Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 255

ตอนที่ 255

นางกำลังลอยอยู่ในสายลม

ทันทีที่คำพูดดังออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว เขาก็ตบไปที่ถุงสมบัติ กระถางปรุงยาลอยออกมา ตามติดมาด้วยแก้วผลึกไฟปฐพี และสมุนไพรที่ต้องใช้ ท่ามกลางสายตาของทุกคน เมิ่งฮ่าวเริ่มทำการปรุงเม็ดยา

เขาทำด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ สำหรับทุกคนที่มองดูอยู่ ดูเหมือนว่าเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อพยายามช่วยชีวิตเฉินเจียสี่ เห็นได้ชัดว่า เพื่อให้มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ เขายังได้เอาหยดโลหิตจากหน้าผากของเฉินเจียสี่มาใช้ด้วย

โลหิตหยดลงไปในกระถาง เป็นวิธีที่จะทำให้เม็ดยามีประสิทธิภาพในการกำจัดพิษได้มากขึ้นกว่าเดิม

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัดราวความตาย สายตาทุกคู่จ้องมาที่เมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาปรุงเม็ดยา จากตอนแรกที่เขาย่างเท้าเข้ามาในเส้นทางของเต๋าแห่งการปรุงยา นี่เป็นการปรุงยาที่รวดเร็วที่สุดของเขา ใช้เวลาไม่นาน กลิ่นหอมก็กระจายออกมาทั่วทั้งเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือ เม็ดยาสีชมพูก็ลอยขึ้นมา มันพุ่งเข้าไปในปากของเฉินเจียสี่ราวสายฟ้า ในตอนนี้ชีวิตของมันเหมือนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย

สายตานับหมื่นคู่เพ่งนิ่งอยู่ที่ร่างเฉินเจียสี่ ทันทีที่มันกลืนเม็ดยาลงไป ร่างของมันก็เริ่มสั่นสะท้าน

จากนั้น ก็สั่นมากขึ้นเรื่อยๆ เส้นผมของมันเริ่มเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว จากสีดำเป็นสีขาว ผิวกายของมันเริ่มแห้งเหี่ยว ราวกับว่าพลังชีวิตของมันถูกสูบออกไป เพียงเวลาไม่กี่อึดใจ ก็ดูเหมือนมันมีอายุเกือบจะถึงหนึ่งร้อยปี

ก่อนหน้านี้ มันอยู่ในวัยกลางคน แต่ตอนนี้ มันดูเหมือนชายชราที่ยื่นเท้าข้างหนึ่งเข้าไปในโลงศพ รอยเหี่ยวย่นเต็มอยู่บนใบหน้า ดูเก่าแก่โบราณ ก่อนหน้านี้ พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณ แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะหายไปเนื่องจากความเสื่อมถอยของร่างกายมัน

ขั้นตอนทั้งหมดนี้ จากเริ่มต้นจนถึงสิ้นสุด ใช้เวลาเพียงแค่สูดลมหายใจเข้าออกสิบครั้ง เฉินเจียสี่ดูแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มันเป็นชายชราที่อ่อนแอไม่มีพื้นฐานฝึกตนแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายแห่งความตายที่กระจายออกมาจากร่างของมันก่อนหน้านี้ ก็ถูกแทนที่ด้วยพลังแห่งชีวิต

เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ดวงตาของมันก็ลืมขึ้นมาในทันที ทันใดนั้น มันก็อาเจียนออกมาเป็นลิ่มเลือด ตามมาด้วยเม็ดยาส่วนที่ยังเหลืออยู่ มีขนาดเท่ากับเล็บนิ้ว ครึ่งหนึ่งของขนาดก่อนหน้านี้

นี่ไม่ใช่เม็ดยาที่เมิ่งฮ่าวปรุงขึ้นมา แต่เป็นยาที่ทุกคนคิดว่าเป็นเม็ดยาแรกเสริมฟ้า!

