Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 828

ตอนที่ 828

ไร้ผู้ต่อต้าน!

ม่านตาฝานตงเอ๋อร์หดเล็กลงจนกลายเป็นจุดเล็กๆ และนางก็พุ่งถอยไปทางด้านหลัง ในเวลาเดียวกันนั้นก็ขยับสองมือร่ายเวทไปพร้อมๆ กัน ฉับพลันนั้นทะเลอันไร้ขอบเขตก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนาง ประกอบไปด้วยท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต พร้อมกับดวงตะวันและจันทรา

“อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า!” นางร้องตะโกนออกมา พร้อมกับเสียงนั้น ทะเลอันกว้างใหญ่ที่อยู่ด้านหลังนางก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นหลายเท่า ในชั่วพริบตามันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ต่อมาท้องฟ้าที่อยู่ด้านในทั้งหมดก็เริ่มพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ถูกเลือกอีกแปดคนก็เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว

“ไร้หน้า หนึ่งคำ ไฟสงครามรวมเป็นหนึ่ง!” ขณะที่เมิ่งฮ่าวกลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีทองและพุ่งตรงไป เขาก็เริ่มเปลี่ยนสีไป ตอนนี้กลายเป็นสีแดงจ้า เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตปรากฏขึ้นที่รอบๆ ตัว กลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่

จากนั้นกระแสน้ำวนก็เปลี่ยนเป็นใบหน้า ที่กระจายระลอกคลื่นสีโลหิตอย่างน่าตกใจออกไปทั่วทุกทิศทาง กลุ่มผู้ถูกเลือกที่ใกล้เข้ามาต่างก็ได้รับผลกระทบในทันที ต่อมาใบหน้านั้นก็อ้าปากขึ้นและเปล่งคำพูดที่ไร้เสียงออกมา ทำให้จิตใจพวกมันสั่นสะท้านขึ้นมาในฉับพลัน

ทันใดนั้น กลุ่มควันก็เริ่มลอยขึ้นมาจากส่วนบนศีรษะของพวกมัน พุ่งขึ้นไปราวกับเป็นเปลวไฟแห่งสงคราม! เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจดังเต็มไปทั่วในอากาศ

ฉับพลันนั้นโลหิตของพวกมันก็เริ่มไหลไปทางด้านหลัง และจากนั้นร่างกายก็เริ่มฉีกขาดออก ในชั่วพริบตา พวกมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยโลหิตและชิ้นเนื้อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกมันกระอักโลหิตออกมา และถูกบังคับให้ต้องล่าถอยออกไป

“ตัดเมฆา, พิรุณโลหิต, ทะเลปกคลุมฟ้า!” เมิ่งฮ่าวกลายเป็นวิหคยักษ์สีแดงเข้ม พุ่งตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์และทะเลที่เก้า ขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็พุ่งเข้าหากัน กลุ่มเมฆก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบน และพิรุณโลหิตก็ตกลงมา กลายเป็นทะเลแห่งโลหิต! อย่างน่าตกใจยิ่งที่มองเห็นเป็นทะเลขนาดใหญ่สองแห่งอยู่บนท้องฟ้าในตอนนี้

หนึ่งเป็นทะเลที่เก้า และอีกหนึ่งเป็นทะเลแห่งโลหิต ที่ด้านบนของทะเลที่เก้า เสินหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ฝานตงเอ๋อร์กระจายแสงอันไร้ขอบเขตออกมา ในทะเลแห่งโลหิต ภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวยืนอย่างน่าตกใจอยู่ที่นั่นราวกับเป็นยักษ์ขนาดใหญ่ ทั้งสองฝ่ายกระแทกเข้าหากัน และเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกไป

ท้องฟ้าสั่นสะท้าน พื้นดินสั่นสะเทือน และเริ่มแยกออกจากกัน คนทั้งหมดถอยไปที่ด้านหลัง ตกตะลึงต่อสิ่งที่พวกมันมองเห็นอยู่นี้

ขณะที่ทะเลทั้งสองแห่งพุ่งปะทะกัน เมิ่งฮ่าวที่อยู่ในร่างวิหคยักษ์ก็พุ่งตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว และกวาดกรงเล็บอันดุร้ายแหลมคมตรงไปที่นาง

ตูม!

