Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 731

ตอนที่ 731

แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์!

ที่ด้านล่างของทะเลสาบหนึ่งหมื่นจ้าง ในอาณาจักรที่อยู่ภายในโลกนี้ ตรงจุดสูงสุดของแท่นบูชาด่านที่สอง เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ตรงไป

นกแก้วแค่นเสียงเย็นชาขณะที่มันจางหายไป ผู้นำสีขาวถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่ามันไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้

“เจ้าโชคดีที่ผ่านด่านไปได้” ผู้นำสีขาวกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “ในตอนนี้ เจ้ามีสองทางเลือก เจ้าสามารถจากไป หรือไปต่อยังด่านที่สาม!”

“จนกระทั่งถึงตอนนี้ ก็ไม่มีใครเคยผ่านด่านที่สามมาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถสืบทอดแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ได้ ตอนนี้ เจ้าต้องตัดสินใจแล้ว”

เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตนเองชั่วครู่ เขายังคงมีความเป็นนิรันดร์ ซึ่งหมายความว่าถ้าเขาไม่ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง เขาก็ยังคงเป็นหนึ่งเดียวที่พิเศษเฉพาะอยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนนี้

นั่นคือไพ่ไม้ตาย เป็นสิ่งที่เขาจะใช้ช่วยเหลือตนเองจากเงื้อมมือแห่งมัจจุราชในการต่อสู้

น่าเสียดาย ที่เขาไม่มีเวลามากพอในตอนนี้ ถ้าเขาติดอยู่ในด่านที่สาม หนึ่งร้อยปีก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขาไม่ค่อยจะยินดีมากนักที่ต้องยกเลิกการพยายามฝ่าด่านนี้ก็ตามที

ทันใดนั้นเขาก็มองขึ้นไปยังผู้นำสีขาว “ผู้อาวุโส ข้าจำได้ว่าท่านเคยบอกว่าของวิเศษอันล้ำค่าจะถูกมอบให้เป็นรางวัลหลังจากที่ฝ่าด่านที่สองได้แล้ว”

หนังตาของผู้นำสีขาวกระตุกขึ้น ราวกับว่ามันไม่ต้องการจะโต้ตอบ มันโบกสะบัดมือขวา ทันใดนั้นก็ทำให้คราดที่ใช้พรวนดินปรากฏขึ้น มันมีสีดำสนิท และดูไม่น่าประทับใจโดยสี้นเชิง กระจายกลิ่นอายค้นหาเต๋าออกมา แต่ในโลกแห่งนี้ที่ไร้กฎธรรมชาติ กลิ่นอายนั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก

แม้แต่ผู้นำสีขาวก็ตระหนักว่ามันกำลังตระหนี่นัก “ของวิเศษระดับค้นหาเต๋า” มันอธิบาย

เนื่องจากข้อตกลงในสมัยโบราณ จริงๆ แล้วมันต้องนำของวิเศษอันล้ำค่าทั้งหมดของชนเผ่ามันออกมาแสดง และปล่อยให้ใครก็ตามที่ผ่านด่านที่สองไปได้ เลือกหยิบได้ตามใจชอบมาหนึ่งชิ้น แต่ชนเผ่าของพวกมันมักจะเป็นพวกที่ตระหนี่ถี่เหนียว แม้แต่สองคนที่ผ่านด่านไปได้ จากคนกลุ่มแรกที่มายังสถานที่แห่งนี้ก่อนหน้าเมิ่งฮ่าว ก็ได้เลือกไปแค่หนึ่งจากในสามชิ้นเท่านั้น

มันเป็นช่องว่างในข้อตกลง แต่ผู้นำก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันกำลังทำลายสนธิสัญญานี้อยู่

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่มองไปยังคราดนั้น เห็นได้ชัดว่าผู้นำสีขาวไม่ได้พึงพอใจเขา และดวงตาเขาก็สาดประกาย

“เนื่องจากสนธิสัญญาในสมัยโบราณ สามารถสันนิษฐานได้ว่าผู้อาวุโสสามารถจะเสนอของวิเศษที่ดีกว่านี้ให้ได้ บางทีท่านน่าจะให้โอกาสข้าได้เลือกบ้าง”

