Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 966

ตอนที่ 966

ลมฝนเริ่มแปรปรวน!

ห้องโถงหลักในคฤหาสน์โบราณของตระกูลฟางบนดาวตงเซิ่ง หนาแน่นเต็มไปด้วยกลุ่มคนของตระกูลฟาง ทุกพื้นที่ในคฤหาสน์โบราณเต็มไปด้วยผู้คน จนทำให้ไม่อาจจะเข้าไปหรือออกมาได้

นักปรุงยาทั้งหมดในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา และเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมด ต่างก็จ้องมองไปด้วยความจดจ่อ

นอกจากตระกูลฟางแล้ว กลุ่มกองกำลังที่เข้มแข็งและผู้ฝึกตนบนดาวตงเซิ่งอื่นๆ ต่างก็เริ่มรู้จักเมิ่งฮ่าวและตอนนี้ก็กำลังเฝ้ารอคอยเขาอยู่เช่นเดียวกัน

ในความเป็นจริง ก็เห็นได้ชัดว่าสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้า กำลังเฝ้ามองไป รอคอยที่จะได้เห็นว่าบุคคลที่สามารถสร้างความสนใจจนโด่งดังไปทั่วนั้น จะกลายเป็นเซียนแท้ได้อย่างไร

เมิ่งฮ่าวยังไม่ได้โผล่ออกมา แต่ชื่อเสียงของเขาก็ได้กระจายแผ่ออกไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าแล้ว

ผู้คนได้จับตาดูอย่างใกล้ชิด ขณะที่ฟางเว่ยนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านนอกของวิหาร ในที่สุดมันก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น และดวงตาก็สาดประกายด้วยความเย็นชาอย่างถึงที่สุด ขณะที่มองไปยังห้องโถงของวิหาร

ในตอนนี้เองหลังจากที่ผู้เฒ่าสูงสุดได้เฝ้ารอคอยอย่างเงียบๆ มาเป็นเวลานาน ในที่สุดมันก็โบกสะบัดมือขวา เสียงกระหึ่มได้ยินมาขณะที่กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

กระแสน้ำวนหมุนคว้างไปมา จากนั้นก็พุ่งสูงขึ้นไป กระจายออกไปนอกห้องโถงวิหาร สูงขึ้นไปในอากาศทำให้คนทั้งหมดสามารถมองเห็นได้

“ดินแดนบรรพบุรุษกำลังเปิดออกแล้ว! ฟางฮ่าวกำลังจะออกมา!”

“ถึงมันออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร? เว่ยกงจื่อต้องการให้มันตาย มันก็ต้องตายไปอย่างแน่นอน!”

“แย่ยิ่งนัก สายโลหิตของมันเข้มแข็งกว่าของฟางเว่ย ถึงแม้พรสวรรค์ของคนทั้งสองจะพอๆ กัน แต่ในแง่ของการบรรลุกลายเป็นเซียนแท้ มันค่อนข้างจะช้ากว่าเล็กน้อย…เมื่อไหร่ที่ตกอยู่เบื้องหลังแค่เล็กน้อย ก็คงต้องตามหลังอยู่ทุกย่างก้าว โดยไม่ต้องไปพูดถึงการก้าวจากเซียนแท้เข้าไปอยู่ในอาณาจักรโบราณในวันข้างหน้า”

กลุ่มฝูงชนพูดคุยกันจนเป็นเสียงดังหึ่งๆ ไปทั่ว ฟางซียืนอยู่ในท่ามกลางพวกมัน กำหมัดจนแน่น มีท่าทางวิตกกังวลขณะที่หอบหายใจออกมา แต่มันก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวเมิ่งฮ่าวต่อไปว่าเขาจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้!

“ฟางฮ่าว ท่านต้องเอาชนะให้ได้!”

สีหน้าฟางเว่ยสงบนิ่ง แต่ดวงตามันสาดประกายด้วยรังสีสังหาร ความต้องการต่อสู้ของมันเริ่มรุนแรงมากขึ้น คนทั้งหมดสามารถมองเห็นได้ ในขณะที่สายตาของมันเลื่อนไปมองยังกระแสน้ำวนราวกับเป็นใบมีดที่คมกริบ

มันได้เฝ้ารอคอยวันนี้มาเป็นเวลานาน และในที่สุดก็มาถึงแล้ว มันต้องการจะทำให้ทั่วทั้งตระกูลฟาง สำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมด ในขุนเขาทะเลที่เก้ารู้ว่า ฟางเว่ยคือผู้ถูกเลือกของรุ่นนี้! ฟางเว่ยคือเสาหลักของตระกูลฟาง!

