Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 832

ตอนที่ 832

ทุกคนถูกปล่อยออกมาแล้ว

“ช่างกล้าดีนัก!” ชายชราที่อยู่ข้างกายฟางเซียงซานกล่าว มันแค่นเสียงเย็นชาและจ้องไปยังเมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่า…มันไม่ได้รับรู้ถึงร่องรอยใดๆ ในตอนนี้สิบกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฟางซิ่วเฟิง ส่วนใหญ่แล้วต่างก็ตระหนักดีถึงบรรยากาศ…ที่แปลกๆ นี้

จากวิธีการพูดคุยกันระหว่างฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งฮ่าว ดูไม่เหมือนกับคนทั้งสองเป็นคนแปลกหน้ากัน แต่กลับเหมือนวิธีการพูดของบิดาและบุตรมากกว่า

เสียงหอบหายใจเบาๆ ได้ยินมา ด้วยเหตุผลเช่นนั้นทำให้พวกมันนึกขึ้นได้ถึงเหตุผลที่ฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่มายังดาวหนานเทียนแห่งนี้ในครั้งแรก จากนั้นพวกมันก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง ซึ่งแตกต่างไปจากการมองในตอนก่อนหน้านี้ของพวกมัน

“หยุดถ่วงเวลาได้แล้ว! ปล่อยพวกมันออกมาทั้งหมด!” ฟางซิ่วเฟิงกล่าว ภายในใจท่านกำลังหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา แต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เมิ่งฮ่าวยังได้ทำในสิ่งที่น้อยคนนักจะทำได้สำเร็จอีกด้วย

เมิ่งฮ่าวทำหน้ามุ่ยปลดปล่อยฟางอวิ๋นอี้และซ่งหลัวตานออกมา พวกมันปรากฏกายขึ้นด้วยหน้าตาที่ซีดเซียวอมทุกข์ ฟางอวิ๋นอี้ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และมันก็กระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็หมดสติไปในทันที ชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างฟางเซียงซานรีบก้าวเท้าตรงไปรับร่างมันไว้อย่างรวดเร็ว และมองกลับมายังเมิ่งฮ่าว รังสีสังหารพุ่งขึ้นมาจากในดวงตา

ซ่งหลัวตานเดินออกมาด้วยท่าทางเงียบขรึม มันหันหน้ามองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่ลึกล้ำ แต่ไม่พูดอะไรออกมา เมื่อมันเดินไปถึงผู้แข็งแกร่งจากตระกูลซ่ง ก็ยืนอยู่ที่นั่นหลับตาลง ยากที่จะบอกได้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่

“มีอีกหรือไม่?” ฟางซิ่วเฟิงถาม

“อืม…อีกไม่มาก” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ ปลดปล่อยอีกสามคนออกมาจากถุงสมบัติอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก คนทั้งสามนี้เป็นผู้ถูกเลือกที่เขาได้จับตัวไปเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ทันทีที่ถูกปล่อยตัว พวกมันก็หันหน้าไปมองยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่ลุกไหม้ด้วยเพลิงโทสะ รวมทั้งความต้องการเข่นฆ่าสังหาร

เมื่อคนทั้งหมดมองเห็นผู้ถูกเลือกอีกสามคน ถูกปล่อยตัวออกมาจากถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าว พวกมันก็อ้าปากค้าง แม้แต่ฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครจะคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวสามารถจับกุมตัวผู้คนมาได้มากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แข็งแกร่งจากสำนักและตระกูลด้านนอกดาวหนานเทียน

พวกมันจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่โผล่ออกมาจากถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่งุนงง และอดที่จะคิดอย่างช่วยไม่ได้ว่าเมิ่งฮ่าว…ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง

“หมดแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าว แบมือทั้งสองข้างออก มองไปยังกลุ่มผู้แข็งแกร่งที่กำลังยืนอยู่ที่ด้านหลังบิดาและมารดาด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง

ด้วยการตอบรับคำพูดของเขา ผู้แข็งแกร่งจากตระกูลจี้และหลี่ ต่างก็จ้องมองกลับมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แม้แต่ฟางซิ่วเฟิงก็ยังแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา

“แล้วผู้ถูกเลือกจากตระกูลจี้ และหลี่หลิงเอ๋อร์อยู่ที่ไหน!?”

