Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 450

ตอนที่ 450

ฝนม่วงเทกระหน่ำ

พลังของการระเบิดตัวเองเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เมื่อนำมาใช้กับเมิ่งฮ่าวเนื่องจากเขามีดักแด้ไร้ตา หลังจากที่การระเบิดจางหายไป เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังวิญญาณแรกก่อตั้งที่กำลังหลบหนีไปอย่างตื่นตระหนกขวัญหนีดีฝ่อ จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวา เส้นไหมของดักแด้ไร้ตาก็ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศออกไปล้อมอยู่รอบๆ วิญญาณแรกก่อตั้งนั้น ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้น แสงเจิดจ้าก็กระจายออกมารอบๆ วิญญาณแรกก่อตั้ง ขณะที่มันพยายามจะตอบโต้กลับ แต่ทันทีที่แสงนั้นสัมผัสโดนเส้นไหมของดักแด้ไร้ตา แสงนั้นก็กระจายหายไป เส้นไหมของดักแด้ไร้ตาพันจนแน่นไปรอบๆ วิญญาณแรกก่อตั้ง รัดจนมันตกตายไป

เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนได้ยินออกมา ขณะที่ผู้อาวุโสสาขาแมงป่องคนแรกได้ระเบิดร่างกายไป และจากนั้นก็ตกตายไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่วิญญาณแรกก่อตั้งของมันถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง

การตายของมันทำให้จิตใจของพวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมดหมุนเคว้งคว้าง กลยุทธ์ที่โหดร้ายและการโจมตีอย่างเลือดเย็นของเมิ่งฮ่าว ทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะสังหารพวกมันทั้งหมด เมื่อรวมถึงความสามารถในการเคลื่อนย้ายทางไกลของเขา นั่นก็หมายความว่า เขาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้อย่างแท้จริง

ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่อยู่รอบๆ ได้รับบาดเจ็บภายในไปเรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น แมงป่องศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็ได้ถูกผนึกไว้แล้ว ถูกตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ทำให้วิญญาณแรกก่อตั้งของพวกมันไม่คงที่ สีหน้าของผู้เฒ่าสูงสุดเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่มันก็หลบหนีจากไปโดยไม่ลังเล ไม่ต้องการจะพัวพันกับ

เมิ่งฮ่าวอีกต่อไป

ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งอีกแปดคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถ้าพื้นฐานฝึกตนพวกมันยังอยู่ในช่วงที่มีพลังสูงสุด พวกมันอาจจะร่วมมือกันต่อสู้กับเมิ่งฮ่าว แต่ตอนนี้ พวกมันได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง และไม่ต้องการจะต่อสู้ต่อไป พวกมันเริ่มถอยไปด้านหลัง พยายามอยู่ให้ห่างจากเมิ่งฮ่าวมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อเห็นเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา เมื่อครู่นี้เขารู้ว่าต้องสังหารด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ หรือสังหารให้ได้มากกว่าหนึ่งคน แต่คนเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งโดดเด่นอยู่เหนือผู้คนมากมายจนนับไม่ถ้วน พวกมันต่างก็เจ้าเล่ห์และมากประสบการณ์ ยากที่จะถูกสังหารได้โดยง่ายดาย

การที่เขาจัดการพวกมันไปได้อย่างรวดเร็วหนึ่งคนเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้พวกมันไม่ต้องการจะต่อสู้ต่อไปอีก ถ้าพวกมันต่อสู้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะสังหารพวกมันได้ต่อไป

“พวกมันไม่ต้องการจะต่อสู้ต่อไป? ก็ดี” เมิ่งฮ่าวคิด “ความน่ากลัวนี้ได้เพาะปลูกอยู่ในจิตใจพวกมันแล้ว ถ้าข้าได้เผชิญหน้ากับพวกมันอีกครั้ง ก็คงจะสังหารพวกมันได้ง่ายขึ้น!” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ความเชื่อมั่นสาดประกายอยู่ในแววตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถสังหารผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้ด้วยตัวคนเดียว ในตอนนี้ เป็นการยืนยันว่าเขาได้ก้าวเท้าเข้าไปในโลกแห่งการฝึกตนอย่างแท้จริง

