เป็นนาง เป็นนางที่บอกข้าเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้…”

“สหายเต๋า เจตจำนงแห่งหลัวเทียนคือทุกหนทุกแห่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทำไมท่านถึงไม่ลองเลือกสถานที่แห่งนี้ดู?”

ด้วยเช่นนั้นมันก็หายสาบสูญไป

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังตำแหน่งที่มันหายตัวไปด้วยความตกตะลึง หลังจากที่ได้เห็นแววตาและได้ยินคำพูดสุดท้ายของมัน จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยความหนาวเย็นอย่างรุนแรง

เหตุผลที่ตนเองเลือกสถานที่แห่งนี้เพื่อเรียกกระจกทองแดงออกมา ไม่ใช่เนื่องมาจากว่าใครบางคนบอกเขาเกี่ยวกับมัน แต่ในช่วงการค้นหาเศษชิ้นส่วนกระจกทองแดง เขารู้สึกสะดุดตาสถานที่แห่งนี้ด้วยตนเอง สามารถจะบอกได้ว่าพลังแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตในที่แห่งนี้อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แทบจะรู้สึกได้ถึงพลังแห่งการขับไล่และแบ่งแยก

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่คนผู้นี้กล่าวออกมา จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเต้นรัว ถอยไปทางด้านหลังในทันที โคจรหมุนวนพลังการฝึกตนและใช้มือซ้ายขยับร่ายเวท จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังตำแหน่งที่ดินแดนอันกว้างใหญ่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน

หลังจากนั้นก็มีภาพจากในอดีตพุ่งขึ้นมา เป็นภาพที่ไม่มีใครยกเว้นเมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่สามารถจะมองเห็นได้

เขามองเห็นการต่อสู้ระหว่างตนเองและสือเจ่อ มองเห็นตนเองถูกห้อมล้อมด้วยสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด แต่ต่อมาภาพเหล่านั้นทั้งหมดก็จางหายไป และเมิ่งฮ่าวกำลังเตรียมการป้องกันอยู่บนดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้

เวลาไหลย้อนกลับไปมากขึ้น ยี่สิบปี หนึ่งร้อยปี หลายร้อยปี…

ดินแดนอันกว้างใหญ่กำลังลอยไปมาในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วขณะที่มองเห็นตนเองกำลังผ่านสถานที่แห่งนี้และไม่ได้สังเกตเห็นมันในตอนแรก

หลายเดือนผ่านไป จากนั้นก็มีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาได้เกิดขึ้นมา ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะค้นพบสถานที่แห่งนี้สิบปี!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!