Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 918

ตอนที่ 918

เต๋าแห่งการปรุงยาที่ไร้ขอบเขต!

บนชั้นเจ็ดของศาลาโอสถ เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่เบื้องหน้าตำรา ตกอยู่ในห้วงภวังค์ครุ่นคิดตลอดช่วงเวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา และโบกสะบัดมือ ทำให้ตำราพืชสมุนไพรพลิกเปิดออกอย่างรวดเร็วจนไปถึงหน้าที่ต้องการ ทันใดนั้นต้นสมุนไพรก็ปรากฏออกมา และลอยขึ้นไปในอากาศ

อีกหลายหน้าได้ถูกพลิกไปอย่างรวดเร็ว มีทั้งหมดเก้าหน้า และต้นสมุนไพรอีกเก้าชนิดก็ปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวทำท่าคว้าจับ ทำให้ต้นสมุนไพรทั้งเก้าไปปรากฏอยู่บนหน้าแรกของตำราที่ว่างเปล่าเล่มนั้น

ต่อมาต้นไม้เหล่านั้นก็เป็นไปตามความคิดของเขา บ้างก็ถูกลอกเปลือกออกมา บ้างก็ถูกปลิดดอกออกไป สุดท้ายพวกมันก็รวมตัวเข้าด้วยกันอยู่ภายในสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว ซึ่งเขาได้ใช้วิธีการส่งเสริมและสะกดข่ม เพื่อทาบกิ่งของพวกมันเข้าด้วยกัน

ต้นสมุนไพรบนหน้าแรกส่องแสงระยิบระยับ จากนั้นก็ดูเหมือนว่าตำราได้ทำการวิเคราะห์และตัดสิน ในชั่วพริบตาหน้านั้นก็ค่อยๆ ถูกพลิกไปอย่างช้าๆ บ่งชี้ให้เห็นว่าเมิ่งฮ่าวได้สร้างพืชสมุนไพรต้นแรกของตัวเองสำเร็จแล้ว

อีกครั้งที่เขาโบกสะบัดมือซ้ายไปยังตำราพืชสมุนไพร หยิบเอาต้นสมุนไพรออกมา และใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปลี่ยนแปลงและทาบกิ่งพวกมันเข้าด้วยกัน สร้างเป็นต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันตามความคิดของตนเองอย่างต่อเนื่อง

เวลาผ่านไป สำหรับผู้ฝึกตนที่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา การทดสอบนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างน่าเบื่อ แต่สำหรับผู้ฝึกตนในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาแล้ว มันคือโอกาสดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

แม้แต่นักปรุงยาระดับเจ็ด ก็มองไปด้วยแสงแปลกๆ ที่ส่องประกายออกมาจากดวงตาพวกมัน ขณะที่เมิ่งฮ่าวสร้างต้นสมุนไพรของตัวเอง พวกมันก็ได้รับความรู้แจ้งเพิ่มมากขึ้น และต้องตกตะลึงไปอย่างต่อเนื่อง จริงๆ แล้วทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของพวกมันเอง ค่อยๆ คลืบคลานขึ้นไปอย่างช้าๆ

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สามารถจะใช้ต้นไม้ธาตุเย็นได้เช่นนั้น…หลังจากที่เพิ่มธาตุร้อนเข้าไปเก้าชนิด ถ้าเป็นสูตรดั้งเดิมก็คือเพิ่มธาตุเย็นเข้าไปหนึ่งอย่าง แต่มันกลับเพิ่มธาตุเย็นเข้าไปถึงเก้าอย่าง จากกฎของการส่งเสริมและสะกดข่ม ทำให้คิดว่าจะได้ผลที่เป็นกลางออกมา แต่กลับมีผลเช่นนั้นออกมาได้!”

“เยี่ยหลิงฮวา (ดอกวิญญาณจันทร์) นั่น กลายเป็นเยร่อฮุยเยี่ย (ใบแสงตะวัน) ขึ้นมาได้จริงๆ เมื่อทาบกิ่งแล้ว! ช่างเป็นความคิดที่อุกอาจยิ่ง แต่มันก็ได้ผล!”

