ตอนที่ 831
ผู้ใหญ่มาแล้ว…
ผู้ฝึกตนทั้งหมดแห่งดินแดนตะวันออก รวมทั้งเมิ่งฮ่าวที่กำลังไล่ตามฟางเซียงซานไปอย่างเร่งร้อน มองเห็นรอยแตกขนาดใหญ่อยู่ในท้องฟ้า ทันใดนั้นจิตใจเขาก็ต้องเต้นรัว และเริ่มรู้สึกสำนึกผิดขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ดวงตาเขาก็เริ่มสงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ทำจิตใจให้เยือกเย็น และไล่ติดตามต่อไป
ฟางเซียงซานอยู่ที่เบื้องหน้าขึ้นไป ผู้พิทักษ์เต๋าชราคว้าจับแขนของนางไว้ ขณะที่พยามยามเร่งความเร็วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันยังได้ใช้เวทลับและวิชาหลบหนีโลหิตออกมา ในตอนนี้คนทั้งหมดกำลังอยู่ใกล้กับสุดชายเขตของเทือกเขาแล้ว ไม่นานนักก็จะพุ่งออกไปจากภายในเขตเทือกเขาได้แล้ว คนทั้งหมดกลายเป็นลำแสงหลากสี พุ่งตรงไปยังผืนป่าของตระกูลฟาง ในอาณาจักรต้าถังแห่งดินแดนตะวันออก
ในเวลาเดียวกันนั้น สองหญิงชราก็กำลังไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวมาด้วยความกระวนกระวาย จิตใจพวกนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง
“เมื่อไหร่ที่พวกเราพบกับลุงของท่าน เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็จะคลี่คลายลงได้” ชายชรากล่าว “และเจ้าเมิ่งฮ่าวนั่นจะต้องตายไปอย่างแน่นอน!” ฟางเซียงซานกัดริมฝีปากและพยักหน้า นางรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ภายในใจ แต่ก็มั่นใจเช่นกันว่า ด้วยศักดิ์ฐานะของนางในตระกูลฟาง ท่านลุงคงจะช่วยคลี่คลายวิกฤตนี้ให้ได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ท่านก็ต้องให้เมิ่งฮ่าวต้องจ่ายค่าตอบแทนในสิ่งที่มันกระทำไปอย่างไร้ข้อโต้แย้งใดๆ
นางเชื่อมั่นเช่นนี้ ชายชราก็เชื่อมั่น และสองหญิงชราอันดุร้ายที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าวก็เชื่อมั่นเช่นเดียวกัน
“ท่านลุงอยู่ในดาวหนานเทียนแห่งนี้ ถ้ามีใครบังอาจมาทำร้ายคนในตระกูลฟาง ท่านต้องไม่นิ่งเฉยเป็นแน่!”
“ท่านลุงอาจจะจำกัดผู้คนที่จะผ่านเข้ามาในดาวหนานเทียน แต่ท่านก็ยังคงเป็นคนของตระกูลฟาง เมิ่งฮ่าวผู้นี้ชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด ดังนั้นมันจะต้องถูกสังหารไปอย่างแน่นอน!”
“สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือไปหาท่านลุง และเมิ่งฮ่าวก็จะต้องถูกกำจัดไป! ไม่ว่าสำนักของเมิ่งฮ่าวในดาวหนานเทียนแห่งนี้จะยิ่งใหญ่มากแค่ไหน ก็ไม่อาจจะช่วยเหลือมันได้!”
มีสองคนอยู่ด้านหน้า เมิ่งฮ่าวอยู่ตรงกลาง และสองหญิงชรากำลังไล่ติดตามมาจากทางด้านหลัง ห้าคนแหวกฝ่าอากาศจนเกิดเป็นเสียงแหลมเล็ก ในที่สุดก็พุ่งออกมาจากเขตเทือกเขา ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวยื่นมือออกไปในท่าคว้าจับ เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เขาจับไปที่ชายชราซึ่งกำลังบินอยู่ด้านข้างฟางเซียงซาน ร่างชายชราสั่นสะท้าน และกระอักโลหิตออกมากองโต ขณะที่มันหลบเลี่ยงการโจมตีจากเมิ่งฮ่าว ท่าทางเคียดแค้นเต็มอยู่บนใบหน้า และมันก็เริ่มพุ่งตัวออกไปอีกครั้งหนึ่ง
สองหญิงชราที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว กระวนกระวายใจจนต้องโจมตีออกมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ
“อย่าได้เกินเลยไปนัก เมิ่งฮ่าว! นี่อาจจะเป็นดาวหนานเทียน แต่ก็เป็นอาณาเขตในอำนาจของตระกูลฟางด้วยเช่นกัน!”