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็มีท่าทางตื่นตกใจอยู่เล็กน้อย

“หลี่หลิงเอ๋อร์คือใคร? อืม ข้าไม่รู้จักนาง ผู้ถูกเลือกตระกูลจี้? ข้าไม่เคยเห็นผู้ถูกเลือกตระกูลจี้ใดๆ!” ขณะที่เมิ่งฮ่าวกล่าวเฉไฉ ฟางซิ่วเฟิงก็มองกลับไปที่เขาด้วยสีหน้าเฉยเมย และในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา

“ข้าต้องออกไปจากดาวหนานเทียน” เมิ่งฮ่าวคิดกับตนเอง “ช่างน่าเบื่อยิ่งถ้าต้องทนอยู่ในที่แห่งนี้อีกต่อไป” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจนำจี้ยินออกมาจากถุงสมบัติ

ทันทีที่จี้ยินโผล่ออกมา กลุ่มหมอกหนาก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่างนาง ปกปิดนางไว้โดยสิ้นเชิง ในที่สุดนางก็มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยสีหน้าที่ลึกล้ำ จากนั้นก็หันหลังและเดินไปยังผู้แข็งแกร่งแห่งตระกูลจี้

“อย่าลืมว่าเจ้าเป็นหนี้ตั๋วสัญญาข้า!” เมิ่งฮ่าวโพล่งออกมา เขาได้ร่างจริงที่สองกลับมานานแล้ว และกวาดเอาสิ่งของในถุงสมบัติของจี้ยินไปจนเกลี้ยงเกลาแล้วเช่นกัน

จี้ยินหยุดชะงักอยู่ชั่วครู่ ราวกับว่านางกำลังพยายามควบคุมตัวเองไว้เป็นอย่างมาก หลังจากที่ผ่านไปนาน นางก็กัดฟันแน่นและเดินต่อไป

“นั่นคือคนสุดท้ายแล้วจริงๆ!” เมิ่งฮ่าวกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว

สิบกว่าคนที่อยู่ด้านหลังฟางซิ่วเฟิง ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ถ้าพวกมันไม่มีใครสามารถรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ พวกมันก็คงไม่อาจจะฝึกตนได้จนถึงระดับนี้แล้ว ผู้แข็งแกร่งแห่งตระกูลหลี่ถอนหายใจออกมา และเห็นได้ชัดว่าเริ่มรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย ในข้อตกลงระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลฟางเมื่อหลายปีก่อนโน้น หลี่หลิงเอ๋อร์ได้ถูกหมั้นหมายไว้กับบุตรชายที่พิการของฟางซิ่วเฟิงเรียบร้อยแล้ว

จากที่เห็นอยู่นี้ นางจึงบอกได้ว่า…บุตรชายพิการจากเมื่อหลายปีก่อนนั้นจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเมิ่งฮ่าว ที่พวกมันกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้

ผู้แข็งแกร่งตระกูลหลี่ถอนหายใจและมองไปยังฟางซิ่วเฟิง “พี่ฟาง…ท่านดู…”

ฟางซิ่วเฟิงฝืนยิ้มออกมา จากนั้นก็หันหน้าไปจ้องมองเมิ่งฮ่าว

“ปลดปล่อยนาง!”

เมิ่งฮ่าวขบกรามแน่น เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและมองไปยังฟางซิ่วเฟิง “นางน่าจะเป็นสาวใช้ของท่านแม่!”

คำพูดของเขาค่อนข้างจะป่าเถื่อนอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้จิตใจของฟางซิ่วเฟิงต้องอ่อนโยนลงอย่างแท้จริง ท่านรู้ว่าในตอนที่เมิ่งฮ่าวยังเยาว์วัย ท่านและเมิ่งลี่ไม่อาจจะอยู่เลี้ยงดูเขาได้ และท่านก็มั่นใจว่าการมีปฏิกิริยาในเชิงลบจะทำให้ไม่อาจจะให้คำแนะนำสั่งสอนบุตรชายได้

เมิ่งลี่ใช้มือปกปิดรอยยิ้มไว้ จากนั้นก็ก้าวเท้าออกมา และมองไปยังบุตรชาย กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ปล่อยนางออกมาดู”

เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงสมบัติ และหลี่หลิงเอ๋อร์ก็ลอยขึ้นมา เส้นผมนางยุ่งเหยิง และริมฝีปากก็ยังคงมีคราบโลหิต ก้นนางก็ยังคงไม่เท่ากันอยู่เล็กน้อย และยังมีรอยฝ่ามืออยู่ทั้งสองข้าง ใบหน้านางซีดขาว เห็นได้ชัดว่าความเจ็บปวดเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้นางแทบจะสลบเหมือดลงไปได้ทุกเมื่อ

