ตอนที่ 748
ร่างจริงของอสูรโลหิต!
เสียงเก่าแก่โบราณดังก้องออกมาจากภูเขาอสูรโลหิต
“สงครามครั้งนี้ควรจะจบลงได้แล้ว”
ศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่อยู่ห่างออกไป คนทั้งหมดในสนามรบต่างก็หยุดชะงักนิ่งในทันที
แม้แต่หุ่นเชิดเซียนเทียมที่ถูกควบคุมโดยปรมาจารย์ชุดเขียว ซึ่งกำลังพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ก็หยุดชะงักนิ่งอยู่ในกลางอากาศ
ชายชราผมแดงแห่งสำนักจินหาน, ปรมาจารย์รุ่นสามตระกูลหลี่ แม้แต่ร่างจำแลงของเซียนรุ่งอรุณ ต่างก็หยุดชะงักนิ่ง พวกมันไม่อาจจะขยับตัวเคลื่อนไหวได้ แต่ก็สามารถจะขบคิด และจิตใจพวกมัน…ต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ!
“การที่พวกเจ้าสามารถกดดันข้าได้ถึงเพียงนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าข้าประเมินผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้เช่นพวกเจ้าต่ำเกินไปอย่างแท้จริง” เสียงเก่าแก่โบราณนั้นกล่าว เป็นเสียงที่เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ก็เต็มไปด้วยพลังอำนาจและความหยิ่งยโส
“เซียนรุ่งอรุณ ก่อนหน้านี้เจ้าถามข้าว่าทำไมถึงได้มีความมั่นใจนัก ตอนนี้ข้ากำลังจะแสดงให้เจ้าเห็นว่า…ทำไมข้าถึงได้เชื่อมั่นนัก”
“พวกเจ้าทั้งหมดต่างก็เชื่อว่าสิ่งที่นั่งอยู่ในถ้ำแห่งเซียนของภูเขาอสูรโลหิตจริงๆ แล้วก็คือร่างจริงของข้า?” ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกมา ปรมาจารย์อสูรโลหิตก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากการนั่งขัดสมาธิในสระโลหิตอย่างช้าๆ มันก้าวเท้าตรงไปและจากนั้น…ก็เดินออกมาจากถ้ำแห่งเซียนของภูเขาอสูรโลหิต
ขณะที่มันก้าวเท้าลงไปบนยอดเขา ทะเลแห่งโลหิตก็พลุ่งพล่านอยู่ที่ด้านหลัง เป็นทะเลขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยโลหิตอย่างแท้จริง พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า เพียงชั่วพริบตาก็ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ดังนั้นที่ด้านบนทั้งหมด…ต่างก็กลายเป็นสีโลหิต
ไม่อาจจะมองเห็นท้องฟ้าก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไป ทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นดูเหมือนจะกลายเป็นโลหิตไป ภายในโลกแห่งโลหิตนี้ ที่ด้านบนยอดเขาอสูรโลหิต ยืนไว้ด้วยปรมาจารย์อสูรโลหิตที่สวมใส่ชุดเกราะ กำลังมองออกไปยังโลกด้านนอกด้วยดวงตาที่เก่าแก่โบราณ
ปรมาจารย์ผมแดงแห่งสำนักจินหานสั่นสะท้าน และความหวาดกลัวอย่างรุนแรงก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจมัน
ปรมาจารย์รุ่นสามตระกูลหลี่ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน และรับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเต็มอยู่ในจิตใจ
ร่างจำแลงของเซียนรุ่งอรุณก็มีสีหน้าประหลาดใจ ขณะที่ทันใดนั้นนางก็ตระหนักว่าความเข้าใจในตัวปรมาจารย์อสูรโลหิตของนาง…ยังห่างไกลจากความเป็นจริงมากนัก
หุ่นเชิดเซียนเทียมที่ถูกควบคุมโดยปรมาจารย์ชุดเขียวก็กำลังสั่นสะท้านด้วยเช่นเดียวกัน แรงกดดันขนาดใหญ่กดทับลงมาบนร่างมัน ซึ่งมันก็รู้ว่าด้วยแรงกดดันเช่นนั้นเพียงแค่ความคิดก็สามารถสังหารมันไปได้!
