ตอนที่ 860
จิตใจเข้มแข็ง เต๋าก็แกร่งกล้า!
การตกตายไปทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตายไปหนึ่งร้อยครั้งทำให้หนังศีรษะเริ่มด้านชา ตายไปหนึ่งพันครั้งทำให้เริ่มรู้สึกทนไม่ได้อีกต่อไป ตายไปหนึ่งหมื่นครั้ง…
ทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
ประสบการณ์เช่นนั้นทำให้เกิดเป็นความเจ็บปวด เป็นความเจ็บปวดที่ผู้เข้าแข่งขันได้แต่หวังว่ามันจะจบลงไปในไม่ช้า เป็นความเจ็บปวดที่กระจายเข้าไปในจิตใจของคนทั้งหมด จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานจนถึงจุดที่เต๋าของพวกมัน กำลังจะเป็นอันตรายจากการที่ต้องสูญเสียไป
การแข่งขันครั้งนี้คล้ายกับเป็นโม่ศิลาขนาดใหญ่ ค่อยๆ บดขยี้เจตจำนงของพวกมันไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ผู้คนเริ่มยอมแพ้ที่จะต่อสู้กลับไปมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าต่อสู้กลับไปหนี่งหมื่นครั้งอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วจะมีผู้คนมากมายเท่าใดที่จะเพียรพยายามต่อไป…?
แต่เมิ่งฮ่าวยังคงพยายามต่อไป ทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็จะต่อสู้และสังหารสัตว์อสูรที่มาโจมตีเขาต่อไปทั้งหนึ่งหมื่นครั้ง
ขณะที่เวลาเลื่อนผ่านไป เมิ่งฮ่าวมองเห็นผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนมีการตัดสินใจที่แตกต่างกัน บ้างก็เลือกที่จะหลบหนี บ้างก็เลือกที่จะโจมตีไปที่ยักษ์ บ้างก็เลือกที่จะฆ่าตัวตาย
ยังมีบางคนได้โจมตีไปยังผู้ฝึกตนอื่นๆ อีกด้วย
ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไร ทุกครั้งที่เมิ่งฮ่าวฟื้นสติกลับคืนมา เขาก็มองเห็นผู้คนเดียวกันอยู่ในตำแหน่งเดียวกันบนโซ่เหล็ก อย่างไม่มีข้อยกเว้น
กลุ่มผู้ชมในขุนเขาทะเลที่เก้ามองไปยังจอภาพ จิตใจพวกมันสั่นสะท้าน ถ้าบอกว่ากลุ่มผู้สังเกตการณ์ตกตะลึงต่อแปดด่านก่อนหน้านี้ ถ้าเช่นนั้นด่านนี้ก็ทำให้พวกมันประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้พวกมันรู้สึกอิจฉาต่อผู้เข้าแข่งขัน และยังได้ถอนหายใจออกมาอีกด้วย อยากจะสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน ตอนนี้เมื่อพวกมันมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ในสองด่านสุดท้าย พวกมันก็ได้แต่มองไปอย่างเงียบๆ เท่านั้น
การที่ผู้ฝึกตนได้ตายไปกี่ครั้งแล้ว ไม่มีใครรู้
“นี่คือการทดสอบอะไรกัน? การตายไปครั้งแล้วครั้งเล่า จะไปช่วยจิตใจและเต๋าของพวกมันได้อย่างไร?”