“ไม่ได้!” ผู้นำสีขาวกล่าวตอบ พร้อมกับเสียงแค่นอย่างเย็นชา

“ผู้อาวุโส, เช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าไม่เอาของชิ้นนี้ แต่ข้ามีข้อเรียกร้องอยู่สองเรื่อง…” ผู้นำสีขาวรีบเก็บคราดนั้นไว้อย่างรวดเร็ว จริงๆ แล้ว แม้แต่การจะส่งมอบของเช่นนี้ไป ก็ยังเป็นสิ่งที่มันไม่ยินดีที่จะกระทำ

เมิ่งฮ่าวเลียริมฝีปากและกล่าวต่อ “ข้าสังเกตเห็นว่าที่ด้านนอกของด่านแรก มีภูเขาอยู่มากมาย พวกมันทั้งหมดสร้างขึ้นมาจากสิ่งของเวทและของวิเศษที่แตกต่างกัน มีอยู่หลายชิ้นที่เป็นของวิเศษขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง เช่นนี้เป็นอย่างไร ผู้อาวุโส, ข้าจะนำสิ่งของเวทตัดวิญญาณไปสักหนึ่งแสนชิ้น ท่านคิดว่าอย่างไร…?”

ผู้นำสีขาวจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เหตุผลที่มันไม่ยินดีที่จะส่งมอบของวิเศษค้นหาเต๋าออกไป ก็เป็นเพราะว่าสิ่งของเหล่านั้นประกอบด้วยกฎแห่งธรรมชาติของพวกมันเองอยู่ด้านใน และมีคุณค่าอย่างถึงที่สุด สำหรับของวิเศษตัดวิญญาณ พวกมันมีค่าด้อยกว่ามากนัก

“หนึ่งแสน? เจ้ากำลังจะปล้นข้าหรืออย่างไร? มากที่สุดก็สิบชิ้น!”

“เก้าหมื่น! ไม่อาจน้อยไปกว่านี้อีกแล้ว ผู้อาวุโส, ข้าเพิ่งจะไม่เอาของวิเศษค้นหาเต๋า ท่านก็รู้ว่า…”

“นี่…สิ่งของเวทตัดวิญญาณเหล่านี้ต่างก็มีค่าเท่ากัน! อย่างมากที่สุด ข้าให้เจ้าได้แค่ร้อยชิ้นเท่านั้น!”

“ผู้อาวุโส ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร? นอกจากนี้ ข้าเพิ่งจะฝ่าด่านที่สองมาได้ ข้ารับได้น้อยที่สุดคือสิ่งของเวทแปดหมื่นชิ้น ที่ด้านนอก ของวิเศษตัดวิญญาณถือว่าเป็นสิ่งของที่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต้องการโอกาสที่จะลองโผล่เข้าไปในด่านที่สาม เพื่อดูว่ามันมีหน้าตาอย่างไร”

“นี่…ถึงแม้เจ้าจะฝ่าด่านที่สองไปได้ แต่…”

คนทั้งสองโต้เถียงกันชั่วขณะ และสุดท้ายผู้นำสีขาวก็ยอมมอบสิ่งของเวทตัดวิญญาณห้าพันชิ้นให้กับเมิ่งฮ่าว นอกจากนั้นก็ยังยินยอมให้เขามีโอกาสก้าวเท้าเข้าไปในด่านที่สามอีกด้วย

หลังจากที่พวกเขาตกลงกันได้ ผู้นำสีขาวก็โบกสะบัดแขนอย่างเคร่งขรึม ทำให้สองกระแสน้ำวนปรากฏขึ้น หนึ่งเป็นทางออก อีกหนึ่งเป็นทางเข้าไปในด่านที่สาม

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และท่าทางตัดสินใจแน่วแน่ก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังกระแสน้ำวนด่านที่สาม ขณะที่เขากำลังจะผ่านเข้าไป แท่นบูชาก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม ลู่ปั๋วได้เข้ามาในชั้นที่สาม และกำลังเริ่มต่อสู้กับตัวมันเอง