ทันทีที่มันพ่นเม็ดยาออกมา เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดแขนเสื้อ เก็บมันไว้ในขวดยา ก่อนที่เขาจะเก็บมันเข้าไปในถุงสมบัติ ดวงตาของปรมาจารย์จื่อหลัวสาดประกาย มันโบกมือขวา ทำให้ขวดยาลอยออกไปจากมือของเมิ่งฮ่าว หล่นลงไปบนมือของมัน

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจเรื่องนี้ เพ่งมองไปยังเฉินเจียสี่แทน ซึ่งกำลังตัวสั่น มีท่าทางสับสนอยู่ในดวงตา

“ในตอนที่ก่อนยาพิษจะสังหารเจ้า ข้าได้ป้องกันไม่ให้มันละลายไปจนหมด ยาพิษนี้สามารถขจัดได้ แต่ด้วยทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของข้าในตอนนี้ ทำให้ข้าไม่อาจจะหาส่วนผสมของต้นสมุนไพรที่เหมาะสมในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้น จึงได้ใช้วิธีการที่ง่ายที่สุด และตรงไปตรงมามากที่สุด ข้ากระตุ้นพลังชีวิตของเจ้า และทำลายพื้นฐานฝึกตนของเจ้าไป ด้วยเช่นนั้น ข้าจึงสามารถขจัดพิษออกไปได้ สำหรับพื้นฐานพลัง ถ้าเจ้าฟื้นฟูการฝึกตน มันก็ควรจะกลับคืนมาได้อย่างช้าๆ”

เฉินเจียสี่ไม่พูดอะไร ขณะที่หลี่อี้หมิงวิ่งเข้ามา ช่วยพยุงให้มันลุกขึ้นยืน เฉินเจียสี่จ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความงุนงง จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

“ซานจิ่วต้าชือ เคยกล่าวไว้ว่า การต่อสู้เรื่องการปรุงยา ก็เหมือนกับการต่อสู้ด้วยวิชาเวท ความตายมาพร้อมกับความคิดเพียงชั่ววูบ เรื่องราววันนี้…ทำให้ข้ารู้ซึ้งถึงความจริงในข้อนี้” ด้วยเช่นนั้น มันประสานมือคารวะ ร่างกายสั่นสะท้าน และก้มหน้าลง เพื่อปกปิดความเกลียดชังอย่างชั่วร้ายที่ไหลซึมออกมาจากจิตใจของมันไว้

หลี่อี้หมิงประสานมือด้วยเช่นกัน โค้งตัวให้ปรมาจารย์จื่อหลัวและคนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่า พวกมันไม่อาจอยู่ต่อไปได้อีก ดังนั้น มันจึงฉุดดึงเฉินเจียสี่ และบินขึ้นไปในท้องฟ้าจนหายลับตาไป

ศิษย์สำนักชิงหลัวบางส่วน พุ่งขึ้นติดตามไป ขณะที่พวกมันจากไป เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ทั้งหมดของเมิ่งฮ่าว ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่สังเกตเห็นความเกลียดชังของเฉินเจียสี่ ถึงความเกลียดชังจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แต่เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักดีว่ามันจะมีมากมายสักเพียงไร แต่การที่เฉินเจียสี่จะฟื้นฟูพื้นฐานฝึกตนของมันได้อย่างรวดเร็วก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย

ซึ่งตอนนี้เขาก็ไม่สนใจเรื่องเช่นนั้น นานมาแล้วก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นฟางมู่ เขาได้เรียนรู้ถึงวิธีการปฏิบัติต่อศัตรูด้วยความเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง

เมิ่งฮ่าวหันไปมองยังปรมาจารย์จื่อหลัว ซึ่งกำลังตรวจสอบเม็ดยาที่เฉินเจียสี่เพิ่งจะอาเจียนออกมา

“ผู้อาวุโสจื่อหลัว” เขากล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ “ข้าชนะยาเม็ดนั้นในการแข่งขันเมื่อครู่นี้ ถ้าท่านต้องการมัน บางทีท่านอาจจะนำอะไรมาแลกเปลี่ยนกับมัน?”

