บทที่ 35 : เริ่มต้นงานประลองหลัก (1)
สามระดับแรกของวิชากำแพงเหล็กนั้นเป็นขั้นพื้นฐาน ทุกๆ ระดับหลังจากนั้นจึงจะเพิ่มพลังให้กับผู้ฝึกอย่างมาก
ครั้นผู้ฝึกฝึกฝนจนกระทั่งเข้าระดับสี่ ร่างกายของเขาก็จะแข็งแกร่งราวกับกำแพงเหล็กดังชื่อวิชาและการโจมตีผ่านพลังป้องกันเช่นนั้นก็เป็นไปได้ยากยิ่ง
นั่นหมายความว่าจ้าวเฟิงสามารถใช้เพียงแค่ร่างกายเปล่าๆ ในการต่อสู้กับซินเฟ่ย รวมทั้งผู้ฝึกตนขั้นสี่และห้าไม่อาจทำอันตรายเขาได้
วิชากำแพงเหล็กระดับสี่นั้นไม่เพียงแค่ทำให้ผิวหนังแข็งแกร่งขึ้น มันยังช่วยทำให้กระดูกแข็งแกร่งขึ้นจากภายใน ซึ่งหมายความว่าพลังของผู้ฝึกนั้นจะเหนือกว่าผู้อื่นระดับขั้นเดียวกันไปไกล
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขานั้นเด่นชัดนัก แม้จะยังไม่ได้ใช้พลังภายใน ทุกๆ กระบวนท่าและการเคลื่อนไหวของเขาก็ยังเต็มไปด้วยพลังมหาศาล
“ข้าสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนขั้นสี่ได้อย่างง่ายดายด้วยเพียงร่างกายของข้า ข้ากระทั่งสามารถปะทะด้วยร่างกายได้กับผู้ฝึกตนขั้นห้าบางคน”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกขณะสำรวจร่างกายของตนเอง เขาตระหนักได้ถึงความยอดเยี่ยมของวิชาฝึกฝนร่างกายได้ในที่สุด
หากเขาฝึกฝนวิชากำแพงเหล็กจนเข้าระดับสี่ได้ก่อนหน้า เขาคงไม่ต้องต่อสู้กับนักฆ่าทั้งสามนั่นด้วยความยากลำบากเช่นนั้น
ตุบ!
จ้าวเฟิงกระโดดอกจากบ่อน้ำและเริ่มปรับพื้นฐาน จากนั้นจึงค่อยๆ ลัดเลาะไปยังปากทางเข้าถ้ำ ทางเข้าถ้ำนั้นได้ถูกปิดด้วยหินที่ถล่มลงมา ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังสามารถมองเห็นภาพด้านนอกได้จากช่องว่างระหว่างหินเหล่านั้น
“มันยังไม่ไปอีกเรอะ!?” จ้าวเฟิงมุ่นคิ้ว ไฮยีน่าตาฟ้านั้นกำลังนอนหลับใหลอยู่ภายในหุบเขา เด็กหนุ่มไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวรุนแรง สิ่งที่เขาทำคือการขยับหินก้อนเล็กๆ ออกไปด้านข้าง
โบร๋ววววว
ตอนนั้นเอง ไฮยีน่าตาฟ้าก็ได้หอนออกมา เด็กหนุ่มรู้สึกจนใจก่อนจะผละกลับเข้าไปในถ้ำอีกครั้ง ในฐานะของสัตว์ปีศาจระดับสูง ไฮยีน่าตาฟ้าจึงมีประสาทสัมผัสที่ยอดเยี่ยมมาก การที่จะลอบผ่านมันไปนั้นนับว่าไม่ง่ายเลย
“ยังเหลือเวลาอีกสองวันก่อนที่งานประลองหลักจะเริ่มต้น” จ้าวเฟิงรู้สึกรำคาญเล็กๆ ขณะที่เขาแช่ตัวในบ่อน้ำ
เขาไม่อาจทะลวงผ่านไปด้วยกำลังได้ ความแข็งแกร่งของสัตว์ปีศาจตัวนั้นเทียบเท่าได้กับผู้ฝึกตนขั้นแปด ผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกตนต่ำกว่าขั้นเจ็ดย่อมถูกฆ่าในเสี้ยววินาที
ทุกๆ สามขั้นนั้นจะมีความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ประการหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นสุดยอดของขั้นหกสามารถพ่ายให้กับผู้ฝึกตนขั้นเจ็ดได้อย่างง่ายดายด้วยสถานการณ์เช่นเดียวกัน (ระดับวิชา ความเชี่ยวชาญ)
ไฮยีน่านั้นนับเป็นจอมยุทธ์เมื่อมันเข้าสู่ขั้นแปด กระทั่งผู้อาวุโสของพรรคบางคนก็ไม่อาจเอาชนะมันได้