ก่อนที่จะได้ครอบครองภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทอง เมิ่งฮ่าวเคยสังหารผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นต้นมาหนึ่งคน แต่ก็ไม่อาจจะกระทำได้อย่างง่ายดาย จากภาพศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ ตอนนี้เขามีอยู่สามธาตุ ถึงแม้เขาจะยังคงอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ของขั้นสร้างแกนลมปราณ แต่ในแง่ของพลังการต่อสู้ เขาได้ข้ามผ่านช่องหว่างระหว่างขั้นสร้างแกนลมปราณ และวิญญาณแรกก่อตั้งไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแทบจะไม่ต้องแบ่งแยกอีกต่อไป!

เมิ่งฮ่าวหายตัวไปอีกครั้ง เมื่อเขาปรากฎกายขึ้นมาใหม่ ก็ไปยืนอยู่ข้างจ้าวชุนมู่ มันส่งเสียงแผดร้อง และใบหน้าที่ซึดขาวของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เมื่อข้าไม่อาจจะตกปลาตัวใหญ่ใดๆ ได้อีก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เหยื่ออีกต่อไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาช้าๆ จ้าวชุนมู่ไม่อาจจะต่อต้านได้ ขณะที่เขาแตะไปที่หน้าผากของมัน

การสัมผัสเพียงเบาๆ กลายเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้อง ขณะที่ศีรษะจ้าวชุนมู่ระเบิดออก ร่างมันตกลงไปบนพื้น ชักกระตุกไปมา

ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในสนามรบ การต่อสู้ได้ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดมากขึ้น ระหว่างห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ และสาขาแมงป่อง หลังจากที่สังหารผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้สำเร็จ ผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งที่เหลือไม่มีใครต้องการจะเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว ดังนั้นเขาจึงได้หันไปจัดการเซิ่งจื่อสาขาแมงป่องแทน ความต้องการต่อสู้ของสาขาแมงป่องในตอนนี้ก็สลายหายไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่พวกมันเริ่มล่าถอยไปอย่างช้าๆ ห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มได้เปรียบ เสียงของการเข่นฆ่าสังหารดังขึ้น ขณะที่คนทั้งห้าเผ่าดูเหมือนจะลืมความเหน็ดเหนื่อย ในตอนนี้พวกมันเหลืออยู่น้อยกว่าหนึ่งพันคน แต่ทุกคนก็โจมตีต่อไปอย่างดุร้ายไม่ลดละ

ฝูงสัตว์ปีศาจของเมิ่งฮ่าวเป็นตัวแปรสำคัญในการต่อสู้นี้ ถ้าปราศจากสัตว์ปีศาจที่ยังเหลืออยู่เจ็ดพันกว่าตัวนี้ ห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่อาจจะต่อสู้ได้อีกต่อไป

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในสนามรบ มองไปรอบๆ จนกระทั่งสายตาตกกระทบไปที่จ้าวโยวหลัน ทันใดนั้นใบหน้านางก็ซีดขาว สองผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งที่ยืนอยู่ข้างกายนาง รวมถึงผู้เฒ่าสูงสุดซึ่งได้เข้ามาคอยคุ้มกันนางอยู่นานแล้ว เริ่มทีท่าทางกังวลใจ

ความเก่งกล้าของเมิ่งฮ่าวทำให้พวกมันสั่นสะท้านไปจนถึงแก่นกาย

ทันใดนั้น เสียงฟ้าร้องก็ได้ยินมาจากด้านบน เป็นเสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างยิ่ง แทบจะเหมือนกับเป็นเสียงของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังโอดครวญร่ำไห้ เป็นเสียงที่น่าตกใจจนทำให้จิตวิญญาณเริ่มสั่นสะท้าน

หลังจากที่เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มขึ้น สายฝนก็เริ่มตกลงมา เป็นสายฝนที่มีสีม่วง และครั้งนี้มันไม่ได้ตกลงมาประปรายกระจัดกระจายไปเหมือนก่อนหน้านี้ ครั้งนี้สายฝนเริ่มกระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก สาดซัดไปทั่วทั้งพื้นดิน

