ตอนที่ 869
สามสิบสองคนแรก!
สีหน้าของเด็กชายเปลี่ยนไป เส้นเลือดเขียวโผล่ขึ้นมาบนหน้าผาก ขณะที่มันกู่ร้องไปยังคฤธรที่ใกล้เข้ามา คลื่นเสียงกระจายออกไป ดูเหมือนว่าต้องการจะทำให้อากาศแตกกระจายไป สีหน้ามันดุร้ายขณะที่ยกชูสองมือขึ้น ทำให้ทะเลแห่งโลหิตปรากฏขึ้นพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่คนทั้งสองต่อสู้กันไปมาอยู่ในกลางอากาศ ในช่วงหนึ่งเด็กชายส่งเสียงแผดร้องแหลมเล็กออกมา ทำให้ทะเลแห่งโลหิตกลายเป็นกระแสน้ำวนสีโลหิต พยายามที่จะดูดกลืนเมิ่งฮ่าวเข้าไป
เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ทำให้ภูเขาจำนวนมากปรากฏขึ้น จากนั้นก็เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นเทือกเขา แต่ก็ต้องขอบคุณขนนกสีดำ ทำให้เทือกเขานั้นดูคล้ายกับเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปปะทะกับกระแสน้ำวนสีโลหิต กระแสน้ำวนถูกบดขยี้ไปอย่างง่ายดายราวกับเป็นกิ่งไม้แห้ง แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขณะที่เมิ่งฮ่าวในรูปแบบคฤธรกรีดเฉือนฝ่าอากาศเข้าไปอีกครั้ง ยืดกรงเล็บตรงไปยังร่างของเด็กชาย
ตูม!
โลหิตกระจายออกมาจากปากของเด็กชาย ขณะที่หน้าอกมันถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่ มันพุ่งถอยไปทางด้านหลังในทันที กัดปลายลิ้นเล็กน้อย พ่นโลหิตออกมา ทำให้อากาศบิดเบี้ยวกลายเป็นหยดโลหิตสิบหยด แต่ละหยดเริ่มขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว กลายเป็นทะเลแห่งโลหิตสิบแห่ง ปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่ง
“สิบทะเล สังหารโลหิต!” เด็กชายแผดร้องออกมา เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าเยือกเย็น และไม่ได้ล่าถอยหลบออกไป แต่กลับเดินตรงไปข้างหน้า กลิ่นอายแห่งผู้ไร้พ่ายระเบิดออกมาจากร่าง ขณะที่เผชิญหน้ากับสิบทะเลแห่งโลหิต กำมือเป็นหมัดต่อยออกไปในอากาศ จากนั้นก็ต่อยตรงไปอีกครั้ง
สองหมัดนั้นดูเหมือนว่าไม่อาจจะต่อสู้กับสิบทะเลแห่งโลหิตที่ส่งเสียงดังกระหึ่มอยู่นี้ได้ แต่สีหน้าของเด็กชายก็เปลี่ยนไป ขณะที่มันตระหนักว่ามีบางสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกต้องนักเกี่ยวกับหมัดทั้งสองนี้ ถึงแม้มันจะไม่แน่ใจว่าคืออะไรก็ตามที
ในชั่วพริบตาก่อนที่มันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ เมิ่งฮ่าวก็โจมตีมาทั้งหมดเก้าครั้ง ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจต่อทะเลแห่งโลหิตที่อยู่รอบๆ ตัวแม้แต่น้อย แต่กลับต่อยหมัดตรงไปอย่างต่อเนื่อง
เก้าหมัดนี้ แต่ละหมัดมีความน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมไปเรื่อยๆ
นี่คือ…เวทแห่งเต๋า! ทำลายล้างเก้าชั้นฟ้า!
ทันทีที่หมัดทั้งเก้าระเบิดออกไป สีหน้าของเด็กชายก็สลดลง ม่านตามันหดเล็กลง ขณะที่พุ่งถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกมา ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งในสังเวียนการประลองรอบๆ บริเวณนั้นต่างก็ได้ยินและเต็มไปด้วยความตกใจ
กระแสน้ำวนขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไป เป็นผลลัพธ์มาจากหมัดทั้งเก้านั้น ทะเลแห่งโลหิตไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนนี้จนหมดสิ้น เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่ด้านข้างกระแสน้ำวน สีหน้าเย็นชาขณะที่มองไปยังเด็กชายที่กำลังหลบหนีจากไป จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและทำท่าคว้าจับออกไป
เวทปลิดดาว!
ตูม!
โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของเด็กชาย สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มันถูกลากกลับมายังเมิ่งฮ่าว มันไม่อาจจะควบคุมร่างกายได้โดยสิ้นเชิง เพียงชั่วพริบตามันก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว และใกล้พอที่จะมองเห็นแสงอันเย็นชาในดวงตาเมิ่งฮ่าว
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เด็กชายแผดร้องออกมา ดวงตามันกลายเป็นสีแดงจ้า ทันใดนั้นผิวกายมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง กลุ่มหมอกสีดำเริ่มลอยขึ้นมาจากด้านบนกระหม่อมของมัน อย่างน่าตกใจยิ่ง ภาพขนาดใหญ่เริ่มก่อตัวขึ้นมาอยู่ที่ด้านบน
มันเป็นปลิงยักษ์ ที่ปกคลุมเต็มไปด้วยเกล็ด กระจายแรงกดดันอันเข้มข้นออกมา ทันทีที่ผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่เก้ามองเห็น สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึง
“เวทยิ่งใหญ่ปลิงโลหิต!!”
“นั่นคือเวทต้องห้าม! เด็กชายนั่นกำลังใช้เวทต้องห้ามออกมา!”
ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหล่าปรมาจารย์ต่างๆ กำลังมองไปด้วยแสงแปลกๆ ที่อยู่ในดวงตา
“เด็กชายนั่นปกปิดไว้อยู่ตลอดเวลา จากการที่มันฝึกฝนเวทอันชั่วร้ายเช่นนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันสามารถจะเอาชนะไท่หยางจื่อได้!”
“แต่เซี่ยจื้อซ่างเหริน (ผู้สูงส่งปลิงโลหิต) ถูกสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่กำจัดไปเมื่อหลายปีก่อน ถึงแม้ว่าร่างจำแลงศักดิ์สิทธิ์ของมันอาจจะเหลือรอดอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่อาจจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ตามลำพัง! ดูเหมือนว่าเด็กชายผู้นี้จะต้องเป็นหนึ่งในร่างจำแลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่รูปแบบแรกของเวทยิ่งใหญ่ปลิงโลหิต แต่ฟางมู่ก็ยังคงตกอยู่ในอันตรายอันร้ายแรง”
“จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถจะควบคุมเวทนี้ได้คือเต๋าแห่งอสูรโลหิต แต่ก็ต้องถูกใช้ออกโดยผู้ที่มีพื้นฐานฝึกตนที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อเท่านั้น”
ย้อนกลับไปในสังเวียนการประลอง สีหน้าอันดุร้ายมองเห็นได้จากใบหน้าของเด็กชาย นี่คือไพ่ไม้ตายของมัน ซึ่งตั้งใจว่าจะนำมาใช้กับใครบางคนในสี่คนสุดท้าย แต่ตอนนี้มันถูกต้อนให้เข้าสู่มุมอับ และไม่มีทางเลือกอื่นอีก ความต้องการจะสังหารเมิ่งฮ่าวของมันยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น
