Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 948

ตอนที่ 948

สั่นขวัญสะท้านวิญญาณ

ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่จ้องมองไปยังรูปปั้นที่นำเมิ่งฮ่าวพุ่งห่างออกไปไกล มันตระหนักดีถึงความแตกต่างระหว่างการที่เมิ่งฮ่าวได้รับการปกป้องจากรูปปั้น และการที่มันนำพาเขาไปรอบๆ ในดินแดนบรรพบุรุษ ทั้งสองอย่างนี้เป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

อย่างแรกแค่อยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไร แต่อย่างที่สองจำเป็นต้องมีการกระทำ!

“มัน…สามารถควบคุมผู้พิทักษ์เต๋าของตระกูลได้จริงๆ!!” ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดหอบหายใจออกมา ตอนนี้มันรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว จิตใจมันหมุนคว้าง และแทบจะลืมเรื่องที่มีใครบางคนในตระกูลได้ละเมิดกฎไปโดยสิ้นเชิง มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่สาดประกาย และเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าเมิ่งฮ่าวจะต้องเป็นเสาหลักในอนาคตของตระกูลขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินทางไป เขาได้เปิดถุงสมบัติที่เป็นของบุรุษที่เพิ่งจะถูกสังหารไป ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดดูสิ่งของที่อยู่ภายใน พบว่ามีหินลมปราณที่มีคุณภาพดีและหยกเซียน พร้อมกับเม็ดยาจำนวนมากอีกด้วย รวมทั้งแผ่นหยกบางส่วน หนึ่งในแผ่นหยกเหล่านั้นมีสีดำ และใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเย็นชาราวน้ำแข็ง ขณะที่หยิบเอาแผ่นหยกสีดำขึ้นมาและอ่านด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

“มันคือผู้อาวุโสของตระกูลฟาง!” เขาพึมพำ เหรียญคำสั่งที่ถืออยู่ในมือถูกออกให้โดยตระกูล และบ่งบอกให้รู้ว่าบุรุษผู้นี้คือหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นนี่คือดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลฟาง ฟางซิ่วซานต้องการให้เมิ่งฮ่าวตายไปมากกว่าสิ่งใดๆ แต่มันก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้คนภายนอกเข้ามาในดินแดนบรรพบุรุษนี้ มันไม่อาจจะแบกรับผลที่ตามมาหลังจากนี้ได้

ในความคาดคิดของมัน เพื่อที่จะลดความเสี่ยงและผลกระทบที่ติดตามมาหลังจากที่สังหารเมิ่งฮ่าวไปแล้ว ดังนั้นมันจึงต้องใช้ศักดิ์ฐานะสายโลหิตในตระกูลของมันอย่างชาญฉลาด

หลังจากที่หยิบเอาเหรียญแสดงตัวตนออกมาจากถุงสมบัติ และโยนมันไปที่ด้านข้าง เมิ่งฮ่าวก็หยิบเอากล่องหยกออกมา กล่องหยกนั้นส่องแสงระยิบระยับขึ้นและกระจายปราณเซียนอันแข็งแกร่งออกมา

หลังจากที่เปิดมันออก เขาก็เริ่มหอบหายใจและดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น

ด้านในของกล่องหยกเป็นกระดิ่งใบเล็กๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหยก ดูประณีตงดงาม และปราณเซียนก็หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ กระดิ่งใบนั้น เมิ่งฮ่าวรู้ขึ้นได้ในทันทีว่า มันคือของวิเศษเซียนที่ล้ำค่า ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน

เขาหยิบกระดิ่งใบเล็กๆ นั้นขึ้นมา และถือไว้อยู่ในมือ จากนั้นก็ส่งปราณเซียนบางส่วนจากชีพจรเซียนของตัวเองเข้าไปในกระดิ่ง ทำให้เกิดเป็นส่งเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นมา มันลอยขึ้นไปในอากาศเหนือศีรษะเขา จนมีขนาดหนึ่งจ้างและหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ตัวเขา กระจายสัญลักษณ์เวทนับไม่ถ้วนออกมาในเวลาเดียวกันนั้น

