Skip to content

King of Gods 441

King Of Gods

บทที่ 441 : กลับสู่ทวีปบุปผาครามอีกครั้ง ( 2 )

ตามความคิดของจ้าวเฟิง หาก ‘เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง’ สามารถเคลื่อนย้ายตัวเขาไปได้ตรงเป้าหมาย มันย่อมดีกว่า

เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว งานชุมนุมเซียนมังกรคงจะเสร็จสิ้นไปแล้ว แม้ว่าจะกลับไปยังลานประลองชางกู่ จ้าวเฟิงเองก็ต้องปวดหัวว่าจะเผชิญหน้ากับคำถามของทุกคนเช่นไร

จะอย่างไร ซากปรักหักพังสือเฉิงที่จ้าวเฟิงเข้าไปก็เป็นมรดกนิรนาม เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะอธิบายถึงที่อยู่ของจ้าวหยูเฟ่ยได้อย่างไรโดยที่จะไม่ทำให้ความลับถูกเปิดเผยและเสียผลประโยชน์

สถานที่ที่หัวใจของเขาต้องการไปจริงๆ ไม่ใช่ลานประลองชางกู่ ไม่ใช่อาณาจักรนภา ทว่าเป็นบ้านเกิดของตนเอง

ก่อนหน้า ยามที่เขาไปยังอาณาจักรนภา สิบสามแคว้นเมฆาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ก่อนหน้าที่เขาจะหลบหนีออกไป เขาได้ถูกเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักจันทร์สลาย ‘ผู้อาวุโสหยุนไห่’ ตั้งค่าหัวไล่ล่า ประกาศจับนั้นกระจายไปทั่วทั้งสิบสามแคว้น

ในยามนี้

ที่จ้าวเฟิงเอ่ยขอไปเช่นนั้นเป็นเพราะโอกาสได้มีมากขึ้นแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในยามนี้นับว่าเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสิบสามแคว้นเมฆา

“คำขอของเจ้าไม่มากมายเกินไป นี่คือ ‘ตราคำสั่งเซียนจื่อ’ มันเป็นเช่นป้ายผ่านทางของมิติ”

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงโบกมือพร้อมด้วยยิ้ม ตราคำสั่งสีม่วงเปลี่ยนเป้นเส้นแสงสีม่วง ร่วงลงไปยังมือของจ้าวเฟิง

ครืนนน

ยามที่จ้าวเฟิงได้รับ ‘ตราคำสั่งเซียนจื่อ’ ได้ปรากฏความรู้สึกสงสัยขึ้นอย่างชัดเจน

“หากนำตราคำสั่งเซียนจื่อนี่ไป เจ้าจะสามารถรับรู้ได้ถึงซากปรักหักพังสือเฉิงได้ลางๆ หากจ้าวหยูเฟ่ยต้องการความช่วยเหลือของเจ้า เจ้าก็จะสามารถกลับมายังซากปรักหักพังสือเฉิงได้ และเรากระทั่งสามารถใช้มันในการเปิดมรดกขึ้นได้อีกครั้ง”

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงเอ่ยตอบ

หลังจากที่จ้าวเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ

หรืออีกนัยหนึ่ง การกลับไปยังทวีปบุปผาครามครั้งนี้ ในอนาคตเขายังมีโอกาสที่จะเข้าไปใน ‘ซากปรักหักพังสือเฉิง’ อีกครั้ง

“ตราคำสั่งเซียนจื่อนี่เป็นอันสุดท้ายแล้ว มันสามารถใช้ได้เพียงสามครั้ง เจ้าจำต้องระวังในการใช้มัน”

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงเอ่ยขึ้นอย่างเร่งรีบ

จ้าวเฟิงผงกศีรษะตอบรับว่าจะรักษาตราคำสั่งเซียนจื่อเป็นอย่างดี

“ของพวกนี้ให้เจ้า”

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงยกมือขึ้นอีกครั้ง กลางอากาศปรากฏเครื่องรางหยกที่แกะสลักลายมังกร แหวนเหล็กโบราณ และลูกประคำสีเข้มขึ้น

หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบ สัญชาตญาณบอกเขาว่าสามสิ่งที่เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง มอบให้ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

ลองคิดดูว่าเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงคือผู้ควบคุมซากปรักหักพังนี้ สิ่งที่นางมอบให้จะเป็นอันใดไปได้

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยพลันกระโจนออกมาอย่างกะทันหัน ท่าทีตื่นเต้นเล็กๆ

“เครื่องรางหยกสลักลายมังกรนี้มีชื่อว่า ‘โล่มังกรหยก’ สิ่งที่ใช้สร้างมันขึ้นมานั้นมีกระทั่งสายเลือดของมังกรโบราณ มันคล้ายกับ ‘พลังเซียน’ ทว่าพิเศษกว่า สามารถใช้โจมตี ป้องกัน หรือรักษาชีวิตไว้ได้ เครื่องรางหยกนี่ยังใช้ได้ถึงสองครั้ง”

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงแนะนำ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของจ้าวเฟิงก็พลันส่องประกายเจิดจ้า

ก่อนหน้า เขาเคยได้เห็นเย่หยานหยูใช้ ‘พลังเซียน’ ที่น่าพรั่นพรึงมาแล้ว กระทั่งหอคอยพฤกษาปีศาจที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งเพียงนั้นยังแทบตายตกลง

พลังเซียนนั้นมีพลังเทียบเท่ากับการโจมตีของราชาในขอบเขตปราณเทวะ ทั้งยังสามารถใช้ในการป้องกันได้

หากใช้อย่างเหมาะสม การโจมตีของพลังเซียนนั่นกระทั่งสามารถฆ่าผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไปได้

ทว่าเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงได้มอบ ‘โล่มังกรหยก’ ให้แก่เขา มันทั้งพิเศษกว่าพลังเซียนและสามารถใช้ได้ถึงสองครั้ง

“นี่คือแหวนเหล็กโบราณ เป็นที่เก็บของที่ดี ความแข็งของมันดีเยี่ยม กระทั่งเรียกได้ว่าแทบไม่สามารถทำลายได้ มิติภายในเมื่อเทียบกับช่องเก็บของทั้งหมดบนร่างของเจ้าแล้วยังใหญ่กว่านับร้อยเท่า นอกจากนั้นมันยังสามารถใช้แทนถุงเก็บสัตว์วิเศษได้ด้วย”

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจ สตินึกคิดเข้าไปใน ‘แหวนเหล็กโบราณ’ รับรู้ได้ถึงมิติเก็บของที่กว้างใหญ่ มีความกว้างอย่างน้อยหนึ่งลี้เป็นอย่างน้อย

ควรรู้ว่ามิติเก็บของทั่วไปหากค่อนข้างเล็กมีขนาดเพียงไม่กี่ฟุต หากใหญ่หน่อยจึงมีขนาดหลายฟุต

แต่มิติเก็บของที่มีขนาดใหญ่ถึงหนึ่งลี้ ในทวีปบุปผาครามนับเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

นอกจากนั้น ‘แหวนเหล็กโบราณ’ นี่ยังสามารถใช้ในการเก็บสัตว์วิเศษได้

เมี้ยว เมี้ยว

ร่างของแมวขโมยตัวน้อยพุ่งวูบ เข้าไปใน ‘แหวนเหล็กโบราณ’ จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อมีแหวนเหล็กโบราณ การรับมือกับเรื่องต่างๆ ในอนาคตของจ้าวเฟิงก็สะดวกสบายขึ้นจริงๆ

สุดท้ายแล้ว

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงจึงแนะนำลูกประคำสีดำ”นี่คือ ‘ประคำหมื่นวิญญาณ’ เป็นสิ่งของในศาสตร์แห่งภูตผี ภายในมีปราณศพหนาแน่น เหมาะสมกับการฝึกฝนภูตผีซากศพ ภูตผีซากศพทั่วไป หากนำเข้าไปไว้ข้างใน ไม่จำเป็นต้องลงแรงฝึกฝนก็สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ประสิทธิภาพในการพัฒนาพลังฝึกตนเหนือกว่าด้านนอกนับสิบเท่า ในอดีตมีมหาจักรพรรดิหมื่นพรายได้ฝึกฝนกองทัพภูตผีกว่าหมื่นตนในลูกประคำนี้ กระทั่งสามารถทำลายล้างสำนักที่แข็งแกร่งถึงระดับสองดาวได้”

จ้าวเฟิงรับประคำหมื่นวิญญาณมาดู ระดับของของสิ่งนี้เมื่อเทียบกับดอกบัวดำที่เขาแย่งชิงมายังสูงกว่าหลายระดับ

ชัดเจนว่าเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงเห็นว่าจ้าวเฟิงสนใจในการฝึกฝนซากศพอย่างมาก นางจริงมอบประคำหมื่นวิญญาณนี้ให้

ไม่เพียงแค่ประคำหมื่นวิญญาณ ‘โล่มังกรหยก’ และ ‘แหวนเหล็กโบราณ’ เองต่างก็ช่วยเหลือจ้าวเฟิงได้มากในยามนี้

“หยูเฟ่ย แล้วเจอกัน”

ก่อนหน้าที่จะจากไป จ้าวเฟิงมองไปยังจ้าวหยูเฟ่ยอย่างลึกล้ำครั้งหนึ่ง

จ้าวหยูเฟ่ยจะกลายเป็นผู้สืบทอดของเซียนจื่อเย่ ควบคุม ‘มิติสือเฉิง’ นี้ ภารกิจที่ต้องแบกรับในอนาคตคงมิใช่น้อย

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงนั่นฉลาดยิ่งนัก มอบความปรารถนาดีเล็กๆ น้อยๆ นี้ให้แก่จ้าวเฟิง เจตนาที่แท้จริงคือหวังว่าจ้าวเฟิงจะนึกถึงมิตรภาพเหล่านี้ในอนาคต คอยช่วยเหลือดูแลเสียส่วนสองส่วน โดยเฉพาะยามที่จ้าวหยูเฟ่ยยังไม่เติบโต

แต่ในความเป็นจริงแล้ว

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างพวกจ้าวเฟิงทั้งสอง แม้จะไม่มีของขวัญเหล่านี้ เมื่อจ้าวหยูเฟ่ยตกอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน จ้าวเฟิงก็ย่อมไม่ยอมอยู่เฉยๆ

จ้าวเฟิงทะยานร่าง เข้าไปยัง ‘ประตูแสงสีม่วง’ เบื้องหน้า ร่างกายจางหายไป

เสี้ยววินาทีต่อมา

ทั่วทั้งซากปรักหักพังสือเฉิงสั่นสะท้านเล็กๆ ตามด้วยการสั่นไหวของมิติ

มันเป็นวินาทีที่จ้าวเฟิงหายไปจากมิติเซียนจื่อ

ประตูแสงสีม่วงหายไป

“หยูเฟ่ย คนผู้นี้แม้จะไม่มีสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ทว่าดวงตาซ้ายของเขามีเบื้องหลังความเป็นมายาวนาน ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากเจ้าสามารถกลายเป็นสามีภรรยากับเขาได้ย่อมต้องมีประโยชน์เป็นแน่…”

นัยน์ตางดงามชวนฝันของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงปรากฎความยินดีออกมา

ใบหน้างดงามของจ้าวหยูเฟ่ยที่นั่งขัดสมาธิสร้าง ‘กุญแจผลึก’ พลันแดงก่ำ

ในเวลาเดียวกัน

พื้นที่ว่างโล่งกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด

ร่างหลายร่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนืองานชุมนุมเซียนสวรรค์

ร่างเหล่านี้คือศิษย์ของสามสำนัก บ้างก็ท่าทีหดหู่ บ้างก็ตื่นเต้นยินดี บ้างก็โกรธเกรี้ยวไม่เต็มใจ

พลังมหาศาลของสามราชาในขอบเขตปราณเทวะสร้างความหวาดหวั่นไปทั่วทั้งระยะพันลี้โดยรอบ อากาศราวกับถูกแช่แข็ง

เมื่อใดที่มีอัจฉริยะถูกเคลื่อนย้ายออกมา คนระดับสูงของสามสำนักจะเอ่ยสอบถาม

สุดท้ายแล้ว เย่หยานหยูและจงหว่านเอ๋อร์จึงถูกเคลื่อนย้ายออกมา

“ทางเชื่อมต่อกับมรดกซากปรักหักพังสือเฉิงปิดแล้ว”

โครงกระดูกสีทองเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

หืม

ทันใดนั้น สามราชาพลันรับรู้ได้ถึงบางอย่างพร้อมกัน

“ราวกับว่าเมื่อครู่เกิดการเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่หนึ่งจากซากปรักหักพังสือเฉิง ทว่ามันไม่ได้มาที่บริเวณเชื่อมต่อของพวกเราสามสำนัก”

คิ้วงดงามของเซียนสตรีเลิกขึ้นเล็กๆ นางปิดดวงตางดงามลง พยายามรับรู้ความรู้สึกนั้นอย่างละเอียด

“ข้ารับรู้ได้เพียงเลือนราง”

โครงกระดูกสีทองและราชาแห่งมารมีความรู้สึกเดียวกัน

ในยามที่ซากปรักหักพังสือเฉิงปิดตัวลง จ้าวเฟิงได้เคลื่อนย้ายออกไป

แต่สามราชาในขอบเขตปราณเทวะมีพลังเคียงฟ้า สามารถรับรู้ได้ถึงการสั่นสะเทือนของการเคลื่อนย้ายที่ผิดปกติได้

การเคลื่อนย้ายไปยังที่ห่างไกลที่ไม่รู้จักนั่น จะเป็นผู้ใดได้เล่า?

สามราชาในขอบเขตปราณเทวะครุ่นคิดเล็กๆ ในใจปรากฏคำตอบขึ้น

อย่างแรก ผู้สืบทอดซากปรักหักพังสือเฉิงสามารถตัดออกไปได้

เพราะผู้สืบทอดคนนั้นต้องใช้เวลานานจึงจะสามารถควบคุมมิติได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะจากไป

จากนั้น ศิษย์จากสามสำนักสามารถตัดออกไปได้ พวกเขาล้วนมีตราคำสั่งมรดก

นอกจากนั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากตราคำสั่งมรดก การที่จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ห่างไกล พลังที่เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงต้องใช้เป็นปริมาณมหาศาล

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงย่อมไม่ทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์เช่นนั้นเพื่อเคลื่อนย้ายศิษย์จากสามสำนัก

คำตอบชัดเจนแล้ว

มีเพียงจ้าวเฟิง อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดที่คอยช่วยเหลือผู้สืบทอดซากปรักหักพัง จึงจะได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้

“รับรู้ไม่ได้แล้ว…”

เซียนสตรีปิดเปลือกตาลง ในมือมีลูกแมงป่องยักษ์อยู่

ราชาในขอบเขตปราณเทวะมีวิธีการลึกลับ สามารถรับรู้ได้ถึงการเชื่อมต่อของลูกแมงป่องยักษ์ได้อย่างง่ายดาย

ทว่าระยะห่างระหว่างจ้าวเฟิงและลูกแมงป่องยักษ์ห่างไกลยิ่งนัก ตัวลูกแมงป่องยักษ์เองก็มีพลังน้อยเกินไป ยากที่จะรับรู้ถึงจ้าวเฟิงได้

“สถานที่ที่จ้าวเฟิงไปไม่ใช่ดินแดนเกาะเทียนหลู แต่ด้วยขีดจำกัดความสามารถของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง นางย่อมไม่อาจเคลื่อนย้ายไปได้ไกลนัก คงมาจากดินแดนเกาะสักเกาะหนึ่ง”

เซียนสตรีตัดสินได้ในที่สุด

บัดนี้ นางต้องทำเพียงฝึกฝนลูกแมงป่องยักษ์อย่างดี ทำให้มันเพิ่มความสามารถในการรับรู้ ในอนาคตย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของผู้เป็นนายได้

จ้าวเฟิงได้จางหายไปจากมิติเซียนจื่ออย่างไร้ร่องรอย ลูกแมงป่องยักษ์นี้กลายเป็นคำใบ้เพียงหนึ่งเดียวในการแกะรอย

สุดทางที่ห่างไกล

ในป่ากว้างใหญ่ที่แผ่ขยายออกไปไร้จุดสิ้นสุด

ครืนนน

ประตูแสงสีม่วงใสปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า กระทั่งสร้างความปั่นป่วนให้กับไอสวรรค์

ในวินาทีนั้น บรรยากาศรอบด้านก็ราวกับสั่นไหว สายฟ้าและสายลมหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว

ประตูแสงสีม่วงที่ปรากฏขึ้นในยามนี้ราวกับได้รับการต่อต้านจากฟ้าดิน ทว่าสุดท้ายแล้วก็สามารถเปิดออกได้เสี้ยวหนึ่ง

เด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าทะยานร่างออกจากประตูแสงสีม่วงใสนั้น

บรรยากาศรอบกายของเขาได้ทำให้สัตว์ปีศาจจำนวนมากในป่ารู้สึกหวาดกลัวกระวนกระวาย ร่างกายสั่นสะท้าน

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงพลันเปิดออก เอ่ยกระซิบกับตนเอง”วิธีการของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงนี่อาจไม่สามารถเชื่อมต่อสองสถานที่ที่ห่างไกลกันมากได้อย่างแม่นยำ แต่อย่างน้อยก็ส่งข้ากลับมายังทวีปบุปผาครามได้”

ในเสี้ยววินาทีต่อมา จ้าวเฟิงพลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย

กลิ่นอายของทวีปบุปผาครามและมิติเซียนจื่อนั้นให้ความรู้สึกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ทว่ากลิ่นอายของที่นี่คือกลิ่นอายของสิบสามแคว้นเมฆา เป็นที่ที่จ้าวเฟิงคุ้นเคยยิ่งนัก

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวส่องประกายวูบ ตัดสินว่าตนเองคงถูกส่งมาในมุมหนึ่งของแคว้นเมฆา

แคว้นเมฆามีทั้งหมดสิบสามแคว้นเล็กและสองแคว้นใหญ่

นอกจากส่วนที่เป็นเมืองแล้ว ส่วนมากเป็นพื้นที่รกร้าง

พื้นที่รกร้างเหล่านี้เป็นพื้นที่เปิดที่มนุษย์ยังไม่ได้รุกราน มักจะมีสัตว์อสูรและสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งครอบครอง กระทั่งอาจเป็นฝูงสัตว์อสูร แม้แต่ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงบางคนยังไม่กล้าที่จะท้าทายอันตรายเหล่านี้โดยง่าย…

เพราะว่าพื้นที่รกร้างเหล่านี้กว้างใหญ่ยิ่งนัก ทั้งจ้าวเฟิงยังปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า จึงไม่อาจตัดสินได้ว่าตนเองอยู่ที่จุดใดในแคว้นเมฆา

ร่างของจ้าวเฟิงทะยานขึ้นสูง พลิ้วกายลงบนยอดต้นไม้เก่าแก่ เปิดดวงตาเทพเจ้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เตรียมที่จะกวาดตาสำรวจบริเวณโดยรอบเพื่อกำหนดทิศทาง

ทว่า

เพียงดวงตาเทพเจ้าของเขาเปิดออก สีหน้าของเด็กหนุ่มก็พลันแปรเปลี่ยนไป

เฮือก

จ้าวเฟิงรู้สึกว่าบริเวณดวงตาซ้ายปรากฏความเจ็บปวดรุนแรงขึ้น

“เกิดอันใดขึ้น?”

สตินึกคิดของจ้าวเฟิงเข้าไปในมิติในดวงตาซ้าย ใจกลางบ่อน้ำเหมันต์สีฟ้าหม่นได้ปรากฏระลอกคลื่นขึ้น ใจกลางปรากฏคลื่นน้ำสีเข้มเชี่ยวกราก ขยายจากระยะ 9.7-9.8 จ้างสู่ 9.9 จ้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!