แม้แต่หญิงชรานางนั้นก็จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง โดยไม่รู้สึกตัวนางเริ่มลอกเลียนแบบเมิ่งฮ่าว และทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของนางก็เริ่มก้าวหน้าขึ้นอย่างช้าๆ

นักปรุงยาระดับห้าและหกต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อพูดถึงเรื่องการทาบกิ่งต้นสมุนไพร พวกมันอยู่ในช่วงการเรียนรู้ขั้นแรกเท่านั้น ขณะที่มองดูการกระทำของเมิ่งฮ่าว พวกมันก็พยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นไว้ในความทรงจำ

สำหรับพวกมันแล้ว นี่คือโอกาสที่หาได้ยากเย็นยิ่ง

สำหรับนักปรุงยาระดับล่างลงมา นี่คืออาณาจักรที่ไกลออกไปจากพวกมัน แต่พวกมันทั้งหมดก็เข้าใจได้ว่า ถ้าต้องการจะเดินไปบนเส้นทางเต๋าแห่งการปรุงยาแล้วละก็ ในที่สุดพวกมันก็ต้องเรียนรู้ถึงวิธีการทาบกิ่งต้นสมุนไพร ดังนั้นพวกมันจึงพยายามหาประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้

เด็กฝึกปรุงยายิ่งเข้าใจได้น้อยที่สุดเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าที่ตั้งใจของนักปรุงยาระดับสูงกว่าเหล่านั้น พวกมันก็ตระหนักว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวกำลังทำอยู่ในตอนนี้ คือวิธีการทาบกิ่งอันน่าประหลาดใจด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกมันจึงได้แต่จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว และพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อจะจดจำถึงวิธีการทาบกิ่งที่เขาทำอยู่

โลกที่ด้านนอกของศาลาโอสถเงียบกริบไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่สองชายชราซึ่งเป็นผู้พิทักษ์อยู่ที่ด้านนอก ก็ยังต้องลืมตาขึ้นมา และมองไปยังจอภาพที่อยู่กลางอากาศ

นักปรุงยาระดับแปดยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มองไปยังเมิ่งฮ่าวและคอยสังเกตดูวิธีการทาบกิ่งของเขา พวกมันทั้งหมดเต็มไปด้วยความคาดหวัง

อีกครั้งที่เมิ่งฮ่าวไม่รับรู้ถึงกาลเวลาที่เลยผ่าน ขณะที่จมตัวเองอยู่ในการทาบกิ่งต้นสมุนไพร มือซ้ายพลิกไปที่หน้ากระดาษของตำราพืชสมุนไพรเล่มแรกอย่างรวดเร็ว จนดูเหมือนว่าหน้าที่ถูกพลิกไปนั้นมีการเคลื่อนไหวอย่างที่ไม่เคยหยุดนิ่งมาก่อน

เวลาผ่านไป เมิ่งฮ่าวสร้างต้นสมุนไพรได้มากขึ้นเรื่อยๆ สิบ, หนึ่งร้อย, หนึ่งพัน…

เจ็ดวันหลังจากนั้น ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็สร้างต้นสมุนไพรขึ้นมาได้หนึ่งหมื่นชนิด เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แต่ก็ยังไม่ยอมหยุด เพ่งสมาธิอยู่ภายในใจชั่วขณะ ความรู้สึกที่ได้พบเจอกับต้นพืชสมุนไพร เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาทำการฝึกตน เขารู้ว่าสามารถจะสร้างต้นสมุนไพรออกมาได้มากกว่านั้น ความเข้าใจเรื่องต้นพืชสมุนไพรของเขาในตอนนี้มีความลึกล้ำมากขึ้นกว่าเดิม

ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ทำการปรุงยามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็สามารถจะรู้สึกได้ว่าทักษะในการปรุงยาของตัวเอง…กำลังมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น

“มือของข้าคือกระถางปรุงยา และข้าก็จะผสมผสานฟ้าดินทั้งหมดเข้าด้วยกันในฝ่ามือ เพื่อสร้างเป็นเม็ดยาอันยิ่งใหญ่!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงที่มีต้นกำเนิดมาจากเต๋าของตัวเอง ด้วยเต๋าแห่งการปรุงยาของเขา ด้วยเต๋านี้ เขาสามารถจะยืนยันจิตใจของตนเองได้ และจากนั้นก็ใช้จิตใจนั้นทำการปรุงเป็นเม็ดยาขึ้นมา

ผ่านไปอีกเจ็ดวัน ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้สร้างต้นสมุนไพรขึ้นมาได้มากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันชนิด คนทั้งหมดที่ด้านนอกกำลังสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ และความชื่นชมยอมรับในตัวเมิ่งฮ่าวของพวกมันก็บรรลุถึงจุดสูงสุด

