ตอนที่ 146 จิตวิญญาณเพลงหอก
ในศาลาพักผ่อน หว่างชงกับโอวหยางเฉิงนั่งดื่มประจันหน้ากัน
“นายบอกว่า นักปรุงยาจางคนนั้น…ผ่านการประลองวิวาทะยาหรือ?” จนกระทั่งตอนนี้ หว่างชงก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
วิวาทะยาเป็นสิ่งพิเศษสุดเฉพาะกับปรมาจารย์ เป็นอะไรที่มีไว้เพื่อผู้ที่เยี่ยมยอดที่สุดเท่านั้น แต่แล้วเด็กหนุ่มอายุยังไม่เต็มยี่สิบกลับผ่านการประลองนี้ แม้จะได้ยินจากเจ้าตัว เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นไปได้
“จริงๆนะ ความรู้เรื่องสมุนไพรและยาเม็ดของนักปรุงยาจางน่ะเหนือกว่าผมเสียอีก เขาจะต้องไปได้ไกลแน่!” ทุกครั้งที่นึกถึงความสามารถของจางเซวียน โอวหยางก็อดชื่นชมไม่ได้
“ถึงจะเก่งกาจเรื่องยาเม็ดกับสมุนไพรขนาดไหนก็เถอะ แต่ความเข้าใจของเขาที่มีต่อการใช้หอกยังตื้นเขินนัก วรยุทธเพลงหอกไม่ใช่เกม จะมาเรียนรู้ด้วยการมองดูเพียงอย่างเดียวไม่ได้หรอก ถ้าง่ายดายขนาดนั้น ฉันคงไม่ต้องหมกมุ่นอยู่กับมันมาทั้งชีวิตแบบนี้”
ใบหน้าของหว่างชงอิ่มเอิบด้วยความภาคภูมิใจ ความเชื่อมั่นอย่างล้นเหลือสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา
“อันที่จริง หอกเป็นอาวุธที่ซับซ้อนที่สุดในบรรดาอาวุธทั้งหมดนะ จะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ง่ายๆอย่างไรกัน?”
ในจำนวนอาวุธมากมาย หอกเป็นอาวุธที่ฝึกปรือให้เชี่ยวชาญได้ยากที่สุด นักรบมากมายพยายามฝ่าด่านความท้าทายนี้ แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่ง
โอวหยางเฉิงถอนหายใจ แล้วพลันนึกบางสิ่งขึ้นได้ เขาชำเลืองมองหว่างชง “ในห้องหนังสือของนายนี่ ไม่มีเคล็ดลับหรือเคล็ดวิชาพิเศษเกี่ยวกับวรยุทธเพลงหอกใช่ไหม?”
เขาเป็นคนพาจางเซวียนมาที่นี่ ถ้าเพื่อนเก่าของเขาต้องสูญเสียความลับที่เป็นมรดกตกทอดกันมาในครอบครัวล่ะก็ เขาจะต้องรู้สึกผิดมาก
“ไม่มีหรอก วรยุทธเพลงหอกที่ฉันคิดค้นขึ้นเอง รวมถึงมรดกที่ตกทอดกันมาในครอบครัวน่ะอยู่ในหัวของฉันทั้งหมด มันถูกถ่ายทอดกันมาปากต่อปาก ไม่มีใครได้เรียนแน่ ต่อให้อยากเรียนแค่ไหนก็เถอะ!”
หว่างชงหัวเราะหึๆ “ในห้องหนังสือมีแต่วรยุทธขั้นต้น มีประโยชน์กับผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียน ให้นักปรุงยาจางเข้าไปดูก็ไม่เป็นไร ดีเสียอีก อ่านเสียให้หมด จะได้เข้าใจว่าศิลปะการใช้หอกนั้นยากเย็นแค่ไหน จะได้เลิกล้มความตั้งใจเหลวไหลนั่น”
คิดดูเถอะ จะสอนศิลปะการใช้หอกทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย ตลกเป็นบ้า!
ถ้ามันง่ายขนาดนั้น เขาคงไม่มีชื่อเสียงระบือลือลั่นอย่างทุกวันนี้
แม้ฮ่องเต้เซินจุยยังเคยตรัสชมเขาเป็นการส่วนตัว
ความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเพลงหอกนั้นไม่ใช่จะมาจากที่ไหนก็ได้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม
“เห็นด้วย…” โอวหยางเฉิงพยักหน้า
ไม่มีอาวุธใดหรือวิชาการต่อสู้ใดที่ฝึกปรือให้เชี่ยวชาญได้โดยง่าย มันต้องการการฝึกฝนในทุกอิริยาบถเพื่อให้ก้าวถึงความสมบูรณ์แบบ ถ้าไขว่คว้ากันได้ง่ายๆ ความเชี่ยวชาญชำนาญก็ไม่มีค่าอะไร
“นักปรุงยาจางยังเยาว์นัก ก็ทะเยอทะยาน คิดหวังสูงเป็นธรรมดา แต่หลังจากอ่านหนังสือพวกนั้นแล้ว เขาจะคิดได้เองว่ามันยาก และเลิกล้มความคิดอันน่าหัวเราะพวกนั้น!”
แม้หว่างชงจะไม่ชอบใจการกระทำของจางเซวียน แต่ก็ไม่กล้าประมาทเขา โดยเฉพาะเมื่อรู้ถึงความปราดเปรื่องในการปรุงยาด้วยแล้ว
“ก็คงอย่างนั้น ฉันก็หวังว่าเขาจะเลิกวุ่นวายเรื่องเพลงหอกแล้วมาสนใจการปรุงยาแทน ฉันรอให้สมาคมนักปรุงยาของเรามีนักปรุงยาระดับ 2 ดาวคนแรกอยู่…”
โอวหยางเฉิงหัวเราะหึๆ แต่ก่อนที่จะพูดต่อ เขาเห็นร่างของหว่างชงบิดเกร็งกะทันหันและสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
เคร้ง!
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าแก้วไวน์ในมือหล่นกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ
“หว่างชง…”
เห็นผู้เชี่ยวชาญเพลงหอกมือหนึ่งของอาณาจักรเทียนเซวียนมีอาการแปลกประหลาดเช่นนั้น โอวหยางเฉิงให้พรั่นพรึงนัก
ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเพื่อนป่วย เหตุใดจึงตัวสั่นฉับพลันเช่นนั้น?
“มันคือจิตวิญญาณเพลงหอก, จิตวิญญาณเพลงหอก!”
เขากำลังพิจารณาอยู่ว่าควรยัดยาตัวไหนใส่ปากเพื่อช่วยชีวิตเพื่อน แต่อีกฝ่ายก็ทุเลาเสียก่อน ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับราวกับเห็นสมบัติอันประเมินค่ามิได้อยู่ตรงหน้า
“จิตวิญญาณเพลงหอกรึ? มันคืออะไรกัน?”
เห็นหว่างชงอาการดีขึ้น โอวหยางเฉิงถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็มองเพื่อนอย่างใคร่รู้เต็มแก่
อะไรที่ทำให้เขาเป็นไปได้ขนาดนี้ คนที่สุขุมหนักแน่นดังหินผา แสดงอาการเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?
“คนที่เข้าถึงระดับของผู้เชี่ยวชาญในการใช้หอกจะสามารถสร้างจิตวิญญาณเพลงหอกขึ้นมาได้ สร้างจิตวิญญาณเพลงหอกได้ก็เรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการใช้หอกตัวจริง สองสามปีมานี้ ที่ฉันขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านก็เพื่อปลุกเร้าตัวเองให้เข้าถึงสภาวะนั้นให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ฉันยังไปไม่ถึง มีผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นมาอยู่ในบ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? หรือมีใครเข้าถึงสภาวะนั้นได้ก่อนฉัน ไปดูกันเถอะ!”