ปรมาจารย์จื่อหลัวหัวเราะเสียงดัง ส่ายศีรษะ โบกสะบัดแขนเสื้อ และขวดยาก็ลอยกลับไปยังเมิ่งฮ่าว มันได้ตรวจสอบเม็ดยานั้นด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เมื่อครู่นี้ ถึงมันจะไม่ค่อยรู้มากนักเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา แต่มันก็เป็นผู้ฝึกต้นขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งมีชีวิตอยู่นานหลายๆ ปีมาแล้ว ทำไมมันถึงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เป็นเม็ดยาโบราณเช่นนั้น? จริงๆ แล้ว มันเคยได้ศึกษาเม็ดยาโบราณมาแล้วก่อนหน้านี้

เมื่อครู่นี้ ไม่ว่ามันจะตรวจสอบอย่างไร ก็ไม่อาจเห็นสิ่งที่ผิดปกติของยาเม็ดนั้น อันที่จริง เมื่อมันถืออยู่ในมือ มันก็สามารถตรวจพบกลิ่นคาวเน่าเสีย หลังจากที่พูดคุยสั้นๆ กับชายชราหน้าแดงก่ำด้วยการใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ พวกมันก็ปักใจเชื่อว่านั่นเป็นเม็ดยาพิษอย่างแน่นอน

การที่มันคืนเม็ดยากลับไปให้เมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ ก่อนหน้านี้ทุกคนในสำนักชิงหลัว รวมถึงปรมาจารย์จื่อหลัว และสหายของมัน ไม่ได้สนใจมองฟางมู่มากมายเท่าใดนัก แต่ในตอนนี้จากการกระทำและคำพูดของเมิ่งฮ่าว ก็เห็นได้ชัดว่าทุกคนมองว่าฟางมู่…เหนือกว่าโจวเต๋อคุน

นี่ยิ่งเป็นความจริงโดยเฉพาะการแสดงออกในครั้งล่าสุดของเขา นับจากนี้ไป ปรมาจารย์จื่อหลัวก็จะเพ่งความสนใจไปที่ฟางมู่ผู้นี้อย่างใกล้ชิด

เมิ่งฮ่าวรับขวดยากลับมาพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็โยนเข้าไปในถุงสมบัติอย่างไม่ใส่ใจ

การสอนเรื่องการปรุงยาจบลงแล้วในตอนนี้ โจวเต๋อคุนเชิญเมิ่งฮ่าวให้ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองที่จัดโดยสำนักชิงหลัวพร้อมกับมัน แต่เขาก็ปฏิเสธิอย่างสุภาพ ใบหน้ามีแววเหน็ดเหนื่อย เขากลับไปยังยอดเขาต้อนรับเขียวขจี

ในห้องพัก เขานั่งลงขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลัง เวลาผ่านไป และในไม่ช้า แสงจันทร์ก็เต็มอยู่ในท้องฟ้า เมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็ลืมตาขึ้น โบกสะบัดมือขวา กระถางปรุงยาปรากฎขึ้น ตามมาด้วยแก้วผลึกไฟปฐพี เขาหยิบเอาเหรียญกษาปณ์เจ้าแห่งเตาออกมาด้วย เพื่อกางเกราะป้องกันไว้

หลังจากที่รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ภายในเกราะป้องกัน เขาตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบขวดยาและเม็ดยาพิษออกมา สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และหยิบ…กล่องหยก! ที่เขาเก็บไว้ในถุงสมบัติก่อนหน้านี้ออกมา

อันที่จริง ยาเม็ดนี้จริงๆ แล้วก็คือ หนึ่งในสามของเม็ดยาอันยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ, เม็ดยาแรกเสริมฟ้า!

มันมีขนาดแค่ครึ่งหนึ่งของเม็ดยาดั้งเดิม ดังนั้น แก่นแท้ของเวลา และความเข้มข้นที่อยู่ในเม็ดยาก็ไม่ได้หายไปทั้งหมด!