“สังหารเจ้าก็ไม่ได้ทำให้เวทยิ่งใหญ่ของข้าสูญเสียไปเท่าใดนัก” เด็กชายกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียด “จากชื่อเสียงของเจ้า การสังหารเจ้าไปก็จะทำให้ข้าโด่งดังขึ้น!” ภาพลวงตาปลิงโลหิตขนาดใหญ่อ้าปากของมันขึ้น เผยให้เห็นฟันอันแหลมคมนับไม่ถ้วน ขณะที่มันกระโจนเข้ามาหาเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ปลิงนี้ทำให้รู้สึกราวกับว่าโลหิตไม่เสถียรมั่นคง อาจจะระเบิดออกมาจากภายในร่างได้ทุกเมื่อ เขาแค่นเสียงเย็นชา เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ภาพแห่งธรรมปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง
เนื่องจากพลังการแปลงร่างของขนนกสีดำ ภาพแห่งธรรมในตอนนี้ดูเหมือนกับฟางมู่โดยสิ้นเชิง มีความสูงนับร้อยจ้าง กระจายแสงเวทอันไร้ขอบเขตออกมา ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ก็ก้าวเท้าตรงไป และต่อยหมัดไปยังปลิงยักษ์นั่น
เสียงระเบิดได้ยินมา และสีหน้าของเด็กชายก็สลดลง โลหิตกระจายออกมาจากร่างกายมันทุกส่วนขณะที่ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ภาพลวงตาขนาดใหญ่ของปลิงโลหิตสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าแทบจะพังทลายลงไป กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ทุกเมื่อ
“ข้าจะไม่ยอมแพ้! ฟางมู่, ตาย!!” เด็กชายแผดร้องออกมา ขณะที่หยดน้ำตาและรอยแตกนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นไปทั่วร่าง ในเวลาเดียวกันนั้นภาพของปลิงยักษ์ก็แตกกระจายไป กลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปยังเด็กชายและหลอมรวมเข้าไปในร่างมัน ไม่นานต่อมามันก็ระเบิดออกในทันที
ในตอนที่เกิดการระเบิดขึ้น เลือดเนื้อของเด็กชายได้กลายเป็นปลิงสีโลหิตมากมาย มีจำนวนเกือบพันตัว เสียงหึ่งๆ ได้ยินมาขณะที่พวกมันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว นอกจากปลิงแล้ว หมอกสีโลหิตได้กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ทำให้กลุ่มคนที่มองดูอยู่ไม่อาจจะเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นได้อย่างชัดเจน
จากการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ ทำให้เกิดความตกตะลึงไปทั่วในท่ามกลางกลุ่มผู้ชมที่อยู่ในโลกด้านนอก แม้แต่เหล่าปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
“รูปแบบที่สอง!”
“คาดไม่ถึงว่าเด็กชายผู้นี้จะฝึกฝนเวทยิ่งใหญ่ปลิงโลหิตได้จนถึงรูปแบบที่สองแล้ว!”
แม้แต่ปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ก็ยังไม่อาจจะมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในกลุ่มหมอกสีแดงได้ ถ้าเป็นสถานที่แห่งอื่น ไม่มีอะไรที่จะมาปิดกั้นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันได้ แต่นี่คือเศษซากเซียน ดังนั้นพวกมันจึงได้แต่มองไปด้วยสายตาตนเองเท่านั้น ไม่อาจจะใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้
แม้แต่หลิงอวิ๋นจื่อและชายชราอีกสองคน ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากเฝ้ามองไป สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไป ขณะที่คิดว่าเมิ่งฮ่าวกำลังตกอยู่ในอันตราย
โลกด้านนอกกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า ฟางมู่กำลังจะตายไป!”
สิ่งที่กลุ่มคนด้านนอกไม่อาจจะมองเห็นได้ก็คือว่า เมิ่งฮ่าวกำลังยืนอยู่ในท่ามกลางกลุ่มหมอกโลหิต ร่างกายเรืองแสงสีแดงออกมา ขณะที่จ้องมองไปอย่างเย็นชายังปลิงโลหิตนับพันที่กำลังใกล้เข้ามา ตอนนี้ปลิงเหล่านั้นกำลังสั่นสะท้านไปมาด้วยความหวาดกลัว
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังสั่นสะท้านของเด็กชาย กระจายออกมาจากปลิงเหล่านั้น
“เวท…เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต? ไว้ชีวิตข้าด้วย สหายเต๋าฟาง ไว้ชีวิตข้าด้วย…”
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจมัน หลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไปทั่วกลุ่มปลิงเหล่านั้น เขาก็ส่งเจตจำนงออกไปเล็กน้อย เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่ปลิงตัวแล้วตัวเล่าเริ่มระเบิดขึ้น พวกมันทั้งหมดกลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไปในอากาศ
ขณะที่กลุ่มหมอกโลหิตจางหายไป เมิ่งฮ่าวก็เดินไปยังชายขอบของสังเวียนการประลอง และนั่งลงขัดสมาธิอย่างเยือกเย็น
โลกที่ด้านนอกตกอยู่ในความปั่นป่วนขึ้นมาในทันที
“เวทยิ่งใหญ่ของเด็กชายนั่นพ่ายแพ้ไปแล้ว!”
“เห็นได้ชัดว่ามีปลิงถึงพันกว่าตัวเมื่อครู่นี้ จากนั้นกลุ่มหมอกสีแดงก็ปกคลุมไปทั่ว และพวกเราก็มองไม่เห็นอะไรอีก แล้วฟางมู่เอาชนะมันได้อย่างไรกัน!?”
“เซียนโลหิตน้อยเอาชนะไท่หยางจื่อ จากนั้นฟางมู่ก็ชนะเซียนโลหิตน้อย! ฟางมู่…คือผู้ไร้พ่าย!!”
กลุ่มฝูงชนที่ด้านนอกต่างก็แปลกประหลาดใจ และเหล่าปรมาจารย์ที่อยู่ในวิหารกำลังขมวดคิ้วอยู่ พวกมันทั้งหมดมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด
พวกมันมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในของกลุ่มหมอกสีแดง แต่ก็รู้ว่ารูปแบบที่สองของเวทยิ่งใหญ่ปลิงโลหิตเป็นสิ่งที่ยากจะจัดการได้ การที่มันพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็วทำให้พวกมันเกิดความสงสัยขึ้นมาไม่น้อย
ขณะที่คนทั้งหมดกำลังตกตะลึงกับเรื่องนี้ ชายชราจากเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) ก็พูดขึ้นมา
“บางทีรูปแบบที่สองของเด็กชายผู้นั้นยังไม่เสถียรมั่นคง ทำให้บังเอิญทำลายตัวเองไปอย่างคาดไม่ถึง” มันกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ จนเกิดเป็นเสียงดังก้องไปมา
นี่คือคำตอบที่สมเหตุสมผลมากที่สุดในตอนนี้ นอกจากนั้นรูปแบบที่สองของเวทยิ่งใหญ่ปลิงโลหิต เป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนให้สำเร็จได้เป็นอย่างยิ่ง
ย้อนกลับไปในสังเวียนการประลอง เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบนิ่ง การต่อสู้กับเด็กชายเมื่อครู่นี้ของเขา ทำให้เกิดเป็นความตกตะลึงในท่ามกลางผู้เข้าร่วมการต่อสู้คนอื่นๆ อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ถูกเลือก เด็กชายผู้นั้นเพิ่งจะเอาชนะไท่หยางจื่อมาได้ ดังนั้นการที่เมิ่งฮ่าวสามารถสังหารมันไปได้ ทำให้เขาตกเป็นเป้าสนใจเพิ่มมากขึ้น
ผู้ถูกเลือกค่อนข้างจะตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นเวทยิ่งใหญ่ปลิงโลหิต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ได้ทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกลับ
ดวงตาจ้าวอีฝานแวบขึ้น ความต้องการต่อสู้ของมันยิ่งรุนแรงมากขึ้น ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว มันไม่กล่าวอะไรออกมา แต่ประกายตาแวบขึ้นด้วยความเข้มข้นมากไปกว่าเดิม
ฝานตงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ในแง่มุมหนึ่ง นางรู้สึกว่าเมิ่งฮ่าวมีความลี้ลับบางอย่าง และเกิดความรู้สึกรังเกียจอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ แต่ในอีกแง่มุม นางก็ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับเดียวกับนางอย่างแน่นอน
หลี่หลิงเอ๋อร์และซุนไห่ก็มองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน เมื่อเทียบกับหลี่หลิงเอ๋อร์แล้ว ความรู้สึกของซุนไห่มีความเข้มข้นกว่ามาก สำหรับมันแล้ว การมองไปยังเมิ่งฮ่าวทำให้มันต้องคิดไปถึงประสบการณ์อันเลวร้ายที่มันได้พบเจอมาบนดาวหนานเทียน
การต่อสู้ของคนอื่นๆ กำลังดำเนินต่อไป ตอนนี้การต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว จึงมีการต่อสู้อื่นที่ค่อนข้างจะดึงดูดความสนใจอยู่ไม่น้อย นั่นคือบุรุษหนุ่มที่สวมหน้ากาก, หลีเหยียน ซึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับบุรุษหนุ่มที่ผอมแห้งจากเหยียนโม๋ไห่ (กระดูกแห่งเปลวไฟปีศาจ)
บุรุษหนุ่มผู้นั้นโจมตีมาด้วยทะเลแห่งเปลวไฟขนาดใหญ่ และมีดวงไฟลุกไหม้อยู่ในดวงตาของมัน สำหรับหลีเหยียน มันได้ต่อสู้มาจนถึงจุดที่สุดท้ายมันต้องถอดหน้ากากออกมา เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยแผลเป็น และดวงตาที่สาดประกายด้วความต้องการต่อสู้ คนทั้งสองโจมตีซึ่งกันและกันด้วยความน่าตกใจ จนกระทั่งในที่สุดหลีเหยียนก็หมดพลังไป แต่ผู้ถูกเลือกจากเหยียนโม๋ไห่ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเช่นเดียวกัน
เนื่องจากการพ่ายแพ้ไปของหลีเหยียน ทำให้ตอนนี้เมิ่งฮ่าวถึงได้รู้ว่าบุรุษร่างผอมแห้งนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างไรบ้าง
กลุ่มฝูงชนในขุนเขาทะเลที่เก้ากำลังถอนหายใจออกมา
“ช่างน่าเสียดายนัก ดูเหมือนว่าหลีเหยียนยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอที่จะเข้าไปอยู่ในสามสิบสองคนแรกได้ แต่นี่คือการต่อสู้กับเฉินฮ่าวแห่งเหยียนโม๋ไห่ซึ่งเป็นผู้ที่น่าเหลือเชื่อนัก ถึงแม้ว่าหลีเหยียนจะพ่ายแพ้ไป แต่มันก็ยังทำให้เฉินฮ่าวได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสได้”
“เจ้าพูดถึงแต่ความโชคร้ายของมัน อย่างน้อยมันก็พ่ายแพ้ไปด้วยความภาคภูมิใจ!”
“ไม่รู้ว่าจะมีผู้เข้าแข่งขันเหลืออยู่เท่าใดในตอนท้ายสุด อันดับหนึ่งของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง, ตัดวิญญาณ และค้นหาเต๋าจะเป็นของพวกมันหรือเป็นของผู้ถูกเลือก?!”
ภายในวิหารที่อยู่ในท่ามกลางหมู่ดาว เหล่าปรมาจารย์กำลังมองไปยังการต่อสู้ต่างๆ ด้วยท่าทางครุ่นคิด แต่สีหน้าก็ไม่เผยให้เห็นถึงสิ่งที่พวกมันกำลังคิดอยู่
แต่กลับกัน การพนันขันต่อกำลังเกิดขึ้นในโลกด้านนอก ว่าใครจะอยู่ในแปดคนแรก
ในที่สุด การต่อสู้รอบนี้ก็สิ้นสุดลง สามคนที่เกินมาถูกกำจัดออกไปพร้อมกับผู้เข้าร่วมการต่อสู้อีกครึ่งหนึ่ง เหลือผู้เข้าร่วมการต่อสู้ไว้แค่สามสิบสองคนเท่านั้น!
ทั้งสามสิบสองคนนี้เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อนัก!