ตอนที่ 116 : ลูกของลาเนวุส
คริสทีน่ามิได้สังเกตอากัปกิริยาเหม่อลอยของนักทำนายตรงหน้า สมาธิของเธอจดจ่ออยู่กับแอนเจลิก้าหลังโต๊ะประชาสัมพันธ์
คริสทีน่าโน้มตัวกระซิบเสียงค่อย
“เด็กในท้องเป็นลูกของลาเนวุส”
เมื่อพูดจบ สตรีวัยสามสิบกว่าชี้นิ้วไปทางหญิงสาวสวมหมวกชายหาด
“นี่คือหลานสาว เมกูส ฉันเป็นน้องแม่เธอ ฉันเคยคิดมาตลอดว่าไอ้ระยำลาเนวุสเป็นคนดีและพึ่งพาได้ เห็นว่ามันยังโสด จึงแนะนำหลานสาวให้รู้จัก จนกระทั่งทั้งสองกลายเป็นคนรักในภายหลัง ช่วงแรก ฝั่งครอบครัวเมกูสเองก็ชื่นชอบลาเนวุสไม่น้อย หากทั้งสองได้หมั้นหมายลงเอยกัน พวกเขามีแผนจะทุ่มเงินออมของครอบครัวเพื่อร่วมลงทุนในบริษัทเหล็กกล้า แต่โชคยังดี มันชิงหนีไปเสียก่อน ครอบครัวเมกูสจึงไม่ต้องประสบเคราะห์กรรม เพียงแต่ต้องบากหน้าไปขออภัยเหล่าญาติ เรื่องพิธีหมั้นหมายซึ่งถูกยกเลิกกลางคัน และอีกปัญหาคือลูกติดในท้องของเมกูส พวกเราเป็นสาวกโบสถ์จักรกลไอน้ำ จึงไม่ยึดติดธรรมเนียมถือพรหมจรรย์ก่อนแต่งเหมือนโบสถ์วายุสลาตัน ตรงกันข้าม ทุกคนสงสารและเห็นใจเมกูส รวมถึงเด็กในท้องซึ่งกำลังจะลืมตาดูโลก ทารกจะโตมามีชีวิตแบบใดหากทราบว่าบิดาเป็นคนชั่วช้า”
ไม่ได้ฉ้อโกงแค่เงิน แต่ยังหลอกฟันสาวด้วยสินะ…
ไคลน์ชำเลืองมองใบหน้าเมกูสใต้หมวกชายหาดปีกกว้าง นับเป็นเด็กสาวหน้าตาค่อนข้างดี
หน้าผากกว้าง ผมยาวทอง ดวงตากลมโตเหมือนคริสทีน่า สีหน้าหดหู่เล็กน้อย แต่ยังแฝงด้วยความใจเย็น ริมฝีปากปิดสนิท
ก่อวีรกรรมฉ้อโกงใหญ่โตแถมยังหนีรอดปลอดภัย ไคลน์เกลียดชังบุคคลประเภทนี้มาก
“หากเด็กในท้องลืมตาดูโลก ผมสามารถทำนายหาแหล่งกบดานลาเนวุสได้ แต่การจะทำเช่นนั้นคงต้องรออีกหลายเดือน เพราะผมไม่สามารถสัมผัสตัวทารกโดยตรง หากคุณอดทนรออย่างใจเย็น แสงสว่างอันสดใสจะมาเยือนในสักวันแน่นอน…นี่คือผลลัพธ์คำทำนาย ลืมไปแล้วหรือ?”
“อีกหลายเดือน…”
คริสทีน่าพึมพำในลำคอ ก่อนส่ายศีรษะ
“ไม่ดีแน่ หากต้องรอหลายเดือน ถึงจับตัวลาเนวุสสำเร็จก็คงไม่ได้เงินคืนอยู่ดี”
หญิงสาววัยสามสิบหันไปกระซิบเมกูส
“เธอมีของใช้ลาเนวุสติดตัวบ้างหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ”
เมกูสตอบเสียงใสกังวาน
จากนั้นก็พูดเสริม
“เขาเคยมอบแหวนให้ดิฉันหนึ่งวง สามารถใช้ได้ไหมคะ?”
“ต้องเป็นสิ่งของที่ลาเนวุสพกติดตัวตลอดเวลาในระยะหลังเท่านั้น”
ไคลน์ส่ายศีรษะ
เมื่อได้ฟัง คริสทีน่าเงียบงันเป็นเวลานาน
ก่อนจะเงยหน้าและหันไปซักถามเมกูส
“เธอจะเอายังไงกับเด็กในท้อง? ตามความคิดของฉัน การเก็บไว้รังแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเอง คิดว่าเด็กจะมีความสุขอย่างนั้นหรือ เมื่อทราบว่าบิดาบังเกิดเกล้าเป็นโจรโฉดหลอกลวงเงินผู้คน รวมถึงแม่ของตัวเอง เธอต้องเดินทางไปคลินิกหรือไม่ก็โรงพยาบาลสักแห่ง เอาเด็กออก และนำซากทารกมาทำนายหาแหล่งกบดานของมัน…แล้วพวกเราทุกคนก็จะได้เงินคืน!”
เฮ้ เฮ้ เฮ้!
คิดจะให้ผมทำนายด้วยซากทารกจริงหรือ?
ไม่ดิบเถื่อนไปหน่อยหรือไง?
ไคลน์ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นเรื่องภายในครอบครัว มันจึงทำได้เพียงตัดพ้อรำพัน
เมกูสก้มหน้าครุ่นคิด มิได้กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน
ทันใดนั้น เด็กสาวลูบท้องพร้อมกับอมยิ้ม
“เขาจะไม่เหมือนพ่อแน่ เด็กคนนี้ขี้เกรงใจและมีนิสัยน่ารัก ทุกคืนจะถีบท้องฉันเบาๆ เพื่อคอยถ่ายทอดความรู้สึก หากคืนใดฉันนอนไม่หลับ เขาก็จะฮัมเพลงอย่างไพเราะเพื่อขับกล่อม”
หลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว ไคลน์เริ่มตระหนักว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
ช่วงต้นฟังดูปรกติ แต่ช่วงท้าย…
มันคล้ายกับบทพูดของหญิงสาวเสียสติ!
เธอถูกกระทบกระเทือนทางจิตจากคดีฉ้อโกงหรือ? ไคลน์รีบเลื่อนมือขวาขึ้น เตรียมแตะหว่างคิ้วเปิดเนตรวิญญาณ
ทันใดนั้น เมกูสพลันหันหลังกลับ เธอรีบเดินตรงไปยังทางออกพร้อมกับเปล่งเสียงโดยไม่เหลียวมอง
“บางที พ่อของเขาอาจปรากฏตัวหลังจากเด็กคนนี้คลอด…พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่ง”
ไคลน์ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้จากปากเด็กสาวไร้เดียงสา มันผงะไปครู่หนึ่งจนหลงลืมเปิดเนตรวิญญาณ
กว่าจะรู้ตัวอีกที เมกูสเดินหายไปจากการมองเห็นแล้ว
คริสทีน่าถอนหายใจยาว
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ มิสเตอร์โมเร็ตติ ขออภัยที่ทำให้เสียเวลา ดิฉันจะรีบหาสิ่งของในชีวิตประจำวันลาเนวุสให้คุณช่วยทำนาย”
ไคลน์พยักหน้ารับตามมารยาท
มันไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงส่ายศีรษะเบาๆ อย่างจนปัญญา
…
เช้าวันถัดมา ไคลน์เดินทางไปทำงานตามปรกติ มันทักทายโรแซนพร้อมกับซักถาม
“หนังสือพิมพ์วันนี้ไปไหน?”
สาวสวยน่ารักน่าชัก ผมน้ำตาลหยักศกตอนปลาย โรแซนเพ่งมองไคลน์ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไคลน์ คุณแปลกไปนะ”
“เรื่องไหน?”
ชายหนุ่มเริ่มสับสน
“ทุกทีคุณจะรีบลงไปเรียนศาสตร์เร้นลับก่อนเสมอ จากนั้นค่อยอ่านหนังสือพิมพ์ในช่วงพักอาหารกลางวัน…แปลกพอไหม? รีบลงไปแล้วได้แล้ว! ลุงนีลล์กำลังรออยู่”
“ผมได้ยินว่าเมื่อวานเกิดคดีใหญ่ขึ้น เหยื่อรวมตัวกันมอบรางวัลนำจับเป็นเงินมูลค่าสูง ผมต้องการดูรูปคนร้าย เผื่ออาจเดินสวนกันบนถนน”
ไคลน์อธิบายขณะยิ้ม
“งั้นหรอกหรือ…”
โรแซนรีบหันหลังไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาพลิกอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ประกาศจับ…ลาเนวุส นี่ใช่ไหม?”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“ใช่ครับ”
“…ไอ้โจรโฉด! ฉ้อโกงเงินผู้คนไปร่วมหมื่นปอนด์เชียวหรือ?”
หลังจากก้มหน้าอ่านนานกว่ายี่สิบวินาที โรแซนสบถด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดสุดขีด
ไคลน์แสดงคิดไปในทางเดียวกัน
“ใช่แล้ว! แย่มาก! ผมถึงอยากให้เหยี่ยวราตรีรับทำคดีนี้ด้วยตัวเอง”
หลังจากอ่านรายละเอียดต่อสักพัก โรแซนส่ายศีรษะอย่างเสียดาย
“คดีนี้ไม่มีพลังพิเศษมาเกี่ยวข้อง หรือต่อให้มี แต่กลุ่มสืบสวนคงเป็นหน่วยทูตพิพากษาของโบสถ์วายุสลาตัน ไม่ใช่พวกเรา”
ไคลน์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น มันรีบหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว
“เข้าใจแล้ว เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากและมาจากทุกศาสนา เมื่อคดีเกิดขึ้นในเขตใต้ ก็ต้องตกเป็นของหน่วยทูตพิพากษาสินะ”
หากผู้เสียหายมีคนเดียว คดีจะถูกส่งต่อให้กับโบสถ์ซึ่งผู้เสียหายเป็นสาวก แต่หากมาจากหลายคนหลายโบสถ์ จะตัดสินจากเขตเกิดเหตุ
เหยี่ยวราตรีดูแลเขตไม้ฟินิกซ์ เขตเหนือ สุสานราฟาเอล และเขตตะวันตก
ทูตพิพากษาดูแลเขตตะวันออก เขตใต้ และท่าเรือ
ส่วนจิตแห่งจักรกลจะดูแลมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง รวมถึงเขตชานเมืองทิงเก็นทั้งหมด
ไคลน์พลิกหนังสือพิมพ์ไปหน้าถัดไป และได้พบกับภาพถ่ายลาเนวุส ชายหนุ่มรีบบันทึกลงความทรงจำทันที
หน้าผากกว้าง ผมดำ นัยน์ตาน้ำตาล สวมแว่นตาเลนส์กลม มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับกำลังเหยียดหยันทุกคนที่จ้องมอง
นอกจากแว่นตาเลนส์กลมแล้ว ไคลน์ไม่พบลักษณะเด่นใดบนใบหน้าลาเนวุสเลย ชายคนนี้ธรรมดาจืดชืดมาก
ชายหนุ่มสนทนาเรื่อยเปื่อยกับโรแซนอีกสักพัก ก่อนจะเดินผ่านฉากกั้นเตรียมลงไปยังห้องใต้ดินชั้นล่าง
ทันใดนั้น มันเหลือบเห็นผู้เก็บซากศพ ฟราย และสตรีผมขาวนัยน์ตาดำ ซิก้า·ทีรอน เดินออกจากห้องนันทนาการพร้อมกับหันมองมาทางตน
ไคลน์ทักทายพอเป็นพิธี และหันกลับมาเห็นดันน์·สมิทยืนข้างบานประตูที่กำลังเปิดอ้า
“มีคดีหรือครับ?”
ในเวลาเช่นนี้ เหยียวราตรีไม่มีทางออกจากสำนักงานพร้อมกันสองคนแน่
ดันน์จ้องมองไคลน์ด้วยนัยน์ตาเทา
“มีเหตุการณ์ไม่ปรกติเกิดขึ้นในเขตตะวันตก ผมจึงส่งฟรายกับซีก้าออกไปตรวจสอบ คุณไม่ต้องห่วง จนกว่าจะเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ ผมไม่มีทางส่งคุณออกไปทำภารกิจเสี่ยงอันตรายแน่ ด้วยตำแหน่งหัวหน้า ผมต้องรับผิดชอบชีวิตเหยี่ยวราตรีทุกคน”
หัวหน้า…คุณช่างเป็นคนดีนัก
หากไม่นับเรื่องหัวเถิกและความจำเสื่อม คนเก่งอย่างคุณแทบไม่มีข้อบกพร่อง
ไคลน์กล่าว ‘ชม’ ในใจ
“สรุปก็คือ นอกจากเรียนศาสตร์เร้นลับคาบเช้า และศิลปะการต่อสู้คาบบ่าย ผมแทบไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ทั่วไปของเหยี่ยวราตรี…แบบนี้ดีแล้วหรือครับ? ถ้าจะจ่ายค่าจ้างตามปรกติเหมือนคนอื่น”
“ชั่วคราวเท่านั้น”
ดีชะมัด…
แค่เข้าเรียนและฝึกฝนร่างกายไปเรื่อยๆ ตนจะได้รับค่าจ้างมากถึงสัปดาห์ละหกปอนด์!