ในสมัยโบราณ เม็ดยาไม่ได้ถูกปรุงขึ้นมาด้วยการใช้ไฟ แต่ใช้พลังของสวรรค์และปฐพีแทน กล่องหยกนี้จริงๆ แล้วก็เป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการปรุงเม็ดยา หลังจากที่ปิดผนึกไว้ด้านใน เม็ดยาก็จะค่อยๆ เสร็จสมบูรณ์

นี่เป็นความรู้ทั่วไป เม็ดยาโบราณเกือบทั้งหมด ได้ถูกค้นพบเช่นนี้ ถึงแม้จะถูกปิดผนึกไว้ในกล่องหยก การเปลี่ยนแปลงของเวลาที่ยาวนานก็ทำให้เม็ดยาโบราณนี้ค่อยๆ แห้งลงและเริ่มมีข้อบกพร่อง ถึงแม้มันจะมีความเข้มข้นของตัวยาอยู่บ้าง

เมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่าเม็ดยาแรกเสริมฟ้านี้เกิดขึ้นมานานเท่าใด แต่ด้วยเหตุผลบางประการ มันก็ไม่ได้แห้งลง และยังคงมีความเข้มข้นของตัวยาอย่างเต็มเปี่ยม ยิ่งไปกว่านั้น เม็ดยานี้ก็ประกอบไปด้วยพลังของกาลเวลา

ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้เชียวชาญด้านวิชาการกลั่นสกัดเวลา บรรลุถึงการรู้แจ้งวิชาเวทเจตจำนงม่วง และเคยกลั่นสกัดต้นชุนชิว ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะชี้ให้เห็นถึงความพิเศษเฉพาะของยาเม็ดนี้ ทั้งสามส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นส่วนสำคัญ ถ้าขาดไปแม้แต่ส่วนเดียว เขาก็คงไม่อาจจะรับรู้ถึงเบาะแสรายละเอียดนี้ได้

เวลา ทั้งเห็นได้ชัดเจนและมีตัวตนคงอยู่ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็ไม่อาจมองเห็นและไร้ตัวตน เม็ดยาโบราณจะแห้งลง และเปิดเผยให้เห็นถึงความโบราณของมัน นี่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเวลาที่ผ่านมา แต่ยาเม็ดนี้แตกต่างออกไป มันดูดเวลาเข้าไป ทำให้เม็ดยาเต็มไปด้วยพลังแห่งภาพลวงตา ยาเม็ดนี้จริงๆ แล้วก็คือ…ของวิเศษแห่งกาลเวลา!

เนื่องด้วยเช่นนั้น เมื่อกลืนมันลงไป เม็ดยาก็จะย้อนทวนเส้นโลหิตและเส้นลมปราณ ทำให้ร่างกายเริ่มเหี่ยวแห้ง อายุมากขึ้นในทันใด นอกจากนั้น เมื่อเม็ดยาละลายไปจนหมด พลังของเม็ดยาแรกเสริมฟ้าก็จะระเบิดออกมา

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉินเจียสี่

สิ่งที่ถูกเรียกว่าเม็ดยาซึ่งเมิ่งฮ่าวปรุงขึ้นมา เป็นเล่ห์เหลี่ยมที่ใช้ปกปิดความจริง หน้าที่หลักของมันก็คือใช้กลบเกลื่อนหลักฐานของเม็ดยาแรกเสริมฟ้าในร่างกายของเฉินเจียสี่

เป้าหมายที่แท้จริงของเมิ่งฮ่าว อันดับแรกก็คือ ป้องกันไม่ให้ปรมาจารย์จื่อหลัว และคนอื่นๆ รับรู้ถึงเบาะแสใดๆ ต่อมาก็คือ ยินยอมให้เขาได้ครอบครองยาเม็ดนี้

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่เขาสกัดหยดโลหิตจากในกระถางปรุงยาออกมา และเก็บมันเข้าไปในกล่องหยก ต่อจากนั้น เขาก็หยิบเอาเม็ดยาแรกเสริมฟ้าไปวางในกระถาง และเริ่มทำความสะอาดเอาสิ่งสกปรกออกไปจากเม็ดยา จากนั้น เขาก็วางมันลงไปในกล่องหยกด้วยความระมัดระวัง และถือมันขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ

“คุณค่าที่แท้จริงของยาเม็ดนี้ สำหรับข้าแล้วไม่ใช่ความเข้มข้นในตัวยาของมัน แต่เป็นสิ่งที่มันห่อหุ้มไว้ก็คือพลังแห่งกาลเวลา เมื่อถึงเวลาที่ข้าจะสร้างของวิเศษแห่งกาลเวลา ข้าก็จะสามารถเรียนรู้จากมันได้มาก! มันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ข้าทำได้สำเร็จได้มากขึ้น” เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาจินตนาการถึงพลังที่สามารถนำมาใช้ได้ หลังจากที่สร้างของวิเศษแห่งกาลเวลาของตัวเองขึ้นมา