เป็นสายฝนที่ประกอบไปด้วยเจตจำนงแห่งการทำลายล้างอันเย็นเยียบ ราวกับว่ามันปรารถนาต้องการให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดดับสูญไป หยาดน้ำฝนตกลงมาและกระจายออกไปบนพื้น ฉับพลันนั้นมันก็กลายเป็นลางบอกเหตุ

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงอันตราย เขามองขึ้นไปยังสายฝนสีม่วงที่กำลังตกลงมา และขมวดคิ้วขึ้น

“ฝนนี้…ต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติ”

แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่สายฝนเริ่มตกลงมา แสงเจิดจ้าก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก เงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนเริ่มโผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นกลุ่มคนจากเผ่าห้าพิษ

ทันทีที่พวกมันปรากฎกายขึ้น ก็ทำให้สีหน้าที่สิ้นหวังของผู้ฝึกตนสาขาแมงปองจางหายไป

ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง และพุ่งถอยไปด้านหลังพร้อมกับโบกสะบัดชายแขนเสื้อ

“กลุ่มคนทั้งห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ กลับเข้าไปในบริเวณหลังเกราะป้องกัน!”

เสียงของเขาไปดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่ในสนามรบ ทีละคน ทีละคน

พวกมันมองขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างเงียบๆ และจากนั้นก็เริ่มล่าถอยไป ทันใดนั้น ในสนามรบก็เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างกองกำลังของทั้งสองฝ่าย

ผู้ฝึกตนเผ่าห้าพิษสองหมื่นคนแหวกฝ่าอากาศจนเป็นเสียงแหลมเล็ก พุ่งตรงมายังสนามรบ ยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความต้องการสังหาร จำนวนที่มากมายของพวกมันดูเหมือนจะสามารถบดบังท้องฟ้าจนมืดมิดได้

คนกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยซือหลงอยู่หลายคน ซึ่งแต่ละคนก็มีสัตว์ปีศาจอยู่ในการดูแลนับพันตัว บางคนก็มีมากถึงหนึ่งหมื่นตัว ฝูงสัตว์ปีศาจที่บินอยู่ด้านหลังผู้ฝึกตนเหล่านี้ราวกับเป็นทะเลขนาดใหญ่

ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นมีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งมากกว่าสามสิบคน รวมทั้งหกผู้เฒ่า ที่ยิ่งน่าตกตะลึงมากไปกว่านั้นก็คือ หนึ่งในพวกมันเป็นชายชราที่สวมใส่ชุดยาวสีขาว มีผิวน้ำตาลคล้ำ และดวงตาสาดประกายแสงคุกคามออกมา อย่างน่าตกใจ ชายชราผู้นี้อยู่ในขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง!

ชายชราผู้นี้เป็นผู้นำของผู้เฒ่าทั้งหมดในเผ่าห้าพิษ มันเป็นผู้เฒ่าสูงสุดของเผ่าห้าพิษทั้งหมด มีตำแหน่งเทียบเท่ากับหัวหน้าเผ่า

“ขอคารวะ ท่านผู้เฒ่าสูงสุด!”

“ขอแสดงความนับถือ ท่านผู้เฒ่าสูงสุด!”

ไม่ว่าพวกมันจะมาจากสาขาแมงมุม หรือสาขาแมงป่อง ผู้ฝึกตนที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดในสนามรบ ต่างก็คุกเข่าลงและโขกศีรษะให้กับชายชราผู้นี้

เช่นเดียวกับจ้าวโยวหลัน

เห็นได้ชัดว่าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ต้นกำเนิดเกราะป้องกันของพวกมันก็หายไปแล้ว และตอนนี้เกราะป้องกันก็เริ่มจางลงไปเรื่อยๆ จากที่เห็น มันคงจะหายไปในอีกสองชั่วยามนี้

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอยู่ด้านนอกเกราะป้องกัน ข้างกายเขามีผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่ยังเหลืออยู่ของห้าเผ่า รวมถึงหัวหน้าเผ่าอูปิงด้วย พวกมันทั้งหมดมีสีหน้าที่ดูน่าเกลียดจนถึงที่สุด

