Skip to content

King of Gods 193

King Of Gods

บทที่ 193 : ตำแหน่งของผู้อาวุโสหนึ่ง

ยามที่คนผู้หนึ่งควรสูงส่ง ก็จงทำตัวสูงส่ง ยามที่คนผู้หนึ่งควรลงมือ ก็จงลงมือ

จ้าวเฟิงจะตกเป็นจำเลยของปัญหาทั้งหมดนี่ตั้งแต่วินาทีที่เขาออกมาได้เยี่ยงไร?

ในสถานที่เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำอธิบายใดๆ ล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ คนผู้หนึ่งจำต้องแสดงความเหนือกว่า เพื่อสยบฝูงชน

เด็กหนุ่มสำเร็จในการทำสิ่งนี้ด้วยการใช้ความจองหองและท่าทีเหนือกว่า! และคนเหล่านี้ล้วนไร้คำใดจะเอ่ย

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมาก่อน

จ้าวเฟิงได้เป็นที่หนึ่งในการทดสอบ ยืนอยู่บนตำแหน่งสูงสุดแห่งเกียรติยศ เขามีสิทธิที่จะเอ่ยเช่นนั้น

ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์ ผู้ใดเล่าที่เคยได้ยินว่าผู้แพ้เป็นผู้เขียนมัน?

เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากัน พวกเขามิคิดว่าเด็กหนุ่มจะจองหองอย่างเปิดเผยเพียงนี้

แต่เมื่อจดจำได้ถึงการที่เด็กเหลือขอนี่ได้ครองอันดับหนึ่งในการทดสอบ และการที่เขาฝึกฝนฝ่ามือวายุอัสนี หากเขามิเป็นเช่นนี้ นั่นสิจึงจะผิดแปลก

“จ้าวเฟิง จงอย่าจองหอง!?”

สีหน้าของผู้อาวุโสเสวี่ยและผู้อาวุโสหยุนไห่มืดทะมึน พลังของพวกเขาแผ่พุ่งผ่านอากาศ

การสังหารศิษย์ผู้นี้ สำหรับพวกเขา เป็นเพียงดีดนิ้ว

แต่พวกเขามิกล้า

อย่างแรก จ้าวเฟิงเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบ อย่างที่สอง เบื้องหลังจ้าวเฟิงนั้นคือผู้อาวุโสหนึ่ง

พวกเขาได้ปล่อยแรงกดดันออกไปเพื่อพยายามที่จะลดทอนเปลวเพลิงแห่งความหยิ่งผยองของเด็กหนุ่ม ทว่าผลลัพธ์ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง

เรือนผมสีคราวของจ้าวเฟิงพลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงตาของเขายังคงแหลมคมและสงบนิ่ง ในการทดสอบนั้น เด็กหนุ่มได้ทนทานต่อกลิ่นอายของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงมาหลายครั้งครา

สัตว์อสูรภูเขานี่น่าพรั่นพรึงที่สุด ที่จัดการสัตว์อสูรโลหะทมิฬสี่ตัวด้วยความคิดเดียวมีพลังกดดันที่แข็งแกร่งกว่าสองผู้อาวุโสเบื้องหน้าของเขานัก

ภายในดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว แสงสีครามหมุนวน ส่งพลังสายเลือดกระจายไปทั่วร่างของเขา ลดทอนแรงกดดันลง

เมี้ยว เมี้ยว!

ไม่เพียงแค่เด็กหนุ่มที่ไม่ได้รับผลใด กระทั่งแมวขโมยตัวน้อยก็ได้หัวเราะออกมาอย่างเยาะหยันไปยังผู้อาวุโสหยุนไห่และผู้อาวุโสเสวี่ย

“หืมม? แมวนั่นนับว่าไม่ธรรมดา! หรือมันจะเป็นแมวที่หลอกเป่ยม่อ?”

แววตาของผู้อาวุโสหยุนไห่ส่องประกายวาบ

ในฐานะของผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง มีหรือที่เขาจะไม่เห็นว่าความฉลาดของแมวขโมยตัวน้อยนั้นเป็นบางสิ่งที่สัตว์อสูรทั่วไปมิอาจเทียบได้?