แม้แต่หญิงชรานางนั้น ก็ต้องถามตัวเองว่า ทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของนางจะเทียบเท่ากับเมิ่งฮ่าวได้หรือไม่ สุดท้ายนางก็ต้องถอนหายใจออกมา และยอมรับว่าบุคคลเช่นเมิ่งฮ่าวคือสิ่งที่แผนกเต๋าแห่งการปรุงยาขาดแคลน และจริงๆ แล้วก็จำเป็นต้องมีเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับนางแล้ว…ถ้านางยังคงจะทำตามความปรารถนาของใครบางคนในตระกูลหลัก โดยให้นางไปมีเรื่องกับเมิ่งฮ่าวอีก เกรงว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของนางจะไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้อีก

“ช่างมัน” นางคิดพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายด้วยความมุ่งมั่น “นอกจากนั้น…ข้าก็คือสมาชิกของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา!” นางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และความคิดที่เป็นศัตรูกับเมิ่งฮ่าวได้หายไปในบัดดล ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับว่าแรงกดดันทั้งหมดได้หายไปจากร่าง นางเพ่งสมาธิไปบนจอภาพ และครุ่นคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรต่อไป

หนึ่งหมื่นห้าพัน, สองหมื่น, สามหมื่น…

หนึ่งเดือนผ่านไป ตลอดช่วงเวลานั้นเมิ่งฮ่าวสามารถสร้างต้นสมุนไพรขึ้นมาได้สามหมื่นชนิด มีผู้คนมารวมตัวกันที่ด้านนอกมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้มีจำนวนมากกว่าห้าแสนคน กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง

คนทั้งหมดมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังสร้างต้นสมุนไพรขึ้นมา กลุ่มฝูงชนดูเหมือนจะมีความยินดีอย่างบ้าคลั่งเป็นระยะในสิ่งที่พวกมันได้เห็น และในบางครั้งพวกมันก็มีท่าทางงุนงง แต่สุดท้ายคนทั้งหมดที่มองไปก็สามารถจะเรียนรู้บางสิ่งได้

น่าเสียดายที่เมิ่งฮ่าวกำลังจมอยู่ในสิ่งที่เขากำลังทำ จึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ด้านนอกบ้าง ถ้าเขารู้ ก็คงจะต้องคลุ้มคลั่งขึ้นอย่างแน่นอน เพราะนี่คือโอกาสที่ดีที่สุด…ที่จะเก็บคะแนนความดี

ถ้าในตอนนี้เขาเดินออกไปจากศาลาโอสถ และร้องตะโกนให้จ่ายค่าดูออกไป คนทั้งหมดก็คงยินดีจะจ่ายต่อสิ่งที่เขาเรียกร้องนี้ในทันที

จากตอนที่เขาได้ผ่านเข้ามาที่ชั้นแรกจนกระทั่งถึงตอนนี้ เวลาได้ผ่านไปสี่เดือนเต็ม แต่ผู้ฝึกตนมีชีวิตที่ยืนยาว และมักจะนั่งเข้าฌาณตามลำพังเป็นเวลานานหลายปี แต่ถึงกระนั้นสี่เดือนก็ยังคงดูเหมือนจะผ่านไปอย่างช้าๆ ถ้าพวกมันไม่ได้นั่งเข้าฌาณอยู่

ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะรู้สึกเบื่อหน่าย พวกมันยังคงเฝ้าเรียนรู้จากการมองไปอย่างต่อเนื่อง

เมิ่งฮ่าวจมตัวเองอยู่ในการทาบกิ่ง และเขาก็มีความสุข ไม่มีสถานที่อื่นที่จะเป็นเช่นเดียวกับศาลาโอสถนี้อีกแล้ว ที่มีต้นสมุนไพรหนึ่งพันล้านต้นอยู่ด้านใน ซึ่งเขาสามารถจะเลือกออกมาใช้ได้

ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นแค่ภาพลวงตาทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเมิ่งฮ่าว พวกมันยังคงช่วยให้เขามีความก้าวหน้าในทักษะต้นพืชสมุนไพรไปในระดับที่สูงกว่าเดิม

ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำ ตอนนี้เขาได้สร้างต้นสมุนไพรขึ้นมาได้ห้าหมื่นต้นแล้ว