“เป็นไปไม่ได้! ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งมากเช่นนี้!?!?”
ในสนามรบที่ด้านล่าง ผู้ฝึกตนแสนกว่าคนของกองกำลังพันธมิตรต่างก็มีสีหน้าเหลอหลาด้วยเช่นเดียวกัน
“มีเรื่องราวมากมายได้พูดถึงตัวข้าในดินแดนด้านใต้แห่งนี้” ปรมาจารย์อสูรโลหิตกล่าวเสียงราบเรียบ “จากเรื่องราวบางอย่างเหล่านั้น ได้กล่าวว่าข้าคือร่างอวตารของหยดโลหิตอสูร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไม…ข้าถึงถูกเรียกว่าปรมาจารย์อสูรโลหิต”
“นั่นเป็นเรื่องจริง” มันยืนอยู่ที่บนยอดเขาอสูรโลหิต ไม่มีระลอกคลื่นกระจายออกมาจากพื้นฐานฝึกตนของมันเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าเจตนาและวัตถุประสงค์ทั้งหมดของมันก็คือ การกลายเป็นคนธรรมดา
“แต่มันก็ไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน!” เมื่อมันกล่าวเช่นนี้ พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน รอยแตกร้าวกระจายออกไป ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังตื่นขึ้นมาจากพื้นดินที่ด้านล่าง และกำลังจะโผล่ออกมา
“ข้าบอกว่ามันเป็นความจริงก็เพราะว่าจริงๆ แล้ว ข้าก็คือร่างอวตารของหยดโลหิต ข้าบอกว่ามันไม่จริงก็เพราะว่า ร่างกายที่ก่อตัวขึ้นมาจากหยดโลหิตนี้…ไม่ใช่ร่างจริงของข้า!”
เสียงกระหึ่มได้ยินมา ขณะที่รอยแยกบนพื้นดินเริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้น แต่ผู้ฝึกตนก็ยังคงตรึงแน่นอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ถึงแม้ว่าพื้นดินที่ด้านล่างจะแยกออกไปก็ตามที พวกมันก็ยังคงลอยตัวอยู่ที่นั่นเหมือนเดิม
สำหรับศิษย์สำนักเซี่ยเยา พวกมันล่าถอยกลับเข้าไปในเขตของห้ายอดเขาเรียบร้อยแล้ว เมิ่งฮ่าวอยู่ในท่ามกลางพวกมัน จิตใจเขาหมุนคว้างขณะที่กอดสวี่ชิงไว้แน่นอยู่ข้างกาย
ดวงตาสวี่ชิงลืมขึ้นมา และนางกำลังมองออกไปด้วยความตกตะลึงเช่นเดียวกัน
“ความเชื่อมั่นของข้าได้ฝากไว้ที่ร่างจริงของข้า ข้ามีพลังชีวิตหลงเหลืออยู่ไม่มากนัก ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการจะขยับตัวเคลื่อนไหว…อย่างไรก็ตาม การต่อสู้นี้จะทำให้พวกเจ้ามีสิทธิ์ได้เห็นข้าแล้ว” ขณะที่คำพูดเริ่มหลุดออกมาจากปากมัน เสียงกระหึ่มอย่างรุนแรงก็ได้ยินออกมาจากพื้นดิน
ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และน่าตกใจยิ่งขณะที่มือขนาดใหญ่เริ่มโผล่ออกมาจากพื้นดิน ตามมาด้วยแขนที่มีความยาวนับพันจ้าง ดูคล้ายกับเป็นภูเขาขณะที่มันยกขึ้นมา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะท้าน
พื้นดินพังทลายลงไป ขณะที่ศีรษะปรากฏขึ้น มีผิวหนังเป็นสีโลหิต และมีเขายื่นออกมาจากหน้าผาก สวมใส่ชุดเกราะโบราณที่ผุพัง เพียงไม่นาน…มันก็ลุกขึ้นมาจากพื้นดินอย่างเต็มตัว!