นอกจากนั้น แมวนั่นสามารถเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากสิ่งมีชีวิตในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ หมายความว่าหากมิใช่มันมีพรสวรรค์ที่สูงส่ง ก็ย่อมเป็นสายเลือดที่ทรงพลัง

ตัวอย่างเช่น สัตว์อสูรในตำนานอย่างกิเลน มังกร ร็อก… แม้อยู่ในวัยเยาว์ ก็ยังสามารถกดดันสัตว์อสูรธรรมดาได้

เมื่อคิดถึงยามนี้ แววตาของผู้อาวุโสหยุนไห่พลันแปรเปลี่ยนเป็นเร่งร้อนไป

“ทุกท่าน โปรดสงบใจลงก่อน! อย่างไรก็ตาม จ้าวเฟิงก็คือผู้ชนะของการทดสอบนี้ นี่เป็นเรื่องสำคัญ สำนักจะมอบคำตอบที่น่าพึงพอใจให้”

น้ำเสียงเย็นชาของเจ้าสำนักเต็มไปด้วยความเข้มงวด

เหล่าผู้อาวุโสล้วนเห็นด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้คือการค้นหาว่ารางวัลที่จ้าวเฟิงได้รับมานั้นมากมายเพียงใด

ทุกคนควรรู้ว่าเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั้นได้มีชีวิตรอดอยู่ในการทดสอบนานกว่าเป่ยม่อที่ได้ทำลายสถิติพันปีไปกว่าสิบวัน

ศิษย์ที่กำลังเอ่ยขอการลงโทษแก่จ้าวเฟิงเช่นฉวนเฉิน เป่ยม่อ และคนอื่นๆ ต่างเงียบลง ไม่ว่าพวกเขาจะพูดเช่นไร จ้าวเฟิงก็ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง

เจ้าสำนักนำจ้าวเฟิงไปยังตำหนักกลาง

เมื่อมองดูแล้ว สิ่งที่เด็กหนุ่มได้ทำในการทดสอบนั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะถูกเพิกเฉยโดยเหล่าระดับสูงของสำนัก

ฉวนเฉิน ลู่หู่ และคนอื่นๆ ล้วนมีความไม่ยินยอมปรากฏบนใบหน้า

ในตอนนั้นเอง กลิ่นอายที่แข็งแกร่งของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ได้ปรากฏขึ้น

“เด็กน้อยจ้าวเฟิง อย่าได้จองหองนัก! ทุกแคว้นล้วนมีกฎของตน สำนักล้วนมีกฎประจำสำนัก! ด้วยผู้อาวุโส ข้า อยู่ที่นี่ ไม่ว่าเจ้าจะสร้างคุณประโยชน์แก่สำนักมากมายเพียงใด เจ้าก็ยังคงต้องถูกลงโทษ”

น้ำเสียงชราดังราวฟ้าผ่าดังขึ้น ทำให้ฝีเท้าของเหล่าผู้อาวุโสหยุดชะงักลง

ก่อนที่จะสิ้นคำ ร่างของชายชราสวมใส่เสื้อสีเขียว ในมือถือไม้พลอง ก็ได้ปรากฏขึ้นที่กลางอากาศ

“ผู้อาวุโสคุมกฎ!”

ศิษย์จำนวนหนึ่งอุทานออกมาขณะที่พวกเขาคำนับด้วยความเคารพ

ผู้อาวุโสคุมกฎนั้นได้ครองตำแหน่งพิเศษภายในสำนัก เขามีอำนาจในการประหารหรือลงทัณฑ์ตามกฎของสำนัก

แม้ว่าเจ้าสำนักจะเป็นผู้ทำผิดกฎ ผู้อาวุโสคุมกฎก็มีสิทธิที่จะลุกขึ้นและตั้งคำถาม นอกจากนั้น ผู้อาวุโสคุมกฎยังครอบครองอาวุธชั้นจิตวิญญาณ ที่ทำให้เขามีความแข็งแกร่งเหนือกว่าผู้อาวุโสทั่วไป

“เยี่ยม! ท่านอาจารย์อยู่ที่นี่แล้ว กระทั่งท่านเจ้าสำนักก็ไม่อาจที่จะหยุดเขาได้!”

