บทที่ 316 : ฆ่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง
ลัทธิโลหะเลือดสาขา
กองกำลังของผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนและโจรเถาช่านเฟยได้ครอบครองพื้นที่สองแห่ง ปิดกั้นทางเข้าออกเอาไว้
กองกำลังทั้งสองนี้ได้ร่วมมือกันทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ไล่ต้อนจนสาขาพันธาราต้องตกอยู่ในสถานะเข้าตาจน
หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก บางทีคงจะถูกลบหายไปจากแม่น้ำพันธารา
ในใจของอวิ๋นช่าปรากฏความเศร้าสร้อยเคียดแค้น ทั้งหมดนี่เป็นหายนะที่หัวหน้าสาขาคนใหม่เป็นผู้นำมา
รองหัวหน้าสาขา ‘เฉินเมิ่งเจิ่น’ ที่ถูกจับตัวอยู่นั้น ใบหน้างดงามถูกระบายไปด้วยความหดหู่อับอาย สายตาของเหล่าอาชญากรจากสำนักร้อยบุปผาที่จ้องมองนางนั้นเต็มไปด้วยความคิดเลวร้ายหลากหลาย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มต่ำช้า
เพียงแค่โจรเถาช่านเฟยออกคำสั่ง นางก็ยากที่จะคาดคิดถึงชะตาของตน
ที่น่าเศร้านั้นคือ หัวหน้าสาขาคนใหม่สนใจแต่เพียงปิดด่านฝึกตน แสดงตนเช่นเต่าหดหัวที่ไม่ย่างกรายออกมา
คนทั้งสองอยากจะชักนำศัตรูจากภายนอกเพื่อไปรับมือกับจ้าวเฟิง
ผู้ใดเล่าจะล่วงรู้ จ้าวเฟิงนั้นนับเป็นดาวมฤตยู เพียงมาถึงสาขาพันธาราไม่กี่วันก็ได้นำหายนะมาด้วย
“จ้าวเฟิงผู้นี้ ทั้งๆ ที่บรรลุสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงแล้วกลับยังไม่ออกมา หากได้เขาและเตี๋ยเย่ พลังของสองผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเข้าช่วยเหลือยังนับว่ามีความหวังขึ้นหลายส่วน”
อวิ๋นช่าทั้งโกรธเคืองและหดหู่ ยากที่จะระบายออกมาได้
เขาได้ส่งคำเชิญไปยังหัวหน้าสาขาและเตี๋ยเย่หลายครั้ง ทว่าคำตอบสุดท้ายกลับเป็นตัวอักษรเพียงตัวเดียว ‘ออกไป’
ในยามนี้ สายฟ้าที่สั่นสะท้านทะลวงถึงอวกาศได้หลอมรวมกัน
“หัวหน้าสาขาออกมาแล้ว”
หลังเสียงระเบิดของสายฟ้าดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างประกายอัสนีที่วาดเส้นแสงงดงามท่ามกลางหมู่เมฆ
คนของสาขาพันธาราทั้งระดับสูงต่ำต่างร่างสั่นสะท้าน ยอดฝีมือจำนวนมากได้ถูกดึงดูดโดยปราณจิตวิญญาณที่เพิ่งถือกำเนิดนั่น
ระยะสิบลี้โดยรอบสามารถเห็นเงาร่างสายฟ้างดงามได้
ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจากกองกำลังทั้งสามฝ่ายได้ส่งประสาทสัมผัสจิตวิญญาณไปตรวจสอบ
“จ้าวเฟิง ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมาจนได้”
ความไม่พอใจของอวิ๋นช่าจางหายไปอย่างยากลำบาก
ทว่า ปฏิกิริยาตอบรับของโจรเถาช่านเฟยและผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนนั้นรุนแรงกว่าเขานัก
“จ้าวเฟิง—–”
น้ำเสียงของโจรเถาช่านเฟยสั่นสะท้านเล็กๆ ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ดวงตายังคงเต็มไปด้วยความเกลียดแค้น ความอาฆาตที่หากเจ้าไม่ตาย ข้าก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่
“เจ้าคือจ้าวเฟิงที่ทำลายอนาคตของหลานชายข้า ทำลายดวงดาราแห่งความหวังในรุ่นนี้ของตระกูลหยุนแห่งพันธาราของข้า”
ผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยเศร้าโศกเดือดดาล จิตสังหารพุ่งพล่าน
การตอบสนองของสองยอดฝีมือได้ทำให้อวิ๋นช่าต้องสะดุ้ง
โดยเฉพาะโจรเถาช่านเฟยที่มีท่าทีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของจ้าวเฟิง
ฟิ้ว
เงาร่างประกายอัสนีได้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยกลิ่นอายรุนแรง ตามด้วยเสียงฟ้าคำรามครืนคราง ลอยลงมาจากหมู่เมฆ
ผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่อยู่ ณ ที่นั้นในใจหวาดผวา นี่ไม่ใช่กลิ่นอายที่ผู้ที่เพิ่งบรรลุสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจะครอบครองได้แน่ๆ
“คารวะหัวหน้าสาขา”
คนจากลัทธิโลหะเลือดสาขาทำความเคารพจ้าวเฟิง
อวิ๋นช่าลอบกัดฟันกรอด ทว่าสีหน้าจำต้องแสดงความเคารพออกมา “ท่านหัวหน้าสาขา ตระกูลหยุนรองและสำนักร้อยบุปผาได้ล้อมสาขาไว้ สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก ขอให้ท่านหัวหน้าสาขานำพวกเราไปจัดการศัตรูด้วย”
เขาเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก จ้าวเฟิงเพียงแค่เพิ่งก้าวเข้ามาก็เอ่ยให้เป็นผู้นำทัพ
ในยามนี้ หากสาขาพันธาราล้มสลายก็เป็นเพราะจ้าวเฟิง ทั้งหัวหน้าก็ยังเป็นจ้าวเฟิง เขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบสิ่งใดมากมาย
ผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนและโจรเถาช่านเฟย เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายพลังฝึกตนบนร่างของจ้าวเฟิง ในใจก็ปรากฏความหนาวเย็นขึ้นประการหนึ่ง
ในอดีต วิธีการกลยุทธ์ของจ้าวเฟิงนั้นต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด เด็กนี่ยังมีพลังฝึกตนเพียงขอบเขตก่อกำเนิดปราณเท่านั้น ทว่าในยามนี้ได้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง หากจะต่อกรย่อมยากลำบากอยู่บ้าง
“ทุกคนจงฟัง”
น้ำเสียงของจ้าวเฟิงนั้นราวกับฟ้าคำราม ดังก้องขึ้นในศีรษะของเหล่าระดับสูงของลัทธิโลหะเลือดสาขา
น้ำเสียงนั้นดังขึ้นในจิตใจโดยตรง เมื่อเทียบกับการสื่อจิตของประสาทสัมผัสจิตวิญญาณทั่วไปแล้วยังนับว่าล้ำลึกกว่า
เป็นกลิ่นอายจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งนัก
จิตใจของเหล่าระดับสูงแห่งสาขาพันธาราสั่นสะท้าน รับคำสั่งโดยพร้อมเพรียง
“รองหัวหน้าสาขาอวิ๋นช่ารอการปะทะ นำผู้อาวุโสใหญ่แบ่งกำลังเข้าโจมตีผู้นำเฒ่าตระกูลหยุน มีเวลาครึ่งชั่วน้ำชาเดือด หากไม่สำเร็จเจ้าต้องรับผิดชอบ”
น้ำเสียงของจ้าวเฟิงนั้นราวกับเอ่ยสิ่งที่ท่องจำมา
“ผู้น้อยรับคำสั่ง”
อวิ๋นช่าลอบเค้นเสียงในใจ ในความคิดของเขา คำสั่งนี้นับเป็นการรนหาที่ตายโดยแท้จริง
หลังจากที่รองหัวหน้าสาขาเฉินเมิ่งเจิ่นถูกจับ ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดทั้งสาขาก็คืออวิ๋นช่าและผู้อาวุโสใหญ่ เมื่อคนทั้งสองร่วมมือกันย่อมสามารถรับมือกับขั้นผู้วิเศษแท้ทั่วไปได้ ทั้งผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนเองยังนับว่าเท้าข้างหนึ่งก้าวลงหลุมไปแล้ว ไม่ได้อยู่ที่ขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอด
แต่นอกจากผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนแล้วยังมีแรงคุกคามอันใหญ่หลวงอีกหนึ่งคน
นั่นคือโจรเถาช่านเฟย
ในระดับหนึ่งนั้น แรงคุกคามจากโจรเถาช่านเฟยนับว่ามีมากกว่า
โจรผู้นี้อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ มีพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา พลังโจมตีเทียบเท่าได้กับขั้นผู้วิเศษแท้ทั่วไป
นอกจากนั้นโจรเถาช่านเฟยยังเป็นจ้าวสำนักร้อยบุปผา มีวิธีการลับหลัง ลอบโจมตียามเผลอไผลมากมาย รองหัวหน้าสาขาเฉินเมิ่งเจิ่นก่อนหน้าเองก็ไม่ระวัง โดนลอบโจมตีเช่นกัน
“ผู้น้อยรับคำสั่ง ข้าและรองหัวหน้าสาขาอวิ๋นช่าร่วมมือคิดว่ายังพอสู้ได้ แต่ด้านโจรเถาชานเฟ่ยนั้น…”
ผู้อาวุโสใหญ่มีความเคลือบแคลง
“เจ้าทำหน้าที่ของเจ้าให้เต็มที่ ด้านโจรเถาช่านเฟยเราหัวหน้าสาขาผู้นี้จะรับผิดชอบเอง”
ใบหน้าของจ้าวเฟิงเรียบเฉย
ในหนึ่งถึงสองลมหายใจ จ้าวเฟิงก็แบ่งหน้าที่เรียบร้อย
ดวงตาเทพเจ้าของเขาราวกับสายตาของนก แม้ว่าจะเพิ่งมาถึง แต่สถานการณ์ปัจจุบันทั้งหมดนั้นเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้วนับว่าเข้าใจชัดเจนกว่า
“ฮ่าฮ่า ไอ้เด็กนี่อวดดีนัก คิดว่าโจรเถาช่านเฟยจะรับมือได้ง่ายๆ”
ในใจของอวิ๋นช่าเต็มไปด้วยความยินดี
หากเป็นก่อนหน้า เขาที่ต้องรับมือกับโจรเถาช่านเฟยจะมีโอกาสชนะเพียงหกต่อสี่
หรือพูดอีกอย่างคือ โจรเถาช่านเฟยก่อนหน้านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอวิ๋นช่า
ทว่าในยามนี้ โจรเถาช่านเฟยได้ครอบครองพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาและสมบัติสายธารจันทรา ความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
บัดนี้ แม้ว่าจะเป็นอวิ๋นช่าที่เผชิญหน้ากับโจรเถาช่านเฟย โอกาสสำเร็จก็มีไม่มากนัก
ตัวเลือกของจ้าวเฟิงนั้นได้ทำให้อวิ๋นช่าดีใจยิ่งนัก สิ่งเดียวที่น่ากังวลนั้นคือหลังจากที่สาขาพ่ายแพ้ล่มสลายนั้น จะแจ้งกองบัญชาการอย่างไร
“จ้าวเฟิง หากเจ้ายินยอมที่จะไปขอโทษ ข้าก็อาจจะถอยให้ได้”
ผู้นำเฒ่าตระกูลหยุนเอ่ยด้วยใบหน้าขาวซีดราวผี น้ำเสียงกดต่ำ
“ฮ่า… จ้าวเฟิง ต่อให้เจ้าก้มหัวขออภัยข้าและส่งสมบัติทั้งหมดมาแล้ว ข้าก็จะไม่ไว้ชีวิตเจ้า”
โจรเถาช่านเฟยแย้มรอยยิ้มชั่วร้าย พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาในมือสั่นสะท้าน ตราวารีสีฟ้าเย็นส่องประกายด้วยพลังอันน่าพรั่นพรึง สามารถคร่าชีวิตของผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ทั่วไปได้
จ้าวเฟิงไม่สนใจโจรเถาช่านเฟย นำกองกำลังของลัทธิโลหะเลือดสาขาเข้าเข่นฆ่าคนของตระกูลหยุนรอง
ฟุ่บ ฟุ่บ
อวิ๋นช่าและผู้อาวุโสใหญ่ทำตามแผน เข้าจู่โจมผู้นำเฒ่าตระกูลหยุน
ในเวลาอันสั้น พวกเขามีความมั่นใจว่าจะสามารถขัดขวางชายชราขั้นผู้วิเศษแท้ผู้นี้ได้
ทว่า
พวกเขาก็รู้สึกแปลกๆ เหตุใดจ้าวเฟิงจึงมาเข่นฆ่าพวกตระกูลหยุนรองด้วย? เขาไม่ไปรับมือกับโจรเถาช่านเฟยหรือ?
