Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 576

ตอนที่ 576

ความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด

เมิ่งฮ่าวรู้สึกตกใจกับคำพูดของสวี่ชิง ดวงตาแวบขึ้นและจากนั้นก็หดเล็กลง เขาไม่ได้กล่าวตอบในทันที

เมิ่งฮ่าวเพ่งความสนใจไปที่การตรวจสอบร่างกาย รูปร่างหน้าตาเป็นตัวเขาเองจริงๆ ไร้การเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย

ในตอนนี้เองที่เขาตระหนักว่า ได้มองข้ามจุดนี้ไปโดยสิ้นเชิง!

สวี่ชิง, จี้หมิงเฟิง และผู้ฝึกตนที่เหลือทั้งหมดจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ต่างก็ดูแตกต่างไปทั้งสิ้นเมื่อมายังสถานที่แห่งนี้ มีแต่จิตวิญญาณเท่านั้นที่หลอมรวมเข้ากับร่างกายของบุคคลอื่น

แต่ก็ไม่ใช่กรณีของเมิ่งฮ่าว เขาสามารถเปิดถุงสมบัติ และนำสิ่งของออกมาจากภายในถุงได้ ถึงแม้ว่าไม่อาจจะนำสิ่งของจากที่แห่งนี้ใส่เข้าไปได้ก็ตามที แม้แต่ศักดิ์ฐานะก็เห็นได้ชัดว่าเขามีความแตกต่างจากคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง

ก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวรู้สึกลังเลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดมากนัก อย่างไรก็ตามสวี่ชิงก็พูดออกมาได้อย่างถูกต้อง กับการสังเกตพบเห็นของนาง ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าจิตใจกำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้า

เขาเริ่มสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง สวี่ชิงมองไปยังเขาและเห็นว่าเขากำลังตกอยู่ในห้วงความนึกคิด จึงไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมอีก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังขบคิดเกี่ยวกับเรื่องราวบางอย่าง ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากที่ทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้าได้

เมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรแรก หลังจากที่ก้าวเท้าขึ้นไปบนยอดเขาลูกที่สี่ เขาก็พบว่าไม่มีซากศพ มีเพียงโลงไม้ที่ว่างเปล่า

“อย่าบอกนะว่า…ข้าใช้ร่างจริงมายังที่แห่งนี้?!?!” เขาคิด

“คนอื่นๆ มาโดยการใช้ร่างอาศัย ซึ่งก็หมายความว่า วิญญาณของพวกมันได้ผ่านเข้าไปในความฝัน แต่ข้าไม่มีร่างอาศัย ซึ่งก็หมายความว่าข้ามายังที่แห่งนี้ด้วยตัวเองจริงๆ!” เมิ่งฮ่าวแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่อาจจะหาคำอธิบายที่เหมาะสมได้

“แต่นั่นก็คือหนทางเดียวที่จะอธิบายว่าทำไม ข้าถึงสามารถเปิดถุงสมบัติออกมาได้ และทำไมรูปร่างหน้าตาของข้าถึงไม่ได้เปลี่ยนไป! แต่…ถ้าหน้าตาของข้าไม่ได้เปลี่ยนไป แล้วทำไมเคออวิ๋นไห่และคนอื่นๆ ถึงไม่ได้สังเกตเห็น…?” หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน ก็มีคำตอบปรากฏขึ้นในจิตใจ

“เพราะว่าเคออวิ๋นไห่และสถานที่แห่งนี้…เป็นแค่ภาพลวงตาแห่งเวลาในสมัยโบราณ” เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบาออกมา และยกมือขึ้นลูบจมูก มีความขัดแย้งอยู่มากมาย ในข้อสงสัยที่แตกต่างกัน มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือ มีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ตอนนี้เขาเข้าใจมากกว่าก่อนหน้านี้มากนัก

“ถ้าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง เมื่อคนอื่นๆ ตื่นขึ้นมา ก็หมายความว่าพวกมันจะรู้ว่าข้าคือใคร?” ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา แต่แสงนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“จะไปสนใจทำไมกัน? จากศักดิ์ฐานะของข้า ถึงแม้พวกมันจะจดจำข้าได้ ก็มีแต่พวกมันที่ต้องแอบหลบซ่อนตัวไว้ไม่ให้ข้ารู้” เมื่อขบคิดถึงตอนนี้ เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังสวี่ชิง และกำลังจะกล่าวอะไรออกมา แต่ทันใดนั้นความคิดแบบใจกล้าบ้าบิ่นก็เกิดขึ้น

ขณะที่เริ่มเกิดความคิดนี้ขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าไม่น่าจะคิดเช่นนี้จริงๆ มันแทบจะเป็นอาการประสาทหลอน แต่ก็ไม่อาจจะหยุดคิดเกี่ยวกับมันได้ ความคิดนี้จมดิ่งลงไปในจิตใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ และดวงตาก็เริ่มจะมีแสงอันน่ากลัวออกมา