ทันทีที่นางปรากฏกายขึ้น แสงอันดุร้ายก็สาดประกายอยู่ในแววตา และนางก็หมุนตัวตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ยกมือขึ้นทำท่าเป็นกรงเล็บตวัดลงไปบนหน้าของเมิ่งฮ่าว เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังนางและยื่นมือขวาออกไป

จิตใจหลี่หลิงเอ๋อร์สั่นสะท้าน และนางก็ถอยไปทางด้านหลังในทันที จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างมีโทสะ

“คนที่ดุร้ายเช่นเจ้า ไม่เหมาะที่จะมาเป็นหญิงรับใช้ให้กับท่านแม่ข้า ไสหัวไป!” เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมืออย่างไม่ใยดี เขาอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่ต้องสูญเสียไปอย่างมากมายในตอนนี้

“เมิ่งฮ่าว!” หลี่หลิงเอ๋อร์กรีดร้องออกมา รู้สึกโกรธแค้นจนร่างกายสั่นไปมา นางกำลังจะพุ่งตรงไปโจมตีอีกครั้ง แต่ผู้แข็งแกร่งตระกูลหลี่ก็ยื่นมือออกมาขัดขวางนางไว้ ดึงนางออกไปที่ด้านข้างและถ่ายทอดคำพูดบางอย่างไปที่นาง ดวงตาหลี่หลิงเอ๋อร์เบิกกว้าง และนางก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็มองไปยังฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ ทันใดนั้นใบหน้านางก็ขาวซีดไปโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าโลกทั้งใบของนางเริ่มมืดมิดลง

“เป็นไปไม่ได้…” นางพึมพำ แทบจะราวกับว่านางกำลังถูกสะกดจิตไว้ “เป็นไปไม่ได้…”

“ทุกคนถูกปล่อยออกมาแล้ว ถ้าไม่มีอะไรอีกข้าก็จะไปแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวสะบัดชายแขนเสื้อและกำลังจะจากไป แต่ชายชราจากตระกูลฟาง ซึ่งยังไม่รู้เรื่องในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา

“เจ้าต้องการจากไป? ส่งมอบถุงสมบัติของเจ้าออกมา จากนั้นก็คุกเข่าร้องขอความเมตตา!” ร่างมันแวบขึ้นขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว สำหรับสองหญิงชรารู้สึกลังเลอยู่ชั่วครู่ สำหรับพวกนางแล้วดูเหมือนว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง แต่สุดท้ายก็กัดฟันแน่น และพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน

ฟางเซียงซานฝึกตนมาไม่นานเท่าใดนัก แต่นางก็บอกได้ว่ามีบางสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าคืออะไรก็ตามที

เมื่อได้เห็นคนทั้งสามเข้ามาใกล้ ใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็เคร่งเครียดขึ้นในทันที

“พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!?” เมิ่งฮ่าวกำมือขวาเป็นหมัดและต่อยออกไปในทันที เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่ร่างของสามผู้พิทักษ์เต๋าชราสั่นสะท้าน พวกมันถอยไปทางด้านหลัง และกำลังจะปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตนออกมา แต่…

ทันใดนั้น เสียงแค่นอย่างเย็นชาอีกเสียงก็ดังก้องขึ้น และคำพูดของฟางซิ่วเฟิงก็ทำให้อากาศสั่นสะเทือนไปทั่ว

“พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!?” แสงอันเย็นเยียบแวบออกมาจากดวงตา ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นสายตาที่ทำให้สามผู้พิทักษ์เต๋าชรา ต้องสั่นสะท้านปลิวไปทางด้านหลังและกระอักโลหิตออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในร่างพวกมัน ขณะที่บาดแผลจากรอยกระบี่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น พวกมันแทบจะถูกเฉือนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปได้ทุกเมื่อ

สีหน้าของสามผู้พิทักษ์เต๋าชราสลดลง ขณะที่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันเก้าในสิบส่วนถูกเฉือนออกไป โลหิตพ่นกระจายออกไปทั่วทุกที่ และพวกมันก็แทบจะถูกสังหารไป

“ฟางจุน…” (ผู้อาวุโสฟาง)

ที่ด้านข้าง ฟางเซียงซานอ้าปากค้าง “ท่านลุง…”