ฟิ้ว
ร่างของจ้าวเฟิงพลันพร่าเลือน คลื่นกระแสไฟฟ้าสีฟ้าแพร่จายออก สร้างเป็นเงาร่างประกายอัสนีพร้อมเสียงคำรามของสายฟ้า พุ่งตรงไปยังร่างของผู้อาวุโสขั้นมนุษย์แท้ของตระกูลหยุนรองผู้หนึ่ง
ความเร็วของเขานั้นมากมายนัก ไม่ว่าจะขยับไปทางใด พลังกระแสไฟฟ้ารุนแรงก็จะแพร่กระจายออก ทำให้ยอดฝีมือระดับต้นของตระกูลหยุนรองทั่วทั้งร่างชาหนึบ บ้างก็ไหม้เกรียมไม่อาจหายใจ
“ความเร็วมากนัก ข้าต้องยอมรับว่านี่คือพลังของหัวหน้าสาขาจริงๆ”
ผู้อาวุโสตระกูลหยุนผู้นั้นใจหนาวเยือก ทว่าไม่ยินยอมโดยง่าย
เขาเป็นยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ระดับสูงถึงขั้นมนุษย์ระดับต่ำ จะไปหวาดกลัวคนรุ่นหลังที่เพิ่งจะทะลวงขั้นได้อย่างไร
ฟิ้ว—-
เงาร่างสายฟ้าสีฟ้าของจ้าวเฟิงพลันเพิ่มความเร็วขึ้น ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลหยุนต้องชะงักไป
เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าความเร็วก่อนหน้าของจ้าวเฟิงนั้นยังออมมือไว้อยู่
ในมรดกอัสนี สำนึกรู้ของพลังอัสนีนั้นมีส่วนที่เป็นความเร็วอยู่ด้วย
ความเร็วก่อนหน้าของจ้าวเฟิงนั้นได้ปกปิดไว้บางส่วน เมื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของมรดก ความเร็วของเคล็ดวิชายามนี้จึงเพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ
คลื่นกระแสไฟฟ้าสีฟ้าส่องประกายรอบร่างของจ้าวเฟิง พลังเพิ่มขึ้น กวาดไปทั่วระยะ 20-30 หลาในเสี้ยววินาที ผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงหากไม่ตายตกในเสี้ยววินาที ร่างก็ชาหนึบ สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป
ผู้อาวุโสตระกูลหยุนคาดไม่ถึงกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของจ้าวเฟิง ทั่วทั้งร่างหนึบชา
ความรู้สึกชานี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้สูญเสียความสามารถในการต่อต้านและพลังต่อสู้ไป ทว่าก็ได้ทำให้ความเร็วของเขาช้าลงเล็กน้อย
“ดาบอัสนี—–”
ในมือของจ้าวเฟิงพลันหลอมรวมสายฟ้าขึ้นเป็นดาบยาวสามฟุต ประกายสายฟ้าของมันสั่นสะเทือนด้วยความเร็วสูง เหมือนเช่นเลื่อยกำลังสูง ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลหยุนต้องโคจรปราณแท้เคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบ
ดาบอัสนีของจ้าวเฟิงนั้นคมนัก มีพลังทำลายสูงส่ง มีความสามารถในการทำให้ชาในระดับหนึ่ง ความเร็วเองก็มากนัก ทะลวงผ่านการป้องกันของผู้อาวุโสตระกูลหยุนในทันที
“อ๊ากกก”
ผู้อาวุโสตระกูลหยุนร้องออกมาอย่างโหยหวน อกถูกแทงโดย ‘ดาบอัสนี’ หลงเหลือเพียงหลุมไหม้ดำ ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านชาหนึบ
ดาบอัสนีหลังจากที่โจมตีออกไปก็สลายลงในทันที กระแสไฟฟ้าแยกออก ขยายแรงระเบิดให้รุนแรงยิ่งขึ้น
เปรี้ยะ
ที่แห่งนั้นหลงเหลือเพียงศพไหม้ดำที่มีควันดำลอยออกมา
ผู้อาวุโสตระกูลหยุน ผู้ฝึกตนในขั้นมนุษย์แท้ระดับต่ำถูกฆ่าโดยดาบอัสนีเพียงเล่มเดียวของจ้าวเฟิง
คนจากตระกูลหยุนรองจิตใจสั่นสะท้าน สูดลมหายใจเย็นเยียบ
เหล่าคนที่เตรียมตัวโอบล้อมจ้าวเฟิงฝีเท้าชะงักค้าง รู้สึกลำคอตีบตัน ยากที่จะหายใจ