ความยินดีอย่างมากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่หู่ สีหน้าทะมึนทึมของฉวนเฉินและคนอื่นๆ ล้วนแปรเปลี่ยนไปเป็นความพึงพอใจ

เมื่อเห็นผู้อาวุโสคุมกฎ ความกังวลก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเจ้าสำนัก

หากอีกฝ่ายต้องการที่จะลงโทษจ้าวเฟิง กระทั่งนางก็ไม่อาจที่จะหยุดยั้งเขาได้

ดวงตาของเจ้าสำนักมองไปทางผู้อาวุโสหนึ่งด้วยท่าทีวิงวอน นี่มิใช่เพียงเพราะผู้อาวุโสหนึ่งเป็นอาจารย์ของจ้าวเฟิง มันเป็นเพราะอำนาจของเขาด้วย

“ผู้อาวุโสคุมกฎ เหตุใดจึงไม่ลงมาและเป็นสักขีพยานให้กับคะแนนที่สูงที่สุดที่ตำหนักยอดนภาได้เคยบันทึกไว้กันเล่า?”

น้ำเสียงของผู้อาวุโสหนึ่งนิ่งสงบ และมันดูเหมือนเป็นทั้งคำเชิญและคำสั่งไปในเวลาเดียวกัน

ในตอนนี้ ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ล้วนเงียบงัน

“ได้ ข้าขอร่วมชม”

ผู้อาวุโสคุมกฎนั้นได้ระมัดระวังต่อผู้อาวุโสหนึ่งอย่างชัดเจน อีกฝ่ายนั้นมีคำว่า ‘หนึ่ง’ อยู่ หมายความว่าเขาคือผู้นำของผู้อาวุโสทั้งหมด

ผู้อาวุโสเสวี่ยและผู้อาวุโสหยุนไห่มองหน้ากันก่อนที่จะลอบถอนใจ

“หรือผู้อาวุโสหนึ่งตัดสินใจที่จะปกป้องศิษย์ผู้นี้?”

คราแรกนั้น ผู้อาวุโสคุมกฎต้องการที่จะจัดการจ้าวเฟิงและลงโทษเด็กหนุ่มในตอนนั้น ทว่าแม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสคุมกฎ เขาก็ยังต้องไว้หน้าแก่ผู้อาวุโสหนึ่ง

จ้าวเฟิงมองภาพนั้น และรู้สึกโชคดีขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ในการที่จะได้เลือกเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหนึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงศิษย์สายนอกก็ตาม

ผู้อาวุโสหนึ่งไม่รับศิษย์ง่ายๆ แต่เมื่อเขารับ เขาจะปกป้องศิษย์ของเขาจนถึงที่สุด แม้ว่าศิษย์ผู้นั้นจะเป็นเพียงศิษย์สายนอกของเขาก็ตาม

ผู้อาวุโสหนึ่งมิต้องการที่จะรับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์เพราะครั้งหนึ่งชายชราก็เคยมีศิษย์อีกคนที่ได้ฝึกฝนวิชาฝ่ามือวายุอัสนี และประสบเคราะห์ร้าย

ชายชราอาจดูเย็นชาและไม่ใส่ใจในคราแรก ทว่าหลังจากที่ได้รับการยอมรับแล้ว อีกฝ่ายก็จะใส่ใจศิษย์ของเขาอย่างสุดใจ

ผู้อาวุโสหนึ่งนำทางและเดินเข้าไปภายในตำหนักกลาง กระทั่งนำหน้าเจ้าสำนัก ดุจเป็นผู้นำ

เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคุมกฎติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างสบตากันราวกับว่ากำลังพิจารณาว่าผู้อาวุโสหนึ่งกำลังคิดสิ่งใด

ผู้อาวุโสหนึ่งบัดนี้นั้นมีอำนาจเหนือกว่ายิ่งนัก สีหน้าของผู้อาวุโสคุมกฎแปรเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียดมากขึ้น