สวี่ชิงมองมายังเมิ่งฮ่าว และลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่าน…”

“ไม่มีอะไร” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา แสงนั้นหายไปจากดวงตา แทนที่ด้วยท่าทางอันลึกล้ำ

“ถ้าท่านมีบางสิ่งที่ต้องทำ ก็ไปทำเถอะ” สวี่ชิงกล่าว “ไม่จำเป็นต้องกังวลข้า” นางลุกขึ้นยืน และจากนั้นก็ชี้นิ้วตรงไปยังประตูถ้ำแห่งเซียน “ข้าจำเป็นต้องใช้ถ้ำแห่งเซียนของท่าน” นางกล่าว

เมิ่งฮ่าวพยักหน้า หยิบเอาแผ่นหยกออกมาจากชายแขนเสื้อ เป็นแผ่นหยกที่ประกอบไปด้วยเวทแห่งเต๋าสามร้อยวิชาจากเคออวิ๋นไห่ เขายื่นส่งให้กับสวี่ชิง

“ลองดูเวทแห่งเต๋าเหล่านี้ และค้นหาว่าวิชาใดที่ท่านจะสามารถได้รับความรู้แจ้งได้” เขากล่าว

สวี่ชิงหยิบเอาแผ่นหยกไป และกวาดผ่านด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นดวงตานางก็เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างงุนงง จิตใจหมุนเคว้งคว้าง ถึงนางจะรู้ดีเกี่ยวกับสำนักเซียนอสูรโบราณ แต่แผ่นหยกนี้ก็ยังทำให้นางต้องตกตะลึงโดยสิ้นเชิง

“นี่…นี่…”

“พวกมันทั้งหมดเป็นเวทแห่งเต๋าของสำนักเซียนอสูร” เมิ่งฮ่าวกล่าว หัวเราะออกมาเบาๆ

สวี่ชิงมองมาที่เขาเป็นเวลานาน จากนั้นก็พยักหน้า สีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่เริ่มค้นหาผ่านความทรงจำที่หลอมรวมเข้าด้วยกันกับร่างอาศัย ในที่สุด นางก็พบข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวตนของเมิ่งฮ่าว

หลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นใคร สวี่ชิงก็ตระหนักว่า ตราบเท่าที่เมิ่งฮ่าวสนใจ ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ในที่สุดเขาต้องการอยากได้เวทแห่งเต๋าทั้งสามพันวิชาก็ตามที…

ขณะที่สวี่ชิงผ่านเข้าไปในถ้ำแห่งเซียน เมิ่งฮ่าวก็ยืนอยู่ที่นั่นจ้องมองออกไปที่ดินแดนด้านนอก มองเห็นแสงแปลกๆ อยู่ในดวงตาขณะที่เขาลูบไปที่ถุงสมบัติ

“สำหรับคนอื่นๆ ที่นี่ก็คือโลกแห่งภาพลวงตาในสมัยโบราณ เหมือนกับความฝัน…แต่ตัวจริงของข้าก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ซึ่งก็หมายความว่า มันเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกระทบต่อประวัติศาสตร์?” เมิ่งฮ่าวรู้ว่าข้อสงสัยเช่นนี้ช่างอุกอาจ และขัดแย้งกันเองจนถึงที่สุด

แต่เขาก็ไม่อาจจะหยุดคิดเกี่ยวกับความเป็นไปนี้ได้

“ถึงแม้จะมีโอกาสถึงเก้าสิบเก้าในร้อยส่วนที่ข้าอาจจะผิด แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่เล็กน้อย…” เขาเริ่มสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง และดวงตาก็สาดประกายขึ้น

“ถึงจะมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย แต่ข้าก็อาจจะได้เปรียบเป็นอย่างมาก!” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ออกไปจากบริเวณถ้ำแห่งเซียน ไปค้นหาบางสิ่งบางอย่างอยู่รอบๆ ยอดเขาสี่

ไม่นานนักเขาก็ไปเผชิญหน้ากับศิษย์สายใน ซึ่งกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศราวกับเป็นภูติผี ขณะที่มันลาดตระเวนไปมารอบๆ ภูเขา เมื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าว มันหยุดลงในทันทีและประสานมือ

“คารวะท่านปรมาจารย์น้อย” มันกล่าว

ถึงเมิ่งฮ่าวจะถูกริบศักดิ์ฐานะของศิษย์ชั้นยอดไป แต่ในยอดเขาสี่นี้ ศิษย์ชั้นยอดเป็นฐานะที่รองลงมาจากฐานะการเป็นปรมาจารย์น้อยที่จะคงอยู่ตลอดไปของเขา