ความอัปยศที่มันได้รับมาในช่วงปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมาทั้งหมดในตอนนี้แล้ว!

“ฟางฮ่าว เจ้าก็เป็นได้แค่หินรองรับเท้าให้กับข้าเท่านั้น เจ้ามีหน้าที่เพียงแค่ให้ข้าก้าวข้ามไปในขณะที่ข้าพุ่งขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด!” สีหน้ามันเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง และจิตใจก็เต็มไปด้วยความเย็นชา รังสีสังหารเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น จนดูคล้ายกับเป็นกระบี่ที่สาดประกายอันคมกริบ!

ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเวลาแทบจะถูกแช่แข็งไป โลกแห่งนี้ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ สายตานับไม่ถ้วนจ้องนิ่งไปยังทางออกของดินแดนบรรพบุรุษ!

เมื่อกระแสน้ำวนที่อยู่ในกลางอากาศค่อยๆ หมุนช้าลง จู่ๆ ก็เริ่มมีแสงเจิดจ้าคล้ายกับเป็นเงาร่างของน้ำที่ส่องแสงระยิบระยับปรากฏขึ้นในส่วนลึกที่วาววับนั้น

ในทันทีที่เงาร่างได้ปรากฏขึ้น สายตานับไม่ถ้วนต่างก็เบิกกว้าง เหล่าฝูงชนเริ่มหยุดหายใจ รังสีสังหารของฟางเว่ยบรรลุถึงจุดสูงสุด ทำให้เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มเต็มอยู่ในท้องฟ้า แทบจะราวกับว่าความร้อนในบริเวณนั้นได้ลดลงไปในทันที!

ในที่สุดคนทั้งหมดก็เริ่มอ้าปากค้าง เงาร่างที่คนทั้งหมดต่างก็เฝ้ามองไป ซึ่งกำลังโผล่ออกมาจากกระแสน้ำวน…เป็นชายชราที่มีเส้นผมที่ยาวเป็นสีเทา มันเดินออกมาด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าเพิ่งจะโผล่ออกมาจากวิกฤตอันร้ายแรงได้อย่างปลอดภัย ร่างกายมันกำลังสั่นสะท้าน ราวกับว่าได้ไปพบเจอกับความน่ากลัวอย่างที่ไม่อาจจะพูดออกมาได้จากภายในดินแดนบรรพบุรุษ มีท่าทางกำลังพยายามสะกดข่มความวิตกกังวลที่อยู่ภายในใจไว้ และในตอนนี้ก็สามารถจะผ่อนคลายลงได้ ในเวลาเดียวกันนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสบายใจนัก ราวกับว่ามันได้มองเห็นอนาคตที่มืดมนของตนเองอยู่ในตอนนี้

“นั่นไม่ใช่ฟางฮ่าว นั่นคือ…”

“นั่นคือผู้อาวุโสฟางสุ่ยอวิ๋น!”

“ทำไมท่านถึงได้เดินออกมาจากดินแดนบรรพบุรุษ!?”

กลุ่มคนตระกูลฟางอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

เมื่อฟางซิ่วซานมองเห็นชายชรา มันก็จ้องมองไปด้วยความตกใจ แต่จากนั้นสีหน้ามันก็เปลี่ยนไปแค่เล็กน้อย คิ้วของผู้เฒ่าสูงสุดขมวดขึ้นในทันที

หลังจากที่ชายชราปรากฏกายขึ้น มันก็มองไปรอบๆ ยังกลุ่มฝูงชนของตระกูล และอ้าปากค้าง จากนั้นมันก็เห็นฟางเว่ยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น และรับรู้ถึงการเป็นเซียนแท้ของฟางเว่ยได้ในทันที

“มัน…กลายเป็นเซียนแท้แล้ว อ่า, ฟางซิ่วซาน…ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว!” ดวงตาของชายชรากลายเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่มันจ้องมองไปยังฟางซิ่วซานอย่างดุร้าย

“ฟางซิ่วซาน เรื่องราวระหว่างพวกเรายังไม่จบลงไปเพียงเท่านี้! ข้าจะไม่หยุดจนกว่าจะมีใครสักคนตกตายไป!” มันแผดร้องออกมา ทำให้เกิดเป็นเสียงหอบหายใจดังขึ้นมาจากกลุ่มฝูงชน ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสฟางสุ่ยอวิ๋นกำลังพูดถึงคืออะไร

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คนทั้งหมดจะเริ่มพูดคุยกัน กระแสน้ำวนที่ด้านหลังของชายชราก็กระจายเป็นระลอกคลื่นออกมา และเงาร่างอื่นก็โผล่ออกมา สามคนเดินออกมาจากท่ามกลางกลุ่มแสงระยิบระยับนั้น

ไม่มีใครในพวกมันที่จะเป็นเมิ่งฮ่าว!

