ตอนที่ 909
ฉ้อโกง!
ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลฟาง ปัจจุบันนี้มีนักปรุงยาระดับเก้าอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามว่าผู้เฒ่าโอสถ…ฟางตานอวิ๋น
เมิ่งฮ่าวมองไปยังรายชื่อทั้งสิบ ที่อยู่บนแท่นศิลาตัวอักษรชั้นที่เก้า และทันใดนั้นก็คิดไปถึงท่านอาจารย์ตานกุ่ยขึ้นในทันที
“จากมุมมองของข้าในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าทักษะของเจ้าโอสถจอมปีศาจ ในเรื่องของเต๋าแห่งการปรุงยาเก่งเกินกว่ามาตรฐานใดๆ ในดาวหนานเทียน ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าท่านขาดแคลนส่วนผสมต้นสมุนไพร ก็แน่ใจได้ว่าท่านสามารถจะปรุงเม็ดยาที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) ได้อย่างแน่นอน”
“ตอนนี้ท่านเป็นสมาชิกของเต๋าคุนหลุน ซึ่งมีทรัพยากรให้ใช้ได้มากขึ้น ทำให้สามารถจะมุ่งเน้นไปที่เต๋าแห่งการปรุงยาได้เต็มที่” เมื่อเมิ่งฮ่าวคิดไปถึงท่านอาจารย์ ก็อดไม่ได้…ที่จะคิดไปถึงหญิงสาวนางหนึ่งขึ้นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือฉู่อวี้เยียนซึ่งจากไปพร้อมกับตานกุ่ยเพื่อเข้าสังกัดเต๋าคุนหลุน
“การเฝ้ารอคอยที่จะได้พบกันอีกในโลกที่กว้างใหญ่นี้…ช่างเป็นความเศร้าที่งดงามนัก” เมิ่งฮ่าวส่ายหน้า สำหรับเขาแล้วอารมณ์ความรู้สึกไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น ในชีวิตนี้เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะมีแค่สวี่ชิงเท่านั้น
ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อบางอย่างที่เป็นของเขาเองทั้งหมด
“ข้าจะต้องกลายเป็นคนที่ร่ำรวยมากที่สุด ในขุนเขาทะเลที่เก้านี้ให้จงได้!” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่ก้าวเดินเข้าไปในศาลาโอสถ
ทันทีที่ผ่านเข้าไป แสงอันอ่อนโยนก็กวาดไปทั่วร่างเขา และเหรียญหยกแสดงตัวตนก็ลอยออกมา มองเห็นเป็นประกายแสงระยิบระยับ ขณะที่คะแนนความดีหนึ่งร้อยแต้มถูกหักออกไป
จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด คะแนนความดีหนึ่งร้อยแต้มนั้น คือการบรรยายให้กับเด็กฝึกปรุงยาหนึ่งร้อยคนเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม
“ไม่เจ็บปวด ไม่เจ็บปวด! ข้ากำลังจะได้มันมาเพิ่มแล้ว!” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับกัดฟันแน่น เดินเข้าไปในศาลาโอสถต่อไป ทันใดนั้นก็พบว่าตนเองกำลังถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกที่แน่นหนา ทำให้ยากที่จะมองเห็นได้
หลังจากนั้นชั่วขณะ แสงอันเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า ภายในแสงนั้นมีต้นสมุนไพรอยู่หนึ่งพันชนิด ยากที่จะมองเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจน ขณะที่พวกมันถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มหมอก ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงอันเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งชั้นแรก
“ภายในลมหายใจเข้าออกหนึ่งร้อยครั้ง ให้บอกชื่อต้นสมุนไพรออกมาอย่างน้อยเก้าร้อยชนิด และประทับชื่อเหล่านั้นด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะเห็นต้นสมุนไพรทั้งหมดสิบชุด ถ้าทำได้เก้าในสิบก็จะถือว่าผ่านชั้นนี้ไปได้”
ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ กลุ่มหมอกที่ปกคลุมต้นสมุนไพรทั้งหนึ่งพันชนิดก็หายไป ทำให้สามารถจะมองเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจน สายตาเมิ่งฮ่าวกวาดมองไปยังพวกมัน และสามารถจดจำได้ทั้งหมดในทันที อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ประทับพวกมันด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ แต่จดจำพวกมันทั้งหนึ่งพันชนิดไว้ในความทรงจำ
ช่วงเวลาหนึ่งร้อยลมหายใจผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแสงก็แวบขึ้น ต้นสมุนไพรหนึ่งพันชนิดหายไป ถูกแทนที่ด้วยชุดใหม่อีกหนึ่งพันชนิด
เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมันอย่างรวดเร็ว และดวงตาก็ปะทุขึ้นราวกับเป็นประจุไฟฟ้า หลังจากที่จดจำต้นสมุนไพรเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ เขาก็รอคอยให้ช่วงเวลาหนึ่งร้อยลมหายใจจบลง และต้นสมุนไพรชุดที่สามก็ปรากฏขึ้น
ด้วยวิธีการเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวได้ผลาญโอกาสที่ได้รับมาทั้งสิบครั้งไป หลังจากที่ต้นสมุนไพรหนึ่งหมื่นชนิดถูกแสดงออกมาเสร็จสิ้น เขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยพลังอันอ่อนโยน และในชั่วพริบตาก็ถูกส่งออกมาจากชั้นแรกของศาลาโอสถ ไปปรากฏขึ้นที่ด้านนอก
ฟางฉวินกำลังรอคอยอยู่ที่ด้านนอก เต็มไปด้วยความมุ่งหวัง ทันทีที่มันเห็นเมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้นก็ต้องตกตะลึงไป ใครก็ตามที่ผ่านชั้นแรกไปได้ จะมีแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้น แต่ตอนนี้ที่ชั้นแรกก็ดูเหมือนกับตอนที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในครั้งแรก
ฟางฉวินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง และกำลังจะก้าวเท้าตรงไป แต่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเดินกลับไปยังประตูทางเข้า จ่ายคะแนนความดีออกไปอีกหนึ่งร้อยแต้ม และผ่านเข้าไปในศาลาโอสถอีกครั้ง
ที่ด้านใน เขาได้จดจำต้นสมุนไพรที่แสดงออกมาหนึ่งหมื่นต้น และถูกไล่ออกไปอีกครั้ง แต่เมิ่งฮ่าวก็กัดฟันแน่น และกลับเข้าไปอีกครั้ง
สองครั้ง, สามครั้ง, สี่ครั้ง…ในช่วงเวลาสั้นๆ เมิ่งฮ่าวได้ผ่านเข้าไปสิบครั้งอย่างต่อเนื่อง คะแนนความดีของเขาได้หายไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังคงกระทำต่อไป ฟางฉวินตกตะลึงและแทบไม่อยากจะเชื่อว่า เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะผ่านชั้นแรกของศาลาโอสถไปได้ มันได้แต่มองไปยังภาพแปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ที่เบื้องหน้านี้
“มันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?” ฟางฉวินคิด ในความคิดเห็นของมัน น่าจะเป็นเรื่องง่ายที่เมิ่งฮ่าวจะผ่านชั้นแรกของศาลาโอสถไปได้ มันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องเข้าไปที่ชั้นเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า
เวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะหลงเสน่ห์ของชั้นแรก พยายามเข้าไปเป็นครั้งที่สิบ, ยี่สิบ, สามสิบ สุดท้าย…เขาได้เข้าไปที่ชั้นแรกถึงหนึ่งร้อยครั้ง
นั่นคือคะแนนความดีหนึ่งหมื่นแต้ม และเมื่อคิดว่าถ้าเขาไม่ได้รับคะแนนความดีมาสองหมื่นแต้มจากเดือนที่แล้วมา นั่นก็หมายความว่าตอนนี้เขาได้ใช้ออกไปมากกว่าหกในสิบส่วนแล้ว
