ตอนที่ 780
สังหารตุลาการโลกันต์
ชายชราตบฝ่ามือลงไปบนพื้นผิวของน้ำ และเริ่มบินขึ้นไป ขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ฉีกกระชากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวให้เปิดออก และมันก็เตรียมตัวที่จะผ่านเข้าไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่มัจฉาสีดำ ซึ่งมีฟันอันแหลมคม และดูท่าทางดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ ทันใดนั้นก็กระโจนขึ้นมาจากท้องน้ำ ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น ลำแสงสีดำก็เริ่มสาดประกายออกมาจากร่าง ทำให้ดูคล้ายกับเป็นดวงตะวันสีดำ เพียงชั่วขณะมันก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของชายชรา
แรงกดดันอันยากที่จะอธิบายออกมาได้ ระเบิดออกมาจากร่างมัน
“เจ้าคือ…มัจฉาปรโลก!” ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าซีดขาวตกใจ “ตุลาการโลกันต์ผู้หนึ่งแห่งขุนเขาที่สี่เป็นมัจฉาปรโลก เจ้าคือร่างจำแลงของมัน!” เมื่อชายชราเตรียมตัวจะต่อสู้กลับไป มัจฉาปรโลกก็แวบขึ้น และจากนั้นก็แทงเข้าไปในหน้าผากของชายชรา ชายชราสั่นสะท้านและร่างมันก็เริ่มกระจัดกระจายหายไป
ขณะที่มันเริ่มจางหายไป ดวงตาของชายชราทันใดนั้นก็แวบขึ้นด้วยแสงแห่งความมุ่งมั่น
“เหล่าฟูอาจจะตายไป แต่พวกเจ้าเหล่ายมโลกอย่าได้ฝันว่าเหล่าฟูจะไม่สู้! เต๋าของเหล่าฟูคือบทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ วิญญาณที่ตายไปแห่งแม่น้ำ ถ้าพวกเจ้าไม่เต็มใจที่จะจากโลกที่มีชีวิตไป เช่นนั้นก็จงตื่นขึ้นมา! รับฟังเสียงเรียกร้องที่จะทำให้พวกเจ้าอยู่บนโลกมนุษย์ต่อไป! หลุดพ้นเป็นอิสระ, กลับไป และคงอยู่ในฐานะที่มีชีวิตอยู่ต่อไป!” ด้วยเช่นนั้น มันจึงเงยหน้ากลับขึ้นไปและหัวเราะออกมาเป็นเสียงดัง ร่างกายมันพังทลายลงไป แต่เสียงของมันก็ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งแม่น้ำแห่งการลืมเลือน ซึ่งยืดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา
ชายชราตายไป แต่บทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ของมัน ก็ดังก้องปกคลุมไปทั่ววิญญาณไร้ร่างทั้งหมดที่อยู่ภายในแม่น้ำแห่งการลืมเลือน พวกมันสั่นสะท้าน และจากนั้นก็ไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ ขณะที่ลอยขึ้นไปในอากาศ พวกมันกลายเป็นสายลมอันวุ่นวายของวิญญาณ พุ่งตรงไปยังรอยแยกในความว่างเปล่าอย่างบ้าคลั่ง
“กลับบ้านกันเถอะ!”
“หลบหนีจากสถานที่แห่งนี้ กลับบ้านไป!!”
เสียงกระหึ่มได้ยินมา ขณะที่วิญญาณมากมายนับไม่ถ้วนส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศ บนพื้นผิวของแม่น้ำนอนไว้ด้วยหญิงสาวที่ถูกปกคลุมด้วยแสงสีโลหิต นางก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เข้าไปร่วมกับวิญญาณอื่นๆ ในสายลมอันวุ่นวายนั้นเช่นเดียวกัน
มัจฉาปรโลกที่อยู่ข้างรอยแยก มองอย่างเย็นชาไปยังวิญญาณเหล่านั้น
“พวกเจ้าตายไปแล้ว!” มัจฉาปรโลกกล่าวเสียงราบเรียบ “ถ้าพวกเจ้าอยากจะให้วิญญาณกระจายหายไปเช่นกัน ข้าในฐานะตุลาการโลกันต์ก็จะช่วยสงเคราะห์ให้!”
“วิญญาณทั้งหลายในแม่น้ำแห่งการลืมเลือน…ไม่จำเป็นต้องทดลองดู! ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมจะผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ วิญญาณพวกเจ้าก็จะถูกกำจัดไปในทันที และหลอมรวมเข้าไปในแม่น้ำแห่งการลืมเลือน และจะคงอยู่ในนั้นไปตราบชั่วนิรันดร์!” แสงสีดำกระจายออกมาจากร่างของมัจฉา คล้ายกับเป็นโองการแห่งสวรรค์ที่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
ในชั่วพริบตา ทั่วทั้งบริเวณนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีดำ วิญญาณใดๆ ก็ตามที่แตะสัมผัสไปโดนแสงนั้น ก็จะแผดร้องออกมา และจากนั้นก็จางหายไป ถูกกำจัดไปในทันที
“ข้ายังไม่อยากตาย!!”
“อา, วิญญาณแตกสลาย! เหล่าฟูขอปฏิเสธ!!”
“ชีวิตข้าถึงจุดจบแล้ว และตอนนี้ข้าก็จะไม่มีชีวิตที่สอง?! ข้าไม่ยอมรับเรื่องนี้!!”
เพียงชั่วขณะ วิญญาณทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ด้านบนของแม่น้ำก็จางหายไป ยกเว้นวิญญาณของหญิงสาว แสงสีดำถูกขัดขวางโดยแสงสีแดงที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ร่างนาง
มัจฉาปรโลกสีดำมองไปด้วยดวงตาที่แวววาว ซึ่งทันใดนั้นก็เบิกกว้างขึ้น
หญิงสาวนางนี้ก็คือวิญญาณของสวี่ชิงนั่นเอง!
“คาดไม่ถึงว่าเจ้ามีโองการสวรรค์ ที่จะนำไปสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่?” มัจฉาลังเลอยู่ชั่วขณะ กล่าวกันโดยทั่วไป วิญญาณที่มีโองการสวรรค์มักจะมีภูมิหลังอันน่าเหลือเชื่อ ทำให้มัจฉาต้องมองดูสวี่ชิงให้ละเอียดมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากที่ตรวจสอบดูมากขึ้น ท่าทางประหลาดใจก็สาดประกายอยู่ในแววตาของมัจฉา
“หญิงสาวนางนี้มีแก่นเต๋า? แต่มันก็ยังเป็นแค่หน่อ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน! ข้ากำลังมองหาทาสสตรีคนใหม่อยู่พอดี คนนี้น่าจะเหมาะ!” ทันใดนั้น แสงสีดำก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามัจฉา จากนั้นก็กลายเป็นหัตถ์ยักษ์ที่ปกคลุมเต็มไปด้วยเกล็ดปลา มันยื่นออกตรงไปคว้าจับสวี่ชิงไว้
แต่ทันทีที่มันแตะสัมผัสไปโดนแสงสีแดง ระลอกคลื่นอันน่าตกใจก็กระจายออกมา หัตถ์ยักษ์นั้นสั่นสะท้าน จากนั้นก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ ทำให้มัจฉาปรโลกรู้สึกประหลาดใจ เพียงชั่วขณะแสงเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นในดวงตามัน
“น่าสนใจนัก หญิงสาวนางนี้มีโองการสวรรค์ คงต้องมีฐานะอันยิ่งใหญ่อย่างน่าตกใจเป็นแน่ ตอนนี้เมื่อนางตายไป นางก็อ่อนแอและเหนื่อยล้า ถ้าข้าสามารถสะกดนางไว้ในแม่น้ำแห่งการลืมเลือนนี้ได้ นางก็คงไม่มีโอกาสจะกลับมาค้นหาข้าในภายหลังได้!”
