ตอนที่ 559
โชคชะตานำพาให้พบกันอีกครั้ง
ลำแสงแห่งการเคลื่อนย้ายทางไกลมากมาย พุ่งขึ้นมาจากดินแดนต่างๆ ของดาวหนานเทียน ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่น กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ท้องฟ้าสั่นสะเทือน แสงแห่งการเคลื่อนย้ายทางไกลกระจายออกไป เต็มอยู่ในท้องนภาด้วยความเจิดจ้า และทำให้กลุ่มเมฆพลุ่งพล่านปั่นป่วน
เป็นเวลานานถึงสามวันเต็ม ที่ดาวหนานเทียน…ไร้ยามราตรี!
เป็นเวลาสามวันในดินแดนด้านใต้, ดินแดนสีดำ, ดินแดนทางเหนือ และดินแดนตะวันออก แม้แต่ในทะเลเทียนเหอ ปรมาจารย์ในสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดมองขึ้นไปในท้องฟ้า
พวกมันเหล่านั้นรู้ดีว่าในตอนนี้ เส้นทางแห่งการดิ้นรนเป็นเซียน…ได้เปิดออกแล้ว
หลังจากสามวันที่สว่างจ้าผ่านพ้นไปโดยไม่มียามราตรี ผู้คนมากมายต่างก็รับรู้ได้ถึงพลังลมปราณที่อยู่ในดินแดนของดาวหนานเทียน จู่ๆ ก็มีความเข้มข้นมากขึ้น ยกเว้นทะเลทรายตะวันตก พลังลมปราณในเกือบทุกพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า!
ยังมีบางพื้นที่ซึ่งพลังลมปราณได้เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า และในบางแห่งการเพิ่มขึ้นนี้บรรลุถึงระดับที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ดินแดนแห่งดาวหนานเทียนในตอนนี้ แตกต่างเป็นอย่างมากกับก่อนหน้านี้ ความเข้มข้นของพลังลมปราณทำให้การฝึกตนทำได้ง่ายดายขึ้น จริงๆ แล้ว ทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ซึ่งมีน้ำพุลมปราณมากกว่าหนึ่งร้อยแห่ง ได้ฟื้นคืนกลับมาจากการเหือดแห้งจนอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยพลังลมปราณขึ้นอีกครั้ง
ความเข้มข้นของพลังลมปราณไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เกิดขึ้น กฎธรรมชาติแห่งสวรรค์และปฐพีดูเหมือนจะลดลง ไปจนถึงจุดที่แทบจะราวกับว่ามันถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ ถึงแม้ว่าการบรรลุถึงการรู้แจ้งจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกตน แต่โอกาสที่จะทำได้ก็ง่ายดายกว่ากฎที่เข้มงวดเช่นก่อนหน้านี้
ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ เมื่อยามราตรีมาเยือน ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวที่ด้านบนได้เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ดวงดาวอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไป ราวกับว่าสนามแห่งดวงดาวที่ด้านบนได้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ เมื่อผู้คนมองขึ้นไป ก็จะรู้สึกราวกับว่ากำลังย้อนกลับไปในสมัยโบราณ
นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และดูเหมือนจะเป็นการบ่งชี้ว่าผนึกบางอย่างได้ถูกเอาออกไป ในตอนนี้…อาจจะมีเซียนเกิดขึ้นในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนนี้!
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทั้งหมด ได้ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้น ในท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนแห่งดาวหนานเทียน พวกมันส่วนใหญ่มีทั้งความสับสน และความประหลาดใจไปพร้อมๆ กัน ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งเกือบทั้งหมดเท่านั้น ที่ความดื้อรั้นอันรุนแรงฉับพลันนั้นก็สาดประกายออกมา
นี่เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกมันด้วยเช่นกัน เมื่อเส้นทางแห่งการดิ้นรนเป็นเซียนได้เปิดออก พวกมันทั้งหมดมีอายุยาวนานกว่าหนึ่งพันปี และเคยมีประสบการณ์ในการดิ้นรนเพื่อเป็นเซียนเมื่อหนึ่งพันปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ล้มเหลว พวกมันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเฝ้ารอคอยต่อไป จนกระทั่งมาถึงในวันนี้
ในพวกมันบางคนได้มีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแค่เพื่อหนึ่งพันปีเท่านั้น แต่เพื่อหลายพันปี!
กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้ร้อนใจ การมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน ทำให้พวกมันรู้ว่า หลังจากที่เส้นทางแห่งการดิ้นรนเป็นเซียนได้ถูกเปิดออก กฎธรรมชาติแห่งสวรรค์และปฐพี ก็จะยิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใกล้จะถึงจุดจบ เซียนก็จะปรากฏขึ้น และโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะยิ่งมีมากขึ้น
ดังนั้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่พวกมันก็ไม่กระวนกระวายใจ!
ดินแดนอันยิ่งใหญ่แห่งดาวหนานเทียน ปั่นป่วนวุ่นวายกันไปทั่วทั้งหมด!
ขณะที่สิ่งทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้นที่ด้านล่าง สูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ขอบเขต เป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ แม่น้ำนี้ประกอบไปด้วยดวงดาวที่ส่องแสงเรืองรองมากมายนับไม่ถ้วนเต็มอยู่ในท้องฟ้า
ดวงดาวที่รวมตัวกันจนเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่นี้ จริงๆ แล้วก็สร้างขึ้นมาจากเศษชิ้นส่วนเล็กๆ มากมายนับไม่ถ้วน ภายในเศษชิ้นส่วนเล็กๆ เหล่านี้ มีอยู่สิบกว่าชิ้นที่เป็น…ผู้ฝึกตนที่กำลังเคลื่อนย้ายทางไกลออกมาจากดินแดนในดาวหนานเทียน
เมิ่งฮ่าวเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้ แต่ดวงตาเขากำลังหลับอยู่ และไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนไหว คนอื่นๆ ทั้งหมดในแม่น้ำแห่งดวงดาวนี้ต่างก็ตกอยู่ในสภาวะเช่นเดียวกัน
ไม่มีใครสามารถมองเห็นคนอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่า…ใครเป็นคนสร้างเศษชิ้นส่วนเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อเข้าไปในอาณาจักรเซียนอสูรโบราณ
ไม่อาจรู้ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวสงบเยือกเย็นและเงียบสนิท ไม่มีกลิ่นอายใดๆ มีเพียงกระแสของแม่น้ำแห่งดวงดาวเท่านั้น กลุ่มคนที่ออกมาจากดาวหนานเทียน ค่อยๆ เข้าไปใกล้กับสถานที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวเคยเข้าไปมาก่อน สะพานแห่งเซียนเดินหน
ซากสะพานแห่งเซียน ลอยอยู่ที่นั่นท่ามกลางดวงดาว เหมือนที่มันเป็นอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่แม่น้ำแห่งดวงดาวเข้าไปใกล้ จากนั้นก็เริ่มผ่านมันไป
แต่ขณะที่แม่น้ำแห่งดวงดาวไหลผ่านไป ทันใดนั้น…แสงมากมายหลายจุดนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นที่พื้นผิวของสะพานเซียน พวกมันกระจายออกไปทั่วทั้งอาณาเขตของสะพาน เริ่มหนาแน่นและเข้มข้นมากขึ้น ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด แต่แสงกระพริบของพวกมันก็ดูเหมือนจะเกิดมาจากรูปแบบบางอย่าง สถานที่บางแห่งซึ่งอยู่ลึกลงไปในสะพานเซียน อยู่บนเศษชิ้นส่วนของศิลาที่ไม่มีใครมองเห็นได้ เป็นแสงเจิดจ้าสองจุดที่อยู่ท่ามกลางแสงอื่นๆ ซึ่งดูคล้ายคลึงกัน
ถ้าหากสามารถทำให้แสงทั้งหมดนี้กลายเป็นภาพที่จับต้องได้ จากนั้นก็ขยายขนาดเข้าไปในสะพานเซียน สิ่งที่จะสังเกตเห็นได้ก็คือก้อนศิลาขนาดใหญ่มหาศาล ซึ่งจริงๆ แล้วก็คล้ายกับเป็นทวีปหรือดินแดนขนาดใหญ่ ถ้าขยายขนาดเข้าไปใกล้อีกครั้ง ก็จะเห็นว่าตรงจุดศูนย์กลางของดินแดนนั้นเป็นภูเขา บนยอดเขามีจุดแสงอยู่สองจุดที่ดูคล้ายกับเป็นประจุไฟฟ้า อย่างน่าตกใจยิ่ง…ที่สองจุดนั้นก็คือบุคคลสองคน!