“สองด่านสุดท้ายนี้ช่างเลวร้ายราวกับนรกจริงๆ!” จนถึงตอนนี้ กลุ่มผู้ชมทั้งหมดเริ่มสูดลมหายใจขึ้นอย่างเร่งร้อนถี่เร็ว
“มองเห็นผู้คนทั้งหมดกำลังพยายามทำด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ถ้ารวมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ก็ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้! แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เกิดขึ้นนอกจากต้องพ่ายแพ้ไป”
“จะผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปได้อย่างไรกัน? ข้าคิดว่าแม้แต่ฟางมู่ก็ไม่มีทางจะรักษาอันดับหนึ่งไว้ได้”
ความเงียบปกคลุมไปทั่วในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขณะที่เหล่าปรมาจารย์ต่างๆ จ้องมองไปยังจอภาพอย่างไร้คำพูด
การตายยังคงดำเนินต่อไป ครั้งแล้วครั้งเล่า กลายเป็นวงจรที่ไม่รู้จบ
เมิ่งฮ่าวยังคงสงบนิ่งและครุ่นคิดวิธีการอย่างเงียบขรึม ซึ่งไม่เหมือนกับคนอื่นๆ มากมายรอบตัว เขาไม่พยายามจะหลบหนีจากไป และไม่สูญเสียความคิดที่จะต่อสู้กลับไปด้วยเช่นกัน จากเริ่มแรกมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทุกครั้งที่เขาเริ่มฟื้นสติกลับคืนมา เขาก็จะเริ่มสังหารต่อไป
อย่างไรก็ตามการตายของเขาก็เริ่มรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะว่าคนอื่นๆ เริ่มหยุดที่จะต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโซ่เหล็กถูกแกว่งออกไป พวกมันก็แค่หลับตาลงและรอคอยความตาย
อย่างช้าๆ ผู้คนที่คล้ายกับเมิ่งฮ่าวซึ่งยังคงต่อสู้กลับไปอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีน้อยลงไปเรื่อยๆ จากผู้คนนับหมื่นที่เริ่มต่อสู้ ตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่พัน ทันใดนั้นเสียงของหลิงอวิ๋นจื่อก็ดังก้องออกมาอยู่ภายในโลกแห่งนี้
“ถ้าพูดว่า ‘ข้ายอมแพ้’ พวกเจ้าก็สามารถจากไปได้”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังกระจายออกมา ท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน ซึ่งเริ่มมีหนังศีรษะที่ด้านชาในช่วงของการตายไปอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะถูกสังหารไปอีกครั้ง ใครบางคนได้พูดเป็นเสียงสั่นๆ ขึ้นมา
“ข้ายอมแพ้…” ทันทีที่พูดออกมา ร่างมันก็หายไป ออกไปจากโลกแห่งนี้
หลังจากคนผู้นั้น เสียงแล้วเสียงเล่าก็เริ่มดังก้องออกมา และผู้ฝึกตนคนแล้วคนเล่าก็เริ่มหายตัวไป
ถ้าคนผู้หนึ่งไม่มีความรู้สึกสิ้นหวัง เมื่อมีใครมามอบความหวังให้ มันก็คงจะมองไม่เห็นถึงความสำคัญเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนผู้นั้นมีจิตใจที่แน่วแน่และเต๋าที่มั่นคง
อย่างไรก็ตาม…ถ้าทำให้ใครบางคนทุกข์ทรมานจนถึงขีดจำกัด และผลักดันให้พวกมันตกอยู่ในท่ามกลางความสิ้นหวัง จากนั้นก็มอบความหวังให้เล็กน้อยในทันใด เมื่อมีโอกาสที่จะหลุดออกไปจากความทุกข์ทรมานนั้น คนส่วนใหญ่ก็คงไม่ลังเลที่จะคว้าฉวยโอกาสนั้นไว้
ผู้คนเลือกที่จะยอมแพ้มากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ก็มีบางคนที่ก่อนหน้านี้หยุดการดิ้นรนต่อต้าน แต่ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพละกำลัง และเริ่มต่อสู้กับสัตว์อสูรขึ้นอีกครั้ง
เวลาผ่านไป พวกมันตายไปครั้งแล้วครั้งเล่าอีกครั้ง และขณะที่เป็นเช่นนั้น คำว่า ‘ข้ายอมแพ้’ ดูเหมือนจะเริ่มคล้ายกับเป็นมารที่อยู่ข้างใน คอยดักซุ่มอยู่ในจิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมด
แค่พูดออกไป พวกมันทั้งหมดแค่พูดออกไปเพียงไม่กี่คำ ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะจบลง พวกมันจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระในทันที
“ช่างเป็นการทดสอบที่โหดร้ายอะไรเช่นนี้” หนึ่งในปรมาจารย์ที่อยู่ในวิหารกล่าวขึ้น
“จากสมัยโบราณมาจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ การที่จะผ่านด่านนี้ได้ต้องตายไปแล้วสามหมื่นครั้ง”
“มากกว่าห้าหมื่นครั้งสำหรับผู้เข้าร่วมในฐานะผู้ถูกเลือก!”