ร่างของมัจฉาปรโลกแวบขึ้น และแม่น้ำแห่งการลืมเลือนก็เริ่มส่งเสียงดังก้องด้วยคลื่นขนาดใหญ่ คลื่นเหล่านั้นพุ่งขึ้นมาหลอมรวมเข้าด้วยกันนับร้อยนับพัน แสงสีแดงต่อสู้กลับไปยังคลื่นเหล่านั้น แต่ในที่สุดก็ไม่อาจจะต่อต้านพลังอันลึกลับของแม่น้ำแห่งการลืมเลือนได้ หลังจากเวลาช่วงหนึ่งผ่านไป แสงนั้นก็เริ่มจางหายไป
เมื่อแสงนั้นหายไปจนหมดสิ้น มัจฉาปรโลกก็หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา และจากนั้นก็ทำให้หัตถ์ยักษ์สีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง ยื่นออกไปคว้าจับสวี่ชิงไว้
“ข้าจะมอบโชคบางอย่างให้กับเจ้า! กำจัดความทรงจำและตัดเส้นทางเซียนของเจ้าไป เจ้าจะไม่เข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ นับจากนี้ไป เจ้าต้องเป็นทาสสตรีของตุลาการโลกันต์!”
แต่เมื่อหัตถ์ยักษ์สีดำกำลังจะคว้าจับไปที่สวี่ชิง เส้นใยแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จู่ๆ ก็ลอยขึ้นไปในอากาศ และเริ่มกระจายพลังอันน่าประหลาดใจออกมา เส้นใยนั้นกรีดเฉือนลงไป ผ่าหัตถ์ยักษ์สีดำออกเป็นสองส่วน!
เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจได้ยินออกมาจากมัจฉาปรโลก ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจและหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง มันพุ่งถอยไปทางด้านหลังเพื่อหลบหนี
ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงอันเย็นชาก็ดังก้องออกมาจากแม่น้ำแห่งการลืมเลือน
“เจ้ากล้าแตะต้องสะใภ้แห่งตระกูลฟางได้อย่างไร?!” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว และแม่น้ำแห่งการลืมเลือนทั้งหมดก็สั่นสะท้าน มัจฉาปรโลกตกตะลึงจนไม่อาจจะมากไปกว่านี้อีกแล้ว
“ท่าน…ฟาง…ท่านคือ…” มันเริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวที่ว่า วิญญาณของมันใกล้จะแตกดับไป ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ เส้นใยนั้นก็กรีดเฉือนออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ตัดกฎธรรมชาติทั้งหมดไป เส้นใยกรีดเฉือนตรงไปยังมัจฉาปรโลกอย่างต่อเนื่อง มันแผดร้องออกมา ขณะที่ร่างมันถูกเฉือนออกเป็นสองท่อน จากนั้นเส้นใยก็เตรียมจะทำให้จบสิ้น ทำลายมันไปโดยสิ้นเชิง
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!” มัจฉาปรโลกร้องออกมา มันหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง เต็มไปด้วยความรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรง โชคร้ายที่มันไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ จึงต้องร้องขอความเมตตาอย่างไร้ทางเลือก
ในตอนนี้เองที่เสียงเก่าแก่โบราณอีกเสียง ก็ดังก้องออกมาจากภายในแม่น้ำแห่งการลืมเลือน
“พี่ฟาง, ใจเย็นๆ โปรดเห็นแก่หน้าเปิ่นหวาง…” (คำเรียกตัวเองของกษัตริย์จีนสมัยโบราณ ในที่นี้คือพญายม)
พร้อมกับเสียงนั้น ใบหน้าขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นอยู่ภายในแม่น้ำแห่งการลืมเลือน มีดวงตาที่สามอยู่บนหน้าผาก และทันทีที่ใบหน้านั้นปรากฏขึ้น หมู่ดาวทั้งหมดในท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน
“ข้าทำไม่ได้” เสียงอันเย็นชากล่าวตอบ เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังก้องออกมาจากปากของมัจฉาปรโลก ร่างมันถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นเจตจำนงแห่งการทำลายล้างก็ปรากฏขึ้น ค้นพบร่างจริงที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดของร่างจำแลงอย่างรวดเร็ว และกำจัดมันไปเช่นเดียวกัน
ไม่มีอะไรที่จะมาขัดขวางการกระทำนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้!
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในตอนนี้ เงียบสงบไปโดยสิ้นเชิง
“พี่ฟาง พวกเราไม่ได้พบกันมานาน แต่ท่านก็ยังคงมีนิสัยเหมือนเดิม…ท่านอาจจะเป็นแค่เส้นใยแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ที่มาจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน แต่นั่นก็ยังคงเป็นการละเมิดข้อตกลง”
“ช่วงเวลาหนึ่งแสนปีเพิ่งจะเริ่มขึ้น ท่านและภรรยาไม่อาจจะออกมาจากดาวหนานเทียนได้!”