การปรากฏขึ้นของกลุ่มคนทั้งสามเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นความประหลาดใจ ต่อกลุ่มคนของตระกูลที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น คนทั้งสามต่างก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูลด้วยเช่นกัน! คนทั้งหมดกำลังสับสนงุนงง และท่าทางครุ่นคิดก็เริ่มปรากฏขึ้นในแววตา ขณะที่พวกมันเริ่มคาดเดาว่าทำไมผู้อาวุโสเหล่านี้ทั้งหมด ถึงได้โผล่ออกมาจากดินแดนบรรพบุรุษ ซึ่งคนทั้งหมดต่างก็คิดว่าน่าจะเป็นเมิ่งฮ่าวที่ควรจะออกมา

ในทันทีที่คนทั้งสามโผล่ออกมา พวกมันก็มองไปยังฟางเว่ย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้อยู่ในอาณาจักรเซียนแล้วในตอนนี้ จากนั้นก็มองไปยังฟางซิ่วซานด้วยโทสะ กล่าวขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราดและน้ำเสียงที่เย็นชา เช่นเดียวกับชายชราคนแรก ราวกับว่าความไม่พอใจของพวกมันได้สลักแน่นอยู่ในจิตใจ และอาจจะลึกลงไปจนถึงกระดูก

“ฟางซิ่วซาน! เจ้าต้องตายอย่างทรมานที่สุด!”

“เจ้าควรจะมีคำอธิบายต่อพวกข้า, ฟางซิ่วซาน มิเช่นนั้นเจ้าก็ต้องตาย!”

“ฟางซิ่วซาน, เจ้าหลอกลวงพวกข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!? ความเป็นศัตรูในครั้งนี้ไม่อาจจะลบเลือนไปได้!”

ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่อาจจะยับยั้งคำพูดไว้ได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเมิ่งฮ่าว ทำให้พวกมันสะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง จากพื้นฐานฝึกตนและระดับความรอบรู้ของพวกมัน ก็เห็นได้ชัดว่าถ้าพวกมันมีปฏิกิริยาเช่นนี้ได้ ก็แสดงว่าพวกมันต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมา

ตอนแรกพวกมันคิดว่า…หลังจากที่ดินแดนบรรพบุรุษได้เปิดออกอีกครั้ง ก็จะใช้วิธีการพิเศษที่ฟางซิ่วซานได้จัดเตรียมไว้ให้กับพวกมันอย่างลับๆ เพื่อหลบหนีจากไป วิธีการนั้นไม่ได้ใช้ทางออกหลัก จึงสามารถจะคาดคิดได้ว่าพวกมันจะมีโทสะมากมายเพียงใด เมื่อพบว่าวิธีการพิเศษของฟางซิ่วซาน…ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย!

ฉับพลันนั้นพวกมันก็ตระหนักว่าฟางซิ่วซานได้วางแผนให้พวกมันต้องตายตามไปด้วย ไม่ว่าจะสังหารเมิ่งฮ่าวได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม เมื่อพวกมันโผล่ออกมาจากกระแสน้ำวน ก็ต้องถูกลงโทษจากการที่เข้าไปในดินแดนบรรพบุรุษโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจนถึงแก่ความตายไป

ในจิตใจพวกมัน ฟางซิ่วซานได้คิดไปถึงวิธีการที่จะหลบเลี่ยงจากความรับผิดชอบนี้ไว้แล้วอย่างแน่นอน ตอนแรกไม่มีใครในพวกมันจะรู้ว่าฟางซิ่วซานได้วางแผนไว้อย่างไรบ้าง แต่หลังจากที่โผล่ออกมาจากทางออกได้อย่างปลอดภัย พวกมันก็รับรู้ได้ว่าฟางเว่ยได้บรรลุถึงอาณาจักรเซียนแล้ว และทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มชัดเจนขึ้นสำหรับพวกมัน

เนื่องจากฟางเว่ยได้กลายเป็นเซียนแท้ไปแล้ว ฟางซิ่วซานที่เป็นบิดา ก็สามารถจะหลีกเลี่ยงการโดนลงโทษใดๆ ได้ทั้งหมด

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันจะต้องก่นด่าประนามฟางซิ่วซานอย่างสุดชีวิต!

