บทที่ 160 : คันศรโหลวฮัว
อาวุธเหล่านั้นที่ราวกับอัญมณีได้วางเรียงรายไปทั่วห้อง
ไม่ว่าศิษย์คนใดที่ได้เห็นภาพนั้นก็ต้องตื่นเต้น ทว่าราคาของอาวุธเหล่านี้ย่อมไม่ต่ำนัก ไม่ว่าจะเป็นอาวุธชิ้นใดก็มีค่าเทียบเท่าผลึกเริ่มต้นจำลองนับพันผลึก และเป็นเพียงอาวุธชั้นมนุษย์ระดับต่ำ!
หากเป็นอาวุธมนุษย์ระดับกลาง มันย่อมมีราคานับหมื่นผลึกเริ่มต้นจำลอง
เพราะความสัมพันธ์กับผู้เฒ่าจาง ทำให้จ้าวเฟิงจึงถูกนำไปยังห้องเก็บอาวุธและภายในนั้น ของทุกชิ้นล้วนเป็นอาวุธมนุษย์ระดับต่ำเป้นอย่างน้อย ทว่าพวกมันเป็นอันที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“ดาบวายุทมิฬ เพิ่มปราณแท้ขึ้นสองส่วน เพิ่มความเร็วขึ้นสามส่วน และส่งลมทมิฬที่เพิ่มกลิ่นอายของดาบออกมา อาวุธชั้นมนุษย์ระดับต่ำ 6,600 ผลึกเริ่มต้นจำลอง”
“กระบี่ขนปักษา เบาราวขนปักษาทว่าตัดผ่าโลหะราวโคลน เพิ่มความเร็วของปราณแท้ขึ้นสามส่วน และพลังโจมตีของดาบเพิ่มขึ้นสามส่วน อาวุธชั้นมนุษย์ระดับต่ำ 5,800 ผลึกเริ่มต้นจำลอง”
“กระบี่แดงแผดเผา สร้างขึ้นด้วยผลึกเพลิงแดงและเพิ่มพลังโจมตีธาตุไฟ เพิ่มพลังโจมตีขึ้นสี่ส่วนเมื่อใช้ร่วมกับวิชาธาตุไฟ 5,500 ผลึกเริ่มต้นจำลอง”
จ้าวเฟิงกวาดตามองอาวุธชั้นมนุษย์ระดับต่ำและพบว่าราคานั้นสูงกว่าเพียงเล็กน้อย ทว่าผลของมันนั้นยอดเยี่ยม
โดยเฉพาะดาบวายุทมิฬ มันมีผลสามอย่าง ทว่ากลับมีราคาสูงกว่าอาวุธชั้นมนุษย์ระดับต่ำถึงสองเท่า
“วัสดุ ราคา และพลังของอาวุธเหล่านี้เหนือกว่าอันอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน แน่นอนว่าราคาจึงแพงกว่ามากเช่นกัน” ผู้เฒ่าจางเอ่ยพร้อมกับแย้มยิ้มบาง
การลด 20% ที่เขาให้กับจ้าวเฟิงนั้นเป็นส่วนลดที่มากมาย กระทั่งศิษย์หลักยังไม่สามารถได้รับ มีเพียงผู้อาวุโสที่จะได้รับมัน
จ้าวเฟิงผงกศีรษะและกวาดตามองอาวุธที่หลากหลาย ดาบ กระบี่ แส้ ขวาน ธนู ถุงมือ… ไม่ว่าจะเป้นสิ่งใดที่คนผู้หนึ่งต้องการ มันจะอยู่ที่นั่น
ในบรรดาอาวุธทั้งหมด ดาบและกระบี่นับเป็นส่วนมากเพราะมันเป็นราชาและจักรพรรดิของอาวุธทั้งยังง่ายที่จะเรียนรู้ ทว่าโชคร้ายนักที่อาวุธทั้งสองไม่ใช่จุดแข็งของเขา
สำหรับเขา ธนูนั้นดีกว่า เด็กหนุ่มมองไปยังธนูและพบว่ามันมีไม่มากนัก บางทีอาจเป็นเพราะมันไม่ได้รับความนิยม
“คันศรอินทรีสวรรค์ ระยะโจมตี 2 ลี้ สามารถเพิ่มระยะสายตาของผู้ครอบครองได้ 1 ลี้ และสามารถพุ่งทะลุผ่านเกราะสี่ชั้นรวมทั้งปราณแท้ของผู้ฝึกตนในนภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้ ราคา 3,600 ผลึกเริ่มต้นจำลอง”
จ้าวเฟิงหยิบธนูนั้นขึ้นมาก่อนจะพบว่ามันไม่เลวร้าย ตัวธนูมีค่ายกลบนนั้นที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มระยะสายตาขึ้นได้หนึ่งลี้ ทว่ามันไร้ผลกับจ้าวเฟิงเพราะเขานั้นสามารถเห็นได้ในระยะนับร้อยลี้อยู่แล้ว
“คันศรโลหะโบราณ มีพลังระเบิดรุนแรง และสามารถแทงทะลุผ่านเกราะสี่ชั้นได้ ต้องการพลังแขนที่แข็งแกร่งและสายตาที่ดี…”
ธนูนี้ถูกกว่าเล็กน้อย ราวๆ 2,900 ผลึกเริ่มต้นจำลอง
จ้าวเฟิงมองไปรอบๆ และตระหนักว่าธนูอื่นๆ นั้นกระทั่งถูกกว่า
