ตอนที่ 178 : ความคิดถัดมา
“แจ้งตำรวจ?”
ฟอร์สทวนคำซ้ำด้วยสีหน้าตกตะลึง
สำหรับผู้วิเศษ การแจ้งตำรวจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องห่างไกลตัวอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน ซิลเดินกระสับกระส่ายไปมา สองมือสางผมสีทองหยาบกระด้างเป็นระยะ
“ฉากการตายของดัคโฮล์มน่าสยดสยองเหนือคำบรรยาย หากตำรวจไม่โง่ พวกมันต้องส่งเรื่องต่อไปยังทูตพิพากษา เหยี่ยวราตรี จิตแห่งจักรกล หรือไม่ก็หน่วยพิเศษของกองทัพอาณาจักรแน่ ถึงตอนนั้น พวกเราจะแอบเผยข้อมูลว่า ฆาตกรสังหารดัคโฮล์มคือคีลิงเกอร์ แล้วผู้วิเศษทั่วเมืองก็จะไล่ตามจับมัน เป้าหมายของเราคือเบาะแสคีลิงเกอร์ ไม่ใช่การลงมือจับด้วยตัวเอง หากได้รับความ ‘ช่วยเหลือ’ จากกลุ่มคนเหล่านั้น เรื่องราวก็จะจบลงด้วยดีและปลอดภัย หากคีลิงเกอร์ก่อความผิดพลาดร้ายแรง พวกเราจะฉวยโอกาสเข้าไปตกรางวัลก้อนโต ฉ…ฉันหมายถึงค่าตอบแทนการแจ้งเบาะแส ไม่ใช่เรื่องอื่น”
ซิลหัวเราะแห้ง สายตาชำเลืองฟอร์สซึ่งกำลังยืนตื่นตระหนก
“เธอคิดว่าฉันจะแก้ไขทุกปัญหาด้วยการประเคนกำปั้นหรือไง? อีกฝ่ายเป็นถึงคีลิงเกอร์เชียวนะ ความแตกต่างกว้างใหญ่ยิ่งกว่าอ่าวเดซีเสียอีก!”
ฟอร์สผงกศีรษะแผ่วเบา
“เธอเข้าใจตัวเองได้ถูกต้อง นิสัยของเธอเป็นแบบนั้นแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเปลี่ยน และมันคือสาเหตุให้เธอยังไม่มีเงินพอจะซื้อสูตรโอสถลำดับ 8 สักที …ขอบคุณพระองค์ คราวนี้เธอมีหัวคิดเหมือนกับคนปรกติบ้างแล้ว”
ซิลก้มศีรษะลงพลางจ้องมองดาบปลายปืน เธอไตร่ตรองสักพักก่อนกล่าวเสียงสั่นเครือ
“…ด้วยความสัตย์จริง ภายในบ้านดัคโฮล์มเมื่อครู่ สัญชาตญาณของฉันร้องบอกว่าความตายกำลังคืบคลานเข้าหา ไม่ต้องสงสัยเลย คีลิงเกอร์ต้องอยู่ใกล้กับพวกเราแน่นอน ออร่าความชั่วร้ายของมันเตรียมพร้อมบดขยี้ทุกวินาที”
ฟอร์สรูดกำไลเงินซึ่งเหลือหินเขียวแก่เพียงสองเม็ด เก็บกลับเข้าไปในชายแขนเสื้อพร้อมพยักหน้าเห็นพ้อง
“ตกลงตามนั้น พวกเราต้องรีบแจ้งข่าวให้มิสออเดรย์ทราบ แล้วค่อยนำไปบอกตำรวจ”
“นั่นสินะ ไม่ว่าผู้พบเบาะแสจะเป็นดัคโฮล์มหรือลูกน้องของมัน แต่เราสามารถอ้างได้ว่าสืบสวนจนพบร่องรอยคีลิงเกอร์แล้ว”
ซิลขมวดคิ้วทองพลางพูดต่อ
“แต่มีแน้วโน้มสูงว่ามันจะย้ายแหล่งกบดานไปยังจุดอื่นแทน”
ต่อให้เป็นหนึ่งในเจ็ดพลเรือโจรสลัด ต่อให้มีความช่วยเหลือจากสมบัติวิเศษ แต่คีลิงเกอร์ไม่สามารถทำตามอำเภอใจในเบ็คลันด์ได้