“ในช่วงหนึ่งแสนปีนี้ ข้าสามารถส่งเส้นใยแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้หนึ่งครั้ง” เสียงอันเย็นชากล่าวตอบ “นั่นก็ถูกเขียนไว้ในข้อตกลงเช่นกัน”
ที่ด้านล่าง ดวงตาของใบหน้าขนาดใหญ่ในแม่น้ำแห่งการลืมเลือนแวบขึ้น “แน่นอนว่าท่านมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะให้ความคุ้มครองบุตรชาย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าท่านจะใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กับเด็กหญิงนางนี้”
“บุตรแห่งฟางเป็นมังกรในสวรรค์และปฐพี! ไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องทำตัวเป็นผู้พิทักษ์เต๋า!”
“โอ? ท่านไม่เกรงว่าจะมีใครมาสังหารมัน?!” ใบหน้านั้นกล่าวตอบเสียงเย็นชา
“ถ้ามีใครมาสังหารบุตรชายข้า ข้าก็จะสังหารพวกมันให้หมดสิ้น!” เสียงที่เย็นชาและสงบนิ่งกล่าวตอบ “ข้าจะทำลายครอบครัวมันไปทั้งหมด รวมทั้งโอกาสที่จะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ของพวกมัน!” คำพูดนี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ขมขู่คุกคามอย่างโหดเหี้ยม ความเย็นชาราวน้ำแข็งกระจายออกไป สำหรับใบหน้าที่อยู่บนแม่น้ำ มันสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ
“ถึงแม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มันจะถูกเรียกว่าผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งแห่งตระกูลฟาง” ใบหน้านั้นคิด “แต่เพื่อบุตรชายที่พิการของมัน ทำให้มันต้องอยู่บนดาวหนานเทียนถึงหนึ่งแสนปี…ไม่อาจจะจากไปได้ ดาวหนานเทียนช่างเก่าแก่และน่าเบื่อ พื้นฐานฝึกตนของมันไม่อาจจะก้าวหน้าไปได้ ไม่จำเป็นต้องถึงหนึ่งแสนปี ก็มีผู้คนมากมายก้าวหน้าไปกว่ามันแล้ว”
ในตอนนี้ เสียงอันเย็นชากล่าวต่อ “นี่คือบุตรีสะใภ้ของข้า เส้นใยแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะอยู่กับนาง คอยปกป้องคุ้มครองนาง เพื่อให้มั่นใจว่านางจะไปกำเนิดใหม่ได้อย่างสงบสุข ในช่วงที่นางอยู่ในปรโลก ห้ามไม่ให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับนางทั้งสิ้น” ด้วยเช่นนั้น เส้นใยแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ ลอยลงมาวนเป็นวงกลมอยู่รอบๆ แขนของสวี่ชิง จากนั้นก็จางหายเข้าไปในร่างนาง
ใบหน้าบนแม่น้ำไม่กล่าวอะไรออกมา หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ มันก็ค่อยๆ จมลงไปในน้ำอย่างช้าๆ แม่น้ำแห่งการลืมเลือนที่ยืดยาวออกไปในตอนนี้ ไม่มีวิญญาณอยู่ในนั้นอีกต่อไป นอกจากสวี่ชิง ในที่สุดนางก็ลอยออกไปยังที่ห่างไกล
ย้อนกลับมาในดินแดนด้านใต้ ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้เดินวนไปมาในสนามรบ ไม่ได้โจมตีไป เพียงแค่ล้อมไปรอบๆ ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ พวกมันเริ่มคุ้นเคยกับกลิ่นคาวโลหิตมานานแล้ว มองไปยังผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือที่ส่งเสียงแผดร้องเป็นครั้งสุดท้ายออกมาอย่างเย็นชา
ทุกสรรพสิ่งถูกปิดผนึกไว้ ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ ตอนนี้มีเหลืออยู่ไม่ถึงสามหมื่นคน แต่ละคนต่างก็…กำลังแห้งเหี่ยวกลายเป็นซากศพไป
