ตอนที่ 991
ฟางเว่ยปะทะเมิ่งฮ่าว!
เมิ่งฮ่าวเฝ้ารอคอยการต่อสู้ในครั้งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ในความคิดของเขา มันไม่ใช่การต่อสู้ชี้ชะตา แต่เป็นแค่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นเพื่อทวงสมบัติของตนเองกลับคืนมา
แต่กลับกัน มันคือการต่อสู้ที่จะชี้ชะตาของฟางเว่ย
สำหรับมันแล้ว การพ่ายแพ้ในการต่อสู้นี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะยอมรับได้ การพ่ายแพ้ไปก็จะหมายถึงการสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง และมันจะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้ มันจะไม่ปล่อยให้ใครมาแทนที่ตำแหน่งของมัน ในฐานะที่เป็นผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งของตระกูล
สิ่งที่คนส่วนใหญ่รับรู้มีเพียงแต่ชื่อเสียงที่มันได้รับมา พวกมันไม่เคยเห็นว่ามันได้ทุ่มเทความพยายามมาด้วยความยากลำบากมากแค่ไหน ถ้าให้กล่าวกันตามความเป็นจริงแล้ว หลังจากที่เมิ่งฮ่าวจากตระกูลไป ก็คล้ายกับว่าภูเขาขนาดใหญ่ได้ถูกยกออกไป ทำให้มันมีคุณสมบัติที่จะมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ มันเคยคิดว่านับจากนั้นมา ตลอดทั้งชีวิตของมันก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป มันได้อุทิศตัวเองให้มีชื่อเสียงขึ้นมา ทุ่มสุดตัวเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายของมัน ซึ่งก็คือ…นำตระกูลไปสู่ความรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่
มันจะเผยแพร่ชื่อเสียงของตระกูลฟาง และในที่สุดหลายปีหลังจากนี้ไป มันก็จะกลายเป็นปรมาจารย์ของตระกูล
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้…ได้เปลี่ยนไป ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวกลับมา
“เจ้าจะกลับมาทำไมอีก!?” รังสีสังหารในดวงตาของฟางเว่ยพุ่งออกมา และมันก็กู่ร้อง จากนั้นก็พุ่งทะยานขึ้นไปราวกับเป็นดาวตก ขยับร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ กลิ่นอายแห่งการเกิดใหม่ม้วนตัวออกมาจากร่างมัน เช่นเดียวกับเจตจำนงแห่งน้ำพุเหลือง มันกัดปลายลิ้นเล็กน้อย พ่นกลุ่มหมอกโลหิตออกมา จากนั้นก็เริ่มพึมพำเป็นเวทแปลกๆ ออกมา
นี่คือเวทลับ!
หนึ่งในเวทลับของตระกูลฟาง!
ขณะที่เสียงสวดมนต์ดังก้องออกไป เสียงปะทุก็ดังก้องออกมาจากร่างฟางเว่ย ขณะที่ชีพจรเซียนเก้าสิบแปดจุดของมันพุ่งทะยานออกไปกลายเป็นมังกรเซียนเก้าสิบแปดตัว จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวที่ใกล้เข้ามา
ด้วยเวทลับที่มันปลดปล่อยออกมา มังกรภาพลวงตามากกว่าสี่สิบตัวได้พุ่งออกมาด้วย เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็มีทั้งหมดหนึ่งร้อยสี่สิบสามตัว ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
เมื่อถูกใช้ออกมาโดยฟางเว่ย เวทลับของตระกูลฟางก็ช่วยเพิ่มชีพจรเซียนให้กับมันอย่างน้อยก็ห้าในสิบส่วน!