“อย่างไรก็ตาม ธนูนั้นไม่ได้ถูกเลือกใช้เป็นจำนวนมาก บางอันนั้นกระทั่งขายไม่ออกในเวลาสองปี” ผู้เฒ่าจางเอ่ย
จ้าวเฟิงคิดว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับเขา ทว่าจากนั้นเด็กหนุ่มจึงคิดถึงเรื่องลูกธนู มันเป็นสิ่งที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวและต้องเสียเงินไปจำนวนมากเมื่อเป็นระยะยาว
“ข้ามีผลึกเริ่มต้นจำลองอยู่ 20,000 ผลึกซึ่งเกินพอในการซื้ออาวุธชั้นมนุษย์ระดับต่ำ”
จ้าวเฟิงคิดและเบนความสนใจไปยังอาวุธชั้นมนุษย์ระดับกลาง
อาวุธชั้นมนุษย์ระดับกลางนั้นเหนือกว่าหนึ่งระดับ ทว่าราคาเองก็เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในหอนั้น ดาบมีคาราราวๆ 40,000-50,000 ผลึกเริ่มต้นจำลอง แต่ที่นี่นั้นมีราคามากกว่า 70,000 ผลึกเริ่มต้นจำลอง
จ้าวเฟิงมองไปยังดาบที่เพิ่มพลังปราณแท้ของคนผู้หนึ่งในนภาที่สี่ขึ้นสองเท่า ซึ่งหมายความว่าปราณแท้ของผู้ครอบครองนั้นจะกระทั่งแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนในนภาที่ห้า
ด้วยอาวุธเช่นนั้น การฆ่าคู่ต่อสู้ที่มีพลังฝึกตนสูงกว่าย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
“คันศรโหลวฮัว สามรถยิงธนุได้ด้วยความเร็วเท่าเสียงและทะลวงผ่านเกราะได้อย่างน้อย 3 ชั้น สามารถฆ่าผู้ฝึกคนในนภาที่ห้าได้เพียงแค่ธนูดอกเดียว เมื่อใช้กับลูกธนูโหลวฮัว พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและสามารถติดตามเป้าหมายได้ แม้ว่ามันจะพลาดเป้า ศรก็จะติดตามศัตรูไปในระยะเวลาหนึ่ง ตัวธนูนั้นเป็นอาวุธมนุษย์ระดับกลาง แต่เมื่อรวมกับลูกธนูโหลวฮัว มันนับเป็นอาวุธมนุษย์ระดับสูง ราคา 80,000 ผลึกเริ่มต้นจำลอง”
สายตาของจ้าวเฟิงพลันมุ่งตรงไปยังธนูนี้เมื่อเขาเห็นมัน
ธนูนี้แข็งแกร่งยิ่ง!
ความเร็วและพลังโจมตีของมันนั้นได้เข้าสู่ขีดจำกัด
ไม่แปลกใจเลยที่มันจะเป็นอาวุธมนุษย์ระดับกลาง ความสามารถของมันนั้นไม่อาจจินตนาการได้
จ้าวเฟิงหยิบคันศรสีเขียวเข้มอมแดงอย่างแปลกประหลาดนั้นลงมา เขารู้สึกได้ว่าวัสดุที่ใช้ทำนั้นแปลกประหลาด ขนาดของคันศรนี้เล็กกว่าธนูทั่วไป ใหญ่กว่าหน้าไม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ความเร็วในการโจมตีสามารถเทียบเท่าความเร็วเสียงได้และสามารถฆ่าผู้ฝึกตนในนภาที่ห้าได้ในเสี้ยววินาทีเมื่อใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยลูกศรโหลวฮัว ความสามารถของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และมันกระทั่งติดตามเป้าหมายไปในระยะทางสั้นๆ เมื่อมั่นพลาดเป้า…”
จ้าวเฟิงพึมพำและพลันตกหลุมรักธนูนี้ในทันที ทว่าราคาของคันศรและลูกศรนั้นแพงจนเกินไป 150,000 ผลึกเริ่มต้นจำลอง
“แพงเกินไป” จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก
“เจ้าอยากได้คันศรโหลวฮัวหรือ?” ผู้เฒ่าจางหัวเราะ
“มันเพียงแพงจนเกินไปทั้งยังเป็นธนู หากเป็นอาวุธอื่น มันย่อมมีราคามากกว่า 200,000” จ้าวเฟิงส่ายศีรษะ
“ตามกฎของสำนัก เจ้าสามารถลดได้ 50% หากเจ้าจ่ายแต้มสนับสนุน 50,000 แต้ม ข้าเองก็ยังลดให้เจ้าอีก 20% ดังนั้นแล้วราคาสุดท้ายจึงเป็นเพียง 30% ของ 150,000” รองหัวหน้าตำหนักจางแย้มรอยยิ้ม
30%?