ในตอนแรก พวกมันค่อนข้างจะธรรมดา แต่ยิ่งเขามีความก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งมีความยากมากขึ้น ถ้าเป้าหมายของเขาคือการทำให้เสร็จพอเป็นพิธี การผ่านชั้นนี้ไปก็คงจะถือว่าง่ายมาก แต่เขาได้ตั้งความต้องการของตัวเองไว้จนสูง ทำให้ต้นสมุนไพรที่เขาสร้างอยู่ในตอนนี้ ต่างก็ประกอบไปด้วยต้นสมุนไพรอื่นๆ อย่างน้อยก็หนึ่งร้อยชนิด

อันที่จริง ต้นสมุนไพรหนึ่งหมื่นชนิดที่เขาได้สร้างขึ้นมาด้วยการทาบกิ่ง มีอย่างน้อยห้าร้อยชนิดที่ถูกสร้างขึ้นมาจากต้นสมุนไพรที่มากมายนับร้อยนั้น!

ความเหนื่อยล้าพุ่งขึ้นมาในจิตใจ ชั้นห้า, หก และเจ็ด ต่างก็ค่อนข้างจะสร้างเป็นความเครียดให้กับจิตใจเขา อันที่จริง ผลลัพธ์ที่ได้นั้นได้ทำให้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขามีความก้าวหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน

ที่ยิ่งน่าประหลาดใจมากไปกว่านั้นสำหรับเมิ่งฮ่าวก็คือว่า หลายเดือนที่ผ่านมานี้ พื้นฐานฝึกตนของเขาใกล้จะถึงเก้าในสิบส่วนของพลังแห่งเซียนแท้แล้ว

เมื่อถึงเดือนที่หก เมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน พลังจิตของเขาแทบจะหมดสิ้นไป และศีรษะก็รู้สึกราวกับว่าจะบวมปูดขึ้นมา ความเจ็บปวดเสียดแทงผ่านศีรษะเข้ามาเป็นระยะ ทำให้เขาต้องคิดช้าลง

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาได้สร้างต้นสมุนไพรขึ้นมาได้เกือบเจ็ดหมื่นชนิดแล้ว

ไม่มีซ้ำแม้แต่ต้นเดียว ต้นใดๆ ก็ตาม ถ้าไปปรากฏขึ้นในโลกด้านนอก ก็จะต้องทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนขึ้นมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับห้าพันต้นสุดท้าย…แต่ละต้นเหล่านั้นประกอบด้วยการทาบกิ่งที่แตกต่างกันมากกว่าหนึ่งพันชนิด

ต้นสมุนไพรเช่นนี้ เมื่อนำไปกลั่นสกัดเป็นเม็ดยา ก็จะเพิ่มแค่ส่วนผสมรองเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น

กลุ่มผู้ชมที่อยู่ด้านนอก ต่างก็ตกตะลึงและสั่นสะท้านอยู่ภายในใจอย่างลึกล้ำ จากทักษะเกี่ยวกับต้นสมุนไพรของเมิ่งฮ่าว ผ่านไปอีกครึ่งเดือน ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ใช้พลังออกมาจนแทบจะหมดสิ้น ใบหน้าเขาซีดขาว และดูเหมือนว่าแทบจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ แม้แต่อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของเขาก็ไม่อาจจะช่วยให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้นมาได้

เขาถอนหายใจยาวออกมา และในที่สุดก็หยุดการทำงาน

เมิ่งฮ่าวสร้างต้นสมุนไพรขึ้นมาได้มากกว่าเจ็ดหมื่นห้าพันชนิด

“จิตใจข้าไม่เพียงพอที่จะทำภารกิจนี้ได้ ถ้าฝืนทำต่อไป ก็อาจจะทำให้พื้นฐานของข้าต้องได้รับบาดเจ็บ สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ…ความรู้เรื่องต้นพืชสมุนไพรของข้ายังไม่ดีพอ อย่างน้อยก็ในแง่ของการทาบกิ่ง”

“บางทีการสร้างขึ้นมาอีกหนึ่งหมื่นต้น อาจจะเป็นขีดจำกัดของข้าแล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาถึงทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของข้าในตอนนี้แล้ว การสร้างต้นสมุนไพรที่ประกอบไปด้วยการทาบกิ่งหนึ่งหมื่นครั้ง ก็คงเป็นเรื่องยากมากเกินไป” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความมุ่งมั่น

“ข้าต้องศึกษาเรื่องพืชสมุนไพรของตระกูลฟางให้ลึกซึ้งกว่านี้!” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็หมุนตัวและหายสาบสูญไป เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง เขาก็ไปอยู่ที่ด้านนอกของศาลาโอสถ เมื่อมองเห็นกลุ่มฝูงชนที่แน่นหนาห้าแสนคน เขาก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