ที่ด้านหลังของมัน วิญญาณเซียนได้ปรากฏขึ้นมีทั้งหมดสิบสี่ดวง ทำให้พลังของฟางเว่ยพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ทำให้จิตใจของผู้ฝึกตนในขุนเขาทะเลที่เก้าต้องสั่นสะท้าน พวกมันมองไปยังฟางเว่ย และแอบถอนหายใจออกมา กลุ่มคนของตระกูลฟางมองไปอย่างเงียบๆ
“ตอนแรกเป็นฟางฮ่าว และในตอนนี้ก็ยังมีฟางเว่ยอีก…ในด้านหนึ่ง สำหรับตระกูลที่สร้างผู้ถูกเลือกออกมาได้สองคนเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในอนาคต แต่อีกด้านถ้าไม่อาจจะจัดการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง ก็ย่อมจะทำให้หนึ่งในสองคนนี้ต้องแตกดับไป”
“เว่ยกงจื่อแห่งตระกูลฟางคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งเมื่อในอดีต มันเปิดชีพจรได้ถึงเก้าสิบแปดจุด ทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดต้องสั่นสะเทือน ช่างน่าเสียดายนัก…”
“มันมีชีพจรน้อยกว่าโจวสุ่ยเพียงแค่หนึ่งจุดเท่านั้น จึงไม่มีความแตกต่างระหว่างพวกมันมากนัก ถ้าไม่มีเมิ่งฮ่าว…คนทั้งสองรวมทั้งจ้าวอีฝานก็จะกลายเป็นคู่แข่งที่ทัดเทียมกันสามคน อยู่เหนือดวงตะวันอันเจิดจ้าทั้งหมดในท่ามกลางเหล่าผู้ถูกเลือก!”
ขณะที่ผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่เก้าถอนหายใจ พื้นฐานฝึกตนของฟางเว่ยก็ระเบิดเป็นพลังออกไป และมันก็พุ่งฝ่าอากาศตรงไปยังเมิ่งฮ่าวเหนือดาวตงเซิ่ง ในตอนนี้คนทั้งสองอยู่ห่างกันแค่หนึ่งร้อยจ้างเท่านั้น
ทั้งสองคล้ายกับเป็นดาวตก หนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า อีกหนึ่งพุ่งขึ้นไปจากพื้นดิน คนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้า รวมทั้งผู้ฝึกตนบนดาวตงเซิ่ง และสมาชิกของตระกูลฟาง มองไปด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน ฟางเว่ยและเมิ่งฮ่าวกำลังเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว…จนเกิดเป็นเสียงดังกระหึ่ม ระลอกคลื่นได้กระจายออกไปเป็นวงกลมในทั่วทุกทิศทาง!
จากนั้นคนทั้งสองก็กระแทกเข้าหากัน!
เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ที่ทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือน ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอย่างไม่รู้จบกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง แม้แต่สวรรค์ยังต้องสั่นสะท้านปฐพีต้องสั่นสะเทือน สายลมอันรุนแรงพุ่งขึ้นมา ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี แม้แต่ท้องฟ้ายังต้องสั่นไปมา
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ต่อยหมัดออกไป พร้อมกับพลังของชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุด เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของฟางเว่ย ขณะที่มันลอยละลิ่วย้อนกลับไปยังพื้นดินที่ด้านล่าง
ดูเหมือนว่าชัยชนะจะถูกตัดสินออกมาแล้วในการปะทะกันแค่ครั้งแรก ตอนนี้เมิ่งฮ่าวคือผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน เป็นคนที่แม้แต่การรวมกำลังกันของผู้ถูกเลือกเซียนแท้สิบคนก็ยังไม่อาจจะทำอะไรเขาได้ พวกมันต้องจบลงด้วยการมีโชคชะตาที่ถูกบังคับให้ต้องผูกติดอยู่กับอำนาจแห่งกรรม ยิ่งไปกว่านั้นเขายังบังคับให้แม้แต่ฝานตงเอ๋อร์และหลี่หลิงเอ๋อร์ก็ต้องล่าถอยออกไป บดบังรัศมีของจ้าวอีฝานไปจนหมดสิ้น ยังได้บังคับให้โจวสุ่ยแห่งเซียนกู่เต้าฉ่าง ซึ่งมีชีพจรเก้าสิบเก้าจุดต้องหลบหนีจากไปด้วยความหวาดกลัว
ฟางเว่ยก็เป็นผู้ถูกเลือกเช่นกัน แต่สิ่งที่เมิ่งฮ่าวสามารถทำได้…มันกลับไม่อาจจะทำได้!