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก หากเป็นเช่นนี้ ราคาสุดท้ายของมันย่อมอยู่ที่ 45,000 ผลึกเริ่มต้นจำลอง และคันธนุเพียงอย่างเดียวมีราคาเพียง 24,000 ผลึกเริ่มต้นจำลอง
“ธนูและลูกธนุควรที่จะขายออกไปในครั้งเดียว แต่หากเจ้าต้องการซื้อเพียงแค่คันธนู ลูกธนูต้องถูกซื้อภายในสามปี”
อย่างไรก็ตาม ชายชราก็คือผู้สั่งสอนในนามของเด็กหนุ่มผมคราม
เด็กหนุ่มได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน และหากเขาไม่มีลูกธนูโหลวฮัว เขาจะสามารถใช้ความสามารถของธนูได้สามในสิบส่วนของความสามารถทั้งหมด นั่นเป็นเพราะอาวุธมนุษย์ชั้นกลางนั้นต้องให้ผู้ครอบครองอยู่ในนภาที่ห้าจึงจะสามารถใช้พลังของมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แต่แม้กระนั้น ธนูนั้นมีราคาเพียง 30% ของราคาเต็ม ซึ่งก็คือ 24,000 ผลึกเริ่มต้นจำลอง จ้าวเฟิงมีผลึกเริ่มต้นจำลองอยู่เพียงแค่ราวๆ 20,000 ผลึกเท่านั้น
“ท่านผู้สั่งสอน เหตุใดจึงไม่ให้ข้ายืม 4,000 ก่อน หลังจากข้าเข้าไปในตำหนักยอดนภาและได้รับวิชาหรืออาวุธมาจำนวนหนึ่ง ข้าจะจ่ายคืนให้” จ้าวเฟิงแนะนำ
“ได้”
ผู้เฒ่าจางนั้นเห็นว่าเด็กหนุ่มมีความสามารถตั้งแต่ยามที่อยู่ในถ้ำมารจันทราชาดและความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นเพียงพอที่จะเข้าร่วมการทดสอบ
“ข้าต้องเตือนเจ้า แม้ว่ามันจะมีสมบัติมากมายในตำหนักยอดนภา แต่เจ้าคิดหรือว่ามันจะวางอยู่บนพื้นรอให้เจ้าไปหยิบพวกมันขึ้นมา? มีคนเพียงจำนวนน้อยนิดที่สามารถได้รับบางอย่าง ในเวลาร้อยปีที่ผ่านมา มีเพียงผู้อาวุโสไฮ่หยุนที่ได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่แม้กระนั้น ผู้อาวุโสหยุนก็ได้รับเพียงอาวุธชั้นมนุษย์ชั้นยอดสองอัน และนั่นเป็นคะแนนที่ดีที่สุดในรอบหนึ่งร้อยปี…” รองหัวหน้าตำหนักจางเอ่ยเตือนเด็กหนุ่ม
เขานั้นไม่แม้แต่จะกังวลถึงหนี้ 4,000 ที่อีกฝ่ายติดเขาไว้ เพราะเด็กหนุ่มนั้นเป็นผู้ปรุงยา และมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะได้รับผลึกส่วนนี้มา
“ขอบคุณ ท่านผู้สั่งสอน”
จ้าวเฟิงนำคันศรโหลวฮัวลงมาพร้อมกับหัวใจที่อุ่นซ่าน มีเพียงรองหัวหน้าตำหนักสองคนนี้ที่รักใคร่เขาในสำนัก
ฟิ้ว ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
ธนูสีแดงอมดำสามดอกพลันเกาะติดมายังคันศรโหลวฮัวราวกับว่ามันมีชีวิตจิตใจของตนเอง
จ้าวเฟิงนิ่งอึ้ง หรือมันจะมีความรู้สึกนึกคิดของตนเองจริงๆ กัน?