มันมีความสูงเกือบหนึ่งหมื่นจ้าง เป็นสีแดงเข้มไปทั้งร่าง และปกคลุมไปด้วยสัญลักษณ์เวทอันซับซ้อนนับไม่ถ้วน
มีรูปร่างหน้าตาแทบจะเหมือนกับอสูรอวตาร ของค่ายกลเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต ซึ่งเมิ่งฮ่าวได้ควบคุมก่อนหน้านี้ เพียงแต่เก่าแก่โบราณและเป็นของจริงมากกว่า!
จิตใจของชายชราผมแดงแห่งสำนักจินหานส่งเสียงดังหึ่งๆ สีหน้าสลดลง และมันเริ่มหอบหายใจออกมา ปรมาจารย์ตระกูลหลี่ที่อยู่ด้านข้างมันอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ร่างจำแลงเซียนรุ่งอรุณก็สะท้านใจด้วยเช่นเดียวกัน ดอกปี่อ้านที่อยู่ด้านหลังนางกำลังดิ้นรนไปมา สำหรับหุ่นเชิดเซียนเทียมที่ถูกควบคุมโดยปรมาจารย์ชุดเขียว ก็สั่นสะท้านด้วยเช่นกัน
ทันทีที่เงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ปรมาจารย์อสูรโลหิตซึ่งยืนอยู่บนภูเขาอสูรโลหิต ก็ก้าวเท้าออกไปในอากาศ จากนั้นก็บินไปนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านบนศีรษะขนาดใหญ่ จากนั้นก็ค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปในร่างของอสูรขนาดใหญ่นั้น
ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นดวงตาของอสูรก็ลืมขึ้นมา
“นี่คือร่างจริงของเหล่าฟู!”
“ข้าได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และเลือกสถานที่แห่งนี้เพื่อฟื้นฟูตนเอง ข้าใช้หยดโลหิตเพื่อให้กำเนิดร่างจำแลง และก่อตั้งสำนักอสูรโลหิตขึ้นมา” เสียงของมันดังก้องไปทั่วราวกับเป็นเสียงฟ้าร้อง สูงขึ้นไปด้านบน ท้องฟ้าสีโลหิตสาดประกายเจิดจ้า ผู้ฝึกตนทั้งแสนกว่าคนต่างก็สั่นสะท้านด้วยความตกตะลึง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดก็ตามที
เมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้านไปด้วยเช่นกัน
“น่าเสียดายที่ข้าสามารถใช้พลังขั้นสูงสุดได้แค่เศษเสี้ยวเท่านั้น จึงเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะทำร้ายเซียนแท้ได้ แต่สามารถสังหารเซียนเทียม…ได้อย่างเหลือเฟือ” ด้วยเช่นนั้น มือขนาดใหญ่ของมันก็ยื่นออกมา และคว้าจับไปที่ร่างจำแลงของเซียนรุ่งอรุณ
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และร่างจำแลงเซียนรุ่งอรุณก็กรีดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ดอกปี่อ้านที่ด้านหลังนางส่ายไปมา ขณะที่นางดิ้นรนจะต่อสู้กลับไป แต่ก็สามารถต่อต้านได้แค่ชั่วขณะเท่านั้น ก่อนที่ร่างกายจะถูกบดขยี้ไป ตามมาด้วยดอกปี่อ้าน ที่เริ่มจางหายไป
ก่อนที่จะหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เสียงอันโหดเหี้ยมเย็นชาของเซียนรุ่งอรุณก็ดังก้องออกมา “เซี่ยเยา ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถปิดบังร่างอสูรนั่นได้อีกต่อไป! เมื่อเจ้าตายไป ร่างอสูรของเจ้าก็จะกลายเป็นของข้าในที่สุด!”