บุรุษและสตรี!
บุรุษผู้นี้เป็นนักศึกษาและดูสุภาพเรียบร้อย สวมใส่ชุดยาวสีฟ้า สีหน้าส่วนใหญ่เรียบเฉยและว่างเปล่า ถึงแม้ว่าจะเปล่งประกายด้วยความแจ่มใสออกมาเป็นระยะก็ตามที สตรียืนอยู่พร้อมกับโอบกอดไปรอบๆ ตัวบุรุษ ความว่างเปล่าในดวงตาของนางถูกปัดเป่าออกไปเป็นระยะด้วยรอยยิ้มจางๆบุรุษผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นหานซาน!
จักรพรรดิอสูรที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ หานซาน!
ในตอนนี้ ดวงตามันทันใดนั้นก็เริ่มแจ่มใส มองขึ้นไปในท้องฟ้า และมองเห็นได้ชัดว่าภายในแม่น้ำแห่งดวงดาวที่กำลังลอยผ่านไปนั้น ท่ามกลางเศษชิ้นส่วนแห่งแสงมากมายนับไม่ถ้วนนั้น ประกอบไปด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่
“โชคชะตา นำพาพวกเราให้มาพบกันอีกครั้ง…” มันกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและแหบแห้ง ถึงแม้ว่ามันจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป แต่มันก็มีความเยือกเย็นและอ้างว้างมากขึ้นกว่าเดิม แต่เมื่อมันมองลงไปยังสตรีที่ยืนอยู่ข้างกาย ความเยือกเย็นนั้นก็กลายเป็นความอ่อนโยน และ…ปราศจากความเสียใจใดๆ
หานซานยกมือขวาขึ้น และโบกตรงไปยังท้องฟ้าที่ด้านบน ทันใดนั้น ทาสสะพานที่อยู่ในสะพานเซียนทั้งหมด ต่างก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงตะโกนที่ไร้เสียงออกมา
ไม่มีคนภายนอกใดๆ จะได้ยินเสียงแผดร้องของพวกมัน แต่เสียงนั้นก็รวมตัวเข้าด้วยกันเป็นบางสิ่งที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง พุ่งออกไปจากอาณาจักรแห่งซากสะพาน ออกไปจากสะพานเซียน และพุ่งตรงขึ้นไปยังแม่น้ำแห่งดวงดาว
แทงทะลุเข้าไปในแม่น้ำ พุ่งผ่านเศษชิ้นส่วนแห่งแสง และเศษฝุ่นมากมายนับไม่ถ้วน จนกระทั่งไปพบกับ…เมิ่งฮ่าว!
“ตื่นขึ้นมา!”
“ตื่นขึ้นมา!!”
“ตื่นขึ้นมา!!!”
