Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 884

ตอนที่ 884

ครอบครัวพร้อมหน้า

ต้นสีม่วงเล็กๆ จริงๆ แล้วก็เหนียวแน่นเป็นอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่ามันได้ต่อต้านความพยายามของเมิ่งฮ่าว ที่จะดึงมันขึ้นมาจากพื้น แสงอันดุร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว และเขาก็ใช้พลังทั้งหมดที่สามารถจะรวบรวมได้ออกมา พลังของเซียนขั้นสี่ระเบิดออก ขณะที่เขาดึงต้นไม้นั้นขึ้นมาอย่างรุนแรง จนกระทั่งเกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้น และต้นไม้นั้นก็ถูกดึงออกมาจากพื้นในทันที

“รวย! ข้ารวยแล้ว!!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความตื่นเต้น และจิตใจก็เต้นรัวด้วยความดีใจ เขาหมุนตัวและพุ่งตรงไปยังดอกตะวันฉาย ดวงตาลุกโชนด้วยความบ้าคลั่ง โบกสะบัดชายแขนเสื้อเพื่อดึงพวกมันขึ้นมาทั้งรากด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่จุดประกายหินเหล็กไฟเท่านั้น ในเวลาเดียวกันนั้นผีโต้งกำลังตะโกนและร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ ขณะที่มันพุ่งหลบหนีขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งร่างมันด้านชาขณะที่มองไปยังตัวด้วงสีดำนับไม่ถ้วนที่กำลังบินตรงมา ขณะที่มันพุ่งถอยไปทางด้านหลัง ภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยขนนกสีดำก็จางหายไป

เมื่อกลิ่นอายนั้นจู่ๆ ก็อ่อนจางลงไป การกระทำของเมิ่งฮ่าวที่ด้านล่างก็ถูกพบเห็นโดยตัวด้วงสีดำในทันที การยั่วเย้าเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกมันไม่เคยพบเจอมาก่อนในรอบหลายปีมานี้ ไม่มีใครกล้าที่จะเอาตัวเองมาแหย่อยู่ที่ปากพยัคฆ์

เสียงกระหึ่มได้ยินมาขณะที่ตัวด้วงเปลี่ยนทิศทางและพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว พวกมันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ปกคลุมพื้นที่บริเวณนั้นไปทั้งหมดขณะที่เข้ามาใกล้ ผีโต้งกัดฟันแน่น มันไม่อยากจะทำตามแผนการของเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อคิดไปถึงอันตรายในที่แห่งนี้ก็ทำให้มันต้องเปลี่ยนใจ ร้องไห้อย่างน่าสังเวชออกมา ขณะที่ใช้ขนนกสีดำเพื่อทำให้ตัวมันเองดูคล้ายกับตัวด้วงสีดำ จากนั้นก็เข้าไปร่วมกับกองกำลังของด้วงสีดำพุ่งตรงไป

การเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นเป็นเรื่องยากที่จะรับรู้ได้ ถ้าด้วงสีดำไม่ได้สังเกตดู และแน่นอนว่าด้วงบางตัวรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของการปรากฏตัวขึ้นของผีโต้ง พวกมันบางตัวได้พุ่งตรงมาอย่างบ้าคลั่ง และเริ่มกัดลงไปอย่างมูมมาม ผีโต้งแผดร้องออกมา แต่ก็ยังคงพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป ขณะที่มองไปยังกลุ่มเมฆของตัวด้วงสีดำที่กำลังใกล้เข้ามา รู้สึกหนังศีรษะด้านชา ใช้มือซ้ายกดลงไปบนแผ่นหยก เสียงกระหึ่มได้ยินมา และแสงเจิดจ้าก็เริ่มสาดประกายขึ้น ขณะที่พลังของการเคลื่อนย้ายทางไกลระเบิดออกมา

ในทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ใช้เวทปลิดดาวคว้าจับไปที่ต้นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ห่างไกลออกไป ในชั่วพริบตาต้นสมุนไพรก็ลอยฝ่าอากาศมาตกอยู่ในมือเขา

ในเวลาเดียวกันนั้น ด้วงสีดำก็ส่งเสียงดังกระหึ่มตรงมา แต่ผู้ที่รวดเร็วมากที่สุดในกลุ่มของพวกมันทั้งหมดคือผีโต้ง เมื่อมันเห็นแสงแห่งการเคลื่อนย้ายทางไกลเริ่มสว่างจ้ามากยิ่งขึ้นอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว มันก็แทบจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา มันไม่อยากจะถูกทิ้งไว้ที่เบื้องหลังในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นมันจึงพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้ ไปเกาะอยู่บนเสื้อผ้าของเมิ่งฮ่าวด้วยปากของมัน เพื่อถนอมชีวิตที่น่ารักของมันไว้

