บทที่ 2 : การประลองหนึ่งกระบวนท่า
นานเท่าใดมิมีผู้ใดรู้ ในที่สุดจ้าวเฟิงได้คืนสติกลับมาอีกครั้ง ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่อาจรู้สึกได้ถึงร่างกายของเขา สิ่งเดียวที่เขารับรู้คือความเจ็บปวดจากดวงตาข้างซ้าย
ตาข้างซ้าย?
จ้าวเฟิงหนาวเยือก สำนึกขึ้นได้ว่าสิ่งใดได้เกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะสลบไปลูกแก้วแปลกๆ หน้าตาเหมือนลูกนัยน์ตานั้นได้พุ่งเข้าใส่ดวงตาซ้ายของเขา
หากไม่มีอันใดเหนือความคาดหมาย ดวงตาซ้ายของข้าย่อมบอดและเทียบได้กับเจ้านักรบบ้าเลือดน่าเกลียด ‘มังกรตาเดียว’ นั่นแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงที่ราวกับเสียงหัวใจเต้น ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและเป็นมิตรสะท้อนออกมาจากตาซ้ายซึ่งถูกทำลายของเขา
วูบบบ!
ในขณะที่เขากำลังคิดถึงดวงตาซ้ายของเขาอยู่นั้น สติของเขาก็หลอมรวมเขากับมัน
ตูม!
สมองของเขาสั่นสะท้านและเด็กหนุ่มก็ได้เข้าไปยังมิติสีดำมืด
“ที่นี่คือ…”
จ้าวเฟิงหวาดกลัวในสิ่งที่เขาไม่รู้จักและการเห็นสิ่งแปลกๆ ที่อยู่นอกเหนือจากความรู้ของเขาโดยสิ้นเชิง
ความสนใจของเขาถูกดึงดูดโดยแสงสีเขียวซีดที่สว่างขึ้นจากใจกลางของมิติสีดำนี้
แสงสีเขียวซีดนั้นดูลึกลับและไร้จุดสิ้นสุด มันหมุนช้าๆ ราวกับข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนานจากอดีตมาจนกระทั่งบัดนี้ ให้ความรู้สึกมีชีวิตและเป็นนิรันด์
ความสนใจของเด็กหนุ่มถูกดึงดูดโดยมันไปจนหมดสิ้น เขาถูกดึงดูดจนกระทั่งไม่อาจออกจากห้วงภวังค์ แม้ว่าฟ้าจะถล่มหรือโลกจะทลายก็ตามที
“อดีตได้พังทลาย และเทพบรรพกาลที่ถูกทำลายจนกระทั่งกลายเป็นเศษฝุ่น…”
เสียงถอนหายใจที่มาพร้อมกับเสียงนั้นทั้งเก่าแก่และเศร้าสร้อย มันดังก้องไปทั่วทั้งสถานที่สีมืด ราวกับถูกส่งผ่านห้วงเวลาอันยาวนาน
“นั่นใคร?!”
ใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน ทั่วทั้งร่างเย็นเยียบ เขาได้สำรวจที่นี้แล้วและไม่พบใครเลยแม้สักคน
เสียงนั่นราวกับดังมาจากความว่างเปล่า
“ยังมีดวงวิญญาณที่สามารถเชื่อมต่อกับข้าได้อย่างสมบูรณ์ในจักรวาลนี้? นี่คือโชคชะตาเช่นนั้นหรือ?”
เสียงลึกลับกล่าวกับตนเอง
“ผู้ใดแอบซ่อนอยู่ที่นี่!”
เด็กหนุ่มเอาชนะความกลัวของตนก่อนจะตะโกนออกมา
“เพื่อสืบทอดสายเลือดของดวงตาแห่งข้า เจ้าจะควบคุมทุกคน กำหนดทุกสิ่ง เจ้าเด็กน้อยผู้โชคดีเอ๋ย อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวัง…”
ทันใดนั้นทั่วทั้งมิติสีหมึกก็เต็มไปด้วยกลิ่นไอเก่าแก่ ก่อนที่มันจะจางหายไป
ทุกอย่างกลับไปเงียบสงบเช่นเดิม
ฮ่าห์!