เสียงตะโกนของทาสสะพานมากมายนับไม่ถ้วนดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว กายเป็นเสียงฟ้าผ่าดังกระหึ่มจนสามารถจะแยกสวรรค์หั่นปฐพีได้ เต็มอยู่ในจิตใจจนถึงจุดที่ระเบิดออกมา
เสียงที่ระเบิดออกมานั้น เกิดขึ้นมาจากทาสสะพานมากมายนับไม่ถ้วน กลายเป็นหนามอันแหลมคมมากมาย แทงเข้าไปในทุกส่วนของร่างเมิ่งฮ่าว สมองเต็มไปด้วยการถูกปลุกเร้า และทำให้แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง หลังจากสะท้านอยู่เช่นนั้นแปดครั้ง ดวงตาเมิ่งฮ่าวฉับพลันนั้นก็ลืมขึ้นมาในทันที
ตอนแรก ดวงตาเขาสว่างขึ้นด้วยความสับสน เสียงของทาสสะพานถูกตัดขาดไปอย่างไร้ร่องรอย
ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเป็นเพียงคนเดียวที่ตื่นขึ้นมา จากภายในแม่น้ำแห่งดวงดาว เขามองไปรอบๆ ด้วยความสับสน ในช่วงสามลมหายใจ ก่อนที่สายตาจะสาดประกายด้วยความแจ่มใส
ในตอนที่เขารู้สึกตัวมีสติชัดเจน เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าไม่อาจจะขยับตัวได้ ราวกับว่าเขาตื่นขึ้นพร้อมกับพลังที่ลืมตาขึ้นมาได้เท่านั้น พลังเวทของเขาถูกสะกดไว้อย่างแน่นหนา และถูกจำกัดอยู่ในเขตพื้นที่ประมาณสิบจ้าง
แม้จะเป็นอัมพาตเช่นนั้น เขาก็ยังคงมองเห็นดวงดาว เศษชิ้นส่วนแห่งแสงและเศษฝุ่นมากมายนับไม่ถ้วนเคลื่อนที่ออกไป จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นใครบางคนในที่ห่างไกลออกไป ลอยอยู่ที่นั่นพร้อมกับดวงตาที่หลับอยู่ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นจ้าวฟาง ซึ่งปรมาจารย์ตัดวิญญาณแห่งเผ่าอวิ๋นเทียนไว้วางใจให้เขาช่วยปกป้องมัน
“มีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ตื่นอยู่? แต่…ทำไมกัน…?” ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองเห็นสะพานเซียน เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ภาพของหานซานฉับพลันนั้นก็แวบผ่านในห้วงความคิด
ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปยังสะพานเซียน จุดแสงมากมายนับไม่ถ้วนก็เริ่มจางหายไป แสงที่เป็นตัวแทนของหานซานและภรรยาค่อยๆ จางหายไป
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวววาวด้วยความเข้าใจ ขณะที่เขาตระหนักว่าเหตุผลที่ตื่นขึ้นมาก็เนื่องมาจาก…หานซาน
ถึงแม้ไม่อาจจะแน่ใจได้ว่าอะไรทำให้เขามีสติขึ้นมาได้ แต่เมิ่งฮ่าวก็อดจะขบคิดอย่างช่วยไม่ได้ว่า มันจะมีประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างมากในอาณาจักรเซียนอสูรโบราณ ไม่ว่าอย่างไร…ก็ไม่มีข้อเสียใดๆ อันที่จริง ตอนที่มีสติแจ่มใสนี้ ทำให้เขามั่นใจได้ว่าต้องมีวิธีที่เขาจะได้รับประโยชน์จากโอกาสนี้ได้
“ถ้าข้ายึดจับโอกาสที่โดดเด่นบางอย่างได้ ข้าก็จะได้เปรียบคนอื่นๆ บางทีการตื่นขึ้นมาของจิตใจนี้ อาจจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเรื่องอื่นๆ” ดวงตาเมิ่งฮ่าววาววับ ขณะที่แม่น้ำแห่งดวงดาวพุ่งผ่านสะพานเซียน และจากนั้นก็พุ่งออกไปในกลุ่มดาวที่อยู่ด้านหลังสะพานเซียน
ขณะที่มันพุ่งผ่านเข้าไปในอาณาเขตของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเหล่านี้ เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน เกินกว่าที่เขาจะสามารถควบคุมตัวเองได้ และแม่น้ำแห่งดวงดาวทั้งหมดก็สั่นสะเทือน เขากระแทกเข้าไปในเศษฝุ่นมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แม้แต่น้อย
โดยไม่สนใจว่าเขาไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ เมิ่งฮ่าวจ้องนิ่งไปที่ด้านบน