สำหรับกลุ่มผู้ชมในขุนเขาทะเลที่เก้าแล้ว มันคือความแตกต่างที่ห่างไกลกันมากเกินไป อันที่จริงสามารถที่จะกล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจได้เลยว่า การต่อสู้นี้เป็นแค่พิธีการเท่านั้น…เป็นพิธีอย่างเป็นทางการที่จะแทนที่ผู้ถูกเลือกของตระกูลฟาง
กลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟางต่างก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครเข้าไปขัดขวาง พวกมันทั้งหมดแค่มองไปอย่างเงียบๆ เท่านั้น
ขณะที่ฟางเว่ยตกลงไปบนพื้น มีอยู่หลายคนที่แอบถอนหายใจออกมา
เมิ่งฮ่าวมองลงไปยังฟางเว่ย และกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “ฟางเว่ย เจ้าสู้ข้าไม่ได้ ตอนนี้ให้เอาสิ่งที่เป็นของข้าคืนมา เรื่องทุกอย่างก็จะจบไป ถ้าเจ้าไม่ยินยอม…ข้าก็จะไม่ยั้งมืออีก”
ร่างกายฟางเว่ยเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต เส้นผมของมันยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง สีหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย หลังจากที่ตกลงไปประมาณหนึ่งพันจ้าง จู่ๆ มันก็หยุดลงและมองขึ้นไป ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว มันเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังก้องขึ้น
“ฟางฮ่าว เจ้าคิดว่าการต่อสู้นี้จะจบลงไปอย่างรวดเร็วจริงๆ?! เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้อย่างง่ายดายเช่นนี้จริงๆ?” เสียงหัวเราะแหลมเล็กดังก้องออกมา ขณะที่ทันใดนั้นฟางเว่ยก็บินกลับขึ้นไปในอากาศ ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและเส้นเลือดฝอยก็กระจายไปทั่ว
“ถ้าต้องการจะเอาสิ่งที่เป็นของเจ้ากลับไป เจ้าก็ควรจะแสดงความสามารถออกมา และนำมันไปเอง!”
“น่าเสียดาย…ที่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้ามีโอกาสเช่นนั้นได้!” เสียงหัวเราะของฟางเว่ยเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป มันยกมือขวาขึ้นมา และฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าผากของมัน
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ กลิ่นอายแปลกๆ จู่ๆ ก็ระเบิดออกมาจากร่างมัน ทำให้พลังของมันพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าบิดเบี้ยวขึ้นอย่างดุร้าย และเส้นเลือดเขียวก็ปะทุออกมา ขณะที่มันส่งเสียงแผดร้องแหลมเล็ก
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น ขณะที่ตระหนักว่ากลิ่นอายที่กำลังออกมาจากร่างฟางเว่ยนี้ เป็นที่คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ต้องมองไปยังฟางเว่ยด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
“ผลเนี่ยผานของข้า, หือ…?” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ผู้ฝึกตนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ถูกเลือก ค่อยๆ เลื่อนสายตาไปจ้องที่ฟางเว่ย และพวกมันก็ต้องมองไปด้วยความตกตะลึง
กลุ่มคนตระกูลฟางมองไปด้วยความงุนงง พวกมันมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงมังกรภาพลวงตาที่เพิ่มขึ้นมาใหม่อยู่รอบๆ กายฟางเว่ย ทำให้มังกรเซียนของมันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเป็นหนึ่งร้อยสี่สิบสามตัว!
อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกมันต้องตกตะลึงไป พวกมันอ้าปากค้างขณะที่มองเห็นพลังของฟางเว่ยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันกู่ร้องออกมาขณะที่…ชีพจรเซียน…ได้ปรากฏขึ้นมาอีกอย่างน่าตกใจยิ่ง!