ผู้อาวุโสตระกูลหยุนคนนั้น เหตุผลที่พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเพียงนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะประมาทคู่ต่อสู้
ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งจะบรรลุสู่ขอบเขตจิตวิยญาณที่แท้จริงผู้หนึ่งจะมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งเพียงนี้
“จ้าวเฟิงผู้นี้ กล้าเมินเฉยต่อข้า”
อีกฝั่งหนึ่ง โจรเถาช่านเฟยชะงักงันไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าขาวซีดราวผี เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
จ้าวเฟิงคือเป้าหมายเพียงอย่างเดียวของเขา เขาต้องขยี้ไอ้เด็กนี่ให้แหลกเป็นผุยผง ทวงคืนสมบัติสายธารจันทราของตนให้ได้
การโจมตีตั้งแต่แรกเริ่มนั้น เขามีเป้าหมายอยู่ที่จ้าวเฟิง
ทว่าผู้ใดเล่าจะคาดคิด จ้าวเฟิงนั้นไม่ให้ความสนใจเขาตั้งแต่แรก กระทำเช่นเขาเป็นเพียงอากาศ มุ่งหน้าตรงไปฆ่าคนตระกูลหยุน
ชายหนุ่มคำรามก่อนจะพุ่งทะยานร่างตรงไปยังจ้าวเฟิง
จากนั้นเขาก็มองไปยังจ้าวเฟิงกับคู่ต่อสู้ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงต่อสู้กันอย่างจนใจ ในใจปรากฏความยินดีขึ้น เตรียมที่จะลอบฆ่าจากด้านหลัง
ทว่าจากนั้นเขาก็ได้เป็นพยานให้กับเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวใช้เพียงดาบเดียวในการฆ่าผู้อาวุโสตระกูลหยุน
หัวใจของโจรเถาช่านเฟยหนาวเยือกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าผู้อาวุโสตระกูลหยุนจะประมาทคู่ต่อสู้ก่อน แต่ว่าจ้าวเฟิงหลังจากที่ทะลวงขั้นแล้วนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่จินตนาการไว้หลายเท่านัก
“จ้าวเฟิง รีบๆ ตายไปซะ”
โจรเถาช่านเฟยกำพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาในมือ เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ที่ป้อมเหิงฉุ่ยนั้น หลังจากที่พ่ายแพ้อย่างยับเยิน เขาก็กลับไปปิดด่านฝึกตน ทำให้พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถายอมรับได้สำเร็จ จากนั้นจึงใช้ความช่วยเหลือจากทรัพยากรบางส่วนจากสมบัติสายธารจันทรา ทำให้พลังของตนเองแข็งแกร่งขึ้นอีก
ในยามนี้
จ้าวเฟิงเบือนศีรษะใบหน้าปรากฏรอยยิ้มบาง เหลือบมองไปยังโจรเถาช่านเฟยคราหนึ่ง
เขาย่อมไม่ได้เพิกเฉยต่อ ‘โจรเถาช่านเฟย’
ทว่าโจรเถาช่านเฟยที่แข็งแกร่งที่สุดในสายตาของคนอื่นๆ ในสายตาของจ้าวเฟิงนั้นกลับรับมือง่ายที่สุด
เพราะเขารู้ถึงอารมณ์และเป้าหมายของโจรเถาช่านเฟย
การพ่ายแพ้อย่างยับเยินก่อนหน้านั้น โจรเถาช่านเฟยได้อาฆาตแค้นจ้าวเฟิงอย่างมาก ความเคียดแค้นนั้นกระทั่งถึงขั้นสร้างปีศาจในใจของอีกฝ่ายขึ้น
ดังนั้นแล้ว
จ้าวเฟิงจึงสรุปได้ว่าโจรเถาช่านเฟยนั้นจะทุ่มสุดตัวในการฆ่าเขาอย่างแน่นอน
ทว่าจ้าวเฟิงไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสมใจ จงใจเมินเฉย ทั้งในเวลาเดียวกันยังบดขยี้ตระกูลหยุนรอง ฆ่าผู้อาวุโสตระกูลหยุนไป
การฆ่าผู้อาวุโสตระกูลหยุนนั้นไม่ใช่การกระทำที่ไร้ความหมาย นี่คือหนึ่งในสถานการณ์ที่จ้าวเฟิงวางไว้
เพราะผู้อาวุโสขั้นมนุษย์แท้ในตระกูลหยุนรองนั้นมีจำนวนมาก อย่างน้อยต้องฆ่าเสียหนึ่งคนเพื่อลดทอนแรงกดดันฝั่งลัทธิโลหะเลือดสาขา