“นี่คือผู้อาวุโสหนึ่ง อาจารย์ของข้า! ทรงอำนาจและแข็งแกร่ง!” หัวใจของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยความอึ้งงัน

บรรยากาศทั้งหมดได้เปลี่ยนแปลงไปโดยผู้อาวุโสหนึ่ง เขากระทั่งรู้สึกว่าผู้อาวุโสธรรมดาคนอื่นๆ มิกล้ากระทั่งหายใจแรง

ในที่สุด

จ้าวเฟิงตระหนักได้ว่าตำแหน่งของผู้อาวุโสหนึ่งในสำนักนั้นสูงกว่าที่เขาคิดเอาไว้

จากฉากหน้า มันดูเหมือนว่าเจ้าสำนักมีอำนาจมากที่สุดภายในสำนัก ทว่าความจริงแล้วมิใช่เช่นนั้น

ในยามนี้ ยามที่ผู้อาวุโสหนึ่งเดินอยู่หน้าสุด มิมีผู้ใดเอ่ยทักท้วง ในทางกลับกัน ทั้งหมดกลับระมัดระวังมากขึ้น

“ศิษย์น้องจ้าว เข้าไป”

หยางก่านเอ่ยเตือนจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าซับซ้อนเล็กๆ เขามิคาดว่าอาจารย์ของเขาจะปกป้องศิษย์สายนอกของเขาจริงๆ

สำหรับเหตุใดที่ผู้อาวุโสหนึ่งจึงมีอำนาจเพียงนั้น ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดแปลก

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสิ่งหนึ่ง ผู้อาวุโสหนึ่งคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก!

ความแข็งแกร่ง มาก่อนสิ่งใด

มันไม่สำคัญว่าคนผู้หนึ่งจะเป็น ‘ธรรมะ’ หรือเป็น ‘อธรรม’ ต่างหนีไม่พ้นกฎนี้

มันเป็นเพราะผู้อาวุโสหนึ่งมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดเสียจนผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต้องล่าถอย

หยางก่านหัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ภายในใจ

“ท่านอาจารย์มักจะแสดงตนต่ำต้อยในสำนัก ผู้อาวุโสเหล่านี้จึงทำเช่นที่ตนต้องการ แต่บัดนี้พวกเขาก็ตระหนักในที่สุดว่าผู้ใดคือผู้นำที่แท้จริง!”

ไม่ช้า กลุ่มของผู้อาวุโสก็ได้เข้าไปภายในโถงของตำหนักกลาง

หัวใจของรองหัวหน้าตำหนักหลี่สั่นสะท้าน เกิดเรื่องบ้าบออันใดขึ้น? เหตุใดผู้อาวุโสทุกคนจึงอยู่ที่นี่ และบรรยากาศเช่นนั้นคืออันใด?

ภายในโถง นอกจากเหล่าผู้อาวุโส ศิษย์คนอื่นๆ ที่ได้เข้าร่วมการทดสอบก็ได้เข้าไปเช่นกัน

“จ้าวเฟิง คะแนนรวมของเจ้าคืออันใด?” ดวงตาของเจ้าสำนักเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“พันหนึ่งกับอีกนิดหน่อย” จ้าวเฟิงเอ่ยตอบอย่างสบายๆ

พันหนึ่งกับอีกนิดหน่อย?

ศิษย์คนอื่นๆ สูดลมหายใจหนาวเยือก

“คะแนนของเขาถึงหนึ่งพัน! กระทั่งศิษย์น้องเป่ยม่อยังมีเพียงราวๆ เก้าร้อยเท่านั้น”

“คะแนนนั่นอาจกระทั่งทำลายสถิติหมื่นปี”

ความวุ่นวายปรากฏขึ้นภายในโถง

ฮี่ฮี่ ที่แท้เป่ยม่อจะมีคะแนนเพียงเก้าร้อยหรอกหรือ

จ้าวเฟิงหัวเราะอยู่ภายในใจ

“หนึ่งพันและอีกนิดหน่อย? นิดหน่อยที่ว่านั่นเท่าใด?”