เมิ่งฮ่าวมองกลับไป จากนั้นก็ไม่สนใจมันอีก ขณะที่หายตัวเข้าไปในด่านที่สาม

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ในดินแดนแห่งเปลวไฟ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขาเงียบสงบ เขามองเห็นท้องทุ่งสีโลหิต ซึ่งรายล้อมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ พวกมันเป็นเจดีย์ที่ดูคล้ายกับเป็นหอกที่แทงทะลุลงไปในพื้นดิน

ต้นหญ้าในโลกแห่งนี้เป็นสีขาวไปทั้งหมด

ไม่มีสายลม แต่ต้นหญ้าก็ยังส่ายไหวไปมา

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่เขาสำรวจดูบริเวณรอบๆ พึมพำกับตนเองอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป

มันปกคลุมไปทั่วในบริเวณที่กว้างใหญ่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

“เก้าแสนเก้าหมื่นเจดีย์!”

“โครงกระดูกสีขาวมากมายนับไม่ถ้วน!”

“เก้าแสนเก้าหมื่นเจดีย์เหล่านั้นดูเหมือนจะก่อตัวเป็นค่ายกลเวทขนาดใหญ่!”

“ยังมีเมืองอยู่ด้วย!”

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวตรวจจับได้ถึงเจดีย์ที่แน่นหนาถึงเก้าหมื่นเก้าพันองค์ ซึ่งปลูกสร้างอยู่รอบๆ เมืองที่ใหญ่โต

เมืองนั้นเป็นสีดำสนิท และเต็มไปด้วยต้นหญ้าสีขาว มีเปลวไฟลอยอยู่กลางอากาศ ดูเหมือนว่าจะเป็นเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ตลอดกาล ทำให้เกิดเป็นแสงที่เจิดจ้ากระจายออกไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้

แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปจนถึงขีดจำกัด ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแผดร้อง

“เต้าฟาง, เจ้าต้องตาย!!”

“เจ้าสังหารข้า เต้าฟาง, ถ้าข้าไปเกิดใหม่ ข้าจะต้องสังหารเจ้าอย่างแน่นอน!”

“โลกแห่งเซียนถูกลิขิตมาให้ต้องพบเจอกับหายนะ! ดินแดนแห่งเซียนถึงวาระที่ต้องแตกดับ และเซียนก็จะถูกกำจัดไป! แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้!!”

“ข้าค้นพบความเป็นจริงแล้ว! ไม่ว่าเจ้าจะสะกดข้าไว้นานเท่าใด ข้าก็จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้!”

“บัดซบเจ้าลิง! ถ้าข้าหลบหนีไปจากกับดักนี้ได้ ข้าจะต้องถลกหนังเจ้าออกมาอย่างแน่นอน!!”

“ถ้าข้าจะไปเกิดใหม่ ข้าจะต้องสังหารตนเองเพื่อให้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้! ถ้าข้าถือกำเนิดใหม่ไม่ได้ ก็จะต้องตกอยู่ในความไม่รับรู้ถึงเรื่องราวใดๆ เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ไร้ความหวังที่จะตื่นขึ้นมาใหม่ แม้จะผ่านวัฏจักรการเกิดใหม่ไปหลายรอบนับไม่ถ้วนก็ตามที ดังนั้นข้าจะทิ้งคำสั่งสวรรค์ไว้ในที่แห่งนี้!”

“คำสั่งข้าประกอบด้วยแก่นแท้แห่งเปลวไฟเต๋าของข้า เป็นเศษเสี้ยวของการคงอยู่แห่งเปลวไฟของข้า ข้าหวังว่าอีกหลายปีนับไม่ถ้วนหลังจากนี้ ร่องรอยของมันก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป!”

จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังหมุนคว้าง รู้สึกราวกับว่ามีดอันคมกริบกำลังแทงเข้าไปในศีรษะ เตรียมที่จะแยกร่างทำลายวิญญาณของเขาไป โลหิตไหลซึมออกมาจากดวงตา, หู, จมูกและปาก เขาโซเซถอยไปที่ด้านหลัง กระอักโลหิตออกมากองโต

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในร่าง และรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะระเบิดออก แต่โชคดีที่ความเป็นนิรันดร์ของเขา ได้ดึงทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาในทันที แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งนั้น และความคับแค้นใจนั้นก็ยังคงโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งเหมือนเช่นเคย อันตรายอันร้ายแรงที่เขารู้สึกได้มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

เขามองไปรอบๆ ยังโลกแห่งนี้ด้วยความตกตะลึง ถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็วในทันที สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายเต็มไปทั่วในโลกแห่งนี้ เข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง และทันใดนั้นเขาก็พุ่งทะยานออกไปจากด่านที่สาม

เมื่อเมิ่งฮ่าวโผล่ออกมา เขาก็กลับไปอยู่ในด่านที่สอง กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ใบหน้าซีดขาวและลมหายใจถี่เร็ว จากสิ่งที่ได้ยินมา เขาบอกได้ว่าสิ่งที่เขาได้เผชิญหน้าไปนั้นเป็นแค่เศษเสี้ยวของเจตจำนง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของเจตจำนงเท่านั้น แต่ก็ยังคงสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บในทันที นี่เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวจนทำให้เขาต้องประหลาดใจ

“ล้มเหลว” ผู้นำสีขาวกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “ไม่มีใครเคยฝ่าด่านที่สามได้สำเร็จมาก่อน”

“นั่นเป็นสถานที่อะไร…?” เมิ่งฮ่าวถาม มองไปยังผู้นำ

“มีแต่คนที่สามารถผ่านด่านที่สามเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติที่จะรู้คำตอบของคำถามนี้ ตอนนี้เจ้าจากไปได้แล้ว”

“จำไว้ ถ้าเจ้าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้กับใครก็ตาม เจ้าก็จะพบกับมหันตภัยอันร้ายแรง” ผู้นำสีขาวมองเขาด้วยแววตาอันมีความหมายลึกซึ้ง

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ มองกลับไปยังแท่นบูชาที่ด้านล่างและลู่ปั๋วที่อยู่บนชั้นสาม โดยไม่พูดอะไรอีก เขาประสานมือและโค้งตัวลงให้กับผู้นำสีขาว จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปในกระแสน้ำวนที่เป็นทางออก

เพียงชั่วพริบตา เขาก็หายตัวไป

ผู้นำสีขาวลอยตัวอยู่กลางอากาศ มองไปยังจุดที่เมิ่งฮ่าวจากไปในกระแสน้ำวน แววตาอันเก่าแก่โบราณลึกล้ำปรากฏขึ้นในดวงตา

ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักจากอาณาเขตของทะเลสาบเต๋าโบราณ เป็นหุบเขาที่อยู่ภายในเทือกเขา แสงเจิดจ้าซึ่งเป็นเวทเคลื่อนย้ายทางไกล พุ่งขึ้นมาจากภายในหุบเขา ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ปรากฏกายขึ้นภายในแสงนั้น

ทันทีที่เขาปรากฏขึ้น เวทเคลื่อนย้ายทางไกลก็หายไป

“ข้าคว้าจับวิญญาณเซียนแท้ได้ และผู้คนมากมายก็มองเห็น” เขาคิด “ข่าวลือต้องกระจายออกไป…ข้าต้องกลับไปยังสำนักเซี่ยเยาให้รวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!” ดวงตาเขาสาดประกายขณะที่บินขึ้นไปในอากาศ ตบไปที่ถุงสมบัติเพื่อหยิบเอารถศึกออกมา

เมื่อรถศึกปรากฏขึ้น เสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา ขณะที่มันพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

ในเวลาเดียวกันนั้น แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้น ชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในเขตหวงห้ามของภูเขากระบี่เดียวดายในสำนักอีเจี้ยน ที่ตรงหน้ามันมีไข่มุกเก้าลูกกำลังหมุนวนอยู่ในอากาศ เห็นได้ชัดว่ากำลังโคจรไปมาด้วยกฎธรรมชาติบางอย่าง ทันใดนั้น หนึ่งในไข่มุกทั้งเก้าก็เริ่มส่องแสงเจิดจ้าขึ้น

