Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 623

ตอนที่ 623

ท้องฟ้าเต็มสิบ เมิ่งฮ่าวมีเจ็ดส่วน

ภูเขาอสูรโลหิตสีแดงเข้ม เดิมทีถูกผนึกไว้ราวกับตายไปแล้วอย่างเงียบๆ แต่หลังจากที่เมิ่งฮ่าวโค้งตัวลง กลิ่นอายก็เริ่มกระจายออกมาจากเงาร่างที่อยู่บนบัลลังก์…เต็มไปทั่วทั้งภูเขาอสูรโลหิต ทำให้แสงสีโลหิตพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า นอกจากนี้ เสียงกระหึ่มอย่างน่าเหลือเชื่อก็ได้ยินมา

ขณะที่จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ดวงตาก็เริ่มส่องประกายด้วยแสงแปลกๆ ก่อนหน้านี้เขาได้สงสัยว่าภูเขาอสูรโลหิตมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากเซียนโลหิต นอกจากนี้ เงาร่างที่อยู่บนบัลลังก์ก็ดูคล้ายคลึงกับเงาร่างที่เมิ่งฮ่าวเคยเห็นมาก่อน ในการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิตเมื่อหลายปีก่อนโน้น

ที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือเจินหลิงเยี่ย ขณะที่มันมองขึ้นไป ดวงตาก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสายฟ้า มีสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ การที่เมิ่งฮ่าวได้การยอมรับจากภูเขาอสูรดินยะเยือก ก็เป็นสิ่งที่น่าตื่นตระหนกจนเพียงพอแล้ว

แต่ตอนนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีสายสัมพันธ์กับภูเขาอสูรโลหิต ปฏิกิริยาของภูเขาอสูรโลหิต ทำให้จิตใจเจินหลิงเยี่ย ต้องสั่นสะท้านโดยไม่รู้สึกตัวในทันที

“แสงสามส่วนจากดินยะเยือก หนึ่งส่วนจากอสูรโลหิต รวมเข้าด้วยกันกลายเป็นสี่ส่วน! ใช่หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว มันก็คือบุคคลที่ราชันหลี่เฝ้ารอคอยมาโดยตลอด?”

“ถ้าใช่ แล้วทำไมข้าถึงไม่รู้สึกคุ้นเคยใดๆ เกี่ยวกับมัน?! มันไม่มีกลิ่นอายที่ข้าจดจำได้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการของราชันหลี่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไม ข้าถึงไม่มอบคุณสมบัติให้กับมันในตอนแรก!” ดวงตาเยี่ยสาดประกายขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่ามันได้ตรวจสอบตัวตนของเมิ่งฮ่าวมาหมดแล้ว แต่ถึงแม้มันจะมองเห็นทุกสรรพสิ่ง…แต่ก็ยังคงรู้สึกว่า เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความลึกลับ

“เจ้าเป็นคนผู้นั้น หรือไม่ใช่กันแน่?” เยี่ยคิด “แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นหรือไม่ก็ตามที การคารวะเก้าครั้งให้กับสามภูเขา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย มันยังไม่ใช่คำรับรองที่เพียงพอ เป็นแค่ก้าวแรกของจุดเริ่มต้นในคำรับรองนี้”

“คำรับรองของภูเขาอสูร ทำให้เกิดเป็นแสงขึ้นมาสามส่วน แต่เส้นทางสู่สวรรค์ที่สาม ได้ขึ้นกับคำรับรองทั้งหมดของสามภูเขาอสูร สามในเก้าส่วนของแสง ทำให้เป็นไปได้ที่เส้นทางจะปรากฏขึ้น!”

“อย่างไรก็ตาม…เส้นทางที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงสามส่วน ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป การล้มเหลวในเส้นทางนั้น ก็อาจจะถูกยกเลิกคุณสมบัติ มีแต่เส้นทางของหกส่วนเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสได้รับมรดกสามครั้ง ในทุกๆ ห้าร้อยปี!”