ภายใต้คำสั่งของเมิ่งฮ่าว ฝูงสัตว์ปีศาจที่เหลืออยู่เจ็ดพันตัว กำลังไปอยู่ตามจุดต่างๆ รอบๆ เกราะป้องกันเพื่อคอยคุ้มกัน ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ ทำให้สนามรบแทบจะเป็นป่าช้า ฝนสีม่วงเริ่มตกลงมาหนักมากขึ้น

ท่ามกลางความเงียบราวความตาย ผู้เฒ่าสูงสุดเผ่าห้าพิษ ชายชราที่มีผิวสีน้ำตาล กล่าวเสียงราบเรียบ “สังหารให้หมด!”

ผู้ฝึกตนสองหมื่นคนของเผ่าห้าพิษทั้งหมด และสัตว์ปีศาจของพวกมันส่งเสียงแผดร้องคำราม ขณะที่ทำเช่นนั้น พวกมันก็พุ่งออกไปราวกับเป็นน้ำทะเล ตรงมายังเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ

ขณะที่ศัตรูเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ เขาไม่ได้เรียกตราประทับฉีหนานออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถใช้ปกป้องตัวเองได้ แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือที่จะใช้สำหรับการต่อสู้เช่นนี้

ตั้งแต่ตอนแรกจวบจนกระทั่งตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการต่อสู้นี้ นั่นเป็นเพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาได้ซุกซ่อนท่าไม้ตายไว้ยังไม่ได้ใช้ออกมา

ทันใดนั้น เสียงของเมิ่งฮ่าวก็ดังก้องออกมา

“เถาวัลย์! ป้อมปราการหนาม!” ทันทีที่คำพูดดังเต็มอยู่ในอากาศ เสียงร้องโหยหวนก็ได้ยินออกมาจากร่างของยักษ์เถื่อน ต้นเถาวัลย์สีโลหิตที่พันอยู่รอบๆ ร่างมัน ฉับพลันนั้นก็พุ่งออกมา มีหนามแหลมคมโผล่ออกมาจากลำต้นของมันในทันที ขณะที่มันมุดลงไปในพื้นดิน

ในตอนที่ต้นเถาวัลย์มุดลงไปในพื้น แผ่นดินที่อยู่ตรงหน้าของกลุ่มคนเผ่าห้าพิษก็ระเบิดออก ขณะที่เส้นหนามนับไม่ถ้วนระบิดออกมา เส้นหนามที่สั้นที่สุดมีความยาวถึงแปดจ้าง ที่ยาวมากที่สุดก็ยาวถึงหนึ่งร้อยจ้าง พวกมันพุ่งออกไปเป็นระลอกคลื่น เพื่อกลายเป็นกำแพงคอยป้องกันเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์!

ที่แปลกประหลาดมากไปกว่านั้นก็คือ แต่ละเส้นหนามเหล่านี้เริ่มมีหนามเล็กๆ โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กลุ่มคนเผ่าห้าพิษพุ่งเข้ามา เถาวัลย์ที่ก่อตัวเป็นกำแพงป้องกัน ก็ปกคลุมไปทั่วทั้งเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์!

เส้นหนามเหล่านี้เป็นของที่ระลึกศักดิ์สิทธิ์จากตระกูลหานเสวี่ย ก่อนที่จะจากเมืองเซิ่งเสวี่ยไป ปรมาจารย์แห่งตระกูลหานเสวี่ยได้มอบเมล็ดป้อมปราการหนามให้กับเมิ่งฮ่าวเป็นของกำนัล หลังจากนั้นเมิ่งฮ่าวก็นำมาให้ต้นเถาวัลย์กินเข้าไป เมื่อเวลาผ่านไปมากพอ ต้นเถาวัลย์ก็ดูดซับต้นป้อมปราการหนามและจากนั้นก็กลายพันธุ์