ฝานตงเอ๋อร์ร่ายเวทด้วยสองมือ มังกรทะเลที่เก้าปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัว และแผดร้องคำรามขณะที่พวกมันพุ่งไปขวางกั้นเมิ่งฮ่าวไว้ อย่างไรก็ตาม มังกรทะเลไม่ใช่มังกรที่แท้จริง เป็นแค่อสรพิษขนาดใหญ่เท่านั้น กรงเล็บอันดุร้ายของวิหคยักษ์สีทองฉีกกระชากพวกมันออกเป็นชิ้นๆ เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ เมื่อเมิ่งฮ่าวบรรลุถึงตัวฝานตงเอ๋อร์ได้ในที่สุด

กรงเล็บอันแหลมคมกรีดตรงไปที่ร่างนาง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก นางพุ่งถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง เส้นผมยุ่งเหยิง จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว ขยับสองมือร่ายเวททำให้หอยสังข์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ขณะที่นางเริ่มปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา เมิ่งฮ่าวและภาพแห่งธรรมก็พุ่งกระโจนเข้ามา และเขาก็โคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตนอย่างเต็มกำลัง

เสียงกึกก้องอย่างน่าตกใจดังเต็มไปทั่วบริเวณนั้น และท้องฟ้าก็เริ่มสลัวเลือนลางไป เสียงจากหอยสังข์…ถูกสะกดไว้อย่างคาดไม่ถึง และเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ฝานตงเอ๋อร์กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกับที่นางเริ่มล่าถอยออกไป มือขวาของเมิ่งฮ่าวก็ยื่นออกไปด้วยท่าของเวทปลิดดาว

สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สลดลงอีกครั้ง และนางก็โบกสะบัดมือ ทำให้ภาพลวงตาของนางเงือกนับไม่ถ้วนเต็มอยู่ในบริเวณนั้น เพียงไม่นานพวกมันก็เรียงตัวกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ เคลื่อนที่ไปปิดกั้นเมิ่งฮ่าวไว้

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา และแสงสีแดงจ้าก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง ในชั่วพริบตา กระแสน้ำวนสีโลหิตก็ปรากฏขึ้น มีความกว้างถึงหนึ่งร้อยจ้าง แต่ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งไปข้างหน้า สิ่งที่เขาเห็นก็คือศีรษะอสูรโลหิตขนาดใหญ่ได้โขกลงไปยังค่ายกลนางเงือก

เสียงระเบิดดังเต็มไปทั่วทั้งเขตเทือกเขา ค่ายกลพังทลายลงไป และเหล่านางเงือกก็เหือดแห้งหายไป ศีรษะอสูรโลหิตของเมิ่งฮ่าวก็หายไปด้วย แต่เขายังคงมุ่งหน้าตรงไป ร่างกายสาดประกายด้วยแสงสีโลหิต ต่อยหมัดลงไปและเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องไปทั่ว ฝานตงเอ๋อร์ล่าถอยไปอีกครั้ง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เมิ่งฮ่าวในรูปแบบนี้ทำให้คนทั้งหมดรู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุด เป็นเมิ่งฮ่าวที่ไม่มีทางจะหยุดเขาไว้ได้!

“ตาย!” เขากล่าว ตวัดมือตรงไปยังลำคอของฝานตงเอ๋อร์ แต่เมื่อฝ่ามือใกล้จะกระแทกเข้าไป ฝานตงเอ๋อร์ก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ร่างกายนางเริ่มบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่กลายร่างเป็นมังกรวารีสีน้ำเงิน อ้าปากกว้างพุ่งตรงมาด้วยความต้องการจะกลืนกินวิหคยักษ์สีทองเข้าไป

เกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้น และมังกรวารีก็แตกกระจายไป วิหคยักษ์สีทองของเมิ่งฮ่าวก็แตกกระจายและหายไปด้วยเช่นเดียวกัน เผยให้เห็นเป็นร่างเมิ่งฮ่าวเอง