“วันนี้เจ้าต้องตาย!”
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงอยู่ในลำคออย่างเย็นชา และเตรียมตัวจะโจมตีไปอีกครั้ง เขาไม่มีความตั้งใจที่จะสังหารผู้ใด แน่นอนว่าเขาต้องการแค่ถุงสมบัติของฟางเซียงซาน แต่ในตอนนี้เองที่ลำแสงสิบกว่าสายได้เข้ามาใกล้จากที่ห่างไกล เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วจนยากจะอธิบายออกมาได้
ผู้ที่นำหน้ามาเป็นฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ ด้านหลังคนทั้งสองเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังสิบกว่าคนจากสำนักและตระกูลนอกดาวหนานเทียน
เมื่อฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่มองเห็นเมิ่งฮ่าว ฟางซิ่วเฟิงก็จ้องมองไปที่เขา สำหรับมารดา ดูเหมือนว่านางจะมีสีหน้าที่หม่นหมอง แต่ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นคนทั้งสอง ก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้น สำหรับชายชราที่อยู่ด้านข้างฟางเซียงซาน เมื่อมันเห็นผู้ที่ใกล้เข้ามา ใบหน้ามันก็เต็มไปด้วยความดีใจ
สองหญิงชราที่ใกล้เข้ามามากขึ้นก็เริ่มส่งเสียงหัวเราะ
“ท่านลุง ช่วยข้าด้วย!” ฟางเซียงซานร้องออกมา ชายชราไม่อาจจะข่มกลั้นความตื่นเต้นไว้ได้ รีบประสานมือคารวะต่อฟางซิ่วเฟิง
“ขอคารวะฟางจุน! (ผู้อาวุโสฟาง)”
หญิงชราทั้งสองหยุดชะงักลงในทันที จิตใจกำลังพลุ่งพล่านด้วยความดีใจ พวกนางรีบหมุนเป็นวงกลมเพื่อผนึกเส้นทางหลบหนีของเมิ่งฮ่าวไว้ในทันที สีหน้าแวบรังสีสังหารขึ้น พวกนางคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะต้องตายไปอย่างแน่นอน
หลังจากนั้น พวกนางก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่
“พวกเราขอคารวะฟางจุน!”
เมิ่งฮ่าวค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ เอามือลูบจมูกยืนอยู่ที่นั่น
เพียงชั่วพริบตา ฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ก็พุ่งฝ่าอากาศลงมา ด้านหลังคนทั้งสอง มองเห็นผู้แข็งแกร่งอีกสิบกว่าคน ดูเลือนลางเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่กระจายพลังและแรงกดดันอันเข้มข้นออกมา จนทำให้แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังต้องมืดสลัวลงไป
ทันทีที่สายตาพวกมันตกกระทบไปบนร่างเมิ่งฮ่าว ก็ราวกับว่ามีภูเขาหลายลูกกำลังบดขยี้ลงมาอยู่รอบๆ ตัว ผนึกเขาไว้ในทันที
“ท่านลุง นี่ข้าเอง ซานเอ๋อร์!” ฟางเซียงซานร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “ท่านลุง โปรดช่วยข้าด้วย!” ตอนนี้เมื่อนางมองเห็นญาติทั้งสอง ก็พบว่าตัวเองไม่อาจจะยับยั้งความต้องการที่จะระบายความอัปยศที่เพิ่งจะกล้ำกลืนฝืนทนมาได้
ในตอนนี้เองที่ชายชราและสองหญิงชราได้มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความสะใจ ดวงตาสาดประกายด้วยความเกลียดชัง พวกมันเริ่มพูดคุยราวกับว่ากำลังพูดถึงคนที่ต้องตายไปอย่างแน่นอน
“ฟางจุน นี่คือเมิ่งฮ่าว เป็นคนที่มีจิตใจชั่วร้ายและน่ากลัว ไร้ยางอายอย่างสุดที่จะเปรียบปาน! มันยังได้ใช้วิธีการอันต่ำช้ามาจับกุมอวิ๋นอี้ไว้อีกด้วย!”