แรงกดดันอันเข้มข้น กระจายออกไปในทันที

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

“กระดิ่งนี้ต้องเป็นของวิเศษเซียนที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง!” เขาสัมผัสได้ถึงพลังเซียนที่กระจายออกมาจากกระดิ่งใบนี้ และดวงตาก็สาดประกายขึ้นขณะที่อ้าปากและสูดลมหายใจเข้าไป ทำให้กระดิ่งหดเล็กลงและจากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในปากเมิ่งฮ่าว และไปหยุดอยู่ที่ด้านในชีพจรเซียนของเขา

ทันใดนั้น ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยเสียงระฆังดังกึกก้อง กระดิ่งเริ่มกระจายแสงอันเจิดจ้าออกมา และในเวลาเดียวกันนั้นปราณเซียนของเขาก็เริ่มตกผลึกแข็งตัวมากขึ้น

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือว่ากระดิ่งเซียนนี้ คือของกำนัลที่ฟางซิ่วซานได้จัดเตรียมไว้ให้กับผู้อาวุโสของตระกูลผู้นี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ของวิเศษโบราณ แต่ก็ยังคงเป็นของวิเศษเซียนอันล้ำค่า และด้วยการกลั่นสกัดอีกเพียงแค่เล็กน้อย ก็จะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นของวิเศษที่เทียบเท่ากับอาณาจักรโบราณได้เช่นเดียวกัน

ของวิเศษโบราณเป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็น และเป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณมากมายไม่อาจจะมีไว้ในครอบครอง ถึงแม้ว่าบุรุษผู้นั้นจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฟาง แต่มันก็มีตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปแล้วแค่หนี่งดวงเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ครอบครองของวิเศษโบราณจากตระกูล

อันที่จริง ฟางซิ่วซานได้ใช้ความพยายามไปไม่น้อยเมื่อสองสามปีก่อน เพื่อที่จะได้ครอบครองกระดิ่งใบน้อยนี้ แต่เพื่อที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวไปให้จงได้ มันจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้บรรลุถึงเป้าหมาย

“มันเป็นผู้อาวุโสของตระกูล แต่สิ่งที่มันมีทั้งหมดคือของวิเศษชิ้นเดียวนี้?” ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่ค่อยเชื่อนัก แต่จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าของวิเศษทั้งหมดได้แตกกระจายไปในตอนที่มันตกตายไป

“ดูเหมือนว่าจะมีด้านที่ไม่เหมือนใครอยู่มากมายในอาณาจักรโบราณ” เมิ่งฮ่าวคิด กวาดอ่านแผ่นหยกที่เหลือในถุงสมบัติ และทันใดนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่แผ่นหยกชิ้นหนึ่ง หลังจากที่อ่านเนื้อหาข้างในมากขึ้น ใบหน้าเขาก็หมองคล้ำลง

แผ่นหยกนี้คือเครื่องมือการไล่ตามหาสายโลหิต เขามองเห็นได้ชัดเจนถึงจุดแสงเก้าจุด หนึ่งในนั้นเป็นตัวแทนของเขาเอง อีกแปดจุดได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง และทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าตรงมาที่เขา

ผู้ที่อยู่ใกล้มากที่สุด อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก

“จริงๆ แล้วเจ้าส่งคนมาสังหารข้าถึงเก้าคน” ดวงตาเมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นน้ำแข็ง ขณะที่ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์บางส่วนออกไป ทำให้นักรบศิลาหยุดชะงักนิ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทาง ทันใดนั้นมันก็เริ่มพุ่งตรงไปยังทิศทางของจุดแสงที่อยู่ใกล้กับเมิ่งฮ่าวมากที่สุด