ถึงแม้เขาจะคิดว่าต้องมีใครบางคนมาสังเกตการณ์ดู แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีผู้คนมาแสดงตัวขึ้นมากมายเช่นนี้มาก่อน เขายังมองเห็นนักปรุงยาเกือบทุกระดับอยู่ในที่แห่งนี้ พวกมันส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้สติตื่นขึ้นมาจากห้วงภวังค์แห่งความรู้แจ้ง ในขณะที่ตกลงไปในตอนที่มองดูเมิ่งฮ่าว

เขาเหน็ดเหนื่อยมากจนไม่อยากจะพูดอะไรออกมา สิ่งเดียวที่ต้องการคือกลับไปยังถ้ำแห่งเซียนของตัวเองและพักผ่อนสักสองสามวัน ทันใดนั้นเขาก็บินขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

ในทันทีที่เขาบินขึ้นไปในอากาศ กลุ่มฝูงชนก็เริ่มมีสติกลับคืนมา พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่หายลับไปยังที่ห่างไกล และจากนั้นก็เริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นมา

“นั่นคือฟางฮ่าว!!” บางคนร้องตะโกนขึ้น “มันออกมาแล้ว!!” ผู้คนเริ่มได้สติกลับมามากขึ้น เมื่อพวกมันตระหนักว่าจอภาพได้หายไปแล้ว ถึงได้เข้าใจว่าเมิ่งฮ่าวได้ออกมาจากศาลาโอสถเรียบร้อยแล้ว

“พืชสมุนไพรเจ็ดหมื่นห้าพันต้น มันคือต้าซือของต้นพืชสมุนไพร! มันสมควรที่จะถูกเรียกว่าเย่าซือ!” (ผู้ผสมยา)

“ด้วยทักษะด้านพืชสมุนไพรของฟางฮ่าวต้าซือ ถ้ามันต้องการแค่จะผ่านการทดสอบของศาลาโอสถนี้ ข้าไม่กล้าที่จะบอกว่ามันน่าจะผ่านไปได้ทั้งเก้าชั้น แต่ชั้นที่แปดมันคงจะผ่านไปได้โดยไร้ปัญหาอย่างแน่นอน!”

คนทั้งหมดตกอยู่ในความวุ่นวาย ขณะที่มองดูเมิ่งฮ่าวจากไป ดวงตาพวกมันสาดประกายขึ้นด้วยความคลุ้มคลั่งและนับถือ ในโลกแห่งการฝึกตน ความแข็งแกร่งจะเป็นที่นับถือ และไม่ได้แตกต่างไปจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยานี้เท่าใดนัก

“มันหยุดไปในครั้งนี้ แต่อีกไม่กี่เดือน มันจะต้องมาต่ออย่างแน่นอน!”

นักปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมองดูเมิ่งฮ่าวจากไป พวกมันทั้งหมดต่างก็ถอนหายใจด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสระดับแปด ซึ่งมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังและตื่นเต้น

ลึกเข้าไปในเขตภูเขาด้านใน ผู้เฒ่าโอสถฟางตานอวิ๋น เฝ้ามองดูเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดมันก็ถอนหายใจออกมา และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ในที่สุดก็มีผู้สืบทอดของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาแล้ว…”

มันโบกสะบัดมือขวา ตำราโบราณปรากฏขึ้นอยู่ในมือ ซึ่งบนหน้าปกถูกเขียนเป็นคำว่า ‘ตำราพืชสมุนไพร’

“มอบตำรานี้ให้กับฟางฮ่าว” มันกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน โบกสะบัดมืออีกครั้ง แสงอันลี้ลับก็ปรากฏขึ้น ปกคลุมไปทั่วตำราเล่มนั้นและนำมันจากไป

เมิ่งฮ่าวบินออกไปจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ไม่แม้แต่จะตระหนักถึงสภาพแวดล้อมเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆ เขาก็หยุดชะงักนิ่ง และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น จิตใจรู้สึกราวกับว่าเพิ่งจะถูกสายฟ้าฟาดลงมา

“บัดซบ! ข้าลืมเก็บคะแนนความดีไปได้อย่างไรกัน!? เมื่อครู่นี้มีผู้คนมากกว่าห้าแสนคน! ข้าอยู่ในศาลาโอสถมากี่เดือนแล้ว!? นี่…นี่…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!