เด็กหนุ่มตัดสินใจว่าหากเขาไม่อาจออกไปได้ เช่นนั้นเขาก็แค่ฝึกฝนอยู่ในนี้ จ้าวเฟิงนอนลงในบ่อน้ำและเริ่มโคจรเคล็ดลมหายใจตัดอากาศและวิชากำแพงเหล็กอีกครั้ง แม้ว่าของเหลวสีแดงนี้ยังคงช่วยเหลือในการฝึกฝนวิชากำแพงเหล็กอย่างมาก แต่ความรวดเร็วก็นับว่าลดลงกว่าแต่ก่อนแล้ว
สองวันผ่านไปในพริบตา วิชากำแพงเหล็กของเด็กหนุ่มได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง แม้ว่ามันจะยังไม่เข้าสู่ระดับที่ห้า แต่ในช่วงเวลานั้น เขาได้กินพฤกษาโลหิตห้าร้อยปีเข้าไปหนึ่งต้น และหินไผ่โลหิตห้าร้อยปีเข้าไปอีกหนึ่ง
จากนั้นเขาจึงกินหญ้าวิญญาณโลหิตเข้าไป เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าพลังภายในภายในร่างของเขานั้นบริสุทธิ์และมีคุณภาพสูง
ด้วยความช่วยเหลือจากพฤกษาโลหิตและบ่อน้ำสีแดง ระดับของพลังภายในของเขานั้นได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นห้า ไม่นับว่าด้อยไปกว่าจ้าวฮัน
หินไผ่โลหิตนั้นนับได้ว่ามีประโยชน์เสียยิ่งกว่า มันช่วยในการขับพิษในร่างของผู้กินออก การที่เขาใช้วัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมากทำให้หลงเหลือพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย รวมทั้งเขายังบาดเจ็บภายในเล็กๆ แต่เมื่อใช้หินไผ่โลหิต เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขานั้นได้ขับของเหลวสีดำข้นคลั่กออกมาหลายครั้ง ซึ่งช่วยทำให้พิษที่ตกค้างและอาการบาดเจ็บภายในของเขาหายไป
ในตอนนั้นเอง พลังภายในของเด็กหนุ่มก็ได้พัฒนาเข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นห้า พลังการฝึกตนเองก็เข้าใกล้ขั้นสุดยอดของขั้นห้าแล้วเช่นกัน วิชากำแพงเหล็กของเขานั้นเกือบจะเข้าขั้นสุดยอดของระดับสี่แล้ว
แต่ว่าเขาไม่มีความสุขแม้แต่น้อย
“วันนี้เป็นวันแรกของงานประลองหลัก” จ้าวเฟิงสั่นศีรษะอย่างเศร้าสร้อย เขายังคงติดอยู่ในถ้ำนี้และไม่สามารถออกไปได้
ในขณะเดียวกัน ณ พรรคจ้าว เมืองประกายอรุณ
ศิษย์สายในชั้นแนวหน้าปรากฏตัวขึ้นจนครบ อันดับหนึ่งนั้นคือ จ้าวหลินหลง อันดับสอง จ้าวชิ อันดับสาม จ้าวฮัน…
อัจฉริยะทุกคนได้มาถึงแล้ว
“ทำไมเขาถึงยังไม่มากัน?” ดวงตางดงามของจ้าวหยูเฟ่ยกวาดมองไปรอบๆ ทว่านางก็ไม่อาจหาร่างของจ้าวเฟิงพบ เด็กหนุ่มได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นสี่เมื่อครึ่งเดือนก่อนจากการช่วยเหลือของเคล็ดลมหายใจตัดอากาศและวัตถุดิบล้ำค่าอีกจำนวนมาก…
บนลานประลองนั้นปรากฏเก้าอี้ทั้งหมด 5 แถว บนเก้าอี้เหล่านั้นปรากฏร่างของศิษย์สายในทั้งห้าสิบคน เก้าอี้ห้าสิบตัวนั้นเป็นตัวแทนของตำแหน่งศิษย์สายในทั้งห้าสิบตำแหน่ง
สำหรับศิษย์อันดับหนึ่ง จ้าวหลินหลงนั้น เขาไม่แม้กระทั่งลืมตาขึ้นมาตั้งแต่ต้น ทำให้เขาดูลึกลับมากยิ่งขึ้น
เขาไม่เคยลืมตามองการประลองใดเลยแม้แต่น้อย
“เหตุใดศิษย์สายนอกอันดับหนึ่ง จ้าวเฟิง จึงไม่ปรากฏตัว?”