“ไม่จำเป็นต้องมาค้นหาข้า ข้าจะไปหาพวกเจ้าเอง!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ส่วนบนสุดของรูปปั้น ดวงตาเดือดพล่านด้วยความต้องการสังหาร ม่านตาสาดประกายด้วยแสงอันเข้มข้นที่คล้ายกับเป็นใบมีดอันแหลมคม

ในตอนนี้ ทั่วทั้งร่างของเขากำลังกระจายความต้องการเข่นฆ่าสังหารออกมา

เขาไม่กล้าจะสังหารใครในตระกูลฟาง นั่นจะเป็นการละเมิดกฎของตระกูล แต่ในสถานที่แห่งนี้…เขาไม่จำเป็นต้องมีความเวทนาใดๆ เมื่อบุคคลเหล่านั้นมายังที่นี่เพื่อจะสังหารเขา เขาก็ต้องตอบสนองคืนกลับไปทีละคนเช่นเดียวกัน!

“สถานที่แห่งนี้จะเปิดออกอีกครั้งในสองเดือนข้างหน้า ทำให้ข้ามีเวลาอย่างเหลือเฟือที่จะเล่นสนุกกับพวกเจ้า!” รังสีสังหารอันแข็งแกร่งแวบขึ้นมาในดวงตา และกลิ่นอายอันน่ากลัวที่อยู่รอบๆ ตัวเขาก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น

ที่ด้านบนขึ้นไป ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดติดตามมาด้วย ความตื่นเต้นและความสนใจในตัวเมิ่งฮ่าวของมันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น

นักรบศิลาพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เกิดเป็นเสียงแหวกฝ่าอากาศดังก้องออกไป ขณะที่มันพุ่งตรงไป ก็ดูเหมือนจะทำให้อากาศเกิดเป็นช่องโหว่ขึ้นอยู่ภายในดินแดนบรรพบุรุษแห่งนี้

เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านบน เส้นผมพลิ้วไปมาขณะที่สายลมอันรุนแรงได้พัดผ่านกายเนื้อเซียนแท้ของเขาไป

ที่ห่างออกไปทางเบื้องหน้าประมาณหนึ่งพันหลี่ (500 กิโลเมตร) ลำแสงหนึ่งสายกำลังพุ่งฝ่าอากาศมา ภายในลำแสงนั้นเป็นบุรุษหนุ่มในชุดสีดำ ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของมันยังดูเยาว์วัย แต่ก็มีบางสิ่งในตอนที่มันขมวดคิ้ว ทำให้ดูเหมือนจะเก่าแก่โบราณไป

มันถูกห้อมล้อมไว้ด้วยตะเกียงเก้าดวง ซึ่งกำลังหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ตัว คล้ายกับคนอื่นๆ แปดดวงกำลังส่องแสงสว่างอยู่ และหนึ่งดวงได้ดับลงไป นี่คือตะเกียงวิญญาณซึ่งไม่ได้เป็นของจริง แต่เป็นภาพลวงตามากกว่า

การพุ่งมาของมันทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินบิดเบี้ยวไปมา และมันก็ประสานมือไว้ที่ด้านหลังขณะที่พุ่งตรงมา

สีหน้ามันสงบนิ่ง แต่มองเห็นแสงอันโหดเหี้ยมอยู่ในส่วนลึกของแววตามัน

“คาดไม่ถึงว่าหนึ่งในพวกเราต้องตายไป…” มันพึมพำ ดวงตาสาดประกายขึ้น “สิ่งที่พวกเราต้องทำทั้งหมดก็คือสังหารผู้เยาว์แค่คนเดียว แต่กลับเป็นว่าพวกเราต้องตายไปหนึ่งคน…ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ได้ถูกสังหารไปโดยสิ่งอันตรายที่อยู่ภายในดินแดนบรรพบุรุษแห่งนี้ มันตายไปในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่ไปพบกับผู้เยาว์นั่น” แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของบุรุษหนุ่ม ก่อนหน้านี้หนึ่งในจุดแสงได้หายไปจากแผ่นหยกที่มันกำลังดูอยู่ ทำให้มันต้องตกตะลึงไป

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมฟางซิ่วซานถึงได้ต้องการให้พวกเราทั้งเก้ามายังที่แห่งนี้ ผู้เยาว์นี้…ต้องมีความลับบางอย่างซุกซ่อนอยู่เป็นแน่!”