“จนกระทั่งถึงตอนนี้ ไม่มีใครมากเกินกว่าเจ็ดหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยสิบสามครั้ง นั่นคือจำนวนที่ฝานเหล่าเคยทำไว้”
“ท่านเคยเข้าร่วมในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน โดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นหวัง บางทีก็อาจจะกัดฟันแน่นไปหลายครั้งแต่ก็ยังคงดำเนินต่อไป ด้วยความหวังอยู่ข้างหน้า ซึ่งใกล้เคียงกับว่าสิ่งที่พวกมันต้องทำทั้งหมดก็คือยื่นมือออกไปและคว้าจับมันไว้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะเพียรพยายามต่อไป?”
“ด่านที่เก้าเป็นการทดสอบจิตใจ ด่านที่สิบไถ่ถามเต๋า สองด่านนี้คือการทดสอบความเข้มแข็งของจิตใจ และความแกร่งกล้าของเต๋า!”
“ยิ่งพวกมันอดทนได้นานขึ้นเท่าใด ทุกสรรพสิ่งก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น!” นอกจากปรมาจารย์ในวิหารที่กำลังพูดคุยเรื่องราวเหล่านี้แล้ว ผู้คนมากมายที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า เริ่มสามารถจะเชื่อมต่อชิ้นส่วนของร่องรอยบางอย่างเข้าด้วยกัน เกี่ยวกับธรรมชาติของด่านทั้งสองนี้
“ข้าได้ข่าวว่าเมื่อฝานเหล่าบรรลุถึงสองด่านสุดท้ายนี้ ท่านได้ตายไปมากกว่าเจ็ดหมื่นเก้าพันครั้ง ท่านอดทนจนกระทั่งกลายเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะยอมแพ้”
โลกภายนอกเต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆ แต่เสียงพูดคุยของพวกมันไม่อาจจะผ่านเข้ามาในโลกที่เมิ่งฮ่าวกำลังพยายามอย่างต่อเนื่อง ภายในจิตใจเขามีอยู่สองเสียงกำลังพูดขึ้นมา หนึ่งในพวกมันกำลังบอกให้เขายอมแพ้ อีกหนึ่งเสียงบอกให้เขาอดทนต่อไป
ทุกครั้งเมิ่งฮ่าวจะตายไปด้วยความเจ็บปวด และจะตื่นขึ้นมาด้วยความสับสน มันคือเรื่องง่ายๆ ที่พอจะอธิบายได้ แต่ความทุกข์ทรมานไม่ได้สั้นๆ เรียบง่ายเช่นนั้น จำนวนของผู้ฝึกตนที่ยังเหลืออยู่ยังคงลดลงไปอย่างต่อเนื่อง
เสียงคำว่า ‘ข้ายอมแพ้’ ดังก้องอยู่รอบๆ ตัว ราวกับเป็นเสียงของมารที่อยู่ด้านใน ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกตนที่ยังเหลืออยู่ ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะถอนตัวออกไป
เวลาผ่านไป ผู้ฝึกตนที่เหลืออยู่เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็มีเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่ร้อยคน หลังจากผ่านไปสามวัน ก็เหลืออยู่แค่หนึ่งร้อยคน หลังจากผ่านไปอีกสามวัน ก็เหลืออยู่เพียงแค่เก้าคนเท่านั้น
จากคนทั้งเก้าเหล่านี้ มีอยู่สามคนที่กำลังอดทนอยู่ แต่ก็หยุดที่จะต่อสู้กลับไปแล้ว มันค่อนข้างจะเป็นวิธีการที่หลอกลวง ถึงแม้ว่าเดิมทีจะดูเหมือนว่าวิธีนี้จะลดความทุกข์ทรมานของพวกมันลงไปได้บ้าง แต่สุดท้าย ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม
อีกหกคนรวมทั้งเมิ่งฮ่าว ทุกครั้งที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็จะเริ่มต่อสู้อีกครั้ง
เขาไม่รู้ว่าได้ตายไปแล้วกี่ครั้ง ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ และทุกที่ที่เขามองออกไป ก็จะเห็นแต่โลหิต ผ่านไปอีกสามวัน และสามคนที่ปล่อยให้ตัวเองต้องถูกสังหารไป ในที่สุดก็ไม่อาจจะอดทนได้อีกและยอมแพ้ไป
จากห้าคนไม่นับเมิ่งฮ่าวที่ยังคงต่อสู้ต่อไป สี่คนได้ยอมแพ้ไป
ตอนนี้มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ หนี่งคือเมิ่งฮ่าว และอีกคนคือ…เฉินฝาน!