ฝานตงเอ๋อร์ฉกฉวยโอกาสนี้ใช้เวทลับออกมา ร่างกายนางทันใดนั้นก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว เพื่อแลกกับความรวดเร็วที่ระเบิดออก ส่งผลให้นางพุ่งห่างออกไปไกล จากนั้นนางก็โบกสะบัดมือ ทำให้สร้อยข้อมือสีน้ำเงินลอยออกมา แตกกระจายอยู่ในกลางอากาศ ก่อตัวเป็นกำแพงแห่งชิ้นส่วนที่คล้ายกับเป็นท้องฟ้า ราวกับว่าสองอาณาเขตที่นางและเมิ่งฮ่าวอยู่ในตอนนี้ ถูกแยกออกจากกันด้วยเขตแดนอันกว้างใหญ่นี้โดยสิ้นเชิง

ฝานตงเอ๋อร์มองไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนว่า นางกำลังจดจำรูปร่างหน้าตาของเขาไว้อย่างแนบแน่น

“พวกเราต้องได้พบกันอีก” นางกล่าวผ่านร่องฟัน “ครั้งต่อไป ข้าจะสังหารเจ้าให้จงได้!” นางร่ายเวทด้วยสองมือ หลังจากนั้นเสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา ขณะที่ประตูขนาดใหญ่เริ่มปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนาง

ประตูนั้นเชื่อมต่อไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าโดยตรง!

รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว และกำลังจะฉีกกระชากท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นั้นออก แต่ผู้ถูกเลือกเจ็ดถึงแปดคนที่ลุ่มหลงในตัวฝานตงเอ๋อร์ก็เคลื่อนที่มาขัดขวางเขาไว้

พวกมันพุ่งตรงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมาในทันที ภาพของมังกรที่แท้จริงและหงส์เพลิงปรากฏขึ้น รวมทั้งพยัคฆ์สีทองอันดุร้าย หนึ่งในผู้ถูกเลือกเหล่านั้นโบกสะบัดมือ ทำให้เกิดเป็นมดยักษ์ที่ยาวหนึ่งจ้างนับพันตัวเต็มอยู่ในท้องฟ้า ขณะที่พวกมันเคลื่อนที่มาปิดกั้นเมิ่งฮ่าวไว้

“ไม่ต้องมีครั้งต่อไป!” เมิ่งฮ่าวกล่าว แค่นเสียงเย็นชา หลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ภาพแห่งธรรมที่ด้านหลังเริ่มมีขนาดเล็กลง และจากนั้นก็ซ้อนทับมาบนร่างเขา

ทันใดนั้นปราณเซียนภายในร่างเมิ่งฮ่าวก็ระเบิดขึ้นในทันที ในตอนนี้ เขาคือภาพแห่งธรรม และภาพแห่งธรรมก็คือเขา!

ฉับพลันนั้นคนทั้งแปดที่เข้ามาใกล้ต่างก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจ ความรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรงพุ่งขึ้นมาในจิตใจ และทันใดนั้นพวกมันก็ตระหนักว่าการเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าวเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่สีหน้าพวกมันสลดลง เมิ่งฮ่าวก็เริ่มก้าวเดินตรงไป อากาศสั่นสะเทือน และสองผู้ถูกเลือกที่อยู่ใกล้กับเมิ่งฮ่าวมากที่สุดก็ถอยไปทางด้านหลังด้วยความประหลาดใจ โลหิตกระจายออกมาจากปากพวกมัน เขาไม่ได้โจมตีไปที่พวกมันแม้แต่น้อย แค่พลังที่พุ่งขึ้นมาก็ทำให้พวกมันบาดเจ็บได้ ทำให้ความหวาดกลัวที่พวกมันมีต่อเขาพุ่งสูงขึ้นไปมากกว่าเดิม

กลุ่มคนทั้งหมดเหล่านี้อ้าปากค้าง และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความตกตะลึง ร่างกายพวกมันหยุดชะงักนิ่ง และไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ไปแม้แต่น้อย คนทั้งหมดในบริเวณนั้นเริ่มถอยไปทางด้านหลัง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อความแข็งแกร่งของเมิ่งฮ่าว

