Skip to content

Library Of Heaven’s Path 28

ตอนที่ 28 ผู้เฒ่าโม่ที่โกรธจนไฟลุก

ตระกูลหวังเกิดเรื่องขึ้น แต่จางเซวียนกลับยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

พอสอนเสร็จเขาก็เดินทางไปที่หอสมุดอีกครั้ง “แม้จะสำเร็จการฝึกวิชาได้หลากหลายกระบวนท่า แต่ก็ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องการแบ่งประเภทของเคล็ดวิชาต่างๆ อยู่ดี เอาล่ะ เห็นทีเราจะต้องรีบศึกษาค้นคว้าต่ออีกสักหน่อยแล้ว จริงสิ วิชาของขั้นหนึ่งและขั้นสอง เราเองก็ไม่ค่อยจะรู้เสียด้วย ต้องรีบศึกษาเพิ่มเติมเสียแล้ว ถ้าลูกศิษย์ถามอะไรแล้วตอบไม่ได้ คงจบไม่สวยแน่เรา”

จางเซวียนได้บรรลุหลายเคล็ดลับของวิชาต่างๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ยังคงรู้จักประเภทของเคล็ดวิชาเพียงไม่กี่ประเภท นอกจากนี้ เขาเองก็ไม่ได้ศึกษารูปแบบของการฝึกวิชาขั้นหนึ่งและขั้นสองอย่างลึกซึ้ง วันนี้ตอนที่สอนจ้าวหย่า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะถ่ายทอดวิชาอะไรให้ถึงจะสามารถช่วยแก้อาการ ‘ปราณหยินคุกคามไปทั่วร่าง’ ของจ้าวหย่าได้

เขาใช้โอกาสยามว่างศึกษาความรู้เพิ่มเติม เพื่อจะได้เตรียมบทเรียนไปสอนศิษย์ของเขาในวันต่อไป มิเช่นนั้น หากถูกลูกศิษย์ถามบ่อยเข้าแล้วตอบไม่ได้ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“ท่านผู้เฒ่าโม่” จางเซวียนกลับมายังหอสมุดอีกครั้ง และผู้เฒ่าโม่ยังคงทำหน้าที่เฝ้าหอสมุดอยู่เช่นเดิม

“คุณมาที่นี่อีกทำไม?” การที่เมื่อวาน ‘เจ้าหนุ่มผู้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ’ คนนี้มาหยิบอ่านหนังสือตามอำเภอใจ ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้พอเห็นชายหนุ่มคนเดิมเดินมาอีก ผู้เฒ่าโม่ก็ขมวดคิ้วทันที

“ผมอยากจะมาหาหนังสือประเภทเคล็ดลับของวิชาต่างๆ อ่านหน่อยน่ะครับ” จางเซวียนโค้งร่างเพื่อแสดงความเคารพและกล่าวออกไป

“เคล็ดวิชาอย่างนั้นหรือ การฝึกกำลังภายในเป็นพื้นฐานของการฝึกเคล็ดวิชาต่างๆ คุณต้องการจะรู้ซึ้งถึงกระบวนท่าต่างๆ โดยไม่ยอมฝึกกำลังภายในเลย จะเป็นไปได้หรือ? อยากทำตัวเองให้โดดเด่นกว่าผู้อื่นแบบไม่รู้จักประมาณตนแบบนี้ ดูไร้สาระสิ้นดี วันนี้คุณอย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าเข้าไปในหอสมุดเลย” ผู้เฒ่าโม่โบกมือไล่

ในสายตาของเขา จางเซวียนคนนี้ไม่มีทางจะมาที่นี่เพื่ออ่านหนังสือหาความรู้ แต่จะหยิบหนังสือและตำราต่างๆ มาดูเล่น เพื่อแสดงถึงความเป็นผู้มีความรู้อันกว้างขวางของตัวเองมากกว่า

สำหรับศิษย์แล้ว พวกเขาก็เหมือนกับต้นกล้าอ่อนๆ ที่พร้อมจะให้อาจารย์สั่งสอนและชี้นำ แต่ถ้าความรู้และความสามารถของอาจารย์มีอยู่แค่เศษเสี้ยวเดียว เกิดถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์แบบผิดๆ ถูกๆ ลูกศิษย์อาจจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้