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดสิ่งใดไปมากกว่านั้น ความรู้สึกเจ็บปวดก็พุ่งออกมาจากตาซ้ายของเขา
ภายในห้อง
แสงอาทิตย์แผดเผาได้ลอดผ่านหน้าต่างเข้าไป
“อ๊ากกกก ตาข้า”
จ้าวเฟิงกรีดร้องพร้อมกับกำดวงตาซ้ายที่บัดนี้ถูกกลืนกินด้วยสีแดงและความเจ็บปวด ในเวลานั้นเองที่เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาสู่ความเป็นจริง
นี่คือห้องของเขา
เด็กหนุ่มนอนเหยียดอยู่บนที่นอน ร่างของเขายังคงเกรียมจากการถูกฟ้าผ่า ในตอนนี้ความเจ็บปวดจากตาซ้ายทำให้เขาเหงื่อโชกและดิ้นพล่านไปทั่วห้อง ยังดีที่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดนั้นก็เริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหายไป
“ตาข้า…” ใบหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยความกังวล เด็กหนุ่มค่อยๆ ปล่อยมือออกจากเบ้าตาซ้ายของเขา
เขามั่นใจว่าตาซ้ายของเขายังคงมองเห็นอยู่
แม้ว่าเมื่อดวงตาซ้ายของเขามองผ่านแสงอาทิตย์ แสงนั้นก็ได้แผดเผาดวงตาของเขาจนต้องหรี่ตา แต่จ้าวเฟิงก็ยังคงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในที่สุดดวงตาซ้ายของเขาก็ปรับตัวกับแสงได้และสามารถมองเห็นได้ในที่สุด
ในช่วงเวลานั้น โลกทั้งใบก็ราวกับมีสีสันนับหมื่น
สิ่งที่ดวงตาซ้ายของเขามองเห็นนั้นช่างชัดเจนและงดงามยิ่งนัก เด็กหนุ่มมองเห็นแม้กระทั่งเศษฝุ่นในอากาศซึ่งโดยปกติแล้วไม่มีทางมองเห็นได้ เขามองเห็นแม้กระทั่งมดใต้ต้นไม้ใน100เมตรข้างหน้า และเส้นใบของใบไม้นอกหน้าต่าง
“เกิดอันใดขึ้น? ตาซ้ายของข้าสามารถ…”
เด็กหนุ่มครุ่นคิดถึงตาซ้ายของเขาหลังจากหายตกตะลึง ก่อนใบหน้าของเขาจะปรากฏความยินดีประการหนึ่ง
เขามั่นใจว่านัยน์ตาซ้ายของเขานั้นได้เปลี่ยนไปแปลงไปเมื่อเทียบกับดวงตาธรรมดาอย่างน้อย10เท่า หรือกระทั่งมากกว่านั้น
จ้าวเฟิงหยิบกระจกและเพ่งมองมันใกล้ๆ ดวงตาซ้ายของเขานั้นมีขนาดเท่าเดิม สิ่งเดียวที่แตกต่างไปนั้นคือนัยน์ตาดำของเขานั้นดำมืดกว่าปกติ และเมื่อเขาใช้ตาซ้ายของเขาอย่างเต็มที่ ลูกนัยน์ตาจะปรากฏแสงสีเขียวซีดขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แม้ไม่ชัดเจน ทว่ากลับทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรง
“นี่… เจ้าลูกตาลึกลับนั่นหลอมรวมกับข้า?” หัวใจของจ้าวเฟิงนั้นทั้งมีความสุขและกังวลไปพร้อมๆ กัน
หลังจากนั้นชั่วครู่เขาจึงสูดลมหายใจลึกและเดินออกจากห้อง
“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนทีเดียว อย่าทำให้ข้ากังวลนักสิ” เมื่อเห็นว่าบุตรชายของตนสบายดี จ้าวชี่ก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก
“แม่ ข้าไม่เป็นไร! ข้าอาจจะได้รับโชคดีจากภัยพิบัตินั่นก็ได้” จ้าวเฟิงหัวเราะ
ทว่าไม่นานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“เดี๋ยว! ท่านแม่ ท่านบอกว่า… ข้าสลบไปถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่ วันนั้นเจ้าถูกฟ้าผ่า แต่หมอบอกว่าเจ้าเพียงแค่สลบไป” จ้าวชี่ปาดน้ำตา รู้สึกหวาดกลัวในสิ่งที่อาจเกิดขึ้น
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันนั้น ท้องของเด็กหนุ่มก็ร้องขึ้น บัดนั้นเองที่เขาเริ่มรู้สึกหิว
“มา! ข้าจะทำอาหารให้ทาน” จ้าวชี่เข้าไปยังครัวและเริ่มยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมสำรับ
ในตอนนั้น จ้าวเฟิงยังคงใช้ดวงตาซ้ายในการสำรวจทุกอย่าง และรู้สึกว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไป
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือปฏิกิริยาตอบสนอง
“หืมมมมม” ในขณะที่พวกเขากำลังกินข้าวอยู่นั้น ดวงตาของจ้าวเฟิงก็จับจ้องไปยังแมลงวัน
ดวงตาซ้ายของเขานั้นเห็นทิศทางการบินของมัน นอกจากนั้นเขายังสามารถแยกแยะเพศและเห็นลวดลายบนปีกของมันได้อีกด้วย
ฟึ่บ!