แม้แต่สีหน้าของฝานตงเอ๋อร์ก็ยังสลดลงไปโดยสิ้นเชิง

เมิ่งฮ่าวเดินตรงไปก้าวแรก และภาพลวงตาชีพจรเซียนที่อยู่ภายในร่างก็เริ่มโคจรหมุนเวียน และเริ่มกระจายแสงระยิบระยับหมุนวนไปมารอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว เขาเดินฝ่าอากาศไปเป็นก้าวที่สอง และก้าวเข้าไปในเขตแบ่งแยกนั้นโดยสิ้นเชิง ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อยขณะที่ผ่านเข้าไป แต่เขาก็สามารถเดินไปเป็นก้าวที่สามได้!

ในตอนนี้ เสียงหอบหายใจนับไม่ถ้วนได้ยินมาจากผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น

“มันหลอมรวมเข้ากับภาพแห่งธรรมของตัวเอง! นั่นเป็นสิ่งที่มีแต่คนในอาณาจักรเซียนเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้! มันยังไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเซียน ถึงแม้ว่าจะใกล้แล้วก็ตามที แต่มันก็ยังคงหลอมรวมได้สำเร็จ!”

“มันเป็นผู้ฝึกตนจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียนจริงๆ…?”

“เมิ่งฮ่าวผู้นี้ช่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง! ถ้ามันไม่ถูกกำจัดไปในการต่อสู้ครั้งนี้ มันก็จะกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในตี้จิ่วซานไห่!”

เสียงอุทานทั้งหมดดังก้องขึ้นมา เมื่อเมิ่งฮ่าวเดินออกไปเป็นก้าวที่สาม เมื่อเท้าเหยียบย่างลงไป เขตแบ่งแยกนั้นก็เริ่มสั่นไหวไปมา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะโผล่เข้าไปแล้ว

ในตอนนี้ ประตูขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังฝานตงเอ๋อร์เริ่มมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ ประตูเริ่มเปิดออก และฝานตงเอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ ออกมา นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นก็หันหลังผ่านเข้าไปในประตูขนาดใหญ่นั้น

“เสี่ยวชิง!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นมาในทันใด

ทันทีที่เสียงเขาดังก้องออกไปจากเขตแบ่งแยก ดวงตาที่แข็งทื่อของซากศพซึ่งติดตามฝานตงเอ๋อร์ไป ทันใดนั้นก็แวบขึ้น เส้นผมสีดำลอยออกมา และเริ่มพันไปรอบๆ ร่างนาง

ใบหน้าฝานตงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความแตกตื่นและตกตะลึง นางแทบจะกระอักโลหิตออกมา แต่เมื่อนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในประตู เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ เมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวที่สี่ และโผล่ออกมาจากภายในเขตแบ่งแยก ทันใดนั้น ปราณเซียนก็โคจรหมุนวนอย่างเต็มรูปแบบ และเขาก็ยื่นมือออกไปเป็นท่าที่คล้ายกรงเล็บ ตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์ ซึ่งกำลังกรีดร้องอย่างโหยหวนออกมา

ฝานตงเอ๋อร์อยู่ห่างจากประตูนั้นเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น และกำลังจะหายตัวไป เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างน่าเหลือเชื่อจากประตูบานนั้น แต่ก็ไม่ลังเล เขาปลดปล่อยเวทปลิดดาวออกไป และมือยักษ์ภาพลวงตาก็ปรากฏขึ้น ในตอนที่ฝานตงเอ๋อร์กำลังจะหายตัวไปนั้น…มือยักษ์ก็คว้าจับไปที่เส้นผมของนาง

มือนั้นกระชากมาที่ด้านหลังอย่างรุนแรง ในตอนนั้น เสียงอุทานด้วยความตกใจของฝานตงเอ๋อร์ก็ได้ยินมา นางหายตัวไป และประตูภาพลวงตาก็หายไปในท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง ทิ้งเส้นผมเพียงแค่หยิบมือไว้ให้กับเมิ่งฮ่าว รากผมมีหยดโลหิตไหลลงมา ทำให้สีหน้าเขาหมองคล้ำลง