ผู้อาวุโสหนึ่งจ้องไปยังจ้าวเฟิง

“1,588”

เด็กหนุ่มจงใจตอบคะแนนที่น้อยกว่ามาก เพราะแต้มบางส่วนเขาได้ใช้ไปในการขอความต้องการของเขา

“1,500+ นั่นนับว่าทำลายสถิติหมื่นปีแล้ว!”

ผู้อาวุโสหนึ่งพึงพอใจอย่างมาก ใบหน้าแดงซ่าน

หลังจากนั้น จ้าวเฟิงจึงนำรางวัลของเขาออกมา

“อาวุธชั้นจิตวิญญาณ!”

ของชิ้นแรกคือดาบชั้นจิตวิญญาณเล่มหนึ่งที่ทำให้ดวงตาของผู้อาวุโสทั้งหมดส่องประกายวาบ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงนำวิชาชั้นจิตวิญญาณสองวิชาออกมา มากกว่าเป่ยม่อหนึ่งวิชา

วิชาชั้นจิตวิญญาณนั้นได้ถูกกระทำราวเป็นมรดกภายในสำนัก สองวิชาในเวลาเดียวกันนับว่าเป็นความอัศจรรย์อย่างถึงที่สุด

นอกจากนั้น มันยังมีวิชาชั้นมนุษย์ระดับสุดยอดสี่วิชาที่มักจะอนุญาตให้เพียงผู้อาวุโสและรองหัวหน้าตำหนักฝึกฝนเท่านั้น

จ้าวเฟิงใจกว้างอย่างมากและมอบทุกสิ่งให้แก่สำนัก

มันยังมีวัสดุสมุนไพรล้ำค่าอีกจำนวนมาก หากเด็กหนุ่มไม่ต้องการมัน เขาก็จะมอบพวกมันให้กับสำนักเช่นกัน ความจริงแล้วนั้น วิชาที่ล้ำค่าที่สุดล้วนถูกคัดลอกไปในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงหมดแล้ว

“แมวของเจ้าดูไม่ธรรมดา”

ดวงตาของผู้อาวุโสหยุนไห่กรอกไปมา

เมี้ยว เมี้ยว!

แมวขโมยตัวน้อยหัวเราะไปยังอีกฝ่ายด้วยท่าทีเหยียดหยามและเยาะเย้ย

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เมื่อเห็นผู้อาวุโสหยุนไห่ถูกดูถูกโดยแมวตัวหนึ่ง ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ล้วนเริ่มหัวเราะออกมา

ผู้อาวุโสหยุนไห่ไม่ได้โกรธเคืองและมองไปยังจ้าวเฟิง

“เจ้าต้องการหินวิญญาณมากเพียงใดสำหรับแมวนั่น? ข้ายังให้ของอื่นๆ ได้อีก”

“มันมิได้มีไว้เพื่อขาย! แมวขโมยตัวน้อยได้ทำสัญญาโลหิตกับข้าแล้ว”

จ้าวเฟิงส่ายศีรษะโดยไร้ซึ่งความลังเล

ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มก็เดาะลิ้น ดวงตาของผู้อาวุโสหยุนไห่นับว่าพิเศษโดยแท้

“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าได้รับมรดกใดในการทดสอบ จากการทำลายสถิติหมื่นปีหรือไม่?” ใบหน้าของผู้อาวุโสหนึ่งเต็มด้วยความเร่งร้อน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นซ่านภายในหัวใจ ผู้อาวุโสอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ต้องการรู้ว่าสำนักจะได้ผลประโยชน์จากเขามากเพียงใด ไม่ใช่ตัวเขา

สำหรับมรดกนั้น มันคือสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับผู้ฝึกตน สิ่งของอื่นๆ นั้นอย่างไรก็เป็นเพียงสิ่งของ

หลังจากสิ้นคำถาม ผู้อาวุโสคนอื่นๆ และเหล่าศิษย์ก็ล้วนแล้วแต่สงสัย

โดยเฉพาะกับเป่ยม่อ เพราะเขานั้นเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับมรดก

“ไม่ขอรับ”

คำตอบเรียบง่ายของจ้าวเฟิงได้สร้างความประหลาดใจแก่ทุกคนในโถงนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!