แม้แต่ ‘นาสต์’ ราชาแห่งห้าห้วงทะเลยังเคยก่อความผิดพลาดร้ายแรงและเกือบถูกจับในกรุงเบ็คลันด์
“ไม่ต้องห่วง ขอเพียงเราวิเคราะห์ได้ว่าเป้าหมายแท้จริงของคีลิงเกอร์คือสิ่งใด เมื่อทราบจุดประสงค์ ปลายทางก็สามารถไปบรรจบกับมันได้ ต่อให้มีพลังสามารถจำแลงกายเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม แผนการของพวกเรามีเพียงเท่านั้น หากทำสำเร็จ ก็เตรียมรับรางวัลนำจับก้อนโตได้อย่างสบายใจ”
ฟอร์สเว้นวรรคก่อนอธิบายต่อ
“ประสบการณ์แต่งนิยายนานสองปีได้บอกกับฉันว่า ทุกสิ่งจะง่ายขึ้นหากเราจับจุดสำคัญของเรื่องราวได้”
ซิลจ้องมองเพื่อนซี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวตรงหน้าสามารถพูดจามีเหตุผลได้ขนาดนี้
“…มองอะไร? ฉันไม่เหมือนกับเธอ ฉันแค่ขี้เกียจคิด ส่วนเธอใช้กล้ามเนื้อคิดแทน”
ฟอร์สยกมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับเบือนหน้าหนี
“…ข่มฉันไปเธอก็ไม่ฉลาดขึ้นหรอกนะ”
ซิลใช้มือสางผมทองสองสามเส้นซึ่งยื่นออกมาอย่างไม่เข้าพวก
“ตกลง รีบกลับเขตราชินีกันก่อน เพื่อรายงานให้มิสออเดรย์ทราบเรื่องนี้”
ฟอร์สพยักหน้ารับ
“…แล้ว วิธีการติดต่อฉุกเฉินของพวกเรากับมิสออเดรย์คืออะไร?”
ซิลผงะไปชั่วขณะ สายตากวาดมองรอบหลุมศพหนึ่งหน
“เคยได้ยินเธอเล่าว่า สุนัขตัวโปรดจะออกมาเดินเล่นอย่างน้อยวันละห้าครั้ง รอบถัดไปคงเป็นช่วงหลังอาหารเที่ยง”
“หรือก็คือ พวกเราต้องแอบซุ่มทำตัวน่าสงสัยด้านนอกคฤหาสน์ท่านเคาต์ฮอลล์?”
มุมปากฟอร์สกระตุก
ทันใดนั้น ซิลเบือนหน้าหนีพร้อมกับกล่าวเสนอแนะด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ฟอร์ส แล้วทำไมเธอไม่ลองลอบเข้าไปในคฤหาสน์หลังนั้นดูล่ะ? เชี่ยวชาญเรื่องการผ่านประตูไม่ใช่หรือ ฟังดูไม่น่าเป็นงานยากสักเท่าไร พวกเราจะได้ติดต่อกับมิสออเดรย์โดยตรง-”
“ตระกูลเคาต์ชั้นสูงสืบทอดทางสายเลือดมานานหลายร้อยปี หนึ่งในนักการเมืองทรงอิทธิพลแห่งสภาขุนนาง ผู้ถือหุ้นสูงสุดของธนาคารบาวาร์ต ผู้ถือหุ้นอันดับสี่ของธนาคารเบ็คลันด์ ผู้ให้คำปรึกษาพิเศษของธนาคารแห่งชาติ ผู้ถือหุ้นอันดับสามของธนาคารซัสเตอร์แห่งสาธารณรัฐอินทิส ผู้ถือหุ้นอันดับสองของกลุ่มทุนเหมืองถ่านหินและแร่เหล็กคอนสแตน นั่นคือสมญานามเพียงบางส่วนของบิดามิสออเดรย์คนสวย …ซิล ลองใช้สมองกล้ามของเธอไตร่ตรองให้ดี คฤหาสน์หลังนั้นจะไม่มีผู้วิเศษคอยคุ้มกันสักคนเชียวหรือ? ท่านเคาต์ฮอลล์จะไม่มีสมบัติมูลค่าสูงเก็บอยู่ในคฤหาสน์เลยหรือไง? ไม่ง่ายเหมือนกับบ้านบารอนและไวเคาต์กระจอกหรอกนะ!”
ฟอร์สยังคงอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
“ขอสาบานในนามแห่งพระองค์ท่าน หากฉันพยายามลอบเข้าไป คงถูกพบตัวภายในห้านาทีเท่านั้น”
ซิลพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย
“…รอโกลเดนรีทรีเวอร์ก็ได้”
เมื่อพูดจบ เธอเริ่มเป็นฝ่ายเดินนำ
หลังจากผ่านไปไม่กี่ก้าว ซิลเปล่งเสียงพูดโดยยังคงหันหลังให้ฟอร์ส น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความซาบซึ้ง
“…เอ่อ ฉันจะชดเชยความเสียหายในวันนี้คืนให้เธอแน่นอน ม…หมายถึง หินสีเขียวบนกำไลเงินวงนั้น”
หลังจากได้ฟัง ฟอร์สยกมุมปากเล็กน้อย
“ฉันทำไปเพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง …แล้วก็ ซิล! เธอกำลังเดินไปผิดทาง! ให้ตายสิ ถ้าเธอเลือกเส้นทางผู้ฝึกหัดและกลายเป็น ‘นักท่องเที่ยว’ ในอนาคต นั่นต้องเป็นหายนะแน่!”
…
ด้านนอกคฤหาสน์หรูหราของเคาต์ฮอลล์
ซิลและฟอร์สกำลังแอบซ่อนใต้ร่มเงาของต้นเมเปิลอินทิส สายตาชำเลืองมองผู้คนเดินผ่านไปมารอบตัว
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบได้ จนกระทั่งพวกเธอได้พบสุนัขโกลเดนรีทรีเวอร์วิ่งออกจากช่องลับใต้กำแพง
มันนั่งใช้เท้าเกาหูครู่หนึ่งก่อนจะเหลียวมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง
ขณะซูซี่เริ่มเดินเล่นอย่างสบายใจ สุนัขสีดำตัวผู้พลันกระโจนดักหน้าโดยไม่ให้ตั้งหลัก มันพยายามประจบประแจงซูซี่ด้วยการวิ่งเป็นวงกลมรอบตัว
“ฉันไม่เคยเห็นสุนัขแสดงอากัปกิริยาได้เหมือนมนุษย์ขนาดนี้มาก่อน โกลเดนรีทรีเวอร์ของมิสออเดรย์ต้องรังเกียจสุนัขสีดำตัวนี้มากแน่”
ซิลถอนหายใจ
เธอสามารถบอกได้ทันที จากสายตาแสนเหยียดหยันและดูแคลนของซูซี่ สุนัขขนฟูไม่ปรากฏความรู้สึกอื่นนอกจากรังเกียจเสียเต็มประดา
ฟอร์สอมยิ้ม
“เหมือนกับพวกเราตอนกำลังเผชิญหน้าพวกผู้ชายแมงดาน่าขยะแขยงสินะ”
เมื่อเห็นซูซี่พยายามเร่งความเร็วเพื่อหนีการไล่ตามจากสุนัขสีดำ ซิลตัดสินใจสวมบทบาท ‘ผู้ผดุงคุณธรรม’
“ฉันขอสั่งให้แกเลิกติดตามเธอเดี๋ยวนี้!”
ซิลตะโกนพลางสวมสีหน้าเคร่งขรึม
ทันใดนั้น สุนัขดำพลันชะงักงัน จากนั้นก็วิ่งหางจุกก้นลับสายตาไป
ซูซี่ถอนหายใจแผ่วเบา เธอส่งเสียงเห่าในลำคอพร้อมกับส่ายกระดิกหางรุนแรง
…เกือบหลุดพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ แล้วเชียว
สุนัขขนทองรำพันด้วยความโล่งใจ
นั่นคงเป็นสถานการณ์กระอักกระอ่วนพึลึก
…
เสียงดนตรีบรรเลงภายในห้องพลันเงียบสงัดเมื่อออเดรย์อ่านจดหมายจากฟอร์สและซิลจบ เด็กสาวขมวดคิ้วชนกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เธอเอื้อมมือปิดฝาเปียโนพลางยืนขึ้นด้วยท่วงท่าสง่างาม จากนั้นก็เดินกระสับกระส่ายภายในห้องเปียโนพร้อมกับขบคิดหาทางออก
…คีลิงเกอร์อันตรายเกินไป หากฟอร์สและซิลยังไม่หยุดการแกะรอย บางทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งนั่นอาจทำให้ตัวตนของเธอถูกสาวมาถึงด้วยเช่นกัน
คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำแนะนำของทั้งสองไปก่อน จนกว่าจะถึงชุมนุมไพ่ทาโรต์บ่ายสามของวันนี้ ค่อยปรึกษาหาทางออกกับมิสเตอร์ฟูล อยากรู้จังว่าท่านจะมอบคำแนะนำแบบไหน
แต่หากท่านยังไม่สนใจ คงต้องปรึกษากับแฮงแมนอย่างรอบคอบโดยไม่ให้ตัวตนของเธอถูกเปิดเผย …ออเดรย์ไตร่ตรองอย่างมีสติ
นี่คือการเผชิญเหตุอันตรายครั้งแรกอย่างแท้จริงของเด็กสาว รุนแรงชนิดว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหนึ่งราย
…
บ่ายสามโมงตรง
ภาพการมองเห็นของออเดรย์ดับวูบลงเมื่อถูกแสงแดงเข้มโอบล้อมร่าง ถัดมาไม่นาน บรรยากาศรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นทะเลสายหมอกสีเทาไร้ก้นบึ้ง ไม่มีทางพบเห็นได้ในโลกความจริง ใกล้กันยังมีเสาหินต้นใหญ่ รวมถึงหลังคาโดมสูงคล้ายกับพระราชวงศ์คนยักษ์สมัยอดีตกาล กึ่งกลางเป็นโต๊ะทองแดงยาวลักษณะเก่าแก่ เก้าอี้ตำแหน่งประธานปรากฏร่างของมิสเตอร์ฟูลผู้สูงสง่ารายล้อมด้วยม่านหมอกหนาทึบ สุดท้ายเป็นภาพของแฮงแมนและเดอะซัน
ในวินาทีดังกล่าว อารมณ์ตึงเครียดของเด็กสาวเริ่มผ่อนคลาย เธอสัมผัสถึงความปลอดภัยจนจิตใจเกิดภาวะสุขุม
มิติแห่งนี้คือชุมนุมไพ่ทาโรต์ซึ่งถูกจัดขึ้นบนโลกมายา หาใช่โลกจริง ผู้นำของตนคือบุคคลใกล้เคียงเทพ เดอะฟูล ผู้วิเศษลำดับ 6 อย่างคีลิงเกอร์ถือเป็นสิ่งมีชีวิตคนละชั้น!
ออเดรย์นั่งตัวตรงอย่างภาคภูมิ เธอเชิดคางขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับทักทายเพื่อนร่วมชุมนุมทีละคน
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล ทิวาสวัสดิ์มิสเตอร์แฮงแมน ทิวาสวัสดิ์มิสเตอร์ซัน”
ไคลน์เห็นมิสจัสติสมีบางสิ่งต้องการพูด มันจึงพยักหน้าแผ่วเบาเพื่อเป็นสัญญาณอนุญาต
“มิสเตอร์ฟูลคะ ดิฉันอยากสอบถามว่า ผู้รับใช้