ด้วงสีดำมากมายนับไม่ถ้วน กดทับลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว แต่ทันใดนั้นเอง พลังแห่งการเคลื่อนย้ายทางไกลก็พุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด และเขาก็หายตัวไป

ทันใดนั้น พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนเพื่อตอบรับกับการเคลื่อนย้ายทางไกล ทั่วทุกทิศทางทุกสรรพสิ่งได้กลายเป็นสีดำ ขณะที่ตัวด้วงสีดำนับล้านได้บินขึ้นไปในอากาศ ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าตัวด้วงได้บินขึ้นไปในอากาศ แต่พื้นดินก็ไม่ได้เปลี่ยนสีไป มันยังคงเป็นสีดำเหมือนเช่นเคย

เสียงคำรามได้ยินออกมาจากพื้นดิน และทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะเทือนไปมา ทันใดนั้นก็เริ่มเห็นได้ชัดว่า…พื้นดินนี้ไม่ใช่พื้นดินแม้แต่น้อย อันที่จริงมันคือตัวด้วงสีดำขนาดใหญ่!

เหมือนกับภาพของปรมาจารย์เอกะเทวะในปีนั้น ที่พื้นดินได้กลายเป็นส่วนหลังของตัวด้วงสีดำขนาดใหญ่มหึมา!

แย่งเหยื่อจากปากพยัคฆ์!

ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่มีแผ่นหยกเคลื่อนย้ายทางไกล ถึงแม้ว่าเขาจะมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในอาณาจักรโบราณก็ตามที แต่ก็คงต้องถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณอย่างแน่นอน

ในดินแดนตะวันออกอันกว้างใหญ่บนดาวหนานเทียน เกล็ดหิมะลอยพลิ้วอยู่ในอากาศ และพื้นดินก็กลายเป็นสีเงินยวง อยู่ในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง

ในภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณก่อนหน้านี้ แสงเจิดจ้าพุ่งขึ้นไปในอากาศ ขณะที่ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

เสียงกระหึ่มได้ยินมา เมื่อแสงเจิดจ้าจางหายไปก็เผยให้เห็นเป็นเมิ่งฮ่าว ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ก็รีบพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด ผีโต้งยังคงเกาะติดอยู่ที่เสื้อของเขา และมีตัวด้วงสีดำเจ็ดตัวติดตามเขามา ตั้งแต่ช่วงการเคลื่อนย้ายทางไกล

ด้วงดำกลายเป็นลำแสงสีดำ พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างน่ากลัว

เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และรู้ว่าได้กลับมาอยู่บนดาวหนานเทียนล้ว เขาเงยหน้าขึ้นหัวเราะออกมา ความรู้สึกที่รอดพ้นจากหายนะมาได้อย่างหวุดหวิด ทำให้เขาเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับด้วงดำทั้งเจ็ด ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา

“เจ็ดตัว? ไม่เท่าไหร่!” เมิ่งฮ่าวยื่นมือขวาออกไป ปลดปล่อยพลังจากพื้นฐานฝึกตนออกมาทั้งหมด เป็นพลังของเซียนขั้นสี่ ภาพแห่งธรรมปรากฏขึ้น ต่อยหมัดออกไปทำให้เกิดเป็นสายลมอันรุนแรง จากนั้นก็กดทับลงไปยังด้วงดำทั้งเจ็ด

จากด้วงดำทั้งเจ็ดนั้น ห้าตัวเทียบเท่ากับเซียนเทียม และอีกสองตัวแข็งแกร่งมากกว่านั้น กระจายกลิ่นอายของเซียนขั้นสองออกมา ย้อนกลับไปในเศษซากเซียน เมื่อตัวด้วงทั้งหมดรวมตัวเข้าด้วยกัน พลังที่รวมกันของพวกมันคล้ายกับอยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียน เป็นสิ่งที่ทำให้เส้นผมต้องลุกขึ้นตั้งชี้ชันอย่างน่ากลัว แต่ตอนนี้มีเพียงแค่เจ็ดตัวเท่านั้น ภายใต้พลังหมัดของเมิ่งฮ่าวที่ต่อยกลับไปยังด้านหลังทั้งหมด ทำให้กระดองของพวกมันทั้งหมดถูกบดขยี้ไป และพวกมันก็พุ่งกระแทกเข้าไปที่ด้านข้างภูเขาซึ่งอยู่ใกล้บริเวณนั้นอย่างรุนแรง

ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่พวกมันก็ยังคงดุร้ายเหมือนเช่นเคย พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยการโจมตีอันน่ากลัวขึ้นอีกครั้ง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเป็นแสงเจิดจ้าขึ้น

“การโจมตีเมื่อครู่นี้ของข้า สามารถจะสังหารเซียนที่เปิดชีพจรได้ยี่สิบจุดไปสองคน แต่ตัวด้วงทั้งเจ็ดนี้ก็ยังคงดุร้ายเหมือนเดิม สมกับที่พวกมันมาจากเศษซากเซียนจริงๆ ถ้าต้องสังหารพวกมันไปก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง!” ร่างเขาแวบตรงไป ขณะที่ด้วงดำทั้งเจ็ดตัวเข้ามาใกล้ เขายื่นมือออกไปคว้าจับพวกมันไว้ และโยนเข้าไปในถุงสมบัติ ขณะที่ปิดผนึกพวกมันไว้

ด้วงดำทั้งเจ็ดดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ ขณะที่เครื่องหมายผนึกถูกประทับลงไปบนร่างพวกมัน แม้กระทั่งหลังจากนั้น พวกมันก็ยังคงมองว่าเมิ่งฮ่าวคือศัตรู ถึงแม้ว่าพวกมันไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะควบคุมพวกมันได้

“ถ้าข้ามีเวลา ก็จะกลั่นสกัดพวกมันสักเล็กน้อย เผื่อบางทีว่าข้าเข้าใจเวทผนึกอสูรรุ่นหกได้สมบูรณ์แบบแล้ว ก็จะใช้เวทนี้ไปควบคุมพวกมัน” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็มุ่งหน้าออกไปจากเขตเทือกเขา

“การแข่งขันจบลงด้วยเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ข้าต้องรีบกลับบ้านไปหาเตียเหนียงแล้ว พวกท่านคงกำลังเป็นห่วงอยู่อย่างแน่นอน” เมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปจากเขตเทือกเขา มุ่งหน้าตรงไปยังตระกูลฟาง

บนเส้นทางกลับบ้าน เมิ่งฮ่าวมองเห็นเกล็ดหิมะที่ลอยพลิ้วไปมาเต็มอยู่ในอากาศ โคมไฟและริ้วธงหลากสีสันได้แต่งแต้มบ้านเรือนที่เขาพุ่งผ่านไปให้ดูสวยงาม เหล่าเด็กๆ เล่นกันอย่างมีความสุข รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความยินดี แสงไฟลุกโชนขึ้นมาอย่างเจิดจ้าจากหน้าต่างของทุกบ้าน

“ปีใหม่แล้ว?” จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หยุดอยู่ในกลางอากาศ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่ากำลังคิดถึงครอบครัว ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ความรู้สึกนี้มีแนวโน้มว่าจะเข้มข้นมากขึ้น เขากำลังจะมุ่งหน้าต่อไป แต่ฉับพลันนั้นก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้

“ข้าได้อันดับหนึ่งในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย! แต่ยังไม่ได้รับของรางวัลเลย!! หยกเซียนของข้า! ต้นเถาวัลย์ประกายเซียนของข้า! โลหิตผู้ยิ่งใหญ่ของข้า!!” เมื่อเขานึกขึ้นได้ถึงสิ่งของเหล่านี้ ก็ต้องตกตะลึงไป

เมื่อเมิ่งฮ่าวคิดไปถึงคุณค่าของหยกเซียน ต้นเถาวัลย์ประกายเซียนอันล้ำค่า และโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่มีค่าเท่ากับหยกเซียนจำนวนมาก ดวงตาเขาจู่ๆ ก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย หลังจากที่ผ่านไปนาน เขาก็กัดฟันแน่น

“ไม่ดีแน่ สิ่งเหล่านั้นเป็นของข้า! ข้าต้องไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าอย่างแน่นอน! สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ควรจะจ่ายสิ่งที่พวกมันเป็นหนี้ข้ามา!!” เขาไม่อาจจะทำอะไรได้ในตอนนี้ ได้แต่ต้องถอนหายใจด้วยความขุ่นเคืองขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และบินกลับไปยังตระกูลฟาง

ไม่นานนักก่อนที่ผืนป่าตระกูลฟางจะปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าขึ้นไป ถูกประดับตกแต่งด้วยโคมไฟและริ้วธงที่หลากสี บรรยากาศของปีใหม่กระจายอยู่ในอากาศอย่างเข้มข้น ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอาย ที่ไม่ใช่เป็นกลิ่นอายของเซียนแท้ แต่อาจจะมีอยู่สองถึงสามส่วนที่เป็นของเซียนแท้