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเส้นผมนั้นชั่วขณะ จากนั้นก็คิดย้อนไปถึงหนึ่งในวิชาเวท ที่เขาได้เรียนรู้ตอนที่อยู่ในสำนักเซียนอสูรโบราณ มันคือเวทสาปแช่ง ซึ่งเขาได้ปลดปล่อยออกมาในทันที ทำให้เส้นผมในมือลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีเขียว จากนั้นเขาก็สะบัดเปลวไฟนั้นและขยับมือร่ายเวท ทำให้เส้นผมสีดำหนึ่งเส้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอยู่ที่เบื้องหน้า เขาเก็บเส้นผมนั้นไว้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขามีอาวุธที่ทรงพลัง เพื่อจะใช้ในครั้งต่อไปเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับฝานตงเอ๋อร์

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ ดวงตาทุกคู่มองมายังเมิ่งฮ่าว และไม่มีใครพูดอะไรออกมา เท่าที่ผู้ถูกเลือกคิด เมิ่งฮ่าวช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น เพราะว่าผู้พิทักษ์เต๋าไม่อาจจะปลดผนึกบนพื้นฐานฝึกตนของพวกมันได้…ทำให้พวกมันไม่อาจจะต่อสู้กับเขาได้แม้แต่น้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท่ามกลางกลุ่มคนที่เคยต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวมาก่อน ยิ่งมีความตกตะลึงมากเป็นพิเศษ พวกมันทั้งหมดเริ่มถอยไปทางด้านหลังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สายตาเมิ่งฮ่าวกวาดผ่านไปทั่วในกลุ่มฝูงชน จนกระทั่งในที่สุดก็ไปหยุดอยู่ที่จี้ยิน ซึ่งยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาที่ห่างไกลออกไป

ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ จี้ยินไม่ได้เคลื่อนที่ออกไปจากภูเขานี้มาก่อน มันได้มองดูเมิ่งฮ่าวบรรลุถึงพลังแปดในสิบส่วนของเซียนแท้ รวมทั้งได้เห็นท่าทางที่ไร้ผู้ต่อต้านของเขาด้วย

“จี้ยิน เจ้าเอาสิ่งของบางอย่างของข้าไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “เจ้าแน่ใจหรือว่า ต้องการจะหว่านเมล็ดกรรมระหว่างพวกเรา?”

“เจ้าก็เอาสิ่งของบางอย่างที่เป็นของข้าไปด้วยเช่นกัน” จี้ยินกล่าวตอบอย่างช้าๆ มองมายังเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยความเย็นชา ขณะที่กลายร่างเป็นวิหคยักษ์ซึ่งพลุ่งพล่านไปด้วยปราณเซียน เขาบินขึ้นไปในอากาศ และพุ่งตรงไปยังจี้ยิน

เขาเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ห้อมล้อมไปด้วยแสงสีโลหิต นี่ไม่ใช่วิหคยักษ์สีทอง นี่คือวิหคยักษ์สีแดงเข้ม!

“การจัดการเจ้าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากใดๆ!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขณะที่เข้าไปใกล้ เป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่ก็ประกอบไปด้วยบรรยากาศที่ข่มขู่คุกคามอย่างลึกล้ำ ใครก็ตามที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ต้องรู้สึกตกตะลึงอยู่ในจิตใจ

ต้องกล่าวว่าถึงแม้จี้ยินจะเคยพบกับความพ่ายแพ้มาก่อน แต่เมื่อมันดิ้นรนจนกลายมาเป็นเต้าจื่อแห่งตระกูลจี้ได้แล้ว มันก็ยังคงเป็นผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลจี้

และตระกูลจี้…ก็เป็นราชันแห่งตี้จิ่วซานไห่!

“ช่างน่าหัวเราะนัก!” จี้ยินกล่าวเสียงราบเรียบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!