“ความลับนั่นคืออะไรกัน ที่ทำให้มันสามารถสังหารผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณ ซึ่งมีตะเกียงวิญญาณดับไปหนึ่งดวงได้ ในขณะที่ถือได้ว่าตัวมันเพิ่งจะอยู่ในอาณาจักรเซียนเท่านั้น!”

“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามันจะใช้วิธีการอะไรออกมา ก็ไม่อาจจะใช้ได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน” แสงอันเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของบุรุษหนุ่ม และม่านตามันก็แวบขึ้นด้วยความโลภ ยกมือขวาขึ้นและส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในแผ่นหยกที่ถืออยู่ จากนั้นสีหน้ามันก็เปลี่ยนไป และทันใดนั้นมันก็หยุดชะงักนิ่ง

“ไม่ถูกต้อง มันเปลี่ยนทิศทาง และตอนนี้กำลังมุ่งหน้าตรงมายังข้า…เมื่อดูจากการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วของมัน! ถึงแม้ว่ามันจะมีกายเนื้อเซียนแท้ แต่ก็ยังไม่อาจจะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้นได้!” บุรุษหนุ่มรู้สึกลังเล

“มันแค่แสดงความแข็งแกร่งออกมาเพื่อขู่ข้า? มันพยายามทำให้ข้าหวาดกลัว หรือว่า…นั่นคือวิชาลับที่ทำให้มันเชื่อมั่นว่าจะสามารถสังหารข้าไปได้?” ดวงตาบุรุษหนุ่มแวบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่จะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ไม่เป็นไร ข้าจะเฝ้ามองอยู่จากที่ห่างไกล เพื่อดูว่ามันแค่เสแสร้งทำเป็นขู่ข้าหรือไม่!?” ด้วยเช่นนั้น บุรุษหนุ่มจึงได้ลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ มองออกไปยังที่ห่างไกลด้วยสายตาที่เย็นชา ขณะที่เฝ้ารอคอยให้เมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้

มันมีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง และเตรียมพร้อมที่จะหลบหนีไปด้วยความรวดเร็วสูงสุดถ้าจำเป็น โคจรหมุนเวียนพื้นฐานลมปราณ เพื่อให้มั่นใจว่ามันอยู่ในจุดสูงสุดของพลังและพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ใดๆ

หลังจากที่ช่วงเวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป เสียงกระหึ่มกึกก้อง จู่ๆ ก็ได้ยินมาจากที่ห่างไกลออกไป และทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มสั่นสะเทือน

แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังต้องเปลี่ยนไป กลุ่มเมฆพลุ่งพล่านปั่นป่วน สายฟ้านับไม่ถ้วนกำลังเต้นไปมา

ดวงตาของบุรุษหนุ่มเบิกกว้าง มันส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป เพื่อกวาดดูบริเวณที่อยู่ด้านหน้าขึ้นไป ในตอนนี้เองที่แรงสั่นสะเทือนได้วิ่งผ่านไปทั่วร่างมัน และดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ มันแทบจะหยุดหายใจ และดวงตาก็เบิกโพลง แทบจะราวกับว่ามีใครบางคนมารัดคอมันไว้ จิตใจเต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆ ราวกับว่ามีใครมาทุบตีไปที่บนศีรษะของมันอย่างรุนแรง

มันโซเซถอยไปทางด้านหลัง หอบหายใจออกมา ด้วยใบหน้าที่ซีดขาว

“นั่นคือ…นั่นคือ…” มันแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังมองเห็นอยู่นี้ “นั่นคืออะไรกัน!?!?”