เมื่อวาน เจ้าจางเซวียนคนนี้มาที่นี่สองรอบ มาทีไรก็เปิดหนังสือดูแบบผ่านๆ เขาอ่านหนังสือด้วยความไวระดับนั้น อย่าว่าแต่จะจำเนื้อหาอะไรไม่ได้เลย ชื่อหนังสือก็ไม่น่าจะจำได้ เขาทำแบบนั้นจะไม่ให้เรียกว่าไม่รู้จักประมาณตนได้อย่างไร

หอสมุดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เปิดเพื่อให้อาจารย์มาค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ เป็นที่ที่มีไว้ใช้เพื่อการศึกษา แล้วจะให้คนแบบนี้เข้าไปได้อย่างไร

“ผมเป็นคนไม่รู้จักประมาณตน เป็นคนที่อยากโดดเด่นอย่างนั้นหรือ” ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าโม่ จางเซวียนถึงกับอึ้ง “คุณหมายความว่าอย่างไร… ผมมาที่นี่เพื่อศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ไม่ได้จะมาสร้างความวุ่นวายนะ…”

ตึก ตึก ตึก

ยังไม่ทันจะพูดจบ จางเซวียนก็ได้ยินเสียงย่ำเท้าอย่างต่อเนื่องมาจากด้านหลัง พร้อมมีเสียงตะโกนออกมา

“ผู้เฒ่าโม่ ฉันขอเข้าไปเลือกหาหนังสือสักเล่มสองเล่มนะคะ”

พอหันไปมองก็พบกับใบหน้างดงามของเทพธิดาที่เขาได้เจอเมื่อวาน… เสิ่นปี้หรู

เสิ่นปี้หรูวันนี้อยู่ในชุดสีม่วงอ่อน เข้ากับหุ่นเพรียวลมและใบหน้าอันงดงามของเธออย่างมาก ดูมีสง่าราศีทำให้ทุกคนที่มองเกิดความหลงใหล

“อ้อ ที่แท้ก็อาจารย์เสิ่นนี่เอง เข้าไปเลยครับ” เมื่อเห็นว่าเป็นเสิ่นปี้หรู ผู้เฒ่าโม่ก็ไม่คิดจะขัดขวางแต่อย่างใด เสิ่นปี้หรูคนนี้ไม่เพียงแต่หน้าตาสะสวย เธอยังเป็นอาจารย์ระดับแนวหน้าอีกด้วย เธออายุเพียงยี่สิบปี แต่กลับเป็นนักรบขั้นห้าระดับสูงสุด กำลังภายในของเธอห่างจากขั้นพี่เชวี่ยเพียงเล็กน้อย

“ขอบคุณมากค่ะผู้เฒ่าโม่” เสิ่นปี้หรูก้มศีรษะเพื่อแสดงความขอบคุณและพอเธอเงยหน้า ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นจางเซวียน เธอรู้สึกตกใจนิดๆ

เมื่อก่อน แม้ว่าจางเซวียนจะไม่เคยสารภาพรักกับเธอ แต่พอเจอเธอก็หน้าแดงก่ำไปเสียทุกครั้ง พูดอะไรไม่ออก ร่างกายเกิดอาการบิดเบี้ยว ต่อให้เป็นคนโง่ที่สุดในโลกก็ดูออกว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ

เสิ่นปี้หรูคิดว่าจางเซวียนจะมีอาการเหมือนกับที่ผ่านมา แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น จางเซวียนมองเธอเพียงแวบเดียวแล้วก็หันกลับไปทันที สายตาของเขาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ต่อเธอเลย ดวงตาของเขาสุกใส เช่นเดียวกับน้ำแร่บริสุทธิ์ เหมือนกับว่าความงามของเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาสักนิด

ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อก่อนความสามารถของจางเซวียนต่ำต้อย สอบวัดระดับของอาจารย์เขาก็ทำคะแนนได้ไม่ค่อยดี ทำให้เมื่อเผชิญหน้ากับอาจารย์คนอื่นๆ ก็จะรู้สึกอับอายขายหน้า รู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าคนอื่นเสมอ

แต่ตอนนี้เขากลับไม่แสดงท่าทีเหมือนเก่า เขายืนตระหง่านอย่างมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยม ต่างไปจากจางเซวียนคนก่อนราวกับเป็นคนละคน

เมื่อวานเธอได้เห็นจางเซวียนกล้าพอที่จะตอบโต้ซั่งปิง เสิ่นปี้หรูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หนุ่มขี้อายที่ขาดความมั่นใจคนนี้เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไร

“ผู้เฒ่าโม่ ผมก็จะเข้าไปเช่นกัน เธอเข้าไปได้ แล้วทำไมผมจะเข้าไปไม่ได้”