ในเวลาเดียวกันนั้น หญิงสาวเยาว์วัยก็ปรากฏตัวขึ้น นางบินออกมาจากตระกูลฟาง และลอยตัวอยู่กลางอากาศ มองมายังเมิ่งฮ่าว

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นฟางอวี๋

นางได้ออกมาจากการนั่งเข้าฌาณตามลำพัง ขณะที่เมิ่งฮ่าวอยู่ในช่วงการแข่งขัน พื้นฐานฝึกตนของนางได้พุ่งทะยานขึ้นจนไปถึงจุดสูงสุดของขั้นค้นหาเต๋า ด้วยคำแนะนำบางอย่างจากฟางซิ่วเฟิง ทำให้ตอนนี้นางมีความแข็งแกร่งกว่าเซียนเทียม นางสามารถเดินไปบนเส้นทางของเซียนแท้ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะใช้ต้นเถาวัลย์ประกายเซียนช่วยก็ตามที

เมื่อฟางอวี๋มองเห็นเมิ่งฮ่าว ใบหน้านางก็เจิดจ้าขึ้นด้วยความดีใจ ไม่นานหลังจากนั้น บิดามารดาเมิ่งฮ่าวก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ที่ด้านหลังนาง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

อันที่จริง ฟางซิ่วเฟิงรับรู้ถึงเมิ่งฮ่าวในทันทีที่เขาปรากฏขึ้นบนดาวหนานเทียน ท่านมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรัก ถึงแม้ว่าค่อนข้างจะปิดบังไว้ด้วยรอยยิ้มก็ตามที สำหรับมารดาเมิ่งฮ่าว หยดน้ำตากำลังไหลลงมาจากใบหน้า สองสามเดือนที่ผ่านมา พวกท่านไม่แน่ใจว่าเมิ่งฮ่าวจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ทำให้นางต้องซูบผอมลงจากความโศกเศร้าเสียใจ

“เตีย, เหนียง ข้ากลับมาแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา จากนั้นก็มองไปยังฟางอวี๋ และต้องนึกไปถึงความทรงจำในตอนที่อยู่บนดาวตงเซิ่งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นี่คือพี่สาวของเขา ซึ่งได้ปกป้องเขาไว้ตอนที่ยังเยาว์วัย นางมีบุคลิกที่รุนแรงมาตั้งแต่อายุยังน้อยจนทำให้เขาต้องรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็มีความอบอุ่นระหว่างคนทั้งสองที่มาจากความเป็นครอบครัวเดียวกัน และเมิ่งฮ่าวก็ไม่มีทางจะลืมเลือนไปได้

“เจี่ย (พี่สาว)…” เขากล่าวขึ้นด้วยความระวัง อันที่จริงเขารู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านี้เมื่อคนทั้งสองได้พบกันในครั้งแรก เขาไม่เคยจะตระหนักว่านางคือใคร และพวกเขาก็เคยต่อสู้กันอยู่หลายครั้ง

“เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ก็ฟังดูเหมือนว่าจะฝืนใจอยู่เล็กน้อย” นางกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันลี้ลับ หลังจากที่ออกมาจากการนั่งเข้าฌาณตามลำพัง และรู้ว่าเมิ่งฮ่าวสามารถเอาชนะทัณฑ์ทรมานของตนเองได้แล้ว นางก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคนทั้งสองยังเป็นเด็ก นางก็ถูกบังคับให้ต้องมองไป ขณะที่เขาไม่เคยจะเติบโตขึ้นมาได้ ทำให้จิตใจนางต้องเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เป็นความรู้สึกที่นางจำได้ตลอดไป

เมื่อได้เห็นน้องชายตัวน้อยตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน ก็เหมือนกับนางได้รับความทรมานนั้นด้วยตนเอง ความทุกข์ของเขาทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ นางไม่เคยลืมเลยว่าได้เห็นเขานอนอยู่ในอ้อมแขนของมารดา ย้อนอายุจากเจ็ดขวบกลับไปเป็นทารก ฟางอวี๋ยืนอยู่ที่นั่น มือกำเป็นหมัดจนแน่น หยดน้ำตาไหลลงมานองหน้าขณะที่นางเฝ้ามองไป

นางยินดีที่จะกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อน้องชายตัวน้อยของนาง ตราบเท่าที่จะทำให้เขามีความสุข และเติบโตขึ้นมาได้อย่างแท้จริง ย้อนกลับไปในตอนที่คนทั้งสองยังเป็นเด็ก นางยืนอยู่ที่เบื้องหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง ปลดปล่อยอารมณ์อันรุนแรงออกมายังสมาชิกตระกูลคนอื่นๆ ที่มารังแกเขา