“ท่านต้องไม่ปล่อยให้คนผู้นี้มีชีวิตรอดจากไป! มันไม่เพียงแต่จะจับอวิ๋นอี้ไว้เท่านั้น มันยังทำให้ฝานตงเอ๋อร์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าต้องได้รับความอัปยศอีกด้วย! รวมถึงจับตัวผู้ถูกเลือกจากสำนักและตระกูลต่างๆ ไว้! มันเป็นคนที่น่ารังเกียจอย่างถึงที่สุด!”
“นั่นก็ใช่แล้ว ที่มากไปกว่านั้นก็คือว่า มันยังได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมที่น่าอัปยศมาขโมยโชควาสนาจากวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณทั้งหมดไปอีกด้วย! จนทำให้ผู้คนต้องโกรธแค้นไปตามๆ กัน!”
“คนผู้นี้ชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด! มันไม่เพียงแต่จะฝังระเบิดไว้ที่ด้านนอกของวิหารพิธีเต๋า จนทำให้คนทั้งหมดต้องได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่มันยังได้แสร้งทำตัวเป็นผู้พิทักษ์เต๋าอยู่ที่ด้านนอกของวิหาร และเรียกตัวเองว่าเป็นผู้กวาดพื้นอีกด้วย!”
“มันช่างเป็นคนที่ไร้ยางอายอย่างแท้จริง! มันได้ครอบครองวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณไปทั้งหมด ไม่ยอมปล่อยให้ใครเข้าไปที่ด้านใน และใช้เล่ห์เหลี่ยมที่น่าอายมารีดไถและปล้นพวกเราไป มีสหายผู้ฝึกตนมากมายต้องได้รับบาดเจ็บเพราะมัน!”
ตอนนี้หยดน้ำตากำลังไหลลงมาจากใบหน้าฟางเซียงซาน ขณะที่มองไปยังฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ และโค้งตัวลงอย่างต่อเนื่อง
“ท่านลุง คนผู้นี้ไล่ติดตามมาเพื่อพยายามจะสังหารข้า! ถ้าข้าไม่มาพบกับท่านทั้งสอง ซานเอ๋อร์ก็คงต้องถูกฝังอยู่ในสถานที่แห่งนี้ และคงจะไม่มีโอกาสได้พบกับท่านทั้งสองอีกแล้ว” ฟางเซียงซานไม่ได้เป็นสายโลหิตโดยตรงของตระกูลฟาง ดังนั้นนางจึงใช้คำเรียกหาที่ไม่เป็นทางการ ‘ท่านลุง’ ได้เท่านั้น ถ้านางเป็นสายโลหิตโดยตรง นางก็จะต้องเรียกว่า ‘ท่านลุงฟางซิ่วเฟิง’ และต้องใช้คำที่เป็นทางการมากกว่าคำว่า ‘ท่านลุง’ นอกจากนี้เมื่อนับสายโลหิตโดยตรงของตระกูลฟางแล้ว ฟางซิ่วเฟิงถือว่าเป็นบุตรคนโต และเมิ่งฮ่าวก็มีฐานะเป็นหลานปู่คนโต
เมื่อฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ได้ยินคำพูดที่กำลังดังขึ้นมานั้น ใบหน้าของคนทั้งสองก็หมองคล้ำลง เมิ่งฮ่าวรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น และยิ้มอย่างเขินอายออกมาเป็นเชิงขอโทษ
สิบกว่าคนที่อยู่ด้านหลังฟางซิ่วเฟิง เริ่มหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ขณะที่พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว
“ที่แท้ก็คือเจ้าผู้เยาว์รุ่นหลัง เมิ่งฮ่าวนี่เอง!”
“บังอาจนักเมิ่งฮ่าว ยังไม่ยอมปล่อยผู้ถูกเลือกจากภูเขาไท่หยางออกมาอีก? เจ้าต้องไปยังภูเขาไท่หยางกับข้าเพื่อชดใช้ความผิด!”
“เจ้าจับตัวผู้ถูกเลือกหลิงเอ๋อร์แห่งตระกูลหลี่ไว้ เพื่อชดใช้ความผิดนี้ เจ้าต้องคุกเข่าลง ทำลายพื้นฐานฝึกตนไป และควักนัยน์ตาทั้งสองข้างออกมาเดี๋ยวนี้!”