“เจ้ามีเม็ดยาบ้างหรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถาม ดวงตาสาดประกาย ดูเหมือนว่าศิษย์ผู้นั้นจะสับสนอยู่เล็กน้อย แต่ก็รีบพยักหน้าในทันที และหยิบขวดยาออกมาจากถุงสมบัติ จากนั้นก็ยื่นส่งให้กับเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวพยักหน้า และจากไป ปล่อยให้ศิษย์สายในผู้นั้นยืนอย่างสับสนงุนงงอยู่ด้านหลัง

หลังจากที่กลับเข้าไปในถ้ำแห่งเซียน เขาก็นั่งลงขัดสมาธิ และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เปิดฝาขวดยาออก ภายในมีเม็ดยาอยู่เจ็ดเม็ดซึ่งมีขนาดเท่ากับผลลำใย กระจายกลิ่นหอมของตัวยาออกมา หลังจากที่สูดดมกลิ่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าไม่ได้คุ้นเคยกับส่วนผสมเกือบทั้งหมด แต่เขาก็ยังคงได้ข้อสรุปโดยทั่วไปว่า นี่เป็นเม็ดยาที่ใช้ในการเพิ่มพื้นฐานฝึกตน

คุณสมบัติของเม็ดยานี้ช่างน่าเหลือเชื่อนัก มีความเข้มข้นของตัวยาอย่างน้อยก็แปดในสิบส่วน ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ เม็ดยาเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาทั่วไป พวกมันเป็นเม็ดยาของศิษย์สายในแห่งสำนักเซียนอสูรโบราณ สำหรับผู้ฝึกตนจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน สามารถกล่าวได้ว่านี่เป็นเม็ดยาเซียน

อันที่จริง ถ้าขวดยานี้ไปปรากฏขึ้นที่ไหนสักแห่งในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ก็คงจะทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายใหญ่โต อยู่ท่ามกลางแม้แต่สำนักใหญ่ต่างๆ ก็ตามที

เมิ่งฮ่าวลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็กัดฟันแน่นก่อนจะในที่สุดก็หยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ด และใส่เข้าไปในปาก ก่อนที่เม็ดยาจะละลายไป เสียงกระหึ่มก็ดังขึ้นมาเต็มอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว ในเวลาเดียวกันนั้น พลังอันไร้ขอบเขตอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ก็ไหลบ่าท่วมท้นอยู่ในร่าง ราวกับเป็นทะเลพิโรธที่ไร้จุดสิ้นสุด และเขาก็คล้ายกับเป็นเรือใบไม้ที่เล็กกระจ้อยร่อย อ่อนแอจนแม้แต่การตบลงไปเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะถูกทำลายไปจนหมดสิ้น

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็คายเม็ดยาออกมาจากปาก ไม่กี่ชั่วยามผ่านไป และด้านนอกก็เริ่มมีแสงเรืองรอง ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นมา

หลังจากที่ลืมตาขึ้น เขาก็ตรวจสอบพื้นฐานฝึกตน และต้องขมวดคิ้วขึ้นในทันที มันไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแค่ภาพลวงตา

“ไร้ประโยชน์…” เมิ่งฮ่าวกล่าวถอนหายใจออกมา ถึงแม้เขาจะสันนิษฐานว่ามันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ก็ยังคงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างอย่างช่วยไม่ได้ เขายืนอยู่และมองออกไปยังดวงตะวันที่กำลังโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า และทันใดนั้น จิตใจก็สั่นสะท้าน

“เม็ดยาไม่ได้ผล และข้าก็ไม่อาจจะเพิ่มพื้นฐานฝึกตนได้ นั่นก็หมายความว่าสำนักเซียนอสูรนี้ได้มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกายเป็นพิเศษ?” ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น วิชาเหล่านั้นคงไม่อาจจะเรียนรู้ และใช้เพิ่มพลังของร่างกายได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ยังมีพื้นที่พิเศษบางแห่งในสำนักที่ใช้สำหรับการฝึกฝนร่างกาย ซึ่งเมิ่งฮ่าวรู้มาจากความทรงจำของเคอจิ่วซือ

หนึ่งในสถานที่แห่งนั้นก็ไม่ใช่ที่ไหน นอกจากเป็นถ้ำโลกันต์ของยอดเขาสี่

ภายในถ้ำโลกันต์นั้นมีทรายหยินแห่งนรกชั้นที่เก้าอยู่ ซึ่งมาจากแม่น้ำแห่งอเวจี ผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตามที่เข้าไปในถ้ำโลกันต์โดยที่ไม่มีร่างที่แข็งแกร่งเพียงพอ ผิวหนังก็จะฉีกขาดออก กล้ามเนื้อและโลหิตจะร่วงตกลงไปบนพื้น และโครงกระดูกก็จะถูกบดขยี้