ดวงตาชายชราลืมขึ้นมาและมองไปยังไข่มุก มีภาพมากมายอยู่ภายในไข่มุกนั้น แต่หนึ่งในภาพเหล่านั้นเป็นเมิ่งฮ่าวที่กำลังเคลื่อนย้ายทางไกลเข้าไปในอาณาเขตใกล้กับทะเลสาบเต๋า

“ในที่สุดมันก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง!” ชายชราหายตัวไป

ที่ด้านข้างสระน้ำในสำนักจินหาน มีปรมาจารย์ขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าของสำนักจินหานนั่งอยู่ ขณะที่มันมองลงไปในน้ำ ระลอกคลื่นทันใดนั้นก็กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของสระ ระลอกคลื่นนั้นดูเหมือนจะเปิดเผยให้เห็นถึงความลี้ลับแห่งสวรรค์และปฐพี ความลี้ลับนั้นเป็นสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่อาจจะสามารถเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม ภาพของเมิ่งฮ่าวก็รวมตัวกันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นสะท้อนอยู่ภายในดวงตาของปรมาจารย์

ในตระกูลหลี่ ภายในเขตหวงห้าม เสียงอันเย็นชาทันใดนั้นก็ดังก้องขึ้น “วิญญาณเซียนแท้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณอันกระจ้อยร่อยจะสามารถครอบครองได้!”

เสียงนั้นทำให้สวรรค์และปฐพีบิดเบี้ยวไปมา และพลังอันน่าตกใจก็พุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง

ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ถูกตรวจจับโดยชายชราที่ผอมแห้งมีร่างอยู่ครึ่งท่อนในตระกูลซ่ง ฉับพลันนั้นมันก็ลืมตาขึ้นมาจากการเข้าฌาณ

“วิญญาณเซียนแท้…แต่บุคคลที่คว้าจับไว้ได้ก็เป็นเมิ่งฮ่าว…” มันลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็หลับตาลงเพื่อเข้าฌาณต่อไป

ในสำนักจื่อยิ่น ทุกสรรพสิ่งเงียบสงบ ไม่มีกลิ่นอายกระจายออกมา ไม่มีทั้งระลอกคลื่นปรากฏขึ้น แต่แสงอันเจิดจ้าได้ปรากฏขึ้นในรูปปั้นอันใหญ่โตของจื่อตงเจินเหริน ขณะที่รูปปั้นนั้นกำลังจ้องมองออกไปในที่ห่างไกล

ความสงบสุขแต่เดิมทีของดินแดนด้านใต้ ทันใดนั้นก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย โดยการปรากฏตัวขึ้นของเมิ่งฮ่าว สำหรับผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าขั้นสูงสุดแล้ว วิญญาณเซียนแท้เป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างน่าเหลือเชื่อ เป็นความล้ำค่าที่พวกมันสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพื่อที่จะได้มันมาครอบครอง

ในสำนักชิงหลัว ปรมาจารย์หกเต๋าส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา พื้นฐานฝึกตนของมันได้ลดลงไปอยู่ที่ชายขอบของขั้นกลางค้นหาเต๋าเรียบร้อยแล้ว ในที่สุด มันก็ลดลงไปอีก และไปอยู่ที่ขั้นต้นค้นหาเต๋า

“ข้าไม่ยอมรับเรื่องนี้! สำนักเซี่ยเยา พวกเจ้าต้องถูกกำจัดไป! เมิ่งฮ่าว…เจ้าต้องตาย!”

ในตอนนี้กลุ่มเมฆสีดำได้ปรากฏขึ้นเหนือดินแดนด้านใต้ในเขตพื้นที่หลายแห่ง สายฟ้าเต้นไปมา และเสียงฟ้าร้องก็ดังก้องขึ้น ดวงตะวันถูกปกคลุมไว้ ทำให้พื้นดินตกอยู่ในความมืด หยดน้ำฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วเริ่มตกกระหน่ำลงมา…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!