“ซ่งหลัวตานคือผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลซ่ง! เป็นผู้ที่มีความซื่อตรงและจริงใจ มีพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ธรรมดา เจ้าแอบใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรในการจับตัวมันไว้!?”
“เจ้าจับตัวซุนไห่ไว้ ยังไม่ปล่อยตัวออกมาอีก? เห็นได้ชัดว่าเจ้ายังเยาว์วัยและไม่ค่อยรู้ความ ดังนั้นข้าจะให้บิดามารดาเจ้าเป็นผู้ชดใช้ความผิดเหล่านี้แทน!”
ถ้าฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้ คนเหล่านี้ไม่มีใครสามารถจะสังหารเมิ่งฮ่าวได้ พวกมันได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาจนคล้ายกับเป็นน้ำแข็งที่เย็นเยียบเท่านั้น
ใบหน้าของฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ก็เย็นชาราวน้ำแข็งด้วยเช่นกัน
เมื่อฟางเซียงซานมองเห็นกลุ่มคนทั้งหมดที่กำลังยืนอยู่ที่ด้านหลังฟางซิ่วเฟิง จิตใจนางก็พลุ่งพล่านไปด้วยความดีใจ มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาอาฆาตแค้นและกล่าวว่า “ท่านลุง, ท่านป้า คนผู้นี้มีเหรียญเต๋าเซียนโบราณด้วย!”
“ท่านทั้งหลาย” ชายชราจากตระกูลฟางกล่าว “ฟางจุน คนผู้นี้ไม่เพียงแต่จะมีเหรียญเต๋าเซียนโบราณเท่านั้น มันยังมีตะเกียงสัมฤทธิ์ด้วยเช่นกัน นั่นเป็นตะเกียงที่ทำให้มันมีพลังของเซียนแท้อยู่ถึงแปดในสิบส่วน!”
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ พวกมันก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังก้มหน้าลงพร้อมกับรอยยิ้มที่เขินอาย คล้ายกับเป็นเด็กที่เพิ่งจะถูกจับได้ว่ามีกล่องขนมที่ลักขโมยมาอยู่ในมือ
ฟางซิ่วเฟิงหันหน้าไปมองยังเมิ่งฮ่าว ถามว่า
“สิ่งที่พวกมันพูดเป็นความจริง!?”
เมิ่งฮ่าวกระพริบตาอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างเงียบๆ ว่า “ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่พวกมันกล่าวมา…ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น!”
ฟางเซียงซานและคนอื่นๆ ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ที่เกี่ยวกับวิธีการพูดของฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งฮ่าว แต่ในท่ามกลางกลุ่มผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนนั้น มีอยู่บางคนทันใดนั้นรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง จนจิตใจพวกมันต้องสั่นสะท้าน
ฟางซิ่วเฟิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาและโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทันใดนั้นแรงกดดันที่กดทับลงไปบนร่างเมิ่งฮ่าวก็หายไป ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อพวกที่มองดูอยู่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ จิตใจพวกมันก็เต้นรัว
ผู้แข็งแกร่งจากนิกายตี้เซียน (เซียนจักรพรรดิ) หรี่ดวงตาลง “ดูเหมือนว่า…มีบางอย่างที่แปลกๆ ระหว่างฟางซิ่วเฟิงและเด็กผู้นี้…”
ตัวแทนจากตระกูลจี้มองไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยดวงตาที่สาดประกาย จากนั้นก็มองกลับไปยังฟางซิ่วเฟิงด้วยท่าทางครุ่นคิด
ฟางซิ่วเฟิงขมวดคิ้ว และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยแววตาที่เคร่งเครียด ถามว่า
“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ปล่อยคนเหล่านั้นออกมา?”