การปรากฎขึ้นของป้อมปราการหนาม ทำให้ใบหน้าของผู้เฒ่าสูงสุดเผ่าห้าพิษเต็มไปด้วยความตกตะลึง “นั่นก็คือป้อมปราการหนามแห่งการทำลายล้างของตระกูลหานเสวี่ย! ทุกสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าขั้นตัดวิญญาณจะถูกมันทำลายไป…พวกเรามาดูกันว่าตำนานนั้นเป็นความจริง หรือว่าหลอกลวงกันแน่!” พร้อมกับเสียงแค่นเย็นชา มันโบกสะบัดมือขวา ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนและฝูงสัตว์ปีศาจที่อยู่รอบๆ ทั้งหมด ก็ตรงเข้าไปโจมตีป้อมปราการหนาม

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ นำหยดโลหิตแห่งชีวิตของเขามาหลอมรวมเข้าไปในป้อมปราการหนาม เมื่อจิตสัมผัสหลอมรวมเข้ากับมัน เขาก็ใช้ป้อมปราการหนามเพื่อต่อสู้กับเผ่าห้าพิษ

เสียงคำรามแผดร้องดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ฝูงสัตว์ปีศาจกระแทกเข้าไปที่เกราะป้องกันป้อมปราการหนาม

 

เสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่ว ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนของสัตว์ปีศาจ ด้วยการมีป้อมปราการหนามอยู่ ไม่มีสิ่งใดที่อยู่ต่ำกว่าขั้นตัดวิญญาณ จะสามารถบุกเข้ามาได้แม้เพียงครึ่งก้าว

ที่ด้านนอก เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ตามมาด้วยแสงของอาวุธเวท และภาพศักดิ์สิทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่ภูเขาก็ดูเหมือนแทบจะพังทลายลง ป้อมปราการหนามสั่นไปมา และมีรอยร้าวเกิดขึ้น แต่มันก็ยังไม่พังลงมา!

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีหนามพุ่งออกมาจากต้นเถาวัลย์ ในช่วงเวลาสั้นๆ สัตว์ปีศาจจำนวนมากมายก็ถูกสังหารตายไป สำหรับผู้ฝึกตนสองหมื่นคน มีมากกว่าสามพันคนถูกหนามแทงเข้าไปในร่าง พวกมันได้แต่ส่งเสียงแผดร้องโหยหวนอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่พลังชีวิตของพวกมันถูกดูดออกไป และพวกมันก็กลายเป็นซากศพที่แห้งกรัง

ดูเหมือนว่าการต่อสู้นี้จะไม่มีทางหยุดลง จนกว่าอีกฝ่ายจะถูกกำจัดไป อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังเต็มอยู่ในท้องฟ้า เป็นเสียงที่ราวกับว่ามีผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังร้องไห้คร่ำครวญอย่างโศกเศร้า สายฝนสีม่วงเริ่มตกลงมาหนักมากยิ่งขึ้น สายฝนส่วนน้อยที่ถูกพื้นดินดูดซับลงไป แต่ส่วนใหญ่เริ่มเจิ่งนองอยู่บนพื้น ตอนนี้ในพื้นที่ต่ำบางแห่งเริ่มเห็นเป็นแอ่งน้ำขังอยู่

ภาพเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของเมิ่งฮ่าว รวมทั้งจ้าวโยวหลัน ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งของเผ่าห้าพิษ รวมถึงผู้เฒ่าสูงสุดก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน มันจ้องมองไปยังหยาดน้ำฝนด้วยความตกใจเป็นเวลานาน และจากนั้นจู่ๆ…สีหน้าของมันก็หมองคล้ำลง!

หมองคล้ำจนถึงที่สุด!

“นี่…นี่คือ…” ร่างของผู้เฒ่าสูงสุดเริ่มสั่นสะท้าน เมื่อพิจารณาถึงสติปัญญาและระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน

แม้จะมีบางอย่างที่อาจจะนำไปสู่การทำลายล้างชนเผ่าของมัน ก็ไม่อาจจะทำให้มันต้องมีสีหน้าที่ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้เช่นนี้มาก่อน มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถ…ต้องเป็นสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าการทำลายล้างชนเผ่า!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!