“สหายเต๋าทุกท่าน” ฟางซิ่วเฟิงกล่าว พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ อยู่บนริมฝีปาก “ข้ายังไม่มีโอกาสอันเหมาะสมที่จะแนะนำว่า นี่คือ…บุตรชายของข้า” เมื่อเสียงของท่านดังก้องออกมาอยู่ในหูของผู้แข็งแกร่งทั้งหมด พวกมันก็เริ่มฝืนยิ้มออกมา ก่อนหน้านี้พวกมันก็แทบจะเดาได้เกือบหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินฟางซิ่วเฟิงกล่าวออกมาด้วยตนเอง ก็ทำให้ไม่รู้สึกแปลกใจใดๆ

อย่างไรก็ตาม จี้ยินและคนอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความตกตะลึงโดยสิ้นเชิง หลี่หลิงเอ๋อร์สั่นสะท้านและมีสีหน้าที่ว่างเปล่า แต่ผู้ที่รู้สึกหวาดกลัวมากที่สุดในคนทั้งหมดไม่ใช่นาง แต่เป็นซุนไห่ มันมองไปยังภาพที่เบื้องหน้าด้วยความงุนงง และคิดย้อนกลับไปยังสิ่งทั้งหมดที่มันได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นสีหน้าเศร้าหมองก็มองเห็นได้บนใบหน้ามัน ราวกับว่าโลกของมันได้มืดมิดลงไป

ในตอนนี้ ฟางอวิ๋นอี้ได้สติกลับคืนมา มันและฟางเซียงซานยืนอยู่ที่นั่นด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มราวกับเสียงฟ้าร้อง ชายชราและสองหญิงชราอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

พวกมันคิดย้อนไปถึงคำพูดข่มขู่คุกคามทั้งหมดที่ได้กล่าวกับเมิ่งฮ่าวไว้…รวมถึงความพยายามที่จะให้บิดาของเมิ่งฮ่าวจัดการบุตรชายของตัวเอง จากนั้น…พวกมันก็เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

“ข้าปลดผนึกวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณบนดาวหนานเทียนนี้ออก เพื่อให้บุตรชายได้ฝึกฝนตนเอง ตั้งแต่ครั้งที่ยังเยาว์วัยมันมีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก ข้าหวังว่าสหายเต๋าทั้งหลายจะเห็นแก่หน้าข้า ไม่ถือสาการกระทำที่น่าอับอายไร้มารยาทของมัน” พร้อมกับเสียงหัวเราะ ฟางซิ่วเฟิงประสานมือให้กับผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด

ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนฝืนหัวเราะหึๆ และส่ายหน้าไปมา จากนั้นพวกมันก็กล่าวคำพูดที่สุภาพกับฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่สองสามคำ ในเวลาเดียวกันนั้นก็ชำเลืองมองไปยังเมิ่งฮ่าวเป็นระยะ สำหรับถุงสมบัติที่เขาได้หยิบฉวยไป และสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้นในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมนักที่จะเอ่ยขึ้นมา

“เมื่อท่านทั้งหลายมาอยู่ในที่แห่งนี้กันแล้ว ก็ไม่ต้องรีบเร่งจากไป โปรดกลับไปยังสำนักงานใหญ่ของตระกูลพร้อมกับข้า ขอให้ข้าได้เลี้ยงต้อนรับพวกท่านสักเล็กน้อย” ฟางซิ่วเฟิงกล่าวขึ้น ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนหัวเราะให้กับตนเอง เรื่องราวของกลุ่มผู้เยาว์เป็นสิ่งที่พวกมันสามารถจะละเลยได้ ดังนั้นพวกมันจึงพูดคุยและหัวเราะกันไปมา ขณะที่ติดตามฟางซิ่วเฟิงกลับไปยังตระกูลฟาง

สำหรับซ่งหลัวตาน และผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ทั้งหมด พวกมันเกลียดชังเมิ่งฮ่าวเหมือนกับก่อนหน้านี้ และไม่ได้พยายามจะปกปิดความจริงข้อนี้ไว้ และเมิ่งฮ่าวก็เช่นเดียวกัน เขาจ้องมองกลับไปยังพวกมันด้วยความเกลียดชัง จากนั้นก็หยิบเอาตั๋วสัญญาปึกใหญ่ออกมา จากนั้นก็เริ่มพลิกดูไปมา ซ่งหลัวตานและคนอื่นๆ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกัดฟันแน่น และหันหลังติดตามกลุ่มผู้อาวุโสไป