เฉินฝานต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่มันได้สติกลับคืนมา มันก็จะสู้อย่างดุร้าย แทบจะราวกับว่ามันหวังว่าจะบรรลุได้ถึงขั้นพิเศษบางอย่าง ในท่ามกลางการเกิดใหม่ทั้งหมดนั้น
ที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า คนทั้งหมดกำลังตกตะลึง ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหล่าปรมาจารย์ต่างๆ กำลังมองดูด้วยลมหายใจที่เร่งร้อนถี่เร็ว เฝ้าสังเกตดูเฉินฝานอย่างใกล้ชิด
เฉินฝานมีช่วงที่โดดเด่นในด่านก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนัก เมื่อสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของมันขึ้นมา ตอนนี้ในสองด่านสุดท้ายนี้ จู่ๆ มันก็มีชื่อเสียงพุ่งขึ้นมา
“ด้วยจิตใจและเต๋าเช่นนั้น บุรุษหนุ่มผู้นี้ต้องมีโชควาสนาอย่างน่าเหลือเชื่อแน่นอน!”
“มันสามารถจะยอมแพ้ได้ทุกเมื่อ แต่ก็อดทนมาได้จนถึงตอนนี้! มันตายไปแล้วเจ็ดหมื่นครั้ง!!”
“มันน่าจะอดทนต่อไปได้อีกสักพัก ในด่านนี้จุดสำคัญมากที่สุดก็คือ เมื่อไหร่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว คนผู้นั้นก็จะอยู่ในอันดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้จิตใจอ่อนแอลง ยากที่จะอดทนต่อไปได้อีก แม้แต่ฝานเหล่า เมื่อท่านบรรลุถึงจุดนั้น ก็อดทนต่อไปได้ไม่เกินหนึ่งพันครั้งก่อนที่จะยอมแพ้ไป”
วันต่อมาเฉินฝานเริ่มสั่นสะท้าน และในที่สุดก็เลือกที่จะยอมแพ้ มันอดทนต่อความตายได้มากกว่าเจ็ดหมื่นครั้ง ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ฝานเหล่าจากเมื่อหลายปีก่อนโน้นเท่านั้น ตอนนี้มันแทบจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ มีอยู่หลายสำนักกำลังเตรียมตัวที่จะรับมันเข้าสังกัด
เมื่อการแข่งขันอันน่าตกใจดำเนินมาจนถึงจุดนี้ คนทั้งหมดกำลังมองไปยังผู้เข้าร่วมที่ยังเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย…เมิ่งฮ่าว
“มันได้อันดับหนึ่งอยู่ในสองด่านแรก สาดประกายเจิดจ้ากลบผู้ชนะอันดับหนึ่งในสามด่านตรงกลาง จากนั้นในสามด่านต่อมามันก็ได้อันดับหนึ่งอีกครั้ง ตอนนี้ในสองด่านสุดท้าย…มัน…ได้อันดับหนึ่งอีกครั้ง!”
“มันกำลังมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว! ไม่มีใครจะมาขัดขวางได้ ตราบเท่าที่มันไม่ถูกสังหารไป มันก็จะโด่งดังไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้านี้!”
“คล้ายกับว่าพวกเรากำลังมองไปยังผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต…” ผู้ฝึกตนที่ด้านนอกทั้งหมดซึ่งกำลังมองไปยังการแข่งขันในขุนเขาทะเลที่เก้า ตอนนี้ต่างก็รู้สึกว่าจิตใจพวกมันกำลังหมุนคว้างอยู่
ในตอนนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นสองด่านสุดท้าย คนทั้งหมดต่างก็ยอมรับว่าถ้าให้พวกมันไปแทนที่เมิ่งฮ่าว พวกมันไม่มีทางจะสามารถทำได้ในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้
เมิ่งฮ่าวยังคงถูกแขวนอยู่ที่นั่น รู้ตัวว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมดุร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่ละครั้งที่ได้สติกลับคืนมา เขาก็จะบุกตะลุยเข้าไปต่อสู้กับสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน ในท่ามกลางการสังหารนี้ ทำให้เขาสามารถจะปลอบประโลมจิตใจและเต๋าของตนเองได้บ้าง
“เต๋าของข้าคือเส้นทางแห่งชีวิตอันไร้จุดสิ้นสุด มีความเป็นอิสระและเสรีภาพ! ตอนนี้ข้าถูกสายโซ่ผูกมัดไว้ ทำให้อยู่ห่างไกลจากอิสรภาพ!”