“ใช่ ข้าได้ยินว่าเขาเอาชนะผู้ฝึกตนขั้นสี่โดยใช้เพียงพลังครั้งขั้นแห่งผู้ฝึกตนเท่านั้น” เหล่าศิษย์ของพรรคพูดคุยกัน มีคนเพียงคนของพรรคระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตได้ว่าจ้าวเฟิงไม่ได้อยู่ที่นั่น
บนลานประลอง
“หากเขาอยู่ที่นี่และมีพลังขั้นผู้ฝึกตนขั้นสี่เป็นอย่างน้อย เขาคงสามารถติดหนึ่งในห้าได้โดยไร้ซึ่งปัญหา…” ชายชราเคราขาวพึมพำกับตนเอง เขาคือผู้ตัดสินหลักของการประลองศิษย์สายนอกคนนั้น และเป็นผู้ที่ป้องกันการโจมตีของจ้าวเทียนเจี้ยน
วันนี้เขาก็เป็นหนึ่งในสองผู้ตัดสินหลักของงานประลองหลัก
“ฮึ่ม หากเขามาได้ เช่นนั้นตะวันก็คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว” นัยน์ตาของจ้าวเทียนเจี้ยนเปล่งประกายโหดร้าย แต่จากนั้นเขาจึงคิดขึ้นอย่างสงสัย
“แต่เหตุใด ‘อินทรีเทา’ ที่รับงานนี้ไปจึงยังไม่รายงานกลับมากัน?”
ภายในป่าเมฆาคล้อย ในถ้ำ
จ้าวเฟิงยังคงคว้าฟางเส้นสุดท้ายไว้แน่น เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เขามั่นใจว่าบัดนี้งานประลองหลักย่อมเริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยไฮยีน่าตาฟ้าที่เฝ้าอยู่ด้านนอก เด็กหนุ่มจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวรุนแรงใดๆ
สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงการฝึกฝนวิชากำแพงเหล็กและเคล็ดลมหายใจตัดอากาศอย่างขยัน
เวลาผ่านพ้นไปอีกวันอย่างรวดเร็ว วิชากำแพงเหล็กของเขาได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของระดับสี่ พลังภายในของเขาเองก็ได้เข้าสู่ขีดจำกัดของขั้นห้า กระทั่งพลังการฝึกตนของเขาเองก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ขั้นสุดยอดของขั้นห้า
“งานประลองหลักผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งวัน” จ้าวเฟิงไม่หลงเหลือความหวังใดๆ แม้ว่างานประลองศิษย์สายในจะสำคัญ ทว่ามันก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของเขา
นอกจากนั้น หากเขามีพลังเพียงพอ เขาย่อมไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดเมื่อเขากลับไปยังพรรคแล้ว
โฮกกกก
เสียงคำรามดังขึ้นจากภายในหุบเขา
หืม?
จ้าวเฟิงกระโดดออกจากบ่อน้ำทันที เสียงนั้นมาจากไฮยีน่าตาฟ้าไม่ผิดแน่
“ข้าจะไปตรวจดูเสียหน่อย” จ้าวเฟิงใช้วิชานภาลอยล่องและไปยังทางเข้าถ้ำ เมื่อมองลอดออกไปจากรอยแยก ภาพของสถานการณ์ภายนอกก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา ภายในหุบเขานั้นปรากฏร่างของมนุษย์ขึ้นจำนวนหนึ่ง
มนุษย์!
คราแรกนั้นจ้าวเฟิงรู้สึกยินดี แต่จากนั้นก็กลับไปหดหู่อีกครั้ง มีเพียงจอมยุทธ์เท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับสัตว์ปีศาจระดับสูงได้ นัยน์ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเห็นว่าห่างออกไปจากถ้ำ 3 ไมล์ ปรากฏร่างของกลุ่มมนุษย์ที่ประกอบไปด้วยบุรุษ 2 สตรี 1 อายุของพวกเขาอยู่ที่ราวๆ 17-18 ปี ผู้ที่อายุมากที่สุดนั้นมีอายุราวๆ 20 ปี
ด้วยอายุของพวกเขานั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเป็นจอมยุทธ์ ในความทรงจำของจ้าวเฟิงนั้น ผู้อาวุโสของพรรคล้วนอายุราว 70-80 ทั้งสิ้น
ทว่าไฮยีน่ากลับแสดงท่าทางกังวลกับกลุ่มมนุษย์เบื้องหน้า ทั้งสามสวมชุดแบบเดียวกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาจากที่เดียวกัน และเพราะพวกเขาอยู่ห่างออกไป 3-4 ไมล์ทำให้เด็กหนุ่มไม่อาจได้ยินได้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันเมื่อหูของเขาไม่ได้พิเศษเช่นดวงตาของเขา
ในเวลานั้นเอง เด็กหนุ่มที่อยู่หน้าสุดก็เอ่ยเสียงแผ่ว
“เจ้าตัวโง่เง่านี่ดูท่าจะมีสติปัญญาอยู่บ้าง”
“ไม่น่าตื่นเต้นใดๆ เลย” เด็กหนุ่มอีกคนเอ่ยอย่างเหยียดหยาม
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า” เด็กสาวเอ่ย
“แน่นอน น้องหยวน ทักษะการต่อสู้ของเจ้าในตอนนี้ยังด้อยนัก เจ้าไม่อาจกระทั่งฆ่ามันได้ในกระบวนท่าเดียว” เด็กหนุ่มที่อยู่หน้าสุดเอ่ย
หากจ้าวเฟิงสามารถได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกัน เด็กหนุ่มย่อมผวาไป ไม่ช้า เด็กหนุ่มก็เห็นว่าเด็กสาวได้เดินตรงไปยังร่างของสัตว์ปีศาจระดับสูงนั้น
โบร๋ววววว
ไฮยีน่าตาฟ้ากระโจนเข้าใส่เด็กสาวในทันที
โอ้ สวรรค์!
จ้าวเฟิงชะงักไป พี่สาวผู้นั้นย่อมตายตกเป็นแน่!
นัยน์ตาซ้ายของจ้าวเฟิงถูกใช้งานจนสุดขีดจำกัด โลกทั้งใบราวกับหมุนช้าลงกว่า 10 เท่า
“สลาย!”
เด็กสาวที่ปรากฏในสายตาของเขาลอยขึ้น มือที่ราวกับหยกของนางวาดผ่านอากาศ จากนั้นแสงสีฟ้าจึงได้ปรากฏขึ้นภายในอุ้งมือของนางและพุ่งไปยังศีรษะของไฮยีน่า
ฟุ่บ
ผิวหนังที่แข็งยิ่งกว่าโลหะของไฮยีน่าตาฟ้าถูกตัดขาดได้อย่างง่ายดาย สัตว์ปีศาจกรีดร้องก่อนที่หัวของมันจะระเบิดออก
ครืนนน
ซากศพของมันล้มลงบนพื้น
จ้าวเฟิงนิ่งงันไป นัยน์ตาซ้ายของเขาเต้นตุบ ภายในมิติสีดำในดวงตาซ้ายของเขา แสงสีเขียวได้แบ่งออกเป็นสองร่าง หนึ่งในนั้นคือไฮยีน่า ส่วนอีกหนึ่งคือเด็กสาวผู้นั้น
ร่างทั้งสองเคลื่อนที่เข้าใกล้กัน ร่างของเด็กสาวได้โบกมือของนางอย่างเรียบง่าย การโจมตีของนางนั้นลึกล้ำเกินกว่าเด็กหนุ่มจะทำความเข้าใจและฆ่าไฮยีน่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ภาพนั้นปรากฏขึ้นในศีรษะของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กหนุ่มยืนแข็งทื่อราวกับกำลังมึนงง เขาเพ่งความสนใจไปที่ภาพนั้นมากเสียจนไม่ได้สังเกตว่าทั้งสามได้จากไปแล้ว
“น้องหยวน แม้ศัตรูของเจ้าจะอ่อนแอนัก แต่พลังโจมตีของกระบวนท่านั้นไม่นับว่าเลว” เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าสุดเอ่ยชม
เมื่อจ้าวเฟิงเปิดเปลือกตาของเขาขึ้นก็ไม่เหลือผู้ใดภายในหุบเขาแล้ว มีเพียงซากศพของไฮยีน่าตาฟ้า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นราวกับภาพฝัน
แต่เมื่อเขาเปิดนัยน์ตาซ้าย ภาพของเด็กสาวที่ฆ่าสัตว์ปีศาจระดับสูงจะถูกแสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า…