ชีพจรเซียนภาพลวงตาได้ปะทุขึ้นมาทีละจุด หนึ่งร้อยห้าสิบสาม, หนึ่งร้อยหกสิบสาม, หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสาม…
เมื่อรวมเข้ากับชีพจรเซียนที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้ ทำให้พลังของฟางเว่ยพุ่งทะยานขึ้นไป จนเกิดเป็นเสียงพูดคุยกันขึ้นด้วยความตื่นเต้น กระจายออกไปทั่วทั้งกลุ่มผู้ชมดูทั้งหมด จ้าวอีฝานและผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็งุนงงไปตามๆ กัน
“ฟางเว่ยกำลังใช้เวทลับอะไรอยู่? ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า…มันจะแข็งแกร่งมากเช่นนี้!!”
“ช่างน่าเหลือเชื่อนัก! ชีพจรเซียนของมันได้เพิ่มขึ้นจนเกือบจะถึงห้าในสิบส่วน ด้วยเวทลับบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ข้าสามารถจะเข้าใจได้ แต่ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีวิธีอื่นในการเพิ่มชีพจรเซียนได้อีก! พวกมันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตา แต่…ก็ยังคงเป็นชีพจรเซียน!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันได้ใช้เวทต้องห้ามบางอย่างออกมา? แต่…ข้าไม่เคยจะได้ยินว่ามีเวทต้องห้ามใดๆ จะสามารถปลดปล่อยพลังอันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ออกมาได้!” ขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความปั่นป่วนไปโดยสิ้นเชิง
สำหรับเหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าจากสำนักและตระกูลอื่นๆ พวกมันเต็มไปด้วยความตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
สีหน้าปรมาจารย์ปฐพีแห่งตระกูลฟางเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน มันเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้อย่างแท้จริง และต้องถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ
ใต้พื้นดินของคฤหาสน์โบราณ ปรมาจารย์อีกหกคนมองไปอย่างเงียบๆ มีแต่ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดเท่านั้นที่ขมวดคิ้วและจ้องมองไปยังปรมาจารย์รุ่นหกด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
บนพื้นผิวของดาวตงเซิ่ง ฟางซิ่วซานมองไปด้วยความตื่นเต้นยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ทันใดนั้นความหวังก็แวบขึ้นในจิตใจของมัน
“บางทีเว่ยเอ๋อร์อาจจะชนะก็เป็นได้!!”
แม้แต่ปู่ของฟางเว่ยก็ยังจ้องมองไปด้วยดวงตาที่สาดประกายขึ้น มันคลายมือที่กำแผ่นหยกไว้จนแน่นเพื่อเตรียมจะบดขยี้ไป นี่คือที่พึ่งแหล่งสุดท้ายของมัน และมันก็ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยแผนการออกมาแต่เนิ่นๆ เช่นนี้
นอกจากนั้น มันยังเตรียมการได้ไม่สมบูรณ์มากนัก
เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไรออกมา ขณะที่กลิ่นอายผลเนี่ยผานของตัวเองบนร่างฟางเว่ยเริ่มเข้มข้นมากขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่ากลุ่มผู้ชมจะไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ แต่เขาก็เข้าใจดี
“ฟางฮ่าว!” ฟางเว่ยตวาดเป็นเสียงดังออกมา และเกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้น ขณะที่เสื้อผ้ามันฉีกกระจายออกไป ร่างกายมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ในชั่วพริบตามันก็มีความสูงเพิ่มมากขึ้น ปราณและโลหิตพุ่งขึ้นไปคล้ายกับเป็นเซียนศักดิ์สิทธิ์
มังกรเซียนที่อยู่รอบๆ ตัวมันมีความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น เสียงกระหึ่มได้ยินมาขณะที่ชีพจรเซียนได้ปรากฏมากขึ้นกว่าเดิมจนน่าตกใจ! หนึ่งร้อยแปดสิบสามไม่ใช่ขีดจำกัด! ทันใดนั้นก็มีทั้งหมดหนึ่งร้อยเก้าสิบสอง!
นี่คือชีพจรเซียนที่เพิ่มขึ้นมาอีกสี่สิบเก้าจุด!
ตอนนี้คนทั้งหมดกำลังมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้!