“จิตใจข้าไร้ข้อจำกัด ถ้าสวรรค์และปฐพีพังทลายไป มันก็จะไม่ถูกทำลายลง ถ้าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเก่าแก่โบราณไป มันก็จะไม่แห้งเหี่ยวหายไป แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกลังเล!”
“เต๋าของข้าไร้อิสระ แต่ข้ายังต้องการได้อิสรภาพ! จิตใจข้าลังเล แต่ข้าก็ปรารถนาที่จะต่อสู้กับส่วนที่ลังเลอยู่นี้!”
“การแข่งขันนี้กำลังทดสอบข้า และข้าก็จะใช้มันในการขัดเกลาเต๋าของข้า ด้วยวิธีนี้ถึงแม้จะดูเหมือนว่าข้าจะถูกผูกมัดไว้ แต่จริงๆ แล้วพวกมันก็เป็นแค่สายโซ่ พวกมันไม่อาจจะผูกมัดข้าไว้ได้ พวกมันได้แต่ขัดเกลาเต๋าของข้าเท่านั้น!”
“สำหรับจิตใจของข้า ถ้าข้าปรารถนาต้องการให้มันไร้ความลังเลใดๆ ข้าก็จำเป็นต้องอดทนต่อไป อดทนไปจนถึงจุดที่…ข้าไม่รู้สึกเจ็บปวดในการแข่งขันนี้อีกต่อไป แต่รู้สึกยินดีแทน!”
“เมื่อข้าผ่านด่านนี้ไปได้ ข้าก็จะเป็นอิสระขึ้นอย่างแท้จริง จิตใจข้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ!” เขาโจมตีไปด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า
เจ็ดหมื่นสามพัน เจ็ดหมื่นหกพัน เจ็ดหมื่นเก้าพัน…
แปดหมื่น!
เมื่อเมิ่งฮ่าวตายไปเป็นครั้งที่แปดหมื่น กลุ่มผู้ชมในโลกด้านนอกส่งเสียงดังกระหึ่มขึ้น เหล่าปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างคุ้นเคยกับผลงานอันน่าประหลาดใจของเมิ่งฮ่าวมา แต่ก็ยังคงสั่นสะท้านอยู่ภายในใจโดยสิ้นเชิง
“มันทำได้มากกว่าฝานเหล่า!!”
“ปล่อยมันไปเถอะ นั่นคือการตายไปครั้งที่แปดหมื่น! ทำให้มันอยู่ในอันดับหนึ่งท่ามกลางคนทั้งหมดจากในสมัยโบราณมาจนกระทั่งถึงตอนนี้!!”
“ฟางมู่ ฟางมู่! นามนี้กำลังจะสั่นสะเทือนไปทั่วสวรรค์อย่างแน่นอน!”
ขณะที่กลุ่มผู้ชมกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เมิ่งฮ่าวยังคงเพียรพยายามต่อไป มองเห็นรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า และดูเหมือนว่าเขากำลังมีความสุขขึ้นอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นความสุขอันเนื่องมาจากการตายไปหรือสังหาร แต่เป็นความสุขอันเนื่องมาจากเต๋าของตัวเอง ตอนนี้จิตใจเขาเริ่มมีความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น
สำหรับจิตใจและเต๋าของเขาแล้ว ความตาย…ไม่มีความหมายใดๆ นอกจากเป็นโม่ศิลาเท่านั้น
ไม่กี่วันต่อมา เขาก็ตายไปเป็นครั้งที่เก้าหมื่น!
อีกไม่กี่วันต่อจากนั้น ก็เป็นครั้งที่…หนึ่งแสน!
การตายไปหนึ่งแสนครั้ง ทำให้คนทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เมื่อเมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาหลังจากนั้น สีสันก็แวบผ่านขึ้นไปในท้องฟ้า และสายลมก็กรีดร้อง ยักษ์ค่อยๆ คุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง และชูตะบองสูงขึ้นไป สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนที่กรูเข้ามาในรอยแยก ต่างก็ตกลงไปบนพื้นทั้งหมด
ราวกับว่าพวกมันกำลังหมอบกราบสักการะ!
ผ่านด่านนี้ได้แล้ว!