นี่คือเหตุผลที่ทำไมพวกมันทั้งหมด เมื่อโผล่ออกมาจากกระแสน้ำวนแล้ว ได้มองไปยังฟางเว่ย จากนั้นก็หันหน้าไปด่าทอฟางซิ่วซานด้วยความกราดเกรี้ยวเช่นนี้

สีหน้าฟางซิ่วซานเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันได้ไปร้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดด้วยตนเอง เพื่อให้ไปทำการสังหารเมิ่งฮ่าว จากแผนการเดิมของมัน เมื่อดินแดนบรรพบุรุษเปิดออกอีกครั้ง พวกมันควรจะสามารถใช้วิธีการพิเศษเพื่อจากไปได้สำเร็จ โดยที่ไม่ต้องโผล่มาจากทางออกหลัก

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวได้เกิดขึ้นเกินกว่าที่มันจะควบคุมได้ จากนั้นผู้อาวุโสที่โผล่ออกมาใหม่ จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของฟางซิ่วซานต้องเคร่งเครียดขึ้น ดวงตามันหดเล็กลงด้วยความเย็นชา

ในตอนนี้เองที่ผู้เฒ่าสูงสุดได้โบกสะบัดชายแขนเสื้อ

“พอแล้ว ตระกูลจะจัดการเรื่องนี้ในภายหลัง พวกเจ้าทั้งหมดหยุดอยู่แค่นี้!” ผู้อาวุโสที่เพิ่งจะโผล่ออกมาจากกระแสน้ำวน มองไปยังฟางซิ่วซานด้วยความเกลียดชัง แต่ก็หวาดกลัวต่อผู้เฒ่าสูงสุด ทำให้พวกมันต้องถอยไปทางด้านหลัง

ในช่วงเวลาเดียวกับที่คนทั้งสี่ได้ก้าวถอยไปทางด้านหลัง กระแสน้ำวนก็ส่องแสงระยิบระยับขึ้นมาอีกครั้ง สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังกระแสน้ำวนนั้นอีกครั้ง ฟางเว่ยก็ขมวดคิ้วและมองไปด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม…ขณะที่กระแสน้ำวนหมุนคว้างไปมา สองเงาร่างก็โผล่ออกมา อีกครั้งที่ไม่มีใครเป็นเมิ่งฮ่าว แต่เป็นฟางเต้าหงและฟางหลินเหอ เดิมทีพวกมันคิดว่าจะรอคอยเมิ่งฮ่าวอยู่ที่ด้านในของดินแดนบรรพบุรุษ อย่างไรก็ตามเมื่อประตูทางออกได้เปิดขึ้น และก่อนที่พวกมันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ สายลมอันทรงพลังก็พุ่งขึ้นมา และม้วนกวาดพวกมันออกมาจากอุโมงค์หมอกสวรรค์ เมื่อพวกมันโผล่ออกมา ก็พบว่ากำลังมุ่งหน้าตรงไปยังทางออก

ในทันทีที่พวกมันโผล่ออกมา สายตาทุกคู่ก็จ้องนิ่งไปยังพวกมัน

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นั่นไม่ใช่ฟางฮ่าว!”

“น่าสนใจนัก มีผู้อาวุโสของตระกูลถึงหกคนอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษ พวกท่านเข้าไปได้อย่างไร? และ…เข้าไปทำอะไรที่ด้านในกันแน่?!”

“ฟางฮ่าวก็อยู่ในดินแดนบรรพบุรุษด้วยเช่นกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่า…ผู้อาวุโสเหล่านี้ไปที่นั่นเพื่อทำร้ายมัน?”

