ตอนที่ 861
อันดับหนึ่ง!
“ผู้ถูกเลือก!” ในตอนนี้ปรมาจารย์ทั้งหมดในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ลุกขึ้นมายืนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ พวกมันกำลังมองไปยังจอภาพกระแสน้ำวน ซึ่งยักษ์และสัตว์อสูรทั้งหมด กำลังโค้งตัวลงกราบกรานต่อเมิ่งฮ่าว
สำนักทั้งหมดต้องการจะรับเมิ่งฮ่าวไว้เป็นศิษย์ แต่อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้จัดการไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้พวกมันไม่มีโอกาสอีก
ไม่เพียงแต่สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่อื่นๆ เท่านั้นที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน
“ฟางมู่ผู้นี้ คือหนึ่งในผู้ถูกเลือกที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุด ที่ปรากฏตัวขึ้นในหลายปีนับไม่ถ้วนมานี้!”
“ยินดีด้วยกับอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ฟางมู่จะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และทักษะที่ไม่ธรรมดามากที่สุดในโลกแห่งเซียนอย่างแน่นอน!” ด้วยการตอบรับคำพูดเช่นนั้นจากปรมาจารย์คนอื่นๆ ชายชราจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา สีหน้ามันมีความพึงพอใจอย่างถึงที่สุด
ตอนนี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฟางมู่คืออันดับหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้อย่างแน่นอน!
แน่นอนว่ากลุ่มฝูงชนที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้ากำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เมื่อมาถึงสองด่านสุดท้ายของจิตใจและเต๋า เมิ่งฮ่าวคือคนแรกที่สามารถผ่านด่านนี้ไปได้ แม้แต่ฝานเหล่าก็ยังไม่อาจจะทำได้เช่นนี้
เมิ่งฮ่าวตกเป็นเป้าสายตาและความสนใจของคนทั้งหมดโดยสิ้นเชิง!
“สมควรแล้วที่มันจะอยู่ในอันดับหนึ่ง!”
“ในไม่ช้านามของมันก็จะสะท้านไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า มันกำลังกลายเป็นอันดับหนึ่งในท่ามกลางเหล่าผู้ถูกเลือกทั้งหลาย! เมื่อไหร่ที่มันเข้าสังกัดอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ถ้าเส้นทางของมันยังคงเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง มันก็จะกลายเป็นเสินจื่อ (บุตรศักดิ์สิทธิ์) อย่างแน่นอน! ถ้ามันและฝานตงเอ๋อร์ร่วมมือกัน พวกมันก็จะกลายเป็นตำนานอย่างแน่นอน!”
“พวกท่านคงไม่ได้สังเกตเห็น ในการตายไปสองหมื่นครั้งสุดท้าย ฟางมู่มีความสุขขึ้นอย่างแท้จริง! ถ้าเปรียบเทียบกับความเจ็บปวดของคนอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว ยิ่งทำให้น่าตกใจนัก!”
ขณะที่เสียงพูดคุยดังก้องกระจายไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า ปรมาจารย์เอกะเทวะที่อยู่ด้านนอกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ดูค่อนข้างจะมีความพึงพอใจ แต่ทันใดนั้นมันก็สะดุ้งขึ้นมาในทันที
“บัดซบ! ข้ากำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ผิดไปแล้ว! การมีชีวิตอยู่หรือตายไปของเจ้าสารเลวน้อยนั่นเกี่ยวข้องอะไรกับข้าด้วย? การตกเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเหลาจู่แม้แต่น้อย! พวกเราคือศัตรูกัน! บัดซบ! บัดซบ! ที่ข้ากำลังดูอยู่นี้มันผิดทั้งสิ้น!!”
อีกแห่งหนึ่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยเช่นกัน เป็นปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง เส้นผมมันยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง ดวงตาหดเล็กลงขณะที่มองออกไปยังที่ห่างไกล
“แข็งแกร่ง…แข็งแกร่งกว่าที่ข้าจำได้มากนัก” มันพึมพำ ลึกลงไปในแววตาแวบขึ้นมาด้วยแสงแห่งวิญญาณของหวังเถิงเฟย “เมิ่งฮ่าว ข้าแทบไม่อาจจะทนรอให้พวกเราได้พบกันอีกครั้งแล้ว!” ด้วยเช่นนั้น มันก็หมุนตัวหายลับไปยังที่ห่างไกล
ในเต๋าคุนหลุน ตานกุ่ยและฉู่อวี้เยียนมองไปด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน การที่ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้ด้วยตัวเอง ถ้าคนทั้งสองไม่ตระหนักว่าฟางมู่ก็คือเมิ่งฮ่าวแล้วละก็ คงไม่มีทางจะเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างฟางมู่และเมิ่งฮ่าวได้อย่างแน่นอน
ฟางมู่…กำลังตกเป็นจุดสนใจโดยสิ้นเชิง
“ดาวหนานเทียนช่างเล็กนัก” ฉู่อวี้เยียนพึมพำ รู้สึกหลงใหลต่อภาพที่ได้เห็นนี้ “อยู่ที่นั่นจะเป็นการสะกดท่านไว้ โลกของท่านคือ…กลุ่มดาวที่ด้านนอกเหล่านี้”
ย้อนกลับไปบนดาวหนานเทียน ในตระกูลฟางแห่งดินแดนตะวันออก บิดามารดาเมิ่งฮ่าวมองไปยังจอภาพกระแสน้ำวนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า แน่นอนว่าที่ฝังลึกลงไปในรอยยิ้มนั้นคือการถอนหายใจด้วยความชื่นชม
“ฮ่าวเอ๋อร์กำลังจะจากพวกเราไปแล้วจริงๆ” มารดาพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ บิดาก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “ดาวหนานเทียนเล็กมากสำหรับมัน ทำให้มันไม่อาจจะเติบโตได้อย่างเต็มที่ มันถูกลิขิตไว้ให้จากดาวหนานเทียนไปไม่เร็วก็ช้า หลังจากการแข่งขันนี้จบลง ข้าจะไม่รั้งมันให้อยู่นานไป”
“แต่มันก็ยังเป็นแค่เด็ก” นางกล่าวตอบด้วยเสียงอันขมขื่น
“มันโตขึ้นแล้ว ถ้าท่านไม่ปล่อยให้มันบิน แล้วมันจะรู้ได้อย่างไรว่าจักรวาลกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตแค่ไหน?”
ในเวลาเดียวกันนั้น บนดาวซีเฮ่อ (สุขสันต์ตะวันตก) จ้าวอีฝานกำลังฝนกระบี่ของมันอยู่ ความต้องการต่อสู้แวบขึ้นมาอยู่ในแววตา จากนั้นมันก็เลื่อนสายตาจากจอภาพกระแสน้ำวน มองขึ้นไปในท้องฟ้า
“ข้าต้องไม่ประเมินกลุ่มคนในรุ่นเดียวกันทั้งหมดต่ำเกินไป ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีใครบางคนเหมือนกับเมิ่งฮ่าวเกิดขึ้นบนดาวหนานเทียน แต่ตอนนี้ฟางมู่ผู้นี้ก็มาปรากฏกายขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้!” ความต้องการต่อสู้ลุกโชนอย่างร้อนแรงอยู่ในดวงตามัน
“ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะเข้าร่วมในสังเวียนการประลองด้วย!” จ้าวอีฝานกล่าว สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หลับตาลง แน่นอนว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งในสังเวียนการประลองนี้ด้วย จะต้องนำศิษย์ของสำนักกระบี่ไท่สิงไปต่อสู้ด้วยอย่างแน่นอน
มีผู้ฝึกตนเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นจากขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง, ตัดวิญญาณ และค้นหาเต๋า ที่จะได้รับชัยชนะในสังเวียนการประลองครั้งนี้ จากนั้นพวกมันก็จะถูกรับเข้าเป็นศิษย์ โดยหนึ่งในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ และจะกลายเป็นศิษย์หลักหลังจากนั้น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเข้าร่วมจะต้องถูกจำกัดขอบเขตไว้ แต่กลับกันถ้าศิษย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่มาเข้าร่วมการต่อสู้และได้อันดับหนึ่ง พวกมันก็จะสามารถกลายเป็นศิษย์หลักได้เช่นเดียวกัน
สำหรับสำนักอื่นๆ พวกมันไม่ได้มาเข้าร่วมต่อสู้เพื่อโอกาสที่จะเข้าสังกัดสามกลุ่มเต๋า แต่เพื่อของรางวัลที่จะได้รับจากสังเวียนการประลองครั้งนี้
ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ฝานตงเอ๋อร์นั่งขัดสมาธิหลับตาลง สีหน้าซีดขาวราวกระดาษ ดูเหมือนว่าจะมีร่องรอยกรรมอยู่ในสีหน้านั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นางเฝ้าแต่คิดถึงเมิ่งฮ่าว คนที่นางรู้สึกเกลียดชังจนลึกลงไปถึงกระดูกอยู่ในตอนนี้
ด้านหลังนางมีซากศพหญิงสาวลอยอยู่ตลอดเวลา เมื่ออาจารย์นางมองเห็นซากศพ ท่านไม่ได้พยายามที่จะช่วยนางกำจัดออกไป แต่บอกกับนางว่ามันคือโชควาสนาสำหรับนาง
อย่างไรก็ตาม ฝานตงเอ๋อร์ไม่ได้ปรารถนาที่จะมีโชควาสนาเช่นนี้
“ทำไมการมองไปยังฟางมู่ถึงทำให้ข้ารู้สึกหงุดหงิดนัก!?” ฝานตงเอ๋อร์คิดขณะที่นางมองขึ้นไปยังจอภาพกระแสน้ำวน คิ้วที่งดงามของนางขมวดมุ่น นางคือผู้ถูกเลือกอีกคนที่จะเข้าร่วมสังเวียนการประลองนี้
ในตระกูลหลี่บนดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทิศเหนือ) สีหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์เรียบเฉย ขณะที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในจุดศูนย์กลางพิธีเต๋าของตระกูล ที่กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้านางเป็นคนกลุ่มใหญ่ของตระกูลหลี่ คนทั้งหมดกำลังรับฟังคำสั่งสอนของนางเกี่ยวกับการฝึกตน สำหรับสมาชิกของตระกูลเหล่านี้ หลี่หลิงเอ๋อร์คล้ายกับเป็นนางเซียนที่ไร้ความเห็นแก่ตัว ซื่อตรงเที่ยงธรรม และยากที่จะใกล้ชิดสนิทสนม
จอภาพกระแสน้ำวนที่ด้านบนมักจะดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนตระกูลหลี่เหล่านั้นเป็นระยะ แม้แต่หลี่หลิงเอ๋อร์ก็มักจะมองไปเป็นครั้งคราว
เมื่อสมาชิกของตระกูลสอบถามนางว่าจะไปเข้าร่วมสังเวียนการประลองหรือไม่…
“ใช่แล้ว ข้าจะไป!” นางกล่าวตอบเสียงราบเรียบ
ไท่หยางจื่อ รวมทั้งซุนไห่แห่งนิกายตี้เซียน (เซียนจักรพรรดิ) ทั้งคู่ต่างก็ถูกมอบหมายให้ไปร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าสำนักและตระกูลทั้งหมดต่างก็ส่งผู้ถูกเลือกของพวกมันไปเข้าร่วมสังเวียนการประลอง
เมิ่งฮ่าวรู้จักพวกมันบางคน แต่ก็มีผู้ถูกเลือกอยู่หลายคนที่ไม่เคยไปยังดาวหนานเทียน
ในโลกด้านนอก คนทั้งหมดกำลังเตรียมตัวสำหรับสังเวียนการประลอง ขณะที่โลกรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมื่อเขาปรากฏกายขึ้นใหม่ ก็กลับไปอยู่ในตำแหน่งผู้นำบนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋าอีกครั้ง
ที่ด้านหลังเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่นๆ ทั้งหมด พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เกรงขาม แม้แต่บุรุษที่สวมหน้ากากและผู้ฝึกตนที่มีฝูงยุงก็เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวใช้ความแข็งแกร่งของตนเอง บดขยี้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่นๆ มาตลอดทาง
หลิงอวิ๋นจื่อปรากฏกายขึ้นในกลางอากาศ ลอยตัวอยู่ที่นั่น มองไปยังกลุ่มคนชั่วขณะก่อนที่จะพูดออกมา
“ด่านที่สิบของการทดสอบได้ข้อสรุปแล้ว ด้วยความรับผิดชอบบนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า ตอนนี้ข้าจะเลือกหนึ่งพันคนให้ไปต่อ” ด้วยเช่นนั้นมันก็โบกสะบัดมือ ทำให้ผู้ฝึกตนค้นหาเต๋าหลายพันคนหายตัวไปในทันที เคลื่อนย้ายทางไกลกลับไปยังสถานที่เดิมในตอนแรกของพวกมัน
ยังคงมีเหลืออยู่อีกหนึ่งพันคน
“พวกเจ้าทั้งหมดผ่านการทดสอบแล้ว ต่อไปพวกเจ้าต้องตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสังเวียนการประลองหรือไม่”
“ในสังเวียนการประลอง ใครก็ตามที่อยู่ในอันดับหนึ่งร้อยคนแรก จะได้รับรางวัลเป็นหยกเซียนหนึ่งพันชิ้น บางทีพวกเจ้าบางคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับหยกเซียน พวกมันเป็นสิ่งที่สามารถใช้ในการฝึกตน หลังจากที่บรรลุถึงอาณาจักรเซียนแล้ว เป็นสิ่งที่หาได้ยากในขุนเขาทะเลที่เก้านี้ หยกเซียนหนึ่งพันชิ้นเทียบเท่ากับหินลมปราณสิบล้านก้อน”
เดิมทีเมิ่งฮ่าวไม่ได้สนใจที่จะเข้าร่วมในสังเวียนการประลองนี้มากนัก แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างและเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า
“สิบล้านหินลมปราณ…” เขาคิดพร้อมกับหอบหายใจออกมา “สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ช่างร่ำรวยนัก! เจ้าให้หินลมปราณสิบล้านก้อนต่อผู้ที่อยู่ในอันดับหนึ่งร้อยคนแรกเท่านั้น?!?!” ตอนนี้เมิ่งฮ่าวเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าพวกเจ้าอยู่ในอันดับสิบหกคนแรก รางวัลก็คือหยกเซียนห้าพันชิ้น” หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวต่อไป ขณะที่เสียงมันดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็ยิ่งมีความตื่นเต้นมากขึ้น ตอนนี้ผู้เข้าร่วมที่เหลือทั้งหมดต่างก็หอบหายใจออกมาด้วยความกระหาย
“ถ้าพวกเจ้าอยู่ในอันดับแปดคนแรก ของรางวัลคือหยกเซียนหนึ่งหมื่นชิ้น!”
จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม และกำลังคิดอยู่ในใจว่าหนึ่งหมื่นรวมกับห้าพันและหนึ่งพันหยกเซียน จะเท่ากับหินลมปราณมากมายเท่าใด หลังจากที่คิดคำนวนเสร็จสิ้น ดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันดุร้าย
“รางวัลสำหรับสี่อันดับแรกคือต้นเถาวัลย์ประกายเซียน!” หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวต่อไป ทำให้ผู้คนมากมายในท่ามกลางผู้เข้าร่วมหนึ่งพันคนที่ยังเหลืออยู่ เริ่มร้องอุทานออกมาเป็นเสียงดังด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจมากนัก แตดวงตาของคนอื่นๆ รอบๆ ตัวเขาเริ่มกลายเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาในทันที
สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว หยกเซียนเป็นแค่สิ่งของที่แสดงถึงความร่ำรวย ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้ในการฝึกตนได้ แต่ก็ต้องอยู่ในอาณาจักรเซียนแล้วเท่านั้น แต่ต้นเถาวัลย์ประกายเซียนสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาในชีวิตของคนผู้หนึ่งไป ทำให้สามารถจะกลายเป็นเซียนแท้ได้!
มันมีความสำคัญมากเป็นพิเศษอันเนื่องมาจากว่า เซียนแท้เพิ่งจะปรากฏขึ้นบนดาวหนานเทียนเมื่อเร็วๆ นี้ ในหนึ่งพันปีนับจากนี้ เถาวัลย์ประกายเซียนจะถูกถือว่าเป็นของวิเศษอันล้ำค่าสำหรับคนทั้งหมด แต่บางทีอาจจะยกเว้นสำหรับเมิ่งฮ่าว
พวกมันสามารถจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาและความมุ่งหวังในอนาคตได้!
มีของรางวัลที่แตกต่างกันออกไป สำหรับอีกสองเส้นทางโบราณ แต่ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ในขั้นไหน เมื่อผู้ฝึกตนพบว่าจะมีของรางวัลเช่นนี้มอบให้ ก็ทำให้โลหิตพวกมันต้องเดือดพล่าน ไม่ใช่แค่พวกมันเท่านั้น เมื่อกลุ่มฝูงชนในขุนเขาทะเลที่เก้าได้ยินของรางวัลที่จะมอบให้บนเส้นทางโบราณทั้งสาม ดวงตาพวกมันก็กลายเป็นสีแดงก่ำ เริ่มหอบหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ถ้าไม่ใช่ว่าพวกมันไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมด้วยแล้วละก็ พวกมันก็คงจะเข้าไปต่อสู้ด้วยอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันได้ยินว่าหนึ่งในของรางวัลบนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋าคือ เถาวัลย์ประกายเซียน
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าของรางวัลคือ…เถาวัลย์ประกายเซียน!!”