เด็กหนุ่มขยับตะเกียบของเขาไปตามสัญชาตญาณ ทันใดนั้นเสียงหึ่งๆ ก็เงียบลง
ฮะฮะฮะ
จ้าวเฟิงมองแมลงวันที่ถูกฆ่าด้วยตะเกียบของเขาพร้อมกับหัวเราะอยู่ภายในใจ
รู้สึกดียิ่งนัก!
นี่มันโคตรเยี่ยม!
ด้วยดวงตาซ้ายของเขา ปฏิกิริยาตอบโต้และความสามารถในการรับรู้ของเขานั้นได้พุ่งทะยานเหนือกว่าคนปกติมากนัก
หลังจากทานอาหารเสร็จ จ้าวเฟิงรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ดังนั้นเขาจึงเดินไปยังลานฝึกฝน
เขารู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงของดวงตาข้างซ้ายของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาของเขาได้…
ดวงตาข้างซ้ายของเขาส่งเสียงฉ่าด้วยความร้อนและหลังจากนั้น มันแม้กระทั่งส่งเสียง ตึกตึก ราวกับเสียงหัวใจเต้น
เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่ที่ลูกนัยน์ตาลึกลับได้หลอมรวมกับเขา โลหิตและร่างกายของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปช้าๆ
ลานฝึกฝน
จ้าวเฟิงยังคงทำตัวเช่นปกติและเริ่มฝึกฝนเพลงหมัดระดับพื้นฐานของเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! จ้าวเฟิง ในที่สุดเจ้าก็มา ข้านึกว่าเจ้าจะมัวแต่ทำตัวเช่นเต่าหดศีรษะอยู่ในกระดอง…” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากอีกฝากของลานฝึกฝน
มารดามันเถอะ!
จ้าวเฟิงสบถในใจก่อนจะมองไปยังร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของจ้าวคุนซึ่งกำลังสาวเท้ายาวๆ มาทางเขา
ทันใดนั้นเขาก็สำนึกถึง ‘การประลองหนึ่งกระบวนท่า’ ขึ้นได้
ด้วยเสียงหัวเราะของจ้าวคุนทำให้เหล่าศิษย์ของพรรคในลานฝึกฝนต่างมารวมตัวกัน
“ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้”
จ้าวเฟิงทำได้เพียงเดินตรงไปหาเท่านั้น
“จ้าวเฟิง เตรียมตัวไว้ หนึ่งกระบวนท่า! ข้าจะใช้เพียงหนึ่งกระบวนท่าในการล้มเจ้า!” ร่างหนาของจ้าวคุนดูราวกับพยัคฆ์ สร้างความกดดันไปยังจ้าวเฟิง
เพียงสิ้นคำ มือทั้งสองและร่างกายของเด็กหนุ่มก็เฉกเช่นคับแคบลง ราวกับอสรพิษ ให้ความรู้สึกมืดทะมึนและน่าขนลุก จ้าวเฟิงรู้สึกหนาวเยือกราวกับถูกจับจ้องโดยอสรพิษ
“เพ้ย นั่นมันวิชาระดับสูง อสรพิษสิบสามลักษณ์!” เสียงตื่นเต้นดังขึ้นจากฝูงชนโดยผู้ที่ตระหนักถึงวิชาที่จ้าวคุนกำลังใช้
“วิชาระดับสูง เป็นไปได้อย่างไร! ศิษย์ขั้นสองส่วนมากทำได้เพียงไปยังหอตำราและได้รับเพียงวิชาระดับกลางเท่านั้น จ้าวคุนจะไปนำวิชาระดับสูงมาจากที่ใดกัน?”
“เจ้าน่าจะรู้ว่าปู่ของจ้าวคุนเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของพรรค…”
“มิน่าแปลกที่จ้าวคุนจะมั่นใจในการเอาชนะด้วยหนึ่งกระบวนท่า มันเป็นเพราะว่าเขาได้ฝึกฝนอสรพิษสิบสามลักษณ์!”
เหล่าศิษย์รอบบริเวณนั้นต่างรู้สึกเย็นยะเยือก กระทั่งผู้ที่มีระดับขั้นฝึกตนสูงกว่าก็ยังมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
“มันเป็นวิชาระดับสูง” จ้าวเฟิงสูดลมหายใจหนาวเหน็บ
ในพรรคจ้าวนั้น ศิษย์ที่มีระดับการฝึกตนต่ำกว่าขั้น4จะสามารถฝึกฝนได้เพียงวิชาระดับต่ำหรือกลางเท่านั้น
สำหรับจ้าวเฟิง เพราะว่าเขายังไม่แม้กระทั่งทะลวงขั้น2ของผู้ฝึกตน ทำให้เขายังไม่สามารถเข้าไปยังหอตำรา ดังนั้นเขาจึงยังไม่แม้แต่เรียนรู้วิชาระดับต่ำ
อสรพิษสิบสามลักษณ์เป็นวิชาระดับสูง และพลังโจมตีของมันนั้นมากกว่าวิชาระดับต่ำและกลาง ไม่ต้องเอ่ยถึงวิชาระดับพื้นฐานเลย
ในตอนนั้นเอง การเคลื่อนไหวมือของจ้าวคุนได้สร้างความกดดันให้กับจ้าวเฟิงอย่างหนัก ราวกับว่าเพียงแค่เขาขยับตัว อสรพิษเบื้องหน้าก็จะฉกกัด
“มิแปลกใจที่จ้าวคุนจะมั่นใจว่าสามารถเอาชนะข้าได้ในหนึ่งกระบวนท่า!”