แน่นอนว่า กลุ่มคนในตระกูลมากมายเป็นคนที่เฉลียวฉลาด เพียงไม่นานพวกมันก็สามารถจะวิเคราะห์ได้ถึงสถานการณ์เหล่านี้ และสามารถจะได้ข้อสรุปที่น่าจะถูกต้องมากที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนสายโลหิตหลักซึ่งกำลังวิตกกังวลอยู่ ผู้อาวุโสหลายคนของพวกมันได้ก้าวเท้าตรงไป รวมทั้งสือจิ่วซูของเมิ่งฮ่าวด้วย คนทั้งหมดต่างก็มีโทสะขึ้นมา และรังสีสังหารที่ยากจะพบเห็นก็พุ่งออกมา จนสามารถจะมองเห็นได้ในแววตาของพวกมัน

ฟางซิ่วซานยิ้มอย่างเย็นชาออกมา ราวกับว่ามันไม่แยแสสนใจในเรื่องราวทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ถ้าฟางเว่ยไม่ได้กลายเป็นเซียนแท้ เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้มันต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง แต่เมื่อคิดว่าเรื่องราวได้กลับกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไป

“เมื่อคิดว่าท่านปรมาจารย์รุ่นหกกำลังปกป้องข้าอยู่ แล้วฟางฮ่าวที่กระจ้อยร่อยนี้จะนับเป็นอย่างไรได้!?” ฟางซิ่วซานคิด ทำจิตใจให้เยือกเย็นลง ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายมันคือปู่ของฟางเว่ย ซึ่งขมวดคิ้วอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

ฟางเต้าหงและฟางหลินเหอกวาดมองไปยังกลุ่มฝูงชนอย่างเงียบๆ พวกมันไม่ได้ก่นด่าฟางซิ่วซาน แต่นั่งลงขัดสมาธิอยู่ที่ด้านนอกของกระแสน้ำวน ไม่สนใจคนทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

ภาพที่เห็นนี้ทำให้ผู้คนไม่น้อยต้องตกตะลึงไป ดวงตาของผู้เฒ่าสูงสุดเบิกกว้าง แม้แต่มันก็ยังรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งแปลกๆ กำลังเกิดขึ้นอยู่

เวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป

ทันใดนั้น กระแสน้ำวนก็หมุนคว้างไปมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันมีความแตกต่างไปจากครั้งก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เสียงกระหึ่มราวกับเสียงฟ้าร้องคำรามได้ยินมา ขณะที่เงาร่างสูงสมส่วนค่อยๆ เริ่มก้าวเดินออกมา

ก่อนที่เงาร่างนั้นจะโผล่ออกมาอย่างสมบูรณ์ ท้องฟ้าที่ด้านบนของดาวตงเซิ่งก็เต็มไปด้วยสายฟ้าอันน่ากลัวนับไม่ถ้วน เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่กลุ่มเมฆเริ่มก่อตัวกันเป็นชั้นๆ เมฆลงทัณฑ์ขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา

กลุ่มเมฆลงทัณฑ์เหล่านี้ดูน่าตกใจอย่างถึงที่สุด ใครก็ตามที่มองไปก็ต้องจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อและตกตะลึงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เหตุผลก็คือว่ากลุ่มเมฆลงทัณฑ์เหล่านี้ดูใหญ่โตมโหฬารเป็นอย่างยิ่ง!

พวกมันได้ปกคลุมไปทั่วทั้งดาวตงเซิ่ง!

ถ้าออกไปอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ก็จะมองเห็นว่าดาวตงเซิ่งได้กลายเป็นกลุ่มเมฆยักษ์ขนาดใหญ่ไปแล้ว ขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดต่างก็สั่นสะท้านขณะที่…บริเวณซึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆลงทัณฑ์…ยังคงขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง!

ฝานตงเอ๋อร์, ฟางเว่ย และผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ทั้งหมด ที่เพิ่งจะก้าวเข้าไปเป็นเซียนแท้ ไม่เคยจะสามารถกระตุ้นให้เกิดเป็นเมฆลงทัณฑ์ที่ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้านปฐพีต้องสั่นสะเทือนได้เช่นนี้!

เมื่อเทียบกับกลุ่มเมฆลงทัณฑ์เหล่านี้ เมฆลงทัณฑ์ของพวกมันก็คล้ายกับเป็นของเด็กเล่นก็ไม่ปาน!

“นั่น…นั่นคือทัณฑ์อะไรกัน!?!?”

นี่คือคำถามที่กำลังวิ่งไปมาอยู่ในจิตใจที่กำลังสั่นสะท้านของผู้ฝึกตนที่เฝ้าจับตาสังเกตดูอยู่ทั้งหมด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!