จางเซวียนได้แต่สะบัดมือไปมาด้วยความอึดอัด ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าโม่กำลังคิดอะไรอยู่

มีตำแหน่งเป็นอาจารย์เหมือนกัน แต่แค่จะเข้าไปอ่านหนังสือก็โดนดูถูก นี่มันอะไรกันเนี่ย

“อาจารย์เสิ่นเข้าไปเพื่อศึกษาค้นคว้า แล้วคุณเข้าไปทำอะไรตัวเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ จะต้องให้ผมพูดออกมาจริงๆ ใช่ไหม?” ผู้เฒ่าโม่ตวาดกลับ

“ในนั้นมีแต่หนังสือ แล้วผมจะทำอะไรได้อีก” จางเซวียนยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว ก็ต้องไปศึกษาหาความรู้สิ”

“ศึกษาหาความรู้อย่างนั้นหรือ” ผู้เฒ่าโม่ปรามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เอาแต่เปิดหน้าหนังสือไปมา มองยังไม่มองเลย นี่หรือที่เรียกว่าศึกษาหาความรู้ หนังสือและตำราเคล็ดวิชาต่างๆ ทุกเล่มในที่แห่งนี้ล้วนมีค่ายิ่งกว่าทอง ไม่มีทางที่จะศึกษาหาความรู้ในนั้นได้ทั้งหมดในเวลาเพียงอึดใจ แค่จดคัดลอกยังไม่ทำเลย แล้วนี่น่ะหรือที่เรียกว่าศึกษา

“ผู้เฒ่าโม่” ขณะที่จางเซวียนกำลังจะอธิบายต่อ เสิ่นปี้หรูที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “อาจารย์จางอาจจะศึกษาหาความรู้จริงๆ ก็ได้นะคะ ฉันว่าให้เขาเข้าไปเถอะ ขัดขวางเขาแบบนี้ ถ้าอาจารย์คนอื่นมาเห็นเข้าคงไม่ใช่เรื่องดี”

“ได้ เห็นแก่หน้าอาจารย์เสิ่น ผมจะให้คุณเข้าไป แต่บอกไว้ก่อนนะ จะอ่านหนังสือก็ต้องตั้งใจอ่าน ถ้าผมสังเกตเห็นว่าคุณยังทำอะไรไร้สาระอีก ผมจะสั่งสอนคุณให้ดู” ผู้เฒ่าโม่โบกมือไล่

“ขอบคุณมากครับ” จางเซวียนพยักหน้าและขอบคุณเสิ่นปี้หรู เขาก้าวเท้าเข้าสู่หอสมุดทันที

เสิ่นปี้หรูคิดว่าพอเธอช่วยเสร็จ เขาคงจะฉวยโอกาสนี้มาคุยกับเธอต่อเพื่อสานสัมพันธ์ แต่เขากลับเดินจากไปแบบไม่คิดจะญาติดีด้วย ทำให้เสิ่นปี้หรูรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในเมื่อเขาไม่พูดอะไร เธอก็เดินเข้าไปในหอสมุดเช่นกัน

“แค่มาหอสมุดยังลำบากขนาดนี้ เห็นที… ครั้งหน้าคงเข้ามาไม่ได้แล้วล่ะ”

จางเซวียนยืนอยู่ตรงหน้าชั้นวางหนังสือโดยไม่รีบร้อนที่จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ได้แต่ส่ายหัวไปมา เขาไม่รู้ว่าทำไมผู้เฒ่าโม่ถึงขัดขวางไม่ให้เขาเข้ามาในหอสมุด แต่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานะของการเป็นอาจารย์ที่ต่ำต้อยที่สุดในโรงเรียนของเขาอย่างแน่นอน

สถานะแบบนี้ ไปที่ไหนก็ได้แต่อับอาย ไม่เพียงแต่เรื่องการรับศิษย์ ขนาดเพื่อนร่วมงานยังดูถูกดูแคลนกันเลย ที่ครั้งนี้สามารถเข้ามาในหอสมุดได้ก็เพราะเสิ่นปี้หรู แล้วครั้งหน้าล่ะ

“หอสมุดแห่งนี้ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ถ้าอ่านเร็วๆ ไม่แน่ว่าในวันเดียวก็สามารถอ่านหนังสือทุกเล่มในนี้ครบ แบบนี้… ครั้งหน้าคงไม่ต้องมาอีกแล้ว” ดวงตาของจางเซวียนเปล่งประกายขึ้นทันที ในเมื่อผู้เฒ่าโม่คนนี้ขัดขวางไม่ให้เข้ามา ไม่เป็นไร… อย่างมากก็แค่ไม่เข้ามาในนี้อีก

หอสมุดมีขนาดเล็กแบบนี้ก็จริง แต่น่าจะมีหนังสือหลายแสนเล่ม หากเป็นคนอื่น ชาตินี้ก็คงอ่านไม่หมด แต่จางเซวียนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือตำราอะไร แค่พลิกดูครั้งเดียว หอสมุดเทียบฟ้าก็สามารถจดบันทึกทุกอย่างขึ้นมาได้ ถ้าทำเร็วๆ ไม่แน่ว่าอาจสามารถบันทึกหนังสือทั้งหมดในนี้เสร็จภายในวันเดียว

ถ้าหากทำสำเร็จ ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาที่นี่อีก “เอาล่ะ เริ่มเลย”

พอคิดได้ก็เริ่มดำเนินการทันที จางเซวียนไม่พูดพล่ามทำเพลง เมื่อเดินมาถึงชั้นหนังสือชั้นที่หนึ่ง

เขาหยิบหนังสือขึ้นแล้วพลิกหน้าหนังสือทันทีโดยไม่สนใจว่าเป็นหนังสืออะไร เช่นเดียวกับที่เขาคิด หอสมุดเทียบฟ้าได้บันทึกหนังสือที่เขาพลิกอ่านเมื่อครู่อย่างง่ายดายราวกับถ่ายเอกสาร “ใช่ แบบนี้แหละ”

จางเซวียนพบว่าเขาสามารถบันทึกหนังสือได้ครั้งละหลายเล่ม เขาไม่รอช้าที่จะพลิกหนังสือทีละหลายเล่มพร้อมๆ กัน เนื้อหาทั้งหมดถูกบันทึกลงไปในหอสมุดในหัวของเขาทันที

เสียงก้าวเท้าและเสียงพลิกหนังสือดังกังวานไปทั่วหอสมุด

“เจ้านี่ ยังจะมาพูดว่าไม่ทำอะไรมั่วซั่วอีก เจ้าคนไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” ผู้เฒ่าโม่ที่อนุญาตให้จางเซวียนเข้าไปในหอสมุด แม้จะให้เขาเข้าไปแล้ว แต่ยังคอยสังเกตการณ์สอดส่องเขาอยู่ตลอดเวลา เมื่อก่อนจางเซวียนเพียงพลิกหนังสือไปมาครั้งละหนึ่งเล่ม แม้จะไม่ค่อยตั้งใจ แต่ก็ยังมีท่าทางที่จะศึกษาหาความรู้ แต่ครั้งนี้เขาหยิบหนังสือขึ้นมาและพลิกไปกลับครั้งละหลายเล่ม ขนาดชื่อหนังสือยังไม่ทันได้ดูก็ไปวางเก็บไว้ที่เดิมแล้ว

ทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย? อ่านหนังสือหรือว่าเลือกผักกาดขาวกันแน่ พอเห็นการกระทำของจางเซวียน ผู้เฒ่าโม่ถึงกับโกรธจนจะเป็นลม

<การเพาะปลูกต้นกล้าเถาวัลย์ม่วง>

<หลักการของความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง>

<วิชาการรวมตัวของหยินหยาง>

<วิชาการปรุงโอสถหิมะมรกต>

<รายการคำเตือนของการสร้างอาวุธ>

หนังสือมากมายหลายแบบ ทั้งหมดมีอยู่ที่นี่แล้ว ทั้งวรยุทธ เคล็ดวิชา สมุนไพร และการปรุงโอสถ… รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ขอให้เป็นเพียงหนังสือ เขาคนนี้ก็จะพลิกดูไปเสียหมด

มนุษย์ทุกคนมีความถนัดต่างกัน ความสามารถของมนุษย์มีจำกัด ไม่มีทางที่จะสามารถศึกษาเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ ดังนั้นจะต้องเลือกอ่านเฉพาะหนังสือที่ตนเองถนัด แต่คนคนนี้พลิกดูหนังสือทุกประเภท จะไม่ให้เรียกว่าสร้างความวุ่นวายได้อย่างไร

“จะต้องมาสร้างความวุ่นวายอย่างแน่นอน รอให้เขาออกมาก่อน ฉันจะสั่งสอนให้เต็มที่เลย” ผู้เฒ่าโม่กล่าวด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!