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้น เขารู้ว่าหากเป็นสถานการณ์ปกติ เขาคงไม่อาจรับมือวิชาระดับสูงได้แม้แต่หนึ่งกระบวนท่า และนอกจากนั้นพลังปราณของจ้าวคุนเองก็สูงกว่าเขาหนึ่งขั้นเช่นกัน
ตึก! ตึก!
ภายใต้แรงกดดันนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกว่าดวงตาซ้ายของเขาสร้างความรู้สึกตื่นเต้นขึ้น เด็กหนุ่มรวบรวมพลังทั้งหมดของเขาไปในนัยน์ตาซ้ายและจับจ้องไปยังจ้าวคุน
ในตอนนั้นคล้ายมีแต่สวรรค์ทราบว่าดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงได้ส่องแสงสีเขียวซีดออกมา…
วูบบบบ!
จ้าวเฟิงรู้สึกราวกับเขาได้เข้าสู่การมองเห็นขั้นสุดยอด ในสายตาของเขาตอนนี้ร่างกายของจ้าวคุนได้ถูกขยาย และทุกความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายรวมทั้งความถี่ของจังหวะหัวใจ จังหวะหัวใจ กล้ามเนื้อ เส้นเลือด ทั้งหมดถูกเห็นด้วยดวงตาซ้ายของเขา
ในตอนนั้นเอง ใต้หล้าก็ราวกกับเชื่องช้าลงหลายเท่า
ทว่าโลกนั้นมิได้ช้าลง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงนั้นคือปฏิกิริยาตอบโต้ของจ้าวเฟิง!
ภายใต้ความกดดันนั้น หัวใจของเด็กหนุ่มรู้สึกเยือกเย็นและสงบถึงขีดสุด
คู่ต่อสู้ของเขา จ้าวคัง ร่างกายสะท้านวาบและรู้สึกราวกับทุกความลับของเขาถูกมองเห็นโดยฝ่ายตรงข้าม
“ลักษณ์ที่สามแห่งอสรพิษ!”
ใบหน้าของจ้าวคุนเต็มไปด้วยความทะมึนขณะใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกโดยไร้ซึ่งความลังเล ร่างกายของเด็กหนุ่มราวกับอสรพิษ รวดเร็วราวสายฟ้า ทั้งพลังและความรวดเร็วนั้นมากมายยิ่งนัก
ฟุ่บ!
ชั่วพริบตา นิ้วทั้งสองของจ้าวคุนแนบติดกัน ราวกับคมเขี้ยวของอสรพิษ พุ่งผ่านอากาศมุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิง
เร็วยิ่ง!
ศิษย์หลายคนคิดขึ้นพร้อมกัน
ผู้ที่อยู่ในระดับขั้นสองของการฝึกตนบางคนถึงขั้นไม่อาจมองเห็นการเคลื่อนไหวของจ้าวคุนได้
ในขณะที่นิ้วมือที่ราวกับคมเขี้ยวของจ้าวคุนกำลังจะไปถึงจ้าวเฟิงนั้นเอง
ปั่ก!
ทันใดนั้น กำปั้นอันแข็งแกร่งก็พุ่งผ่านอากาศ กระแทกเข้าที่แขนของจ้าวคุน ทำให้กระบวนท่าหยุดชะงักลง
“เกิดอันใดขึ้น?”
จ้าวคุนรู้สึกราวกับสมองของเขาสั่นสะเทือนในขณะที่ร่างกายของเขาแข็งค้างไปด้วยความตกตะลึง แขนของเขาไร้ความรู้สึก
นิ้วของเขาซึ่งอยู่ห่างจากแผ่นอกของจ้าวเฟิงเพียงนิ้วเดียวไม่อาจขยับเคลื่อนไปข้างหน้าได้แม้แต่น้อย
วูบบบ
ทันใดนั้นจ้าวคุนก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ท้อง เช่นเดียวกับที่เขาถูกซัดลอยไปพร้อมกับเสียงร้อง
“เกิดอันใดกัน?”
ศิษย์ทุกคนต่างตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึง
“หนึ่งกระบวนท่า เจ้าแพ้แล้ว…”