เขายืนขึ้นทันที และเดินตรงไปยังต้นกำเนิดของจิตวิญญาณเพลงหอกนั้น
เขามุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนี้อยู่เสมอ แต่ทำได้เพียงแค่คลำทางเท่านั้น ไม่นึกไม่ฝันว่าผู้ที่สามารถสร้างจิตวิญญาณเพลงหอกได้จะมาปรากฏตัวในบ้านของเขา ว่าแต่จะเป็นใครกัน?
ทั้งคู่เร่งฝีเท้าไปหาต้นกำเนิดของจิตวิญญาณเพลงหอก ระหว่างทางก็เห็น
จางเซวียนเดินทอดน่องออกจากห้องหนังสืออย่างสบายใจ
“เขาอยู่ที่ไหน?” หว่างชงรีบเอ่ยปากถามก่อนจางเซวียนจะทันได้พูดอะไร
“ฮะ? คุณหมายถึงใครกัน?” จางเซวียนไม่รู้เรื่องที่อีกฝ่ายพูดถึง
เขาหมกมุ่นอยู่กับการอ่านและฝึกปรือเพลงหอกเทียบฟ้า ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างนอก เกิดอะไรขึ้น? มีข้าศึกบุกหรือ?
“ผมรู้สึกได้ถึงคลื่นของจิตวิญญาณเพลงหอกอันน่าทึ่ง แต่ทำไมถึงไม่มีใครเลย?”
เห็นจางเซวียนจนปัญญา หว่างชงมองไปรอบๆอย่างร้อนรน แต่รอบตัวเขาก็ว่างเปล่า ไม่มีใครอื่นเลย
“เป็นไปได้หรือเปล่าว่านายคิดถึงมันมากไป เลยจินตนาการเป็นภาพขึ้นมาเอง?” โอวหยางเฉิงถาม
เพื่อนเก่าของเขาเฝ้าฝันถึงจิตวิญญาณเพลงหอกทั้งวันทั้งคืน เป็นไปได้ไหมว่าความคิดเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นภาพหลอน?
ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมตัวเขาเองจึงไม่รู้สึกอะไรเลย?
“ระดับวรยุทธของฉันห่างจากการสร้างจิตวิญญาณเพลงหอกเพียงขั้นเดียวเท่านั้น เมื่อครู่นี้เอง ฉันรู้สึกได้ชัดเจนว่ามีจิตวิญญาณเพลงหอกพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ฉันแน่ใจ!”
หว่างชงมั่นใจมาก
เขาศึกษาค้นคว้าเคล็ดลับของวรยุทธเพลงหอกอย่างคลั่งไคล้อยู่ทุกวัน คงจะต้องอับอายขายหน้ามากหากเขาเข้าใจจิตวิญญาณเพลงหอกผิดไป
“เดี๋ยว เดี๋ยว จิตวิญญาณเพลงหอกที่คุณสองคนพูดถึงนี่คืออะไร?”
เห็นทั้งคู่ถกกันร้อนแรงขึ้นทุกที จางเซวียนก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ได้
หนังสือทั้งหมดที่เขาได้อ่านล้วนเป็นขั้นพื้นฐาน จิตวิญญาณเพลงหอกจะต้องเป็นความรู้ระดับสูงมากที่ไม่มีบันทึกไว้ในหนังสือเล่มไหน
“จิตวิญญาณเพลงหอกเป็นสภาวะพิเศษที่ผู้ฝึกวรยุทธเพลงหอกจะเข้าถึงได้ก็ต่อเมื่อความเข้าใจในศิลปะการใช้หอกของเขาพุ่งถึงขั้นสูงสุด…”
หว่างชงพยายามอธิบายก่อนจะส่ายหน้า “คุณไม่เคยร่ำเรียนศิลปะการใช้หอก ผมอธิบายไปก็คงไม่เข้าใจ…”
แม้อีกฝ่ายจะไม่บอกรายละเอียด แต่จางเซวียนก็จับสถานการณ์ได้ “เพราะฉะนั้น ที่คุณเที่ยวมองหาอยู่นี่ก็เพราะเมื่อครู่นี้มีใครคนหนึ่งสำแดงจิตวิญญาณเพลงหอกออกมาใช่ไหม?”
“ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ผมรู้สึกแค่รางๆ แต่ต้องอยู่แถวนี้แหละ…” หว่างชงพยักหน้า
จิตวิญญาณเพลงหอกเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบราวกับสายฟ้าแลบ แม้แต่หว่างชงก็รู้สึกได้อย่างเลือนราง เขาจึงไม่อาจระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้ มิฉะนั้น เขาคงจะแล่นไปหาถึงที่ ไม่มายืนผิดหวังอยู่ตรงนี้
“แต่ตอนนี้คุณอยู่ที่นี่แล้ว คุณต้องรู้แน่ว่าคนคนนั้นอยู่ที่ไหน”
พลันนึกบางอย่างขึ้นได้ หว่างชงหันขวับมามองจางเซวียนด้วยดวงตาเป็นประกาย
ตัวเขาอยู่ห่างออกไป จึงไม่อาจระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้ แต่นักปรุงยาจางอยู่ตรงนี้ตลอด ด้วยความช่วยเหลือของนักปรุงยาจาง เขาจะต้องหาผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเจอแน่!
อย่างน้อยที่สุด หากระบุตำแหน่งได้ ก็จะรู้ว่าผู้นั้นเป็นสมาชิกในตระกูลหรือคนนอก
สำหรับตระกูลของผู้ช่ำชองในวรยุทธเพลงหอก สมาชิกทุกคนจะหมกมุ่นอยู่ในวิถีทางแห่งศิลปะการใช้หอก แม้องครักษ์ก็ยังจัดว่าเก่งกาจ หว่างชงอาจเรียกองครักษ์มาสอบถามรายตัวได้ หากบุคคลต้นเหตุไม่ได้ระมัดระวังตัว การระบุตำแหน่งของผู้นั้นก็จะทำได้ง่ายขึ้น
“แต่…ผมไม่รู้ว่าจิตวิญญาณเพลงหอกคืออะไรน่ะสิ?” จางเซวียนลังเล
“นั่นไม่ยาก ถึงผมจะยังเข้าไม่ถึง แต่ผมก็ทำได้ประมาณเจ็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว มันจะให้ความรู้สึกประมาณนี้แหละ!”
หว่างชงรวบรวมพลังและส่งรังสีคมปลาบพุ่งเข้าใส่จางเซวียน ให้ความรู้สึกราวกับว่ารังสีนั้นจะทะลุทลวงได้ทุกอย่าง
“สิ่งนี้คือจิตวิญญาณเพลงหอกอย่างนั้นหรือ?” จางเซวียนมีสีหน้าประหลาด
“ใช่แล้ว มันให้ความรู้สึกเช่นนี้แหละ คุณรู้หรือเปล่าว่ามันมาจากไหน?” รังสีดับวูบลง หยาดเหงื่อไหลลงจากหน้าผากของหว่างชงเป็นทาง เขายังคงหายใจหอบขณะเอ่ยถาม
แม้จะเป็นความพยายามเปล่งรังสีเลียนแบบเพียงชั่วขณะ แต่ก็ทำเอาเขาถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงทีเดียว
“เอ่อ…” จางเซวียนมีสีหน้าเขินๆ “นี่คือจิตวิญญาณเพลงหอกที่คุณพูดถึง…ใช่หรือไม่?”
ชั่วพริบตานั้น จางเซวียนเหมือนจะกลายร่างเป็นหอก เขาเปล่งรังสีอันทรงพลังและคมปลาบอย่างน่าพรั่นพรึงออกมา ราวกับว่าเขาอาจพุ่งไปถึงสวรรค์ได้ทุกขณะ
ระหว่างทั้งคู่ จิตวิญญาณเพลงหอกของหว่างชงเหมือนต้นหญ้าที่อยู่ตรงหน้าต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน
ไม่อาจเทียบกันได้!