สิ่งที่เขาทำก่อนหน้ามีเพียงแค่การใส่ปราณแท้ของเขาลงไปในคันศรเล็กน้อย ลูกธนูก็ได้มาหา
“คันศรและลูกศรนั้นเป็นดั่งมารดาและบุตร แม้ว่ามันจะห่างออกไปนับลี้ ศรโหลวฮัวก็จะยังคงสามารถกลับมายังตัวคันศรได้ โดยปกติแล้ว มีเพียงอาวุธชั้นมนุษย์ระดับสูงหรือเหนือกว่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้” รองหัวหน้าตำหนักจางอธิบาย
“คราวหน้า ข้าจะมารับลูกธนูเหล่านี้ไปกับข้าแน่นอน” จ้าวเฟิงคิด
บัดนี้ เขานำไปได้เพียงคันศร หลังจากจ่ายผลึกเริ่มต้นจำลองไปอีกสองร้อยผลึก เด็กหนุ่มก็ได้กองลูกธนูคุณภาพสูงมา จากนั้นเขาจึงออกจากตำหนักภารกิจสำนัก
ระหว่างทางนั้น จ้าวเฟิงได้ยินเสียงชื่นชมและต่อสู้ขึ้น
“มีใครบางคนท้าประลองศิษย์หลัก! มันไม่เกิดขึ้นมากว่า 2 ปีแล้ว!”
“ผู้ท้าประลองคือกวานเฉิน เขาเข้าสู่นภาที่สี่เมื่อครึ่งเดือนก่อนและมีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น”
บนเวทีประลอง ศิษย์สองคนในนภาที่สี่ได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง และหนึ่งในนั้นคือกวานเฉิน
เมื่อจ้าวเฟิงไปถึง การประลองก็ได้เข้าสู่จุดสิ้นสุด
มีดบินจันทร์เสี้ยว!
กวานเฉินโบกแขนของเขาพร้อมกับที่ประกายแสงสีเงิน 3-4 แสงได้ปรากฏขึ้นในเสี้ยววินาที ซึ่งได้สร้างรอยเลือดจำนวนมากบนร่างของคู่ต่อสู้
เมื่อชายหนุ่มได้ประลองกับจ้าวเฟิงมาก่อนหน้า เขายิงคมมีดจันทร์เสี้ยวออกมาได้เพียงแค่หนึ่ง แต่ ‘มีดบินจันทร์เสี้ยว’ นี้สามารถยิงออกมาได้ 4-5 อันต่อครั้ง
“ข้ายอมแพ้!”
ศิษย์หลักผู้นั้นพ่นลมหายใจยาว
“ข้าไม่อยากเชื่อว่าศิษย์น้องกวานจะได้ฝึกวิชามนุษย์ระดับสูงสองวิชาในคราเดียว ทั้งยังฝึกเคล็ดจันทร์เยือกแข็งจนเข้าสู่ขั้นสี่”
เคล็ดจันทร์เยือกแข็งนั้นเป็นเหมือนกับวิชาเซียนวายุสวรรค์ของจ้าวเฟิง และเด็กหนุ่มผมครามเองก็ได้ฝึกฝนวิชาเซียนวายุสวรรค์จนเข้าสู่ระดับสี่เช่นเดียวกับกวานเฉิน ทว่ากวานเฉินนั้นมีพลังฝึกตนสูงกว่า ดังนั้นพลังของทั้งสองจึงแตกต่าง
“กวานเฉินพัฒนาขึ้นอย่างมาก และเขาแข็งแกร่งกว่ายามที่อยู่ที่ถ้ำมารจันทราชาดอย่างน้อยสองเท่า” จ้าวเฟิงคิด
หลังจากกวานเฉินชนะ เขาก็ถูกนับเป็นหนึ่งในสิบศิษย์หลักและสองในสิบศิษย์หลักคือศิษย์ของผู้อาวุโสไฮ่หยุน
“ข้าได้ยินมาว่ากวานเฉินนั้นเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมการทดสอบยอดนภา การเป็นศิษย์หลักย่อมหมายความว่าเขาได้รับที่หนึ่งไปโดยตรง”
ศิษย์สายในบางคนรู้สึกอิจฉาและกังวลในเวลาเดียวกัน
“ศิษย์หลัก? กวานเฉินเองก็จะเข้าร่วมด้วยหรือ?”
คิ้วของจ้าวเฟิงเลิกสูงพร้อมกับที่ประกายแสงเย็นเยียบจะแล่นวาบในแววตาของเขา
ในเวลาเสี้ยวพริบตา เวลากว่าสิบวันก็ได้ผ่านพ้นไป และเหลือเวลาอีก 10 วันก่อนที่จะถึงการทดสอบยอดนภา
นอกจากศิษย์หลักแล้ว คนอื่นล้วนต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงที่นั่งที่จะได้เข้าไป มีศิษย์หลักสามคนเข้าร่วมในครานี้ ดังนั้นแล้วมันจึงเหลือที่ว่างเพียงเจ็ดที่ที่สามารถแย่งชิงได้