สนามรบที่เกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพมีขนาดใหญ่มาก แต่ตอนนี้ก็สามารถมองเห็นว่า ตรงจุดศูนย์กลางของมัน มีรังไหมสีโลหิตขนาดใหญ่ ซึ่งภายในมีเงาร่างนั่งขัดสมาธิอยู่ ยากที่จะมองเห็นเงาร่างนั้นได้ชัดเจน เห็นได้แต่โครงร่างคร่าวๆ เท่านั้น แต่เมื่อผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้มองไป ดวงตาพวกมันก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือและคลั่งไคล้
วิชาเวทถูกใช้เพื่อหลอมรวมปราณ, โลหิต และพื้นฐานฝึกตนของผู้คนมากกว่าหนึ่งแสนคน เพื่อสร้างเป็นร่างใหม่ขึ้นมา เวทเช่นนั้นช่างโหดเหี้ยมน่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ด้วยวิชาเวทเองแล้วก็ไม่ถือว่าดีงามหรือชั่วร้าย ธรรมชาติของความดีและชั่วร้าย มักจะถูกตัดสินโดยจำนวนและจิตใจ
สำหรับผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ กลุ่มหมอกสีโลหิตเป็นมารร้ายที่โหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุดจนยากจะอธิบายออกมาได้ พวกมันเกลียดชังกลุ่มหมอกสีโลหิตนี้ลึกลงไปถึงกระดูก แต่สำหรับผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้แล้ว กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
ชีวิตที่ถูกสังเวยไปของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ ช่วยให้เมิ่งฮ่าวที่พวกมันนับถือสามารถสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ เป็นสิ่งที่ทำให้พวกมันมีความรู้สึกยินดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
ยากที่จะบอกว่าใครเป็นคนพูดขึ้นคนแรก แต่ในที่สุดผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมากกว่าหนึ่งแสนคน ก็เริ่มร้องตะโกนขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ เสียงของพวกมันดังขึ้นและดังมากขึ้น จนกระทั่งคนทั้งหมดต่างก็ร้องตะโกนนามหนึ่งออกมา
“เมิ่งฮ่าว!!”
“เมิ่งฮ่าว!!”
“เมิ่งฮ่าว!!”
พวกมันกำลังร้องตะโกนเรียกเมิ่งฮ่าว ร้องเรียกจนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมา!
เสียงนั้นดังกระหึ่มกึกก้องปกคลุมไปทั่วทั้งผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือที่ยังเหลืออยู่ประมาณสองหมื่นคนจนหมดสิ้น พวกมันถูกห่อหุ้มอยู่ในกลุ่มหมอกสีแดง และเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนของพวกมัน ก็แตกต่างไปจากเสียงร้องเรียกของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้อย่างชัดเจน สองเสียงที่แตกต่างกันนี้ได้ยินออกมาในสนามรบ
ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ก่อนที่พวกมันจะแห้งเหี่ยวตายไปโดยสิ้นเชิง ซากศพสองหมื่นซากสุมทับซ้อนกัน และกลุ่มหมอกสีแดงที่หนาทึบก็พุ่งย้อนกลับเข้าไปในรังไหมสีโลหิตขนาดใหญ่ จากนั้นเสียงหัวใจเต้นที่ดังออกมาจากภายในรังไหมสีโลหิต…ก็ดังมากยิ่งขึ้น!
ตึก ตัก! ตึก ตัก! ตึก ตัก!
ไม่เพียงแต่เสียงหัวใจเต้นจะดังมากขึ้นเท่านั้น ภาพของบุคคลที่อยู่ข้างในก็เริ่มมองเห็นชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน!
“เมิ่งฮ่าว!!”
“เมิ่งฮ่าว!!”
“เมิ่งฮ่าว!!”
ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้นับแสนกำลังร้องตะโกนอย่างสุดเสียง และเสียงนั้นก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน และยังได้ทะลวงผ่านเข้าไปในรังไหมสีโลหิตด้วยเช่นกัน!
ภายในรังไหมสีโลหิต ดวงตาของเงาร่าง…ทันใดนั้นก็ลืมขึ้น!
“ใคร…เรียกข้า…?”