สูงขึ้นไปในท้องฟ้าหนึ่งหมื่นจ้าง กลุ่มเมฆแยกตัวออกจากกัน ขณะที่รูปปั้นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น มันมีความสูงหลายพันจ้าง และทำให้กลุ่มเมฆกระจายออกไปขณะที่ตกลงมา

พลังของมันช่างน่าตกใจและยากที่จะอธิบายออกมาได้!

มันมีความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เกิดเป็นเปลวไฟขึ้นในอากาศที่อยู่รอบๆ รูปปั้นนั้น คล้ายกับเป็นดาวตก!

เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ส่วนบนสุดของรูปปั้น ดวงตาแวบรังสีสังหารออกมา ดูคล้ายกับเป็นกระบี่ที่ถูกชักออกมา ถ้าไม่ได้ดื่มโลหิตก็จะไม่กลับเข้าฝักไป!

ตูมมมมม!

เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่นักรบศิลาส่งเสียงแหวกฝ่าอากาศตรงไปยังบุรุษหนุ่มในชุดสีดำ ขณะที่ใกล้เข้ามา กลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่เสมือนเต๋ากระจายออกเป็นระลอกคลื่นไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือนไปมา

ดวงตาของนักรบศิลาเย็นชาและไร้ความรู้สึก ถือกระบี่เล่มใหญ่อยู่ในมือ เมื่อบุรุษหนุ่มมองเห็นทั้งหมดนี้ ใบหน้ามันก็ซีดขาวราวไร้สีเลือด

“นั่นคือผู้พิทักษ์เต๋าของดินแดนบรรพบุรุษ!!”

“มันมีกลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่เสมือนเต๋า!!”

“เป็น…เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? มัน…มันสามารถควบคุมผู้พิทักษ์เต๋าได้จริงๆ!?!?” หนังศีรษะของบุรุษหนุ่มด้านชาขนลุกตั้งชี้ชัน จนดูเหมือนว่าศีรษะมันกำลังจะระเบิดออกมา รู้สึกตกตะลึงและหวาดกลัวจนแทบจะเป็นบ้าไป มันไม่มีแม้แต่เวลาที่จะขบคิด รีบหมุนตัวและใช้พลังทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้ออกมา เพื่อหลบหนีจากไปด้วยความคลุ้มคลั่งในทันที

ในตอนนั้นมันได้สาปแช่งความจริงที่ว่า มันมีตะเกียงวิญญาณที่ดับไปแล้วแค่ดวงเดียวเท่านั้น มันสาปแช่งไปถึงความจริงที่ว่ามันไม่อาจจะหลบหนีไปได้รวดเร็วเพียงพอ มันสาบแช่งต่อความจริงที่ว่ามันได้หยิ่งทรนงเกินไป ที่จะยืนรอคอยให้ศัตรูใกล้เข้ามา

ทันใดนั้นมันก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมผู้อาวุโสอาณาจักรโบราณคนนั้นถึงได้ตายไป!!

“บัดซบ ฟางซิ่วซาน!! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะส่งพวกข้ามายังที่แห่งนี้ เพื่อมาสังหารตัวประหลาดที่สามารถควบคุมผู้พิทักษ์เต๋าได้! เจ้า…เจ้าไม่ได้ส่งพวกข้ามายังที่แห่งนี้เพื่อสังหารมัน…เห็นได้ชัดว่าเจ้าส่งพวกข้ามาให้มันสังหารไป!!” จิตใจของบุรุษหนุ่มชุดดำกำลังเต้นรัว และใบหน้าก็ซีดขาวราวคนตาย จิตใจมันกำลังหวาดกลัวต่อวิกฤตอันร้ายแรงนี้ กู่ร้องขึ้น พ่นโลหิตออกมา และใช้เวทลับทั้งหมดเท่าที่มันรู้จัก เพื่อพยายามจะหลบหนีจากไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!