“สำหรับเส้นทางของแสงเก้าส่วน…นั่นก็คือตำนานของวงจรอันยิ่งใหญ่ เมื่อมันปรากฏขึ้น ถึงจะล้มเหลวก็ยังมีโอกาสอีกเก้าครั้ง ราวกับเป็นพรที่ได้รับมาจากเบื้องบน เส้นทางของเก้าส่วนยังได้ถูกเรียกว่า หนึ่งก้าวกลายเป็นเซียนอีกด้วย ถ้าคนผู้นั้นเป็นเซียนอยู่แล้ว พื้นฐานฝึกตนของมันก็จะพุ่งขึ้นไปสู่อีกอาณาจักร ถ้าคนผู้นั้นไม่ใช่เซียน ก็จะสามารถกลายเป็นเซียน!”

“ข้าอยากจะรู้ว่า คนผู้นี้จะได้ครองครองแสงทั้งหมดกี่ส่วน!” ดวงตาเยี่ยสาดประกาย ขณะที่มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว

ตรงกันข้ามกับเจินหลิงเยี่ย ความคิดของเคอจิ่วซือไม่ได้ซับซ้อนเช่นนั้น มันมองไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ชื่นชม คิดอย่างจริงใจว่า เมิ่งฮ่าวน่าจะได้ครอบครองแสงหลายส่วนเท่าที่เป็นไปได้

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่มองไปยังภูเขาอสูรโลหิตที่กำลังสั่นสะเทือน จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงเป็นครั้งที่ห้า

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็เป็นการโค้งตัวลงให้กับภูเขาอสูรโลหิตครั้งที่สองของเขา!

“ผู้เยาว์ถูกลิขิตให้มีความผูกพันธ์กับวิหารไท่เอ้อร์โบราณ สามารถสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งโลหิตม่วง ได้รับความรู้แจ้งที่ตระหนักได้ว่า เจตจำนงแห่งชีวิตอันไร้ขอบเขตมีอยู่ในโลหิต ดังนั้นผู้เยาว์จึงคารวะให้กับท่านผู้อาวุโสภูเขาอสูร” เมิ่งฮ่าวโค้งตัวลงต่ำ ขณะที่กล่าวคำพูดนี้ออกมา

ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มก็ได้ยินมาจากภูเขาอสูรโลหิต ลำแสงสีโลหิตพุ่งขึ้นไปในอากาศ เชื่อมต่อกันอย่างช้าๆ จนก่อตัวเป็นบุปผาอสูรสีโลหิต ทันทีที่บุปผาดอกนั้นปรากฏขึ้น ลำแสงอันไร้ขอบเขตก็กระจายออกไป ประจุสีแดงเข้มทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นที่บนมือขวาของเงาร่างนั้น

นี่ก็คือแสงส่วนที่ห้า สองภูเขาอสูร แสงห้าส่วน ทำให้ภาพที่ด้านบนขึ้นไปในอากาศ มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้ สามารถมองเห็นดินแดนขนาดใหญ๋ กำลังลอยอยู่ในอากาศที่อยู่ห่างไกล, ไกลออกไปมากๆ ด้านบน

แต่ละดินแดนนี้กว้างใหญ่จนไม่อาจจะเปรียบเปรยได้ ขณะที่พวกมันลอยอยู่ที่นั่นที่ด้านบนขึ้นไป คล้ายกับเป็นสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

พวกมันอยู่สูง, สูงขึ้นไปมากๆ ราวกับว่าพวกมันกำลังมองลงมายังโลกนี้ทั้งหมด พวกมัน…เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไม่ว่าจะกล่าวถึงสำนักเซียนอสูร หรือขุนเขาทะเลที่เก้า, ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจี้ และตระกูลฟางทั้งสองนี้ ก็เป็นราชวังของราชันหลี่เพียงคนเดียวเท่านั้น!

ถึงแม้ว่าในอดีต พวกมันจะมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า แต่ดินแดนที่กว้างใหญ่นี้ได้ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แสงห้าส่วนกระจายเต็มไปทั้งสวรรค์และปฐพี ทันใดนั้น แสงส่วนที่ห้าก็แวบขึ้นอีกครั้งในทันใด จากนั้นก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น ซึ่งเกินกว่าความคาดคิดของเจินหลิงเยี่ยและเคอจิ่วซือ

ขณะที่ประจุไฟฟ้าปรากฏขึ้นบนมือขวาของเงาร่างบนภูเขาอสูรโลหิต ดวงตาของเงาร่างนั้นจู่ๆ ก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ออกมา มันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ค่อยๆ ยกมือซ้ายขึ้นมาช้าๆ ยื่นออกมา ราวกับว่ามันกำลังถามหาอะไรบางอย่าง

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และเขาก็วางมือลงไปบนถุงสมบัติ ทันใดนั้น หน้ากากเซียนโลหิตก็ปรากฏขึ้นอยู่ในมือ

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวหยิบเอาหน้ากากเซียนโลหิตออกมา เงาร่างบนภูเขาอสูรโลหิตก็ค่อยๆ ดึงมือกลับไป ฉับพลันนั้นก็มีเสียงดังก้องออกมา ซึ่งดูเหมือนจะดังออกมาจากอดีตกาล ที่ผ่านมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน

“สวมใส่หน้ากากของข้า”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่วางหน้ากากเซียนโลหิตลงไปบนใบหน้า

ตูม!

สีแดงแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าวในทันที เส้นผมเขากลายเป็นสีแดง ชุดยาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เพียงชั่วพริบตา ทั่วทั้งร่างเขาก็ถูกปกคลุมด้วยประทับของแสงสีโลหิต จนแทบจะดูเหมือนกับว่า ทะเลแห่งโลหิตกำลังพลุ่งพล่านปั่นป่วนอยู่รอบๆ ตัวเขา

ทันใดนี้เอง ที่เมิ่งฮ่าวก็คือ ร่างอวตารของเซียนโลหิต

ที่ด้านหลัง ภาพค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา มองเห็นเป็นบัลลังก็ขนาดใหญ่ ที่นั่งอยู่ด้านบนเป็นหญิงสาวที่มองไม่เห็นใบหน้า เส้นผมนางพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว ดูเหมือนว่านางกำลังจ้องมองออกไปยังที่ห่างไกล

หลังจากที่ภาพปรากฏขึ้น เงาร่างบนภูเขาอสูรโลหิตก็สั่นสะท้าน เสียงแผดร้องคำรามขนาดใหญ่ ก็ได้ยินออกมาจากภายในภูเขา และในเวลาเดียวกันนั้น ไฟอสูรก็ถูกจุดสว่างขึ้น ส่องขึ้นไปในท้องฟ้าด้านบนในทันที

เดิมทีทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงของทั้งห้าส่วน แต่ตอนนี้ส่วนที่หกก็สว่างขึ้นมาอีก ภายในแสงนั้น สามารถมองเห็นเป็นบันไดภาพลวงตา นำขึ้นไปสู่ด้านบน ขึ้นไปยังสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์และ…สวรรค์ชั้นที่สาม

เจินหลิงเยี่ยอ้าปากค้าง “มัน…มัน…มันมีชะตาลิขิตที่เชื่อมต่อกับอสูรโลหิตจริงๆ!!” ใบหน้าขนาดใหญ่ของมันเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ มันแทบจะไม่เชื่อว่าเมิ่งฮ่าวจะมีโชคชะตา ที่มีความสัมพันธ์กับทั้งภูเขาอสูรดินยะเยือกและภูเขาอสูรโลหิต ช่างเป็นความโชคดีที่น่าตกใจยิ่งอย่างแท้จริง

เจินหลิงเยี่ยมองไปยังเมิ่งฮ่าว จิตใจมันหมุนคว้าง “ภูเขาอสูรเอาผนึกออก พวกมันตั้งใจพูดด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นอกจากว่าจะมีชะตาลิขิตเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าชะตาลิขิตเช่นนั้นหาได้ยากเย็นยิ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นผู้สืบทอดของอสูรโลหิต!”

“มันสร้างร่างจำแลงศักดิ์สิทธิ์อสูรโลหิต, มีของวิเศษที่ทำขึ้นมาจากผิวหนังของอสูรโลหิต และแม้แต่แก่นแท้ของวิญญาณแรกก่อตั้งอสูรโลหิตมันก็ยังสร้างขึ้นมาได้ คนผู้นี้…เป็นผู้ฝึกตน หรือว่าเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ในรุ่นนี้กันแน่!?”

“ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่การคารวะครั้งที่หกมันก็ยังไม่ได้ทำ! แต่แสงส่วนที่หกก็แทบจะปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว”

เมิ่งฮ่าวประสานมือเพื่อทำการคารวะเป็นครั้งที่หก ซึ่งเป็นครั้งที่สามต่อภูเขาอสูรโลหิต “ความเมตตาของมรดกเซียนโลหิต ความเมตตาของอ๋าวเฉี่ยนโลหิต ที่ช่วยนำทางข้าไป ผู้เยาว์ไม่เคยลืมสิ่งเหล่านี้ตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ อีกครั้งหนึ่ง ผู้อาวุโส, ข้าขอคารวะท่าน ซึ่งเป็นแก่นแท้แห่งภูเขา!”

หลังจากที่โค้งตัวลง ภูเขาก็สั่นสะเทือน เสียงดังก้องอย่างไร้จุดสิ้นสุดได้ยินขึ้น ตามมาด้วยเสียงเก่าแก่โบราณ ซึ่งค่อยๆ พูดออกมาจากภายในภูเขาอสูรโลหิตอย่างช้าๆ

“รับรอง!” เสียงนั้นพูดออกมาเพียงแค่สองคำ แต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ไฟอสูรก็พุ่งขึ้นไป นี่เป็นตัวแทนของคำรับรองของภูเขาอสูรโลหิตที่มีต่อเมิ่งฮ่าว

ในเวลาเดียวกับที่แสงนั้นพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ก็ไม่มีแสงทั้งหกส่วนอีกต่อไป แต่เป็นเจ็ดส่วน!

ท้องฟ้ามีพื้นที่สำหรับแสงสิบส่วน และตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็มีอยู่ถึงเจ็ดส่วน!

แสงเจ็ดส่วน ส่องสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต สองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้มองเห็นได้ชัดมากขึ้นกว่าเดิม ค่อยๆ มองเห็นเวทป้องกัน ซึ่งผนึกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้นานหลายปีแล้ว และมองเห็นต้นเถาวัลย์มากมายนับไม่ถ้วนกำลังห้อยลงมาด้วยเช่นเดียวกัน

มองดูราวกับว่าพวกมันถูกกักขังอยู่ในที่ห่างไกล, ไกลมากๆ แต่ในที่สุดก็กำลังจะถูกเปิดเผยออกมาในไม่ช้า!สีหน้าอันน่าเกลียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจินหลิงเยี่ย และความรู้สึกอันซับซ้อนก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ มันรู้ว่าไม่อาจจะทำอะไรเพื่อไปยกเลิกคุณสมบัติของคนผู้นี้ได้ เมื่อไหร่ที่แสงหกส่วนปรากฏขึ้น อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าจะมีโอกาสถึงสามครั้ง

ถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในตอนนี้ เยี่ยก็ไม่อาจจะทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อยนิด อย่าว่าแต่จะออกคำสั่งให้เขาคืนดินแดนแห่งกระจกมาให้

ตราบเท่าที่เมิ่งฮ่าวมีคุณสมบัติอยู่ มันก็ไม่อาจจะทำอะไรกับเขาได้ มันได้แต่มองไปอย่างหมดหนทาง ขณะที่เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าต่อไปด้วยความตั้งใจ

“สามภูเขา, เก้าคารวะ ทำการคารวะไปหกครั้งแล้ว การคารวะสามครั้งสุดท้าย สำหรับภูเขาอสูรไฟมอดไหม้ นั่นก็คือภูเขาที่สำคัญมากที่สุดของทั้งหมด ถึงแม้ว่ามันจะมีแสงถึงเจ็ดส่วน แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะได้มาทั้งหมดเก้าส่วน!” ดวงตาเยี่ยแวบขึ้น ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ๋าว

เคอจิ่วซือก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นเดียวกัน ท่าทางครุ่นคิดเต็มอยู่ในแววตา

เมิ่งฮ่าวหลับตาลง และทำจิตใจให้เยือกเย็น จากนั้นก็มองขึ้นไปยังภูเขาอสูรลูกสุดท้าย นี่เป็นภูเขาแห่งเปลวไฟ โดยมีหลุมแห่งไฟอยู่บนยอดของมัน และเงาร่างแห้งเหี่ยวมากมายนับไม่ถ้วน กำลังตะเกียกตะกายดิ้นรนที่จะเข้าไป

แทบจะดูเหมือนว่า มันเป็นสถานที่แห่งการเกิดใหม่ โดยการกระโดดลงไปในหลุมนั้น พวกมันก็สามารถปลดปล่อยตัวเองจากความผูกพันธ์ทางโลกทั้งหมดทิ้งไป ค้นหาร่างที่แท้จริงของพวกมัน จากนั้นก็จากไปและถือกำเนิดขึ้นมาเป็นคนใหม่

แต่สิ่งที่เมิ่งฮ่าวเห็นก็คือว่า ทุกคนที่กระโดดเข้าไปในหลุมไฟนั้น จะเกิดใหม่อีกครั้งในร่างที่แห้งเหี่ยวเหมือนกับก่อนหน้านี้ และจากนั้นก็ปีนขึ้นไปครั้งแล้วครั้งเล่า ดูเหมือนจะเป็นวัฏจักรที่ไม่รู้จบ

ยิ่งเมิ่งฮ่าวมองไปมากเท่าใด ก็ยิ่งตระหนักว่านี่ก็คือ การกลับชาติมาเกิดใหม่มากขึ้นเท่านั้น

จริงๆ แล้ว นามที่แท้จริงของภูเขานี้ก็คือ ภูเขาอสูรกำเนิดใหม่ สำหรับนามว่าไฟมอดไหม้ ก็เหมาะสมกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นของมัน แต่ก็ไม่ได้หมายถึงภูเขา แน่นอนว่าอสูรผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดภูเขาลูกนี้ มีวิชาที่ถูกเรียกว่าเต๋าเดิมแท้เวทอสูรไฟมอดไหม้

ดังนั้น นามว่าไฟมอดไหม้ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม

เมิ่งฮ่าวมองไปยังภูเขาอสูรกำเนิดใหม่ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเงียบๆ เขามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง เกี่ยวกับดินยะเยือก และภูเขาที่สอง, อสูรโลหิต ภูเขาเพียงแห่งเดียวที่เขาไม่มีความมั่นใจ ก็คือ ภูเขาอสูรกำเนิดใหม่นี้

ถ้ามีชะตาลิขิตใดๆ ที่เชื่อมต่อเขากับภูเขาลูกนี้ ก็น่าจะเป็นวิชาที่เขาได้รับมา แต่ก็ยังไม่อาจจะเป็นเจ้าของที่แท้จริงได้ ตอนที่อยู่ในอาณาจักรที่สอง, เต๋าเดิมแท้เวทอสูรไฟมอดไหม้

ขณะที่เขาลังเลอยู่นั้น ภูเขาอสูรกำเนิดใหม่ก็เริ่มสั่นสะเทือนด้วยตัวมันเอง กลุ่มควันสีดำพุ่งขึ้นมาจากหลุมไฟนั้น กระจายเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้า ตามมาด้วยเปลวไฟอย่างไม่รู้จบ

ต่อมา ก็มีเสียงพูดดังออกมาจากภายใน เป็นเสียงที่เก่าแก่โบราณและไร้ความรู้สึก

“ภูเขากำเนิดใหม่ไม่จำเป็นต้องคารวะ!”

“หลายปีมาแล้ว มีทาสแห้งเหี่ยวบนภูเขานี้ได้กล่าวว่า ชีวิตคือความเจ็บปวด ด้วยเช่นนั้นมันจึงปรารถนาจะเป็นอิสระ ต้องการออกไปจากทะเลแห่งความทุกข์นี้ ทะเลนั้นคล้ายกับเป็นเปลวไฟที่เผาไหม้ทุกสรรพสิ่ง ซึ่งไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้”

“ต่อมา มันก็เรียกสถานที่แห่งนี้ว่าไฟมอดไหม้ และให้คำสัตย์ปฏิญาณว่า มันจะกำจัดทะเลแห่งความทุกข์นี้ มันต้องการให้มั่นใจว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะไม่มีความทุกข์อีกต่อไป นอกจากความเป็นอิสระเท่านั้น!”

“ถ้าเจ้าเป็นมัน, เจ้าจะทำอย่างไร?!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!