“แย่ยิ่งนักที่เฉินเจียสี่…ไม่เคยบอกว่ามันได้เม็ดยานี้มาจากที่ไหน แต่…ข้าคงจะรู้ได้ในไม่ช้านี้” เขาหยิบกล่องหยกขึ้นมา ด้านในเขาได้ใส่หยดโลหิตเล็กๆ เอาไว้ นี่เป็นหยดโลหิตที่…ได้มาจากเฉินเจียสี่

“เมื่อไหร่ที่ข้าสามารถสร้างร่างจำแลงโลหิต, ร่างจำแลงนั้นก็น่าจะสามารถใช้พลังของมันเพื่อดูความทรงจำของเจ้าของโลหิตนี้ได้” จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สำหรับเฉินเจียสี่ มันได้เลือกที่จะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวในแง่ของการปรุงยา พื้นฐานฝึกตนของมันยังไม่ได้ถูกทำลายไป และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ต่อสู้กันท่ามกลางสำนักชิงหลัว ชัยชนะที่ได้มาก็เปิดเผยและยุติธรรม ดังนั้น จึงไม่มีปฏิกิริยาในเชิงลบใดๆ สะท้อนกลับมา

สองสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แผนกเม็ดยาพสุธาจากไป ปล่อยให้การสอนวิธีการปรุงยาอยู่ในกำมือของเมิ่งฮ่าวและโจวเต๋อคุนอย่างเต็มที่

ปรมาจารย์จื่อหลัวได้ขอร้องเป็นการส่วนตัว ให้เมิ่งฮ่าวปรุงเม็ดยากลั่นวิญญาณสำหรับสำนักชิงหลัว ซึ่งเป็นยาที่ใช้ถนอมรักษาจิตวิญญาณ แต่เมิ่งฮ่าวก็ได้ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ เขาไม่ต้องการที่จะทำงานรับใช้สำนักชิงหลัวเช่นนั้น สำหรับโจวเต๋อคุน ดูเหมือนมันจะตื่นเต้นกับสถานการณ์ในตอนนี้ มันได้ดำเนินการสอนไปทั่วทั้งสำนักชิงหลัว และรู้สึกมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่าง

เมิ่งฮ่าวใช้เวลาส่วนใหญ่ในการท่องเที่ยวไปในสำนัก และไปเยี่ยมเยียนศิษย์แกนหลักบางคน เขาพยายามที่จะอ้อมเป็นวงเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับฉื่อชิง หลังจากผ่านไปห้าวัน เขาก็ยังคงไม่อาจเห็นเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับนาง

ในตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้น สำนักชิงหลัวเป็นสถานที่แปลกประหลาด เหตุการณ์ของโจวเจี๋ยได้ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเขา

ในตอนเย็นของวันนี้ เมิ่งฮ่าวกำลังเดินไปตามเส้นทางที่อยู่ใกล้กับชายแดนของหนึ่งร้อยภูเขา เขาเงยหน้าขึ้น และมองเห็นหญิงสาวผู้หนึ่ง กำลังยืนอยู่ที่จุดบนสุดของภูเขาลูกหนึ่งที่ห่างไกลออกไป นางสวมใส่ชุดยาวสีดำ และยืนอยู่บนเสาศิลาซึ่งยื่นขึ้นไปในภูเขา สายลมกระพือพัดเสื้อผ้า รวมถึงเส้นผมที่ยาวของนางให้พริ้วไสวไปมา ทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นใบหน้าของนาง จิตใจของเขาก็เต้นรัว

หญิงสาวนางนี้มีความงดงาม แต่เย็นชาและดูเศร้าใจ…

เขาทำการค้นหานางไปทุกที่ แต่ทันใดนั้น นางก็มาอยู่ที่นี่ เหมือนกำลังจะลอยไปในสายลม

สีหน้าของนางว่างเปล่า ยืนอยู่บนเสาศิลา มองดูเหมือนนางต้องการจะบินจากไป

นี่คือ…ฉื่อชิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!