“หนึ่งร้อยครั้ง!” เขากล่าวหลังจากที่ปรากฏขึ้นที่ด้านนอก มองไปยังศาลาโอสถและสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
หลังจากที่ทำการทดสอบไปถึงหนึ่งร้อยครั้ง เขาก็ได้เห็นต้นสมุนไพรหนึ่งล้านต้น แต่จริงๆ แล้วก็มีต้นสมุนไพรที่ปรากฏขึ้นซ้ำอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาก็มองไปยังคะแนนความดีสี่พันแต้มที่ยังเหลืออยู่ กัดฟันแน่น และผ่านเข้าไปในศาลาโอสถอีกครั้ง
หลังจากที่ผ่านเข้าไปอีกสี่สิบครั้ง เมิ่งฮ่าวก็มีคะแนนความดีเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแต้ม สองชายชราที่กำลังนั่งอยู่ที่ด้านนอกของศาลาโอสถ มองดูพฤติกรรมแปลกๆ ของเขาด้วยความจดจ่อ เห็นได้ชัดว่าพวกมันรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นที่เต็มอยู่ในจิตใจของเขา
“หนึ่งร้อยสี่สิบครั้ง! ใครๆ อาจจะคิดว่าจะมีต้นสมุนไพรปรากฏขึ้นหนึ่งล้านสี่พันชนิด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อลดชนิดที่ซ้ำกันออกไป ก็จะมีเพียงแค่หนึ่งล้านชนิดเท่านั้น”
“จากต้นสมุนไพรทั้งหมดหนึ่งล้านชนิดนั้น แต่ละส่วนของการทดสอบก็จะถูกเลือกออกมาแค่หนึ่งพันชนิด ซึ่งจะต้องจดจำให้ได้เก้าร้อยชนิด และจากนั้นก็ทำซ้ำไปอีกเก้าครั้ง…อาจจะกล่าวได้ว่า ในแต่ละการทดสอบนี้ ต้องบอกชื่อต้นสมุนไพรออกมาให้ถูกต้องเพียงแค่แปดพันหนึ่งร้อยชนิดเท่านั้น!”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด” เมิ่งฮ่าวคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะมีต้นสมุนไพรประมาณห้าพันชนิดที่มักจะปรากฏขึ้นซ้ำในช่วงการทดสอบนี้ ซึ่งมีนัยสำคัญมากเป็นพิเศษ ต้นสมุนไพรเหล่านี้มักจะเป็นที่สับสนได้ง่ายกับต้นอื่นๆ
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย หมุนตัวจากไปพร้อมกับฟางฉวิน ฟางฉวินอยากจะสอบถามปัญหาบางอย่าง แต่หลังจากที่ได้เห็นสีหน้าครุ่นคิดของเมิ่งฮ่าว มันก็ลังเลและจากนั้นก็ตัดสินใจที่จะไม่ไปรบกวนเขา
ยามสนธยากำลังมาเยือน เมิ่งฮ่าวไม่ได้กลับไปยังถ้ำแห่งเซียนของตัวเอง แต่ตอบรับคำเชื้อเชิญของฟางฉวินให้อยู่ที่ถ้ำแห่งเซียนของมันทั้งยามราตรี ตลอดช่วงเวลานั้น เขาไม่ได้ฝึกฝนตนเอง แต่หยิบเอาแผ่นหยกออกมา เริ่มทำการวิเคราะห์และบันทึกข้อมูลจากการทดสอบในศาลาโอสถของตนเองทั้งหนึ่งร้อยสี่สิบครั้งลงไป รวมทั้งทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับต้นสมุนไพรที่มักจะปรากฏขึ้นเป็นส่วนใหญ่ลงไปอีกด้วย
เมิ่งฮ่าวทำการแยกแยะและจัดหมวดหมู่ต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันทั้งยามกลางวันและกลางคืน จนกระทั่งผ่านไปสามวันเขาก็โผล่ออกมา ด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า แต่ดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้าออกมา
“ศาลาโอสถอันกระจ้อยร่อย ข้ากำลังจะช่วยให้เด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดที่มาฟังคำบรรยายของข้า ผ่านชั้นแรกของศาลาโอสถไป ถ้ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น กลุ่มผู้ฟังของข้าก็จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากมายแน่นอน” เมิ่งฮ่าวคิด หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา และดวงตาก็สาดประกายด้วยความคาดหวังและมุ่งมั่น การกระทำเรื่องเช่นนี้ เป็นสิ่งที่นักปรุงยาอื่นๆ ไม่มีใครสามารถจะคิดได้มาก่อน