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา มองไปที่มารดาอย่างลังเล จากนั้นก็มองกลับมาที่บิดา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังแกล้งทำเป็นบังคับ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจและตบไปที่ถุงสมบัติ
ซุนไห่ออกมาก่อนเป็นคนแรก
เสื้อผ้ามันฉีกขาด และมีสีหน้าที่ซีดเซียว อย่างไรก็ตามในทันทีที่มันปรากฏกายขึ้น ก็รีบประสานมือให้กับเมิ่งฮ่าว และกล่าวประจบขึ้นในทันที “พี่เมิ่ง เสียวไห่ขอคารวะ ท่าน…” มันกำลังจะกล่าวต่อไป แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นคนทั้งหมดในบริเวณนั้น มันอ้าปากค้างและจากนั้นก็เริ่มใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
ผู้แข็งแกร่งจากนิกายตี้เซียนมีสีหน้าที่ดูน่าเกลียดขึ้น มันเพ่งมองไปยังซุนไห่ด้วยสายตาที่ดุร้าย เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำพูดที่น่าอับอายซึ่งซุนไห่เพิ่งจะพูดออกมา
จิตใจซุนไห่สั่นสะท้าน แต่มันก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง หยดน้ำตาเริ่มไหลนองหน้าในทันที
“ท่านลุง!” มันร้องออกมาเป็นเสียงดังเน้นย้ำด้วยความเคารพ “ช่วยข้าด้วย ท่านลุง! มันบังคับให้ข้าทำเช่นนี้! ท่านไม่รู้หรอกว่าเจ้าตัวบัดซบที่ไร้ยางอายนี้ชั่วร้ายมากแค่ไหน! มันเอาถุงสมบัติและขโมยสิ่งของทั้งหมดของข้าไป จากนั้นก็บังคับให้ข้าเขียนตั๋วสัญญา!”
“ข้าไม่อยากจะทำ แต่มันก็ดึงผมข้าลากไปตามพื้น ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ข้าได้รับบาดเจ็บ ท่านดู แม้แต่เสื้อผ้าข้าก็ยังไม่มีจะเปลี่ยนเลย มีแต่ผ้าขี้ริ้วผืนนี้เอง เรื่องทั้งหมดนี้มันบังคับข้าทั้งสิ้น!” จากน้ำเสียงในคำพูดของซุนไห่ขณะที่ดังก้องออกมา คนทั้งหมดรับรู้ได้ถึงสิ่งที่มันได้พบกับความน่าหวาดกลัวและน่าอนาถใจเหล่านั้น
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังซุนไห่ด้วยสีหน้าที่เย็นชา ดวงตาเบิกกว้าง แต่ไม่พูดอะไรออกมา
“มองอะไรเด็กน้อย!? เจ้าต้องตาย!” ซุนไห่ร้องตะโกนขึ้น ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างน่ากลัว แต่ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็รีบถอยไปยืนอยู่ที่ข้างกายลุงของมันอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงมันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา และจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว
ฟางซิ่วเฟิงมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและอ้าปากค้าง เมิ่งลี่กระพริบตาสองสามครั้ง และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ปล่อยคนอื่นๆ ออกมาด้วย” ฟางซิ่วเฟิงกล่าว มีท่าทางเหมือนกำลังจะเริ่มปวดศีรษะ
เมิ่งฮ่าวรับคำ จากนั้นก็ตบไปที่ถุงสมบัติปล่อยไท่หยางจื่อออกมา
ไท่หยางจื่อมีท่าทางน่าสังเวชใจยิ่ง เส้นผมมันยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งโดยสิ้นเชิง ดวงตาดูว่างเปล่า ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความงุนงงอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จิตใจจะเริ่มเต้นรัวขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ท่านอาจารย์ลุง…” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน พร้อมกับรู้สึกว่าในที่สุดก็ได้เห็นแสงแห่งดวงตะวันแล้ว ราวกับว่าทันใดนั้นมันก็ได้พบกับลำแสงแห่งความหวังของชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็รีบพุ่งไปยืนอยู่ที่ด้านข้างของผู้แข็งแกร่งจากภูเขาไท่หยาง ในที่สุดมันก็หันหน้ามองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความเกลียดชัง
“เมิ่งฮ่าว ข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่ตายไปในวันนี้! ด้วยเช่นนั้นจะทำให้ข้ามีโอกาสที่จะสังหารเจ้าไปด้วยตัวเองในวันข้างหน้า! ข้าขอสาบานว่าข้าจะช่วยให้เจ้าเข้าใจถึงความหมายของคำว่า มีชีวิตอยู่เลวร้ายกว่าตายไปมากนัก!”
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังไท่หยางจื่อด้วยความโหดเหี้ยม
“ข้าท้าให้เจ้าพูดมันอีกครั้ง!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาลุกไหม้ด้วยความต้องการสังหาร ไท่หยางจื่อกำลังจะอ้าปาก แต่เมื่อได้เห็นแววตาของเมิ่งฮ่าว ฉับพลันนั้นจิตใจมันก็เริ่มเต้นรัว และไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาอีก