ตอนที่ 75 ผู้เฒ่าซั่งเฉินกระอักเลือด
“วันก่อนฉันเคยพูดคุยถึงข้อสอบในการสอบประเมินผลกับอาจารย์จาง เขาไม่เพียงสามารถตอบได้ทุกคำถาม แต่ยังสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องเจ็ดถึงแปดอย่างต่อหนึ่งคำถามของฉัน คำตอบเหล่านั้นเป็นคำตอบที่แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังทำไม่ได้ ความรู้ความสามารถของเขาเป็นที่น่านับถือจริงๆ ในตอนนั้นตัวฉันเองยังรู้สึกประหลาดใจมากว่าคนระดับนี้ ทำไมถึงทำคะแนนในข้อสอบประเมินผลไม่ได้เลย ที่แท้… สิ่งที่ประกาศออกมาเป็นเรื่อหลอกลวงนี่เอง”
เสิ่นปี้หรูนึกขึ้นได้ก็รีบพูดออกมาทันที น้ำเสียงของเธออัดแน่นไปด้วยความโมโห
เมื่อวานตอนที่กินข้าวเย็น เธอจงใจทดสอบจางเซวียน ผลคือจางเซวียนสามารถตอบได้ทุกคำถาม ตอนนั้นเธอเองก็รู้สึกแปลกใจมาก แล้วพอมาได้ยินคำพูดของเจ้าบ้านหวังหงอีก เธอพลันเข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที
จางเซวียนจะต้องตอบคำถามในข้อสอบได้ถูกทุกข้อแน่นอน แต่ทางสำนักงานฝ่ายการศึกษาจงใจไม่ให้คะแนนเขา
หรือก็คือ กระดาษคำตอบของจางเซวียนไม่มีปัญหา แต่…อาจารย์ที่ตรวจกระดาษคำตอบนั่นแหละที่มีปัญหา
ทำไม?
ทำแบบนี้ทำไม?
“มิน่าล่ะ อาจารย์จางถึงได้เอาแต่อึกอัก ไม่อยากจะพูด ก็เพราะเห็นว่าทุกคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ถ้าพูดออกมาจะต้องกระทบกับความสัมพันธ์ของทุกคนแน่นอน และจะต้องกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของโรงเรียนตามไปด้วย เพราะเหตุนี้ เขาจึงยอมแบกรับคำสบประมาท โดนหาว่าเป็นเศษสวะของโรงเรียนมาโดยตลอด” เจ้าบ้านหวังหงยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้น
ไม่เห็นหรือว่าเมื่อครู่ อาจารย์จางมีท่าทางลังเลอย่างมากว่าจะพูดหรือไม่พูดดี
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าถูกกดดันจนไร้ทางถอย เขาคงจะไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ไม่ว่าจะถูกใครต่อใครเข้าใจผิดแค่ไหน… เขาก็จะแบกรับความเจ็บช้ำน้ำใจนี้เอาไว้เอง…
โธ่เอ๋ย…
อะไรที่เรียกว่าหัวใจของความเป็นอาจารย์
ก็นี่อย่างไรล่ะ
อะไรที่เรียกว่าจรรยาบรรณของความเป็นอาจารย์
ก็นี่อย่างไรล่ะ
เทวดาแท้ๆ!
“หากความอยุติธรรมนี้ถูกป่าวประกาศออกไป ทุกคนก็จะไม่ไว้วางใจในบรรทัดฐานความถูกต้องและความเป็นธรรมในการสอบประเมินผลของโรงเรียนหงเทียน ทุกคนก็จะไม่มั่นใจถึงความสามารถที่แท้จริงของเหล่าคณาจารย์ของโรงเรียนหงเทียน… ถ้ากลายเป็นแบบนี้ ชื่อเสียงของโรงเรียนหงเทียนก็จะพังทลายลง อาจารย์จางเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา ยืดอกรับคำสบประมาทไว้เพียงคนเดียว ยอมให้คนอื่นเข้าใจตนเองผิด ช่างเป็นคนที่ใจกว้าง เป็นคนที่มีน้ำใจจริงๆ…” ผู้เฒ่าประจำตระกูลหวังคนหนึ่งยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกนับถือจางเซวียน
ในโลกใบนี้ยังมีอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้อยู่อีกหรือนี่?
น่าตลกสิ้นดี เมื่อก่อนพวกเรายังคิดว่าเขาเป็นอาจารย์ที่ไม่เอาไหน เป็นเศษสวะ
พูดจบทุกคนก็หันไปมองที่ผู้เฒ่าซั่งเฉินซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาที่โกรธแค้น มองอาจารย์จางเซวียนแล้วหันกลับมามองตัวเองบ้างสิ เป็นอาจารย์เหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ ที่อาจารย์จางทำทั้งหมดก็เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเหล่าคณาจารย์ ยอมทนรับความอัปยศไว้คนเดียว แล้วพวกแกล่ะ…
“อ่า… ผม…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินได้แต่ยืนงงอยู่กับที่ เขาใกล้จะเสียสติถึงขั้นกรี๊ดแตกไปทุกที
นี่มันอะไรกัน
อะไรคือปั้นน้ำเป็นตัว อะไรคือรักษาความสัมพันธ์
ผลการทดสอบแสดงว่าแกเป็นแค่นักรบขั้นสาม แล้วแกก็ทำข้อสอบในการสอบประเมินผลไม่ได้เลย ได้ศูนย์คะแนนมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว… ฉันเป็นคนตรวจกระดาษคำตอบเองกับมือ แล้วมันจะผิดพลาดได้อย่างไร พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าใส่ร้ายป้ายสีฉันน่ะสิ
ไอ้จางเซวียน ไอ้เจ้าเล่ห์ แน่จริงก็พูดออกมาตรงๆ สิวะ
ผู้เฒ่าซั่งเฉินรู้สึกเลือดขึ้นหน้า เขาใกล้จะกระอักเลือดออกมาแล้วจางเซวียนเห็นเหตุการณ์กลับกลายมาเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงในจินตนาการอันไร้ขอบเขตของคนรอบตัวอยู่เหมือนกัน ที่จริงแล้ว เมื่อครู่เขาแค่กำลังจะพูดว่าผลการประเมินของสำนักงานฝ่ายการศึกษาไม่เที่ยงตรง แล้วทำไม…มันถึงเลยเถิดเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
ความคิดและจินตนาการของคนเรามันช่างร้ายกาจจริงๆ
เออ… แต่กลายเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“พวกคุณบอกว่าผมใส่ร้ายจางเซวียน พวกคุณมีหลักฐานอะไร ผมเป็นถึงหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการศึกษา เป็นผู้เฒ่าประจำโรงเรียน ผมจะไปใส่ร้ายอาจารย์ระดับล่างทำไมกัน” ผู้เฒ่าซั่งเฉินสมกับเป็นหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการศึกษา เขาพยายามหนีตายด้วยการแก้เกมกลับทันควัน
การจะทำอะไร มันก็ต้องมีสาเหตุ ต้องมีแรงจูงใจรู้บ้างรึเปล่า?
ตัวฉันเองมีฐานะสูงส่ง จะมาใส่ร้ายอาจารย์ระดับล่างคนหนึ่ง คิดดูแล้วมันไม่มีเหตุผลเลยนะเฟ้ย
“เรื่องนี้ยังต้องพูดอะไรอีก ซั่งปิงที่เป็นหลานของคุณคิดจะเล่นงานอาจารย์จางที่อายุน้อยกว่า เพราะเขามีความสามารถสูง… พูดง่ายๆ ก็คือ จางเซวียนดูมีอนาคตไกลกว่าซั่งปิง เพื่อไม่ให้จางเซวียนได้ดีกว่าตัวเอง ซั่งปิงที่ขี้อิจฉาก็เลยหาเรื่องต่างๆ นานามากดดันอีกฝ่าย” ผู้เฒ่าโม่เสียงเปิดปากพูดทันที เขายิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ เคราของเขาชี้ขึ้นด้วยความโมโห “เรื่องนี้แม้ว่าผมจะไม่มีหลักฐาน แต่เหตุการณ์ทั้งหมดในวันนี้ผมได้เห็นตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งการทดสอบความประสงค์ของศิษย์ ทั้งการเดิมพัน การกดดันทุกรูปแบบ… ผู้เฒ่าซั่งเฉิน คุณร้ายกาจมากนะ เสียดายในความเป็นสหายของเราหลายสิบปี ผม…โม่เสียง มีตาแต่หามีแววไม่”
ผู้เฒ่าโม่เสียงรู้สึกอึดอัดใจ เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อจะช่วยขจัดเนื้อร้ายออกจากโรงเรียนหงเทียน แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นการกดดันทุกรูปแบบที่ผู้เฒ่าซั่งเฉินจงใจใช้กับจางเซวียน
ทว่าจางเซวียนกลับใช้หลักฐานและความจริงในการตอบโต้ผู้เฒ่าซั่งเฉินแทน
แล้วแบบนี้ ยังไม่สามารถอธิบายได้ถึงปัญหาที่แท้จริงอีกหรือ
“ฉันก็สามารถเป็นพยานได้ว่าวันนี้ผู้เฒ่าซั่งเฉินจงใจจะกดดันอาจารย์จางอย่างเต็มที่ ทั้งหมดฉันเห็นกับตา”
“นี่ขนาดต่อหน้าพวกเรายังเป็นแบบนี้ แล้วลับหลังพวกเรามันจะเลวร้ายแค่ไหนกัน”
“รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ เป็นถึงหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการศึกษา แต่เพียงเพราะอยากเอาใจหลานชายตัวเอง กลับทำเรื่องเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานออกมาได้”
คำพูดของผู้เฒ่าโม่เสียงทำให้ทุกคนต่างพากันคล้อยตาม ต่างก็พากันมีอารมณ์
และแล้ว… จางเซวียนก็รอดไปอีกครั้ง
เหลือแต่ผู้เฒ่าซั่งเฉินที่กำลังมึนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปแล้ว
ฉัน…ไม่เคยกดดันอะไรมันเลยจริงๆ นะ มันมาเล่นงานฉัน ฉันก็แค่โต้ตอบเท่านั้นเอง ฉันรู้แต่ว่าเมื่อก่อนความสามารถของจางเซวียนมันไม่สูง อย่างอื่นฉันไม่รู้อะไรทั้งสิ้น พวกแกยังจะเชื่อฉันอีกไหมเนี่ย
พอเห็นท่าทางของทุกคนเป็นแบบนี้ ผู้เฒ่าซั่งเฉินรู้ดีว่าถึงจะต่อปากต่อคำไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากแมลงวันตัวหนึ่ง มีแต่คนรังเกียจและรำคาญ
ผู้เฒ่าซั่งเฉินหันไปมองจางเซวียน ไอ้ตัวดี ท่าทางของจางเซวียนยังคงทำเหมือนกับกำลังลำบากใจ แขนทั้งสองไขว้ไว้ด้านหลัง เหมือนมีความลับที่ไม่อยากจะพูดออกมา
ไม่อยากจะพูดอะไรของแก แกเล่นแฉออกมาหมดเลย เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เพราะแกพูดจาส่งเดชทั้งนั้น แกห่วยแตกเอง ทำข้อสอบไม่ได้เอง แล้วทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นสำนักงานฝ่ายการศึกษาปั้นน้ำเป็นตัวไปได้ ทั้งหมดก็เพราะว่าแกจงใจจะเล่นงานฉันทั้งนั้น เรื่องนี้มันมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันที่อยู่สำนักงานฝ่ายการศึกษาด้วยมิทราบ
ผู้เฒ่าซั่งเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป ถึงกับกระอักเลือดออกมา
“ยังมีหน้ามากระอักเลือดอีก ทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้ ทำไมยังไม่รีบๆ วิ่งชนเสาตึกให้ตายไปเลยล่ะ”
“หนังหน้าหนาจริงๆ คนแบบนี้มาเป็นหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการศึกษาของโรงเรียนหงเทียนได้อย่างไร”
“ยังมีหน้ามาเป็นผู้เฒ่าประจำโรงเรียนอีก คนที่มีปัญหาด้านจรรยาบรรณแบบนี้ ต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์นะ…”
พอทุกคนเห็นผู้เฒ่าซั่งเฉินกระอักเลือด พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สงสาร กลับยิ่งพูดจาเสียดสีเข้าไปอีก
“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้” ซั่งปิงกับเฉาฉงที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นงงเป็นไก่ตาแตก
เมื่อครู่ยังคิดว่าพวกตนต้องเป็นฝ่ายชนะอยู่เลย แต่สุดท้ายกลับกลายมาเป็นแบบนี้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ผู้เฒ่าซั่งเฉินได้กระอักเลือดออกมาก็รู้สึกโล่งหน้าอกขึ้นเยอะ เขาค่อยๆ ตั้งสติกลับมาแล้วหันไปมองจางเซวียน สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “แกบอกว่าฉันจงใจจะให้ศูนย์คะแนน เอาเถอะ… ตอนนี้ฉันเองก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ ไม่มีวิธีพูดจาแก้ต่าง แต่เรื่องที่แกทำให้ลูกศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรกล่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นในห้องเรียนของแกถูกไหม แล้วแกจะอธิบายอย่างไร”
แกสามารถหาเหตุผลหรือข้ออ้างร้อยแปดพันเก้ามาได้ แต่การที่ลูกศิษย์ของแกถูกธาตุไฟเข้าแทรก ถ้าเก่งจริง… เรื่องนี้ก็ช่วยอธิบายให้ฟังด้วยสิ
จางเซวียนได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซั่งเฉินก็ตกใจเล็กน้อย