“บัดซบ! ถ้ารู้เช่นนี้ ข้าก็น่าจะเข้าร่วมด้วย! ภายในหนึ่งพันปีต่อจากนี้ ใครก็ตามที่มีเถาวัลย์ประกายเซียน ก็มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นเซียนแท้!!”
“เซียนแท้! ถึงแม้ว่าจะใช้ต้นเถาวัลย์ประกายเซียน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะครอบครองโชคชะตาได้จริงๆ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะกลายเป็นเซียนแท้ในท่ามกลางกลุ่มดาวได้อย่างไร เจ้าก็ยังคงเป็นเซียนแท้อยู่นั่นเอง!!”
หลิงอวิ๋นจื่อมองออกไปด้วยความพึงพอใจยังท่าทางที่ตกตะลึงทั้งหมด แต่เมื่อมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็บอกได้ว่าถึงแม้เขาจะมีความยินดีเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะแสดงออกมาพอเป็นพิธีเท่านั้น หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ หลิงอวิ๋นจื่อก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ฟางมู่ ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์หลักของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ถ้าเจ้าไม่ได้ทำความดีที่เพียงพอในอนาคต เจ้าก็จะไม่ได้รับต้นเถาวัลย์ประกายเซียน เจ้าต้องใช้โอกาสนี้เพื่อได้มาสักหนึ่งต้น”
เมิ่งฮ่าวพยักหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถามขึ้นในทันที “ต้นเถาวัลย์ประกายเซียนนี้มีค่าเท่ากับหินลมปราณมากมายเท่าใด?”
หลิงอวิ๋นจื่อตกตะลึง กล่าวตอบ
“พวกมันหาค่าไม่ได้ ถ้าเจ้านำไปประมูล ก็จะพบว่าถูกขายได้เป็นหยกเซียนนับล้านชิ้น”
เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินเช่นนั้น จิตใจก็หมุนคว้าง และเริ่มสั่นสะท้าน ทันใดนั้นดวงตาก็เริ่มกลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นในทันที
เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้หลิงอวิ๋นจื่อต้องกระแอมไอออกมา มันค่อยๆ เริ่มเข้าใจบุคลิกส่วนตัวของเมิ่งฮ่าวขึ้นเล็กน้อย
“ใครก็ตามที่ได้อันดับหนึ่งจะได้รับรางวัลเป็น…” หลิงอวิ๋นจื่อหยุดชะงักอยู่ชั่วครู่
“หยดโลหิตที่ถูกส่งต่อลงมาของสามผู้ยิ่งใหญ่!”
ด้วยการตอบรับคำพูดของมันคือความเงียบกริบ แต่มีใครบางคนเริ่มสั่นสะท้าน และมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่ออย่างรุนแรงปรากฏขึ้น มีท่าทางที่เกินกว่าตอนที่ได้ยินเรื่องต้นเถาวัลย์ประกายเซียน โลกที่ด้านนอกเงียบกริบด้วยเช่นกัน แต่ไม่นานหลังจากนั้นความปั่นป่วนวุ่นวายก็ระเบิดขึ้น
“หยดโลหิตจากสามผู้ยิ่งใหญ่! สวรรค์! นั่นน่าจะประกอบด้วยเต๋าของสามผู้ยิ่งใหญ่ด้วย!!”
“สามผู้ยิ่งใหญ่!? จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา พวกท่านคือผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดจากในสมัยโบราณ พวกท่าน…พวกท่านทิ้งหยดโลหิตไว้จริงๆ!?!?”
“นี่เป็นความจริง?!?!”
แม้แต่ปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ก็แทบไม่อยากจะเชื่อ พวกมันลุกขึ้นมายืน หอบหายใจด้วยสีหน้าตกตะลึง
มีเพียงเมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีปฏิกิริยาใดๆ มากนัก แต่คำพูดต่อมาของหลิงอวิ๋นจื่อ ก็เห็นได้ชัดว่าได้พุ่งเป้ามาที่เขาโดยตรง ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“ฟางมู่ ถ้าเจ้านำหยดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่นี้ไปประมูล ก็จะเป็นเรื่องง่ายที่จะค้นหาขนหงส์หรือเขากิเลน กว่าที่จะพบว่ามีใครบางคนในขุนเขาที่เก้านี้จะสามารถซื้อมันไปได้”