เมิ่งฮ่าวตัดสินใจที่จะไม่กลับไปยังที่บ้านของตระกูลฟาง ไม่ว่าฟางซิ่วเฟิงพยายามจะบังคับเขาก็ตามที มารดาเมิ่งฮ่าวจัดแต่งเสื้อผ้าเขาและจากนั้นก็บีบไปที่จมูก ด้วยท่าทางที่กำลังพูดกับเด็กน้อย นางกล่าวเตือนไม่ให้เขาสร้างปัญหาใดๆ ขึ้นมาอีก ในที่สุดก็หันหลังจากไป

ฟางอวิ๋นอี้และฟางเซียงซาน รู้สึกหวาดกลัวจนแทบคุ้มคลั่ง และกำลังจะติดตามกลุ่มผู้อาวุโสจากไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าตรงมาขัดขวางพวกมันไว้

“ถัง…ถังเกอ…” ฟางเซียงซานพูดตะกุกตะกัก (ถังเกอ = ลูกพี่ลูกน้องที่มีอายุมากกว่า)

ฟางอวิ๋นอี้แค่นเสียงเย็นชา และมองไปทางอื่น ไม่ยอมพูดจาใดๆ

เมิ่งฮ่าวจ้องไปยังมัน จากนั้นก็ยื่นมือออก ตบไปที่ใบหน้ามันในทันที โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของฟางอวิ๋นอี้ และมันก็ลอยละลิ่วตกลงไปบนพื้น ผู้พิทักษ์เต๋าของมันยืนอยู่ที่ด้านข้าง ก้มศีรษะลง ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

“เจ้า!” ฟางอวิ๋นอี้กล่าวขึ้น มองไปยังเมิ่งฮ่าว แต่ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน เท้าของเมิ่งฮ่าวก็กระทืบลงไปบนร่างที่นอนหงายอยู่ของฟางอวิ๋นอี้

“เจ้าไม่ยอมรับว่าข้าคือลูกพี่ลูกน้องของเจ้า!? ที่บ้านเจ้าช่างไม่รู้จักอบรมสั่งสอนนัก!” เมิ่งฮ่าวเตะไปที่มันอย่างดุร้ายอีกสองสามครั้ง และฟางอวิ๋นอี้ก็แผดร้องออกมา ศีรษะมันในตอนนี้เต็มไปด้วยโลหิต ทำให้ฟางเซียงซานนิ่งแข็งไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่มองมา ความดุร้ายของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ทำให้นางคิดย้อนกลับไปยังภาพตอนที่นางยังเป็นเด็ก ถ้าจดจำไม่ผิด นางเคยถูกถังเกอผู้นี้ข่มเหงรังแกมาแล้วหลายครั้ง

“อ๊ากกกกก! ข้าจะสังหารเจ้า!” ฟางอวิ๋นอี้แผดร้องออกมา

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความเย็นชา และต่อยออกไปอีกครั้ง ปล่อยหมัดให้ตรงไปยังปากของของฟางอวิ๋นอี้ ทำให้ฟันมันหักและไม่อาจจะพูดจาได้ โลหิตพ่นกระจายออกมาเต็มปาก

ตอนนี้ ฟางเซียงซานกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ชายชราและสองหญิงชรากำลังจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง แต่ก็ไม่กล้าที่จะสอดมือเข้ามา

ร่างกายฟางอวิ๋นอี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และแทบจะหมดสติลงไปได้ทุกเมื่อ ความทรงจำจากตอนเยาว์วัยลอยขึ้นมา และมันก็จำได้อย่างเลือนลางว่ากำลังถูกทุบตีโดยกลุ่มพี่ชายและพี่สาวบางคน

เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องออกมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวเตะไปที่มันอีกครั้ง ดูเหมือนว่าถ้าฟางอวิ๋นอี้ไม่ยอมกล่าวคำพูดที่ถูกต้องออกมา มันก็คงจะถูกกระทืบจนตายไปอย่างแน่นอน

ฟางอวิ๋นอี้ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พ่นโลหิตออกมาจากปาก และจากนั้นก็โพล่งขึ้นมา “เกอ…ถังเกอ!!”

เท้าเมิ่งฮ่าวหยุดชะงักนิ่งอยู่ในกลางอากาศ เหนือใบหน้าของฟางอวิ๋นอี้ เขาค่อยๆ ดึงเท้ากลับมาอย่างช้าๆ จากนั้นรอยยิ้มอันเขินอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“เสี่ยวตี้, ขอต้อนรับสู่ดาวหนานเทียน” (เสี่ยวตี้ = น้องชาย)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!