“จริงๆ แล้วที่เจ้ามายังที่แห่งนี้…ก็เพื่อร่างอสูรของข้านี่เอง” จากนั้นสายตาของอสูรโลหิตก็ไปหยุดนิ่งที่ร่างของชายชราผมแดงแห่งสำนักจินหาน จากนั้นก็ยื่นนิ้วออกไป
ชายชราสั่นสะท้าน แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อต่อสู้กลับไปได้ นิ้วของอสูรโลหิตแตะสัมผัสไปโดนตัวมัน ราวกับเป็นภูเขาขนาดใหญ่กระแทกลงมาบนร่างมัน ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดไปในทันที เหลือทิ้งไว้แต่แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันเท่านั้น ซึ่งมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้
แต่เมื่อมันคิดว่ากำลังจะหายไปตลอดกาล อสูรโลหิตก็ส่งเสียงราบเรียบขึ้น “ข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิต”
ด้วยเช่นนั้น แสงสีโลหิตก็ตกลงมาจากท้องฟ้าสีโลหิตที่ด้านบน ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างปรมาจารย์ผมแดง เปลี่ยนมันให้กลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับร่างจำแลงโลหิตในทันที
พร้อมกับร่างใหม่ที่มีสีหน้าว่างเปล่า ราวกับว่าความทรงจำก่อนหน้านี้ของมันได้ถูกลบล้างออกไป
“นับจากนี้ไป เจ้าจะเป็นผู้พิทักษ์กฎแห่งสำนักเซี่ยเยา” ปรมาจารย์อสูรโลหิตกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ จากนั้นสายตาของมันก็เลื่อนไปยังปรมาจารย์รุ่นสามตระกูลหลี่ และนิ้วก็เคลื่อนที่ออกไปอีกครั้ง
ปรมาจารย์รุ่นสามตระกูลหลี่สั่นสะท้าน และร่างกายมันก็ระเบิดออก ขณะที่โลหิตและชิ้นเนื้อกระจัดกระจายออกไป แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันก็ลอยออกมา และถูกห่อหุ้มกลายเป็นร่างโลหิตเช่นเดียวกัน ความทรงจำของมันถูกลบไป และกลายเป็นผู้พิทักษ์กฎแห่งสำนักเซี่ยเยาอีกคน
ปรมาจารย์อสูรโลหิตดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อย มันหลับตาลง ราวกับว่าไม่มีแม้แต่แรงที่จะลืมตาขึ้นมา ดูเหมือนว่าการกระทำของมันเมื่อครู่นี้ค่อนข้างจะหักโหมมากเกินไปสำหรับมัน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ มันก็บังคับให้ดวงตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง และมองไปยังหุ่นเชิดที่กำลังถูกควบคุมโดยปรมาจารย์ชุดเขียว “และเจ้า…ข้าคิดว่าเจ้าต้องกลายเป็นผู้พิทักษ์กฎแห่งสำนักเซี่ยเยาด้วย”
“เจ้าผู้นั้นต้องตาย!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นมาในทันที
ดวงตาของอสูรโลหิตแวบขึ้น โดยไม่พูดอะไรอีก มันยื่นมือออกไปและคว้าจับไปที่หุ่นเชิดเซียนเทียม และบีบลงไปอย่างรุนแรง สิ่งที่กำลังถูกบดขยี้ไปจริงๆ แล้วก็คือแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของชายชราชุดเขียว
เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนได้ยินมา ขณะที่แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อจัดการสิ่งเหล่านี้ได้สำเร็จ อสูรโลหิตขนาดใหญ่ก็หลับตาลง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มันหมดพลังไปโดยสิ้นเชิง อีกครั้งที่มันนั่งลงขัดสมาธิ และจากนั้นก็จมลงไปในพื้นดิน ภาพของปรมาจารย์อสูรโลหิตปรากฏขึ้นที่ด้านบนศีรษะมันอีกครั้ง ดูเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง และถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่ดูเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่อสูรขนาดใหญ่ได้หายตัวไปในพื้นดิน ปรมาจารย์อสูรโลหิตก้าวเท้าขึ้นไปบนภูเขาอสูรโลหิต ขณะที่มันเข้าไปในถ้ำแห่งเซียน ทะเลแห่งโลหิตที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าก็พุ่งกลับเข้าไปในถ้ำ กลายเป็นสระโลหิตอีกครั้ง ปรมาจารย์อสูรโลหิตนั่งลงขัดสมาธิเข้าฌาณอย่างเชื่องช้า
ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ได้ยินเสียงอันเหน็ดเหนื่อยของปรมาจารย์อสูรโลหิตดังขึ้นในหู
“ข้าไม่อยากจะใช้ร่างจริงเลย มันทำให้พลังที่เหลือน้อยอยู่แล้วของข้าต้องหายไปอย่างรวดเร็ว…”
“แต่เจ้า…เป็นความหวังที่ข้าไม่อาจจะเพิกเฉยได้…”
“ข้าจำเป็นต้องหลับไปก่อนในตอนนี้ และไม่อาจจะตื่นขึ้นมาอีกหนึ่งร้อยปี บางทีข้าอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย สำหรับสำนักเซี่ยเยา…ข้าขอมอบมันให้กับเจ้า…ระวังเซียนรุ่งอรุณไว้ด้วย นางเป็นทั้งดอกปี่อ้าน และไม่ใช่ดอกปี่อ้าน…อีกอย่าง สงครามระหว่างดินแดนอันยิ่งใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
รอยแยกในพื้นดินปิดลง และค่ายกลเวทที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็หายไป ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนกว่าคนในสนามรบขยับตัวเคลื่อนไหวได้แล้วในตอนนี้ จิตใจพวกมันสั่นสะท้าน มองไปยังภูเขาอสูรโลหิตด้วยความหวาดกลัว ยากที่จะบอกว่าใครเป็นคนแรก แต่พวกมันเริ่มหลบหนีจากไป กระจัดกระจายบินออกไปราวกับเป็นฝูงวิหคที่แตกรัง แก่งแย่งอยู่ในท่ามกลางพวกมันด้วยกันเอง เพื่อให้สามารถหลบหนีจากไปได้เป็นคนแรก
สำหรับศิษย์สำนักเซี่ยเยาเจ็ดหมื่นคนที่ยังเหลืออยู่ รังสีสังหารของพวกมันยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม สำนักของพวกมันแทบจะถูกกวาดล้างไปในสงครามครั้งนี้ และพวกมันก็ไม่มีทางจะสงบลงได้อย่างง่ายดาย จนกว่าจะได้ล้างแค้น
“เจ้าสำนักน้อย!!”
“เจ้าสำนักน้อย!!”
ศิษย์สำนักเซี่ยเยาทั้งหมดหันหน้าไปมองยังเมิ่งฮ่าว ขณะที่พวกมันเฝ้ารอคอยการตัดสินใจของเขาว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เมิ่งฮ่าวมองไปยังศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่ดูเหน็ดเหนื่อย หลังจากนั้นชั่วครู่ก็กล่าวขึ้นอย่างครุ่นคิด “หนี้โลหิตต้องชดใช้ด้วยโลหิตเท่านั้น! พวกเราจะพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือน จากนั้นข้าจะนำพวกท่าน…ไปรวมดินแดนด้านใต้ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว!”
รังสีสังหารของพวกมันรุนแรงมากขึ้น ตามมาด้วยความกระหายที่จะรวบรวมดินแดนด้านใต้ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ทำให้กำลังใจของพวกมันเริ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและบ้าคลั่ง อารมณ์ความรู้สึกปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักเซี่ยเยาที่เกือบจะถูกทำลายลงไป!
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกสำนักเซี่ยเยา มีชายชราหนึ่งคนนั่งขัดสมาธิอยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า ด้านล่างท่านเป็นกระถางปรุงยา สีหน้าเต็มไปด้วยความซับซ้อนขณะที่มองลงไปยังสำนักเซี่ยเยา
นี่ก็คือตานกุ่ย และเป็นที่รู้จักกันในนามว่า จื่อตงเจินเหริน แห่งสำนักจื่อยิ่นด้วยเช่นกัน
“ปรมาจารย์อสูรโลหิต ท่านต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างใหญ่หลวง เพื่อที่จะจัดเตรียมให้มันตัดจิตมาร และเข้าไปในขั้นค้นหาเต๋า มันก็คือศิษย์ของข้า ดังนั้นความเมตตาในครั้งนี้เป็นสิ่งที่มันไม่ควรจะต้องทดแทน ข้าจะรับผิดชอบตอบแทนท่านเอง” หลังจากที่ผ่านไปนาน ท่านก็มองไปยังสำนักเซี่ยเยาอย่างลึกซึ้ง หันหลังและหายตัวไป