ย้อนกลับไปในตอนที่พวกเขาได้พบกันครั้งแรก ที่ด้านนอกของถ้ำกำเนิดใหม่ในดินแดนด้านใต้ นางรู้สึกได้ในทันทีถึงบางสิ่งที่ดูจะคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับตัวเขา จากนั้นเมื่อนางมองเห็นเครื่องหมายบนมือของเขา ถึงแม้ว่านางจะเป็นผู้ที่มีบุคลิกอันรุนแรง แต่ก็ยังต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ และแทบไม่อาจจะควบคุมตนเองไม่ให้ร้องไห้ออกมาได้

ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ถึงความยากลำบากทั้งหมดที่บิดามารดาต้องอดทน และทันใดนั้นก็กลัวว่าเมิ่งฮ่าวอาจจะสังเกตได้ถึงบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวนาง ดังนั้นนางจึงจงใจที่จะกล่าวคำพูดที่ไร้ความหมายและฟังดูน่าสับสน เพื่อให้เขาไขว้เขว นับจากวันนั้นเป็นต้นมา นางก็เฝ้ารอคอยถึงวันที่ครอบครัวทั้งหมดจะได้มาอยู่พร้อมหน้ากันในที่สุด

แน่นอนว่ายังมีช่วงที่นางต้องไปเผชิญหน้ากับเขาในสำนักเซียนอสูรโบราณด้วยเช่นกัน ในครั้งนั้นนางยิ่งรู้สึกได้ถึงความเป็นครอบครัวอย่างเข้มข้น เพราะเขาคือน้องชายของนาง…

นางไม่อาจจะหักห้ามใจ โดยการบังคับให้เขาต้องเรียกนางว่า ‘เจี่ยเจีย’ ได้ (พี่สาว) หลังจากนั้นมีสมาชิกของตระกูลฟางบางคนได้ดูหมิ่นเมิ่งฮ่าว ทำให้โทสะของนางลุกโชนขึ้น นางกังวลใจว่าเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะค้นหาร่างอาศัยได้ จึงได้มอบหนึ่งในร่างอาศัยของตระกูลฟางให้กับเขา

ยังมีอีกช่วงที่อยู่ในสำนักเซียนอสูร เมื่อนางกำลังต่อสู้กับจี้เซี่ยวเซี่ยวและผู้ถูกเลือกของตระกูลจี้บางคน เมิ่งฮ่าวได้หันหลังและจากไป ในตอนนั้นเองที่นางมั่นใจว่าเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วนางคือใคร แต่เมื่อได้เห็นเขาจากไปเช่นนั้นก็ทำให้หัวใจนางต้องแตกสลายไป

จากนั้นเขาก็หยุดชะงักและหมุนตัวกลับมามองยังนางที่กำลังต่อสู้กับตระกูลจี้ และนางก็ยิ้มออกมา

“ไม่ได้ฝืนใจ!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว ยิ้มออกมา “เจี่ย ท่านยังดูน่ารักเหมือนเช่นเคย!”

“จริงหรือ?” ฟางอวี๋ยิ้มขึ้น และเริ่มเดินตรงมาที่เขา นางยกมือขึ้นไป และกางนิ้วออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น พลังที่ระเบิดออกมาก็พุ่งขึ้นไป และกลิ่นอายอันดุร้ายก็เริ่มกระจายออกมาจากร่างนาง

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง และเริ่มถอยไปทางด้านหลัง ขณะที่เขาก้าวถอยไปหนึ่งก้าว ฟางอวี๋ก็พุ่งตรงมาที่เขาราวกับเป็นมังกรที่กำลังจะระเบิดออกมา

“ในตอนนั้นเจ้าบังอาจกล่าวว่าข้าชอบใช้ความรุนแรง วันนี้ข้าจะแสดงให้ดูว่าความรุนแรงที่แท้จริงเป็นเช่นไร!”

ฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่สบตากันพร้อมกับยิ้มออกมา จากนั้นทั้งคู่ก็หันไปดูเมิ่งฮ่าวถูกฟางอวี๋ไล่ล่าและตบตี เขาไม่กล้าที่จะต่อสู้กลับไปแม้แต่น้อย ฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจออกมา

“นานมากแล้วที่ครอบครัวของพวกเรา…ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันเช่นนี้”

ที่ห่างไกลออกไป พลุไฟเวทระเบิดขึ้นในท้องฟ้า ปีใหม่ที่งดงามได้มาถึงแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!