“มันมีชีพจรของตัวเองเก้าสิบแปดจุด ใช้เวทลับเพิ่มขึ้นอีกสี่สิบห้าจุด จากนั้นก็ปลดปล่อยเวทแห่งเต๋าที่คล้ายกับเป็นเวทต้องห้ามออกมา จนทำให้มีชีพจรเซียนเพิ่มมากขึ้น เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของจำนวนดั้งเดิมของมัน!”
“หนึ่งร้อยเก้าสิบสองชีพจรเซียน! ฟางเว่ยผู้นี้…คือผู้ที่ต่อต้านสวรรค์อย่างแท้จริง!!”
“ข้าคิดว่าการต่อสู้นี้จะเกิดขึ้นพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่เคยคิดเลยว่าฟางเว่ยจะมีความสามารถอย่างน่าตกใจได้เช่นนี้มาก่อน มัน…มันทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?!?” ขุนเขาทะเลที่เก้าปั่นป่วนโกลาหล ผู้ถูกเลือกที่อยู่ในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จ้องมองมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และอ้าปากค้าง ตอนแรกเป็นเมิ่งฮ่าวที่เหนือกว่าพวกมัน จากนั้นก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นจนพวกมันไม่อาจจะคาดคิดได้ ฟางเว่ย…ได้แสดงความสามารถอันน่าตื่นตกใจออกมาเช่นเดียวกัน!
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า…โชคชะตาทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้านี้จะตกอยู่ในกำมือของตระกูลฟาง!”
“ตะวันอันเจิดจ้าสองดวง ต่างก็มาจากตระกูลเดียวกัน!”
“น่าเสียดายนักที่สองคนนี้ไม่อาจจะอยู่ร่วมกันได้!”
ในตอนนี้เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าแห่งสำนักและตระกูลต่างๆ ได้มองไปด้วยดวงตาที่สาดประกายขึ้น การปรากฏกายขึ้นของเมิ่งฮ่าวได้ทำให้พวกมันเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ความสามารถอันน่าตื่นตกใจของฟางเว่ย ทำให้พวกมันเริ่มเข้าใจต่อธรรมชาติของตระกูลฟางได้มากขึ้นในทันที
“ตระกูลฟางช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
“ไม่ว่าฟางฮ่าวหรือฟางเว่ย ก็สามารถจะกลายเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าในรุ่นนี้ได้!”
“การต่อสู้ระหว่างสองผู้เยาว์นี้…ช่างน่าสนใจนัก”
ขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความปั่นป่วน ขณะที่ฟางเว่ยค่อยๆ มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างช้าๆ ตอนนี้มันมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม และมีความสูงถึงสามจ้าง พลังของมันพุ่งขึ้นไป ถูกห้อมล้อมด้วยมังกรเซียนที่แผดร้องคำรามหนึ่งร้อยเก้าสิบสองตัว และที่ด้านหลังก็มีวิญญาณเซียนอยู่สิบเก้าดวง
“เหมือนที่ข้าพูดไว้, ฟางฮ่าว การต่อสู้นี้จะไม่จบลงอย่างง่ายดาย!” มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความบ้าคลั่งและต้องการจะต่อสู้ รังสีสังหารหมุนวนไปมาขณะที่มันเริ่มพุ่งขึ้นไป สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน สายลมกรีดร้อง และท้องฟ้าก็มืดสลัวลงไป
“หนึ่งรำพึงเวทเกิดใหม่!” ฟางเว่ยยื่นสองแขนออกไป จากนั้นก็โบกสะบัดไปมา ทำให้เกิดเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามันอย่างน่าตกใจยิ่ง
กระแสน้ำวนนั้นมีทั้งสีดำและสีขาว ขณะที่มันหมุนวนไปมา ก็กระจายกลิ่นอายแห่งการเกิดใหม่อันน่าตกใจออกมา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา สายตาที่จ้องมองไปยังฟางเว่ยคล้ายกับเป็นกระบี่อันคมกริบ
“เจ้ากำลังใช้สิ่งที่เป็นของข้า แต่ก็ยังคง…อ่อนแอเหมือนเดิม”