ในเวลาเดียวกันนั้น เนื่องจากว่าทรายหยินแห่งนรกชั้นที่เก้านี้ เต็มไปด้วยสุดยอดแห่งความตาย ซึ่งหมายความว่ามันก็เต็มไปด้วยสุดยอดแห่งชีวิตด้วยเช่นกัน มันประกอบไปด้วยพลังที่ทำให้ปราณและโลหิตของผู้คนมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ด้วยการฝึกตนอยู่ด้านในถ้ำโลกันต์ ก็เป็นไปได้ที่จะทำให้ร่างกายเริ่มมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำโลกันต์ ทันทีที่เขาไปถึง ผู้พิทักษ์ถ้ำที่เป็นศิษย์หลักของยอดเขาสี่สองคน ก็จ้องมองมาด้วยความตกตะลึงในทันที หลายปีที่พวกมันคอยปกป้องถ้ำแห่งนี้ ไม่เคยเห็นแม้แต่ครั้งเดียวที่ปรมาจารย์น้อยจะย่างเท้าเข้าไปด้านใน

พวกมันรีบคารวะเขาในทันทีด้วยการประสานมือ หลังจากที่ได้ยินคำสั่ง หน้าผากของศิษย์หลักก็เริ่มมีเหงื่อเย็นๆ ไหลลงมา พวกมันพยายามที่จะแนะนำวิชาอื่นๆ ให้กับเขาในทันที แต่เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเขา ก็ได้แต่ควบคุมตัวเอง และเริ่มเปิดถ้ำออก

“ท่านปรมาจารย์น้อย ข้างในอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ท่าน…บางทีท่านอาจจะหาสถานที่อื่นๆ เพื่อปรับร่างกายได้ ท่านไม่ควรจะเข้าไปข้างในเลย…”

เมิ่งฮ่าวพยักหน้าตอบรับ ขณะที่ศิษย์หลักเปิดประตูถ้ำ ผนังศิลาก็เรืองแสงขึ้น เมิ่งฮ่าวก้าวเนิบนาบตรงเข้าไปในแสงนั้น

ทันทีที่เขาเข้าไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำสนิท ก่อนที่เขาจะทันได้เห็นสิ่งใดๆ ได้ชัดเจน ก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายถูกแทงอย่างเจ็บปวด ราวกับว่ามีเม็ดทรายมากมายนับไม่ถ้วน กำลังปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวเขา เพียงชั่วพริบตา ร่างเมิ่งฮ่าวก็แทบจะพังทลายลง

ขณะที่พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดนั้น เขาก็เข้าไปสู่วิญญาณดวงที่เจ็ดในทันที

ตูม!

ร่างเขาเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น ขณะที่พลังแห่งการต่อสู้ของหกสิบสี่วงจรอันยิ่งใหญ่ ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเต็มอยู่ในร่าง ร่างกายเขาระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมา แต่ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกได้ ก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่เวลาผ่านไปสิบลมหายใจ โลหิตก็กระจายออกมาจากปาก และเมิ่งฮ่าวก็ลอยละลิ่วไปด้านหลัง พุ่งออกไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว ออกไปจากโลกแห่งทรายอันน่ากลัวนี้

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวโผล่ออกไป ก็นั่งลงขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยโลหิต และดูน่ากลัวจนถึงที่สุด ศิษย์หลักที่รับผิดชอบถ้ำโลกันต์ รู้สึกจิตใจหนักอึ้งเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่า เขาอาจจะตายไปโดยไม่คาดคิด

สองชั่วยามผ่านไป ร่างกายเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ก็ฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์ เขาลืมตาขึ้นมา ถึงแม้จะมีท่าทางเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ตรวจสอบร่างกายอย่างรวดเร็ว แสงอันเข้มข้นสาดประกายอยู่ในดวงตา มีท่าทางที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ร่างกายของข้า…สามารถฝึกฝนได้!” ถึงแม้เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่า จะสามารถรักษาร่างกายอันแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ หลังจากที่ออกไปจากอาณาจักรเซียนอสูรโบราณแห่งนี้ แต่เขาก็รู้ว่าความรู้สึกถึงพลังที่อยู่ในกายเนื้อของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอน

“ถ้าข้าสามารถหลอมรวมวิชาการกลั่นสกัดร่างกายบางอย่าง เช่นเวทกลืนภูเขา หรือเวทกลายร่างเก้าวิญญาณอสูร…ได้แล้วละก็ ความสามารถของข้าก็คงจะน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความมุ่งหวัง หันหลังมุ่งหน้ากลับไปยังถ้ำแห่งเซียน ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน สวี่ชิงก็ลืมตาขึ้น และมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความตื่นเต้น รอยยิ้มอันอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้านาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!