ไม่มีงานใดสบายกว่านี้อีกแล้ว…ไคลน์คิด
มันได้แต่ภาวนาให้ ‘เรื่องบังเอิญ’ ไม่เกิดขึ้นกับตนบ่อยๆ ในระยะหลัง
…
เหตุการณ์ผ่านไปอย่างราบรื่นจนถึงวันศุกร์
หลังจากฝึกศิลปะการต่อสู้เสร็จ ไคลน์นั่งรถม้าไปลงถนนเบซิก
ด้านนอกสำนักงานนักสืบเอกชนเฮนรี ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวง เมื่อไม่พบใคร มันรีบสวมหน้ากากอนามัยพร้อมกับยกปกเสื้อกันลมขึ้นสูง
หลังจากขึ้นบันไดถึงชั้นสอง ไคลน์เคาะประตูสำนักงานซึ่งเปิดแง้ม มันได้พบกับเฮนรี นักสืบวัยกลางคนรูปร่างกำยำสมส่วน
“ทิวาสวัสดิ์ครับมิสเตอร์ ทางเราจัดการหนึ่งในสองคดีของคุณเรียบร้อยแล้ว”
เฮนรีเปล่งเสียงแหบพร่า เป็นผลมาจากการสูบบุหรี่จัดและดื่มหนัก
ไคลน์ดัดเสียงและพูดตอบ
“บุรุษจากผับมังกรชั่วใช่ไหม?”
บุคคลปริศนาในตลาดมืด ไคลน์พบเข้าโดยบังเอิญขณะมันกำลังซื้อวัตถุดิบปรุงโอสถผู้ชม
“ถูกต้อง”
เฮนรีแกว่งไปป์ไปมา มันไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
เพียงยิ้มให้ไคลน์อย่างมีเลศนัย
ชายหนุ่มเข้าใจทันที รีบล้วงธนบัตรหนึ่งปอดน์ออกมาสี่ใบและยื่นให้
“ค่าจ้างงวดสอง”
ไคลน์ชะงักมือเล็กน้อย
“ขอใบเสร็จด้วย”
ปัจจุบัน เงินออมส่วนตัวของมันเหลือไม่ถึงหนึ่งปอนด์แล้ว ช่างน่าอนาถนัก
หากจำเป็นก็คงเลี่ยงไม่ได้ ต้องเบิกเงินกับเหยี่ยวราตรีโดยสร้างข้ออ้างตบตาหัวหน้า
“ไม่มีปัญหา”
เฮนรีกระแอ่มเบาๆ พร้อมกับนำธนบัตรไปส่องไฟหาลายน้ำ จากนั้น มันหันไปเรียกลูกน้องให้ช่วยหยิบกระดาษและปากกาหมึกซึมออกมาให้
เฮนรีส่งสัญญาณมือขอตัวนั่ง ก่อนบรรจงเขียนใบเสร็จและประทับตราไว้ด้านล่างสุดของแผ่นกระดาษ
เมื่อเสร็จสรรพ มันพ่นควันออกทางปากหลังจากอัดไปป์เข้าไปหนึ่งฟอดใหญ่
“จากคำอธิบายของคุณ ผู้ช่วยของผมจึงไปดักรอหน้าผับมังกรชั่วทุกวัน จนกระทั่งเหยื่อปรากฏในวันที่สาม หมอนั่นมีท่าทีหวาดระแวง แถมยังมีทักษะสังเกตยอดเยี่ยมดังคุณว่า แต่โชคดีที่พวกเราเป็นมืออาชีพ ชื่อของเขาคือ…ดักซ์เตอร์ กูเดเลียน นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลจิตเวชกรีนฮัล”
……………………