เขาแทบจะไม่รู้ว่ามีอะไรกำลังเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่า ขณะที่ผ่านเข้ามาในบริเวณนี้ แม่น้ำแห่งดวงดาวก็กระแทกเข้าไปในเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ราวกับว่ากำลังโดนโจมตี
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ว่าแม่น้ำแห่งดวงดาว…จริงๆ แล้วก็กระแทกผ่านเกราะป้องกันไป ราวกับว่ามันได้เข้าไปในโลกอีกแห่งหนึ่ง
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็สังเกตเห็นว่า เศษฝุ่นทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตัว ฉับพลันนั้นก็หยุดเคลื่อนที่ แม้แต่เขาก็แน่นิ่งไม่ไหวติงในทันที ด้านนอกของแม่น้ำแห่งดวงดาว มองเห็นเป็นสีเจิดจ้าส่องประกายออกมา
สิ่งที่แปลกมากที่สุดในทั้งหมดนี้สำหรับเขาก็คือ ขณะที่เขาอยู่ในสภาวะแน่นิ่ง ก็มีหญิงสาวมาปรากฏขึ้นทางขวามืออยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก โดยไม่รู้ว่านางมาอยู่ที่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อใด
นางสวมใส่ชุดยาวสีน้ำเงิน และค่อนข้างน่ารัก ดวงตาหลับอยู่ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น จนดูเหมือนว่าแม้แต่สายลมอันอ่อนโยนก็จะทำให้นางแตกกระจายไปได้ นอกจากนี้ก็ดูเหมือนว่านางจะเต็มไปด้วยความเย็นชา
หญิงสาวนางนี้ดูไม่คุ้นตา เมิ่งฮ่าวมองไปยังนางชั่วขณะ จากนั้นก็มองออกไปยังแสงหลากสีที่ด้านนอก เวลาผ่านไป แม่น้ำแห่งดวงดาวหยุดนิ่งไม่ขยับ แต่เมิ่งฮ่าวก็สัมผัสรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหว
เขาไตร่ตรองในจุดนี้อยู่ชั่วครู่ ขณะที่มองไปรอบๆ ยังโลกแห่งความเงียบนี้ หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน ทันใดนั้นเขาก็เริ่มเข้าใจ แม่น้ำแห่งดวงดาวนี่ไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนไหว สิ่งที่กำลังเคลื่อนที่ไปก็คือ…เวลา!
เวลากำลังเคลื่อนที่ ไม่ได้ตรงไปข้างหน้า แต่ย้อนกลับ! เวลา…กำลังเคลื่อนที่ย้อนกลับ!
การค้นพบนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่เขามองไปยังแสงเจิดจ้าหลากสี ฉับพลันนั้นก็มีลางสังหรณ์อันรุนแรงว่า ถ้าเขาได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับสถานที่แปลกๆ แห่งนี้ เขาก็อาจจะเข้าใจถึงเวลาได้ลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการใช้และประทับของวิเศษแห่งกาลเวลา
เขายังรู้ด้วยว่าโอกาสเช่นนี้…ยากที่จะพบเห็นได้อย่างแท้จริง
หลังจากที่เวลาผ่านไปมากขึ้น จิตใจเมิ่งฮ่าวก็หมุนติ้วอย่างรวดเร็ว ขณะที่จมอยู่ในความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับการย้อนกลับของเวลา ด้วยการประสานข้อมูลใหม่นี้เข้ากับสิ่งที่เขาได้สังเกตซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของเวลาในอาณาจักรแห่งซากสะพาน ทำให้ความเข้าใจของเขาเริ่มลึกล้ำมากขึ้น
ทันใดนั้น แม่น้ำแห่งดวงดาวก็สั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่ากำลังกระแทกเข้าไปในสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นบางอย่าง หลังจากที่ผ่านออกไป ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองเห็นโลกอันน่าตกใจ!
ทันทีที่เขามองเห็นโลกนั้น เศษฝุ่นทั้งหมดและเศษชิ้นส่วนแห่งแสงที่อยู่ภายในแม่น้ำแห่งดวงดาวก็สั่นสะท้าน ฉับพลันนั้นการเคลื่อนที่ออกไปนี้ ก็ทำให้หญิงสาวที่หลับตาซึ่งอยู่ห่างออกไปที่ด้านขวา ก็ชนเข้ามายังเมิ่งฮ่าว
ศีรษะและใบหน้าของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นก็สัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่อ่อนนุ่ม…กลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้าในทันที