ตอนที่ 839
เซียนแท้ช่างยากยิ่ง!
ถึงแม้จะเป็นระดับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวก็ตามที แต่หัตถ์ยักษ์สายฟ้าที่ฟาดลงมานี้ ก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงการลงโทษที่ใกล้เข้ามา แทบจะในทันทีที่มันเริ่มฟาดลงมาจากท้องฟ้า ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายด้วยความบ้าคลั่ง ยกมือขวาขึ้น และเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตก็พุ่งขึ้นไปอย่างเต็มกำลัง เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และทั่วทั้งร่างเขาก็กระจายแสงเวทออกมา
ในชั่วพริบตา สิ่งที่คงอยู่ทั้งหมดคือแสงสว่างที่เกิดขึ้นจากแสงเวทของเขา
ในเวลาเดียวกันนั้น กระแสน้ำวนเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต ก็ส่งเสียงดังกระหึ่มราวกับเป็นสัตว์อสูรที่มาจากสมัยโบราณ ผู้ฝึกตนทั้งหมดในสำนักจื่อยิ่นมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงเขาสีแดงที่ยื่นออกมาจากตรงกลางของกระแสน้ำวน
ต่อมาศีรษะยักษ์ก็ปรากฏขึ้น เป็นศีรษะของอสูรโลหิต ซึ่งจากนั้นก็โขกศีรษะตรงไปยังหัตถ์ยักษ์สายฟ้าที่สาดประกายเจิดจ้านั้น
เมื่อพวกมันปะทะกัน ก็เกิดการระเบิดขึ้นจนทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เขาของศีรษะอสูรโลหิตแตกกระจาย จากนั้นศีรษะทั้งหมดก็พังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระแสน้ำวนสีโลหิตกระจัดกระจายออกไป เช่นเดียวกับภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าว
สำหรับหัตถ์ยักษ์สายฟ้า มันก็สั่นสะท้านไปด้วยเช่นกัน นิ้วเริ่มพังทลายลงไปทีละนิ้ว จนกระทั่งเหลืออยู่เพียงแค่นิ้วเดียว ฟาดตรงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างดุร้ายต่อไป
เมื่อมันกำลังจะกระแทกลงมา ร่างกายเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงสีทองอันไร้ขอบเขต เขาเริ่มกลายเป็นวิหคยักษ์สีทองกระพือปีกไปมา พุ่งออกไปยังที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว ขณะที่ฝ่ามือนั้นพุ่งไล่ติดตามเขาไป เมิ่งฮ่าวก็โคจรหมุนวนพื้นฐานฝึกตน และจากนั้นก็ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นออกมา ชี้นิ้วตรงไปยังฝ่ามือที่ใกล้เข้ามา
ตูม!
เสียงแตกร้าวขนาดใหญ่ได้ยินมา และฝ่ามือสายฟ้าก็หายไป โลหิตไหลซึมออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังจนห่างออกไปเกือบพันจ้าง หลังจากที่กระอักโลหิตออกมากองโตเจ็ดครั้ง ในที่สุดก็หยุดลง
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว และร่างกายก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ประจุไฟฟ้าเต้นไปมาอยู่รอบๆ ร่างอย่างต่อเนื่อง เขาต้องสูญเสียปราณและโลหิตไปมากกว่าครึ่ง มีบาดแผลขนาดใหญ่อยู่บนหน้าอก ซึ่งลุกไหม้ด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น และมองขึ้นไป ดวงตาสาดประกายด้วยแสงอันเข้มข้นอย่างไร้ขอบเขต
เขาได้สะกดข่มการลงโทษของทัณฑ์สายฟ้าไว้ได้โดยสิ้นเชิง!
ในตอนนี้ ผู้ฝึกตนแห่งดินแดนด้านใต้ทั้งหมด ที่มาในฐานะเป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับตานกุ่ย ต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด สิ่งที่พวกมันเพิ่งจะเห็นเป็นสิ่งที่ไกลเกินกว่าที่พวกมันเคยเห็นมาก่อนในชีวิต
พวกมันรีบเร่งเดินทางมาเพื่อช่วยตานกุ่ยในการเอาชนะทัณฑ์เซียนแท้ แต่แรงกดดันที่กดทับลงมาไม่เพียงแต่จะทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเท่านั้น ยังได้ทำให้พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะบินขึ้นไปในอากาศอีกด้วย
พวกมันได้แต่มองไปขณะที่เมิ่งฮ่าวลงมือ และความแข็งแกร่งของเขาก็ประทับแน่นอยู่ในส่วนลึกจิตใจของพวกมัน
ในสำนักจื่อยิ่น จิตใจของศิษย์ทั้งหมดสั่นสะท้าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เมิ่งฮ่าวกระทำมา ทำให้พวกมันรู้สึกสำนึกในบุญคุณเขามากยิ่งขึ้น
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเมิ่งฮ่าวมาปรากฏกายขึ้น ตานกุ่ยก็คงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความตายไปได้ในช่วงของทัณฑ์เซียนนี้ แต่ก็แน่นอนว่าการที่จะได้ครอบครองโชคชะตาเซียนแท้เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเป็นอย่างยิ่ง ถ้าท่านล้มเหลว…ท่านก็จะถูกกำจัดไปและวิญญาณของท่านก็จะกระจัดกระจายหายไป
เมิ่งฮ่าวกวาดเช็ดโลหิตจากมุมปาก และมองขึ้นไปในท้องฟ้า เขาเห็นท่านอาจารย์ตานกุ่ย กำลังยืนอยู่บนรูปปั้นจื่อตงเจินเหรินที่แตกร้าว อีกครั้งที่ทั้งสองได้รวมพลังเข้าด้วยกันเพื่อโจมตีไปยังประตูเซียน
ครั้งที่หนึ่ง, ครั้งที่สอง, ครั้งที่สาม…
ท่านกระแทกไปที่ประตูครั้งแล้วครั้งเล่า และมันก็เปิดออกอย่างต่อเนื่องกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันนั้น สายฟ้าทัณฑ์เซียนที่ฟาดลงมาก็มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้อาวุธเวททั้งหมดของตานกุ่ยถูกใช้ออกมา และทัณฑ์เซียนก็บรรลุถึงระดับความรุนแรงอย่างน่าตกใจ
ค่ายกลเวทป้องกันอันยิ่งใหญ่ของสำนักจื่อยิ่น กำลังทำงานอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยให้ตานกุ่ยต่อสู้กลับไปยังทัณฑ์เซียน อย่างไรก็ตามทัณฑ์เซียนก็เริ่มมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และประตูเซียนก็เปิดออกเพียงแค่สี่ในสิบส่วนเท่านั้น ยังคงเหลืออยู่อีกหกส่วนที่จะต้องถูกเปิดออก!
“สหายเต๋าตานกุ่ย ใช้อาวุธเวทของข้าสิ!”
“ผู้อาวุโสตานกุ่ย เอาอาวุธเวทของข้าไป!”
“ตานกุ่ย นี่เป็นของวิเศษที่ข้าเตรียมมาเพื่อช่วยท่านเอาชนะทัณฑ์เซียน!”
หลายคนในท่ามกลางกลุ่มฝูงชนที่ด้านล่าง เริ่มหยิบเอาอาวุธเวทต่างๆ ออกมา พวกมันตัดการเชื่อมต่อกับอาวุธเวทเหล่านั้น และโยนขึ้นไปในอากาศ
อาวุธเวทกลายเป็นลำแสงอันเจิดจ้านับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปยังตานกุ่ย และจากนั้นก็หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างท่าน ทั้งหมดเป็นสิ่งของที่ใช้ต่อต้านสายฟ้า และมีราคาที่สูงลิ่วอย่างน่าเหลือเชื่อ
ในตอนนี้ พวกมันไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะส่งมอบอาวุธเวทเหล่านั้นให้กับท่าน ตานกุ่ยสั่นสะท้าน จิตใจเต็มไปด้วยความตื้นตัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดจา ดังนั้นท่านจึงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ประสานมือให้กับกลุ่มฝูงชนที่ด้านล่าง จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ทำให้อาวุธเวทนับร้อยกระจายแสงเจิดจ้าอย่างไร้ขอบเขตออกมา ต่อสู้กลับไปยังทัณฑ์เซียน!
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในที่ห่างไกล มองไปยังภาพที่เห็นนี้ เขาก็โบกสะบัดมือด้วยเช่นกัน ทำให้อาวุธเวทกรงเล็บอสูรของเขาลอยออกไป กระจายแสงอันคมกริบออกมา เมื่อมันเข้าไปรวมกลุ่มกับอาวุธเวทอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวตานกุ่ย ก็กลายเป็นแสงที่แปลกๆ ออกมา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความมุ่งหวัง ที่สามารถจะเป็นสักขีพยานให้อาจารย์ได้กลายเป็นเซียนแท้
ตูมมมมมม!!
สายฟ้าทัณฑ์เซียนฟาดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีวันหมดสิ้น ในที่สุดพวกมันก็มีเป็นจำนวนมากจนกระทั่งกลายเป็นทะเลสาบแห่งสายฟ้า แทบจะราวกับว่ามีรูรั่วอยู่ในท้องฟ้า และสายฟ้าก็กำลังตกลงมาราวกับเป็นฝนห่าใหญ่ที่สาดซัดลงมาอย่างรุนแรง
ร่างของตานกุ่ยจมอยู่ในประกายสายฟ้า จนถึงจุดที่พวกที่มุงดูอยู่ไม่อาจจะมองเห็นท่านได้อย่างชัดเจน มีแต่เมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่สามารถจะมองเห็นท่านได้อย่างเลือนลาง
การโจมตีไปยังประตูเซียนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ห้าส่วน หกส่วน…
อาวุธเวทรอบๆ กายตานกุ่ยเริ่มแตกกระจายไป ในทันทีที่ประตูเปิดออกได้หกส่วน แม้แต่กรงเล็บอสูรของเมิ่งฮ่าวก็ยังต้องแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ในตอนนี้อาวุธเวททั้งหมดถูกทำลายไป ตานกุ่ยคล้ายกับเป็นตะเกียงที่สาดแสงอยู่ริบหรี่จนแทบจะดับลงไป ท่านหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา มองขึ้นไปยังทัณฑ์สายฟ้าและประตูเซียน ซึ่งกำลังเปิดออกแค่หกในสิบส่วนเท่านั้น จากนั้นท่านก็ถอนหายใจ
“เซียนแท้ช่างยากเย็นแสนเข็ญอย่างแท้จริง…” ท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว “โอกาสที่มาแค่หนึ่งครั้งในหมื่นปี และเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อ…ถึงแม้ว่าข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ก็ยังขาดอีกตั้งสี่ส่วน” ท้องฟ้าส่งเสียงดังกระหึ่ม ทะเลสาบแห่งสายฟ้าแผดร้องดังกึกก้อง ดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่ง เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง ขณะที่มันฟาดลงมาบนร่างตานกุ่ย ซึ่งยืนอยู่ที่ด้านหน้าของประตูเซียน
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และตบไปที่ถุงสมบัติ ผีโต้งปรากฏขึ้น และเมิ่งฮ่าวก็โยนมันขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่มันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ มันกรีดร้องออกมาขณะที่กลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งตรงไปยังตานกุ่ย และทัณฑ์สายฟ้า
“ท่านอาจารย์ โจมตีประตูต่อไป!” เมิ่งฮ่าวตะโกนขึ้น ทันทีที่ผีโต้งไปถึงทะเลสาบแห่งสายฟ้า มันก็ก่นด่าสาปแช่งออกมา และจากนั้นก็อ้าปาก เริ่มสูดลมหายใจเข้าไป และทะเลสาบแห่งสายฟ้าก็สั่นสะท้าน จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนที่ตรงมายังผีโต้ง
เสียงปะทุได้ยินออกมาจากผีโต้ง และมันก็กลายเป็นสีดำสนิทไปในชั่วพริบตา
“เมิ่งฮ่าวเจ้าบัดซบ เจ้าคนพาล! มันมากเกินไปแล้ว! เจ้า เจ้า เจ้า…! ซานเหยียต้องเปลี่ยนแปลงเจ้า!”
ตานกุ่ยสั่นสะท้าน แต่ก็ไม่ลังเลที่จะกระแทกลงไปยังประตูเซียนด้วยพลังทั้งหมดของท่าน ผีโต้งกลืนกินทะเลสาบแห่งสายฟ้าลงไปอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้ไม่มีสายฟ้าทัณฑ์เซียนฟาดลงมาอีกต่อไป ตานกุ่ยทุ่มออกไปสุดตัว รวมพลังสองชาติภพเพื่อจะเปิดประตูเซียนออกให้จงได้!
เจ็ดส่วน…
แปดส่วน!
เมื่อประตูเปิดออกแปดส่วน แสงเซียนอันเจิดจ้าไร้ขอบเขต รวมทั้งปราณเซียนอันเข้มข้นก็กระจายออกมา ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เริ่มคล้ายกับเป็นสรวงสวรรค์แห่งเซียน และอากาศก็เต็มไปด้วยบทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ รวมทั้งเสียงสวดมนต์ท่องคัมภีร์
ผู้ฝึกตนที่ด้านล่าง และศิษย์ของสำนักจื่อยิ่นต่างก็อาบไล้อยู่ในแสงแห่งเซียน พื้นฐานฝึกตนของพวกมันเริ่มโคจรหมุนวนในทันที ขณะที่ได้รับโชควาสนานี้
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ผีโต้งได้ส่งเสียงแผดร้องอย่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมานออกมา มันสั่นสะท้านและรอยแตกนับไม่ถ้วนได้กระจายออกไปทั่วทั้งร่างกาย ถึงแม้ว่ามันจะสามารถกลืนกินสายฟ้าทัณฑ์เซียนลงไปได้ แต่ก็ต้านทานไว้ได้แค่ไม่นานนัก ในที่สุดมันก็กรีดร้องและบินจากมา ไม่อาจจะอดทนได้อีกต่อไป
ทะเลสาบแห่งสายฟ้าเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง ปกคลุมตานกุ่ยไว้ภายใน ตานกุ่ยกู่ร้องและทำให้พื้นฐานฝึกตนระเบิดขึ้นอย่างเต็มกำลังเพื่อต่อสู้กลับไป ทั่วทั้งร่างท่านสั่นไปมาอย่างรุนแรง และรูปปั้นของจื่อตงเจินเหรินก็เริ่มพังทลายลง
เมิ่งฮ่าวรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเขา ทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โดยไม่ลังเล เขาเรียกร่างจริงที่สองออกมา ยื่นมือชี้ออกไป และร่างจริงที่สองก็เริ่มสั่นสะท้าน ดวงตาเริ่มมืดสลัวเลือนลางลง ขณะที่วิญญาณของมันได้ลอยออกมาจากด้านบนศีรษะ
นี่คือ…วิญญาณเซียนแท้!
ในอดีตที่ผ่านมา ปรมาจารย์อสูรโลหิตได้เคยกล่าวว่า วิญญาณนี้จะมีประสิทธิภาพที่แปลกประหลาด เมื่ออยู่ในช่วงการเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบรรลุกลายเป็นเซียนแท้
เมิ่งฮ่าวไม่ค่อยมั่นใจว่าวิญญาณเซียนแท้นี้จะช่วยในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ว่าเขาจะพยายามครุ่นคิดหรือสังเกตดูมันเมื่อในอดีตที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ใดๆ แต่เมื่อไม่มีทางเลือก เมิ่งฮ่าวจึงได้ดึงวิญญาณของมันออกมา
ในทันทีที่วิญญาณเซียนแท้โผล่ออกมา สายฟ้าทั้งหมดที่กำลังฟาดลงไปยังตานกุ่ย ทันใดนั้นก็หยุดชะงักไป จากนั้นก็ออกจากตานกุ่ยและพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวในฉับพลัน หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้อง พวกมันได้ตรงมายังวิญญาณเซียนแท้นั้น
วิญญาณนี้…สามารถดึงดูดทัณฑ์เซียนได้จริงๆ!
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่สายฟ้าพุ่งตรงมา ปกคลุมอยู่รอบๆ วิญญาณเซียนแท้อย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันได้ฝ่าฝืนโองการสวรรค์ และสมควรที่จะตายไปด้วยเงื้อมมือของสายฟ้า
เมื่อไม่มีสายฟ้าฟาดลงมา ดวงตาของตานกุ่ยก็กลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง ทุ่มออกมาอย่างสุดกำลัง ทั้งท่านและผู้ฝึกตนที่ทำตัวเป็นผู้พิทักษ์เต๋าที่ด้านล่าง ได้ใช้สิ่งของทั้งหมดที่มีออกไป ในช่วงวิกฤตนี้ถ้าไม่อาจจะทำให้สำเร็จได้ในตอนนี้ ผลลัพธ์ก็คือต้องตายไป!
ตานกุ่ยกู่ร้อง ร่างกายลุกขึ้นเป็นเปลวไฟ ท่านกำลังเผาไหม้พลังชีวิต เช่นเดียวกับรูปปั้นของจื่อตงเจินเหรินที่ด้านล่างเท้าของท่าน นี่เป็นพลังพื้นฐานฝึกตนของสองชาติภพที่รวมเข้าด้วยกัน
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ อันที่จริงเสียงนั้นได้ดังก้องไปทั่วทั้งดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ขณะที่ประตูเซียนถูกกระแทกให้เปิดออกมากขึ้นกว่าเดิม
เก้าส่วน!
เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ได้ยินมา ขณะที่รูปปั้นของจื่อตงเจินเหรินพังทลายลง ตานกุ่ยเริ่มแก่ชราลงไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าท่านกำลังมาถึงสุดทางของชีวิตแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่ยอมแพ้ กู่ร้องขึ้นไปจนสุดเสียง ใช้พลังของพลังชีวิตท่านกระแทกไปยังประตูเซียนอีกครั้ง ราวกับเป็นแมงเม่าที่บินเข้าไปในกองไฟ
ตูม!
เป็นเสียงที่ทำให้ดาวหนานเทียนทั้งดวงต้องสั่นสะเทือน และยังได้ม้วนกวาดออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอีกด้วย กลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกทั้งหมดซึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับบิดาเมิ่งฮ่าว เพื่อให้สามารถเข้ามาในดาวหนานเทียนนี้ได้ ต่างก็ได้ยินกันถ้วนทั่วทุกตัวคน
เมื่อพวกมันได้ยินเสียงนี้ คนทั้งหมดต่างก็รู้สึกราวกับว่า…จิตใจกำลังเต้นรัวด้วยเสียงเคาะของระฆัง
ประตูเซียน…เปิดออกไปเก้าในสิบส่วน เหลืออีกเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น…มันก็จะเปิดออกโดยสมบูรณ์!
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ท้องฟ้าเริ่มพลุ่งพล่านปั่นป่วน และสายลมก็พุ่งขึ้นมาจากภายในกลุ่มหมอกที่ม้วนตัวไปมา!
นี่คือทัณฑ์สายลมกำจัดวิญญาณ เป็นทัณฑ์ขั้นที่สองหลังจากทัณฑ์สายฟ้า!
เมื่อสายลมพุ่งขึ้นมา ตานกุ่ยซึ่งคล้ายกับเป็นเปลวเทียนที่ส่องแสงริบหรี่ และรูปปั้นของจื่อตงเจินเหรินก็ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว แสงเทียนนั้นเริ่มจางหายไป
ท่านแพ้แล้ว
ในตอนนี้ ดินแดนทั้งหมดเงียบสงบ คนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ รู้สึกว่าคลื่นแห่งความเสียใจได้พุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ เสียงร้องไห้เริ่มดังลอยขึ้นมาจากสำนักจื่อยิ่น
ร่างกายตานกุ่ยเริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว ด้านหลังท่าน ประตูเซียนเริ่มจางหายไปด้วยเช่นกัน…
มันเปิดออกถึงเก้าสิบห้าในร้อยส่วน เหลืออยู่เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น!
ตานกุ่ยถอนหายใจ ท่านไม่ได้รู้สึกขมขื่น แต่ใบหน้าก็ยังมีแววอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจะจากโลกนี้ไปให้มองเห็นได้ ท่านไม่ต้องการจะจากกลุ่มคนที่ท่านรู้จักที่เบื้องล่างนี้ไป ท่านไม่ปรารถนาจะกล่าวคำอำลากับศิษย์ของท่าน ท่านไม่ต้องการจะละทิ้งเต๋าของท่านไป แต่ท่านก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ตานกุ่ยอยากจะกล่าวบางสิ่งบางอย่างออกมา แต่ในตอนนี้ ท่านก็ไม่อาจจะพูดออกมาได้ ร่างกายท่านกำลังกลายเป็นภาพเลือนลาง ครึ่งหนึ่งได้กลายเป็นเถ้าธุลีและถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว กายเนื้อที่เหลืออยู่ของท่านในตอนนี้ กำลังกลายเป็นเถ้าธุลีไปอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังของท่านเริ่มล่วงลงไป และร่างกายท่านเริ่มจางหายไปในอากาศ
ท่านได้แต่ใช้สายตาส่งคำอวยพรไปให้กลุ่มคนทั้งหมดที่ด้านล่างเท่านั้น
เมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้าน ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ เมื่อได้เห็นประตูเซียนกำลังจางหายไป และตานกุ่ยใกล้จะตกตายไป เขาก็ไม่รีรอหรือลังเลใดๆ อีก พุ่งตรงขึ้นไป
“ท่านอาจารย์ ข้ามาช่วยแล้ว!”