เหตุผลที่เมิ่งฮ่าวสามารถจะทำได้เป็นเพราะว่าทักษะเกี่ยวกับต้นสมุนไพรของเขา บรรลุถึงระดับที่น่ากลัวอย่างแท้จริง เนื่องจากเช่นนั้นเขาจึงสามารถจะจดจำและแยกแยะต้นสมุนไพรทั้งหมดหนึ่งล้านชนิดเหล่านั้นได้
แน่นอนว่า สำหรับนักปรุงยาระดับสูงอื่นๆ ก็อาจจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ แต่พวกมันก็ไม่เคยคิดที่จะใช้วิธีเดียวกันนี้ ยอมเสียพลังและคะแนนความดีไปเป็นจำนวนมากมาย เพื่อทำการจัดหมวดหมู่ของข้อมูลทั้งหมด โดยมีจุดประสงค์สำหรับการฉ้อโกงเช่นนี้
หลังจากที่ใช้เวลาอีกสองสามวัน เพื่อจัดหมวดหมู่ข้อมูลทั้งหมด เมิ่งฮ่าวก็มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อเขาไปทำการบรรยายให้กับเด็กฝึกปรุงยาที่คลั่งไคล้สี่ร้อยกว่าคนในครั้งต่อไป ข้อมูลทั้งหมดก็จะเกี่ยวข้องกับต้นพืชสมุนไพรเหล่านั้น
เขาจะมุ่งเน้นไปที่ต้นสมุนไพรซึ่งมักจะพบเห็นได้มากที่สุดเป็นพิเศษ รวมทั้งกลุ่มที่ยากจะแยกแยะได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
นี่คือวิธีที่จะมุ่งจดจำไปที่คำตอบโดยตรงได้เป็นพิเศษ เมิ่งฮ่าวลืมความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยใดๆ ไปโดยสิ้นเชิง และทำการบรรยายต่อไปด้วยความมุ่งมั่น หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ถึงจำนวนเด็กฝึกปรุงยาไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลดลงไปเช่นเดียวกัน
เมื่อถึงตอนสิ้นเดือน เมิ่งฮ่าวก็พูดแนะนำเกี่ยวกับต้นสมุนไพรทั้งหมด ที่มักจะพบเห็นได้มากที่สุดในการทดสอบของศาลาโอสถจบไป หลังจากที่บรรยายเสร็จ เขาก็โบกสะบัดมือ ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทำให้ต้นสมุนไพรหนึ่งพันต้นปรากฏขึ้น
“ข้าจะทำการทดสอบพวกเจ้าสักเล็กน้อย ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งชั่วยามเพื่อบอกชื่อต้นสมุนไพรทั้งหนึ่งพันต้นเหล่านี้ออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้ทำเครื่องหมายลงไปบนต้นที่เจ้าไม่รู้ เมื่อหมดเวลา ข้าจะเฉลยคำตอบให้”
นี่คือประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับเด็กฝึกปรุงยาเหล่านี้ แต่สำหรับฟางฉวินแล้ว มันต้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง หลังจากที่รับฟังคำบรรยายจากเมิ่งฮ่าวมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน มันก็เริ่มเข้าใจขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้มันยังเคยผ่านชั้นแรกของศาลาโอสถมา และเริ่มรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เมิ่งฮ่าวกำลังทำอยู่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเมิ่งฮ่าวเริ่มใช้วิธีการทดสอบเดียวกันกับชั้นแรกของศาลโอสถ ในตอนนี้เองที่มันเริ่มหอบหายใจออกมา และท่าทางประหลาดใจก็เริ่มมองเห็นได้จากใบหน้ามัน
“เป็น…เป็นไปได้หรือไม่ว่า มันเข้าไปที่ชั้นแรกของศาลาโอสถร้อยกว่าครั้ง เพื่อจะได้มองเห็นข้อมูลการทดสอบทั้งหมด!”
“นั่น…นั่นก็เหมือนกับการได้เห็นคำตอบทั้งหมด! ตอนนี้มันกำลังบรรยายเกี่ยวกับคำตอบเหล่านั้นโดยเฉพาะ เด็กฝึกปรุงยาเหล่านี้ก็จะมีโอกาสผ่านการทดสอบนั้นได้มากขึ้น นี่…นี่คือการฉ้อโกง!”
“ยิ่งไปกว่านั้นมันกำลังใช้วิธีการทดสอบเดียวกันกับศาลาโอสถ เพื่อให้พวกมันคุ้นเคย…” ฟางฉวินได้แต่ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
หนึ่งชั่วยามต่อมา ภาพต้นสมุนไพรก็หายไป และเด็กฝึกปรุงยาก็เริ่มถามปัญหาเกี่ยวกับต้นสมุนไพรที่พวกมันไม่อาจจะบอกชื่อออกมาได้ เมิ่งฮ่าวเน้นย้ำไปที่จุดสำคัญต่างๆ และจากนั้นก็โบกสะบัดมืออีกครั้ง ทำให้ภาพอีกชุดได้ปรากฏขึ้น
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ขณะที่เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ เมิ่งฮ่าวแทบจะไม่ได้กลับไปยังถ้ำแห่งเซียนของตัวเองเลย เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่แผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ในที่สุดเขาก็ลดเวลาทดสอบเด็กฝึกปรุงยาจากหนึ่งชั่วยามเป็นครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็เป็นเวลาชั่วธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก จากนั้นก็เหลือแค่ครึ่งเดียว
เมื่อเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เมิ่งฮ่าวก็ลดเวลาให้เหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งร้อยลมหายใจเข้าออก
กลุ่มผู้ฟังของเขาเริ่มค่อยๆ รู้สึกคุ้นเคยกับการทดสอบนี้ และในที่สุดก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับจำนวนต้นสมุนไพรที่พวกมันสามารถจะบอกชื่อได้เพิ่มมากขึ้น และพวกมันก็ยังสามารถบอกชื่อได้อย่างรวดเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันที่จริงก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันไม่อาจจะบอกชื่อของต้นสมุนไพรออกมาได้ เพราะตลอดช่วงเวลานั้น เมิ่งฮ่าวได้บรรยายเฉพาะข้อมูลการทดสอบในศาลาโอสถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ตลอดช่วงเวลาทั้งสามเดือน เด็กฝึกปรุงยาได้มอบคะแนนความดีส่วนใหญ่ของพวกมันให้กับเมิ่งฮ่าว แต่ในกลุ่มของพวกมันก็มีอยู่หนึ่งร้อยกว่าคนที่สามารถจะบอกชื่อต้นสมุนไพรได้มากกว่าเก้าร้อยชนิด ในช่วงหนึ่งร้อยลมหายใจเข้าออกแล้ว
ในวันหนึ่ง เมิ่งฮ่าวไม่ได้ทำการบรรยาย แต่มองไปยังกลุ่มผู้ฟังทั้งสี่ร้อยคนด้วยสีหน้าจริงจัง
“คะแนนความดีของพวกเจ้าไม่ได้ถูกใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์” เขาประกาศขึ้น “ในตอนนี้ ให้พวกเจ้าทั้งหมดไปยังศาลาโอสถเพื่อเข้าร่วมการทดสอบในชั้นแรก ขอให้เชื่อข้าว่า อย่างน้อยที่สุดพวกเจ้าก็จะผ่านการทดสอบนั้นไปสองในสิบส่วนอย่างแน่นอน!” หลังจากเมิ่งฮ่าวพูดจบ เด็กฝึกปรุงยาก็มองมาที่เขาด้วยความตกตะลึงและลังเล
“ฟางฉวิน นำทาง!” เมิ่งฮ่าวกล่าว โบกสะบัดมือ ฟางฉวินกัดฟันแน่น พยักหน้าและเดินตรงไป เด็กฝึกปรุงยาสี่ร้อยคนติดตามมันไปยังศาลาโอสถด้วยความไม่ค่อยมั่นใจนัก
เมิ่งฮ่าวบินไปกับพวกมันด้วย
ตลอดเส้นทาง มีผู้คนไม่น้อยที่สังเกตเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และเมื่อพวกมันได้ยินว่ากลุ่มคนเหล่านี้กำลังไปยังศาลาโอสถเพื่อทำการทดสอบ พวกมันก็เริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา
“พวกมันศึกษาเล่าเรียนมานานเท่าใดแล้ว? พวกมันคิดว่าจะสามารถผ่านชั้นแรกของศาลาโอสถไปได้?”
“ถ้าไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรมาหลายสิบปี แล้วพวกมันจะผ่านชั้นแรกของศาลาโอสถไปได้อย่างไร? กลุ่มคนเหล่านั้นอยากจะเอาคะแนนความดีไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์หรืออย่างไร?”
“ช่างน่าขำนัก พวกมันส่วนใหญ่แล้ว ศึกษาเรื่องพืชสมุนไพรมาเพียงแค่สามปี ใช่หรือไม่?”
เด็กฝึกปรุงยาเริ่มรับรู้เรื่องนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันทั้งหมดสงสัยว่าคนเหล่านี้มีเหตุผลอะไรที่จะทำเช่นนี้ และเริ่มส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา