ตอนที่ 125 เช่าคฤหาสน์
“เอาล่ะ เริ่มด้วยการหาที่อยู่ ถ้าเราสร้างชื่อเสียงขึ้นได้ ผู้คนก็จะเบียดเสียดยื้อแย่งกันมาหา ด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ต้องไปเคาะประตูบ้าน ยังมีชื่อมีเกียรติในฐานะผู้ทรงภูมิ และได้เงินด้วย”
ความคิดผุดขึ้นมา
ในฐานะปรมาจารย์ ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี เขาไม่อาจเตร็ดเตร่ไปบ้านใครต่อใคร แต่ก็ไม่อาจนอนสวดภาวนารอให้มีเหยื่อเข้ามาได้ ขอให้มีใครสักคนมาเคาะประตูเถอะ เขาเชื่อมั่นในหอสมุดเทียบฟ้าและทักษะการตบตาของตัวเอง
“ทีนี้ก็ต้องหาฐานปฏิบัติการ”
หลังจากใคร่ครวญสามตลบแล้วก็รู้สึกว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุด จางเซวียนตัดสินใจในชั่วพริบตาว่าจะเดินหน้าตามนั้น
เมื่อมีความคิดเป็นแม่นมั่นแล้ว เขาก็ไม่รีรอ จางเซวียนซื้อยาปรับรูปลักษณ์และสีผิวทันที
แม้เขาจะไม่มีความรู้เรื่องเทคนิคการปลอมตัว แต่ก็พอมีความรู้เรื่องเมคอัพจากโลกเก่าอยู่บ้าง ใช้เวลาไม่นาน เขาก็เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มอายุไม่เต็มยี่สิบมาเป็นชายผิวเหลืองวัยกลางคนผู้มีสายตาอันทรงภูมิ
หลังจากมองตัวเองในกระจกอยู่นาน จางเซวียนก็แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาใดๆกับการปลอมตัวนี้ เขาพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็เดินออกจากสมาคมนักปรุงยา
“จะทำให้คนอื่นเชื่อถือ ก็ต้องแต่งตัวหรูหรากันหน่อย…”
เสื้อผ้าอาภรณ์บ่งบอกตัวตนผู้สวมใส่ ด้วยเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้ คงมีแต่คนคิดว่าเขาเป็นขอทาน
จะต้องสร้างภาพกันหน่อยถ้าอยากให้คนเชื่อว่าเขาคือปรมาจารย์ ด้วยหมวกผ้าไหมและเสื้อโค้ตหนังพังพอน เขาดูดีมีระดับทีเดียว เห็นๆกันอยู่ว่าเขาคือชนชั้นสูง ทั้งหมดนี้ตกราวสองหมื่นเหรียญทอง จางเซวียนแทบกระอัก
“ต้องคิดเสียว่ามันเป็นการลงทุน”
จางเซวียนปลอบใจตัวเองแล้วเดินไปตามถนน เขามาถึงห้างสรรพสินค้าเทียนหวี่อีกครั้ง บ่ายแก่แล้วและพระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที รู้ตัวว่าเหลือเวลาไม่มาก
จางเซวียนรีบเดินเข้าไป
เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหาที่อยู่ในชั่วระยะเวลาอันสั้น แต่ห้างสรรพสินค้า
เทียนหวี่นี้ได้ชื่อว่าขายทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะฉะนั้นก็น่าจะมีข้อมูลมากพอให้ตัดสินใจ แล้วเขาก็ไม่ได้อยากซื้อบ้าน แค่เช่าก็พอแล้ว
เขาเคยมาที่นี่แล้ว จึงคุ้นเคยกับพื้นที่ ใช้เวลาเดินไม่นานก็เจอสำนักงานนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
“ผู้อาวุโส ท่านมาที่นี่เพื่อจะหาซื้อบ้านหรือ?”
เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา ผู้จัดการร่างตุ้ยนุ้ยก็ตรงเข้าต้อนรับขับสู้ทันที
“ผู้อาวุโส?”
จางเซวียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกได้ว่าเขากำลังปลอมตัว ตอนนี้เขาดูเหมือนอยู่ในวัยสี่สิบกลางๆ ไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไป
เขาจึงพยักหน้าและเอาสองมือไพล่หลัง สวมรอยเป็นผู้อาวุโส ดัดเสียงให้ทุ้มลึกและวางท่าทรงภูมิ “ฉันอยากเช่าคฤหาสน์”
“คฤหาสน์หรือ? ผู้อาวุโส การที่ท่านตัดสินใจมาเยี่ยมเยือนเราเพื่อเช่าคฤหาสน์นั้นเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดนัก” นัยน์ตาของผู้จัดการเป็นประกาย
คนที่มีปัญญาเช่าคฤหาสน์ได้นั้นจะต้องมั่งคั่ง แค่เขาโก่งราคาสักนิด รับรองว่าจะได้เงินก้อนใหญ่แน่!
“ผู้อาวุโส ขอผมทราบความต้องการของท่านได้หรือไม่?”
เมื่อเห็นหมูมารอขึ้นเขียง ผู้จัดการให้ดีใจจนเนื้อเต้น
“จะต้องสะอาด ใหญ่โต และตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุด จะดีมากถ้าปรับปรุงตกแต่งเรียบร้อยแล้ว เพื่อฉันจะได้ย้ายเข้าได้ทันที” จางเซวียนตอบ
“เอ่อ…”
หลังได้ยินข้อเรียกร้องของอีกฝ่าย นัยน์ตาของผู้จัดการเป็นประกายลิงโลด ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีหมูตัวใหญ่มาให้เชือดแล้ว!
ด้วยสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกร้อง เป็นไปไม่ได้เลยที่คฤหาสน์ตามเสป็คของเขาจะราคาไม่แพง แล้วคนที่ต้องการเช่าคฤหาสน์แบบนั้นจะยากจนได้อย่างไร?
เขาดีใจจนแทบจะสำลัก แต่วางท่าให้ดูเหมือนกำลังลำบากใจ “ผู้อาวุโส เรามีคฤหาสน์แบบนั้น แต่เกรงว่าราคาจะสูงไปสักนิด…” ชายตุ้ยนุ้ยพูดเช่นนั้นเพราะเขากะจะโก่งราคาภายหลัง
ฮ่าฮ่า…
“ราคาไม่ใช่ปัญหา!” จางเซวียนวางท่า
ตอนนี้เขาเป็น‘ปรมาจารย์’แล้ว จะต้องเป็นเรื่องขายหน้าสาหัสถ้ามาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงิน
“ถ้าเช่นนั้นผมจะพาท่านไปชมคฤหาสน์จนกว่าท่านจะถูกใจ”
ผู้จัดการฉีกยิ้มกว้างเกือบถึงหูเมื่อได้ยินคำพูดน่าประทับใจของอีกฝ่าย เขารีบปิดสำนักงานแล้วถือกุญแจพวงหนึ่งเดินนำไปทันที
จางเซวียนเดินตามไป ไม่นานก็ถึงคฤหาสน์ขนาดมหึมาหลังหนึ่ง
“นี่คือคฤหาสน์ที่คหบดีนักธุรกิจคนหนึ่งซื้อไว้เมื่อปีที่แล้ว แต่เขาเสียชีวิต ส่วนลูกชายก็ติดหญิงโคมเขียวและการพนัน สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะขายหรือปล่อยเช่า คฤหาสน์หลังนี้เพิ่งปรับปรุงใหม่ ทั้งยังตั้งอยู่บนทำเลทองด้วย ท่านอยากเข้าไปชมหรือไม่?”
หยุดยืนหน้าคฤหาสน์ ผู้จัดการมองจางเซวียนอย่างประเมินท่าที
คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดเท่าที่มีในคอลเล็คชั่นของเขา แต่ถึงแม้จะไม่พูดเรื่องทำเลและขนาด ก็ไม่อาจหาที่ติได้ เขาจึงพาอีกฝ่ายหนึ่งตรงดิ่งมาที่นี่ จะพาไปหลังอื่นก็ต่อเมื่อเห็นแล้วว่าไม่เหมาะสม ถ้าเขาสนใจหลังนี้ล่ะก็แน่นอนว่าต้องรวยมาก
“เชิญชมด้านในเลยท่าน”
จางเซวียนไม่พูดอะไร
ในเมื่อเขาอยากจะสวมรอยเป็น ‘ปรมาจารย์’ ที่พักของเขาก็จะต้องมีระดับ ไม่เล็กจนเกินไป ส่วนเงินที่จางเซวียนจะต้องจ่าย จะว่าไปก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไรนัก
“เยี่ยม!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิเสธ ผู้จัดการยิ้มและกระวีกระวาดเปิดประตู
มันเป็นบ้านแบบอู๋จิง มีภูเขาและหนองน้ำที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่เพียงแต่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ยังมีพันธุ์พืชนานาชนิดปลูกอยู่รอบคฤหาสน์ ผู้ที่เข้าไปจะถูกแวดล้อมด้วยสีเขียวชอุ่มและกลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ
“ไม่เลว” จางเซวียนพยักหน้าเมื่อได้เห็น
คฤหาสน์หลังนี้คือสิ่งที่เขาต้องการ เขาสามารถขนของเข้าอยู่ได้เลย มันมีทุกอย่างเพียบพร้อมแบบที่เขาไม่ต้องเสาะหาอะไรอีก
แถมยังอยู่ใกล้โรงเรียนหงเทียนอีกด้วย เดินสิบนาทีก็ถึง เมื่อสอนเสร็จก็ตรงดิ่งกลับมาที่นี่ได้เลย ไม่เสียเวลาเดินทางไปกลับ
“ดูดี ค่าเช่าเท่าไหร่?”
“นี่คือคฤหาสน์หรูหราที่สุดที่เรามี ถ้าผู้อาวุโสพอใจล่ะก็ สนนราคาค่าเช่าอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทองต่อเดือน!” ผู้จัดการละล่ำละลัก
“หนึ่งแสนห้าหมื่นรึ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาไม่แน่ใจเรื่องตลาดอสังหาริมทรัพย์ในโลกแห่งนี้ แต่หนึ่งแสนห้าหมื่นต่อเดือนสำหรับการเช่าคฤหาสน์ก็ออกจะแพงไป
“ควั่บ!”
จู่ๆจางเซวียนก็ตะปบเจ้าผู้จัดการตรงหน้า
“ผู้อาวุโส ท่านคิดจะทำอะไร…” เขาถอยกรูดอย่างสะพรึง
ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเท่านั้น วรยุทธของฝ่ายนั้นก็ปรากฎขึ้นในหัว : นักรบขั้น 3 – เจิ้นซี่ สูงสุด!
ก็เรียกว่าไม่ได้สูงส่งอะไรนัก
“ฉันแค่อยากเห็นระดับวรยุทธของเธอ”
จางเซวียนดึงมือกลับมาไพล่หลัง แล้วหรี่ตามองเจ้าผู้จัดการ “เธอคิดค่าเช่าฉันหนึ่งแสนห้าหมื่นต่อเดือน เพิ่มขึ้นสามเท่าจากราคาปกติที่มีราคาแค่ห้าหมื่น เห็นฉันเป็นไอ้งั่งรึ?”
“บ้านแบบอู๋จิงคืออะไร เพื่อทำความเข้าใจบ้านแบบอู๋จิง จะต้องรู้จักซื่อเหอย่วนก่อน คำอธิบายง่ายๆของซื่อเหอย่วนคือ เป็นแบบแปลนที่มีมาแต่โบราณ มีลานบ้านอยู่ตรงกลาง และมีบรรดาห้องเอนกประสงค์อยู่รายล้อม ซื่อเหอย่วนยังแบ่งออกเป็นหลายแบบตามขนาด โดยที่เล็กที่สุดคือบ้านแบบอีจิง (หนึ่งลาน)
ส่วนบ้านแบบอู๋จิง (ห้าลาน) คือแบบที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน จะมีทางเดินแคบๆ (ลานแรก) ห้องนอนแขก (ลานที่สอง) ห้องนั่งเล่น (ลานที่สาม) ห้องนอนใหญ่สำหรับครอบครัว (ลานที่สี่)และห้องนอนลูกสาวกับคนรับใช้หญิง (ลานที่ห้า) เนื่องจากมีลานบ้านคั่นระหว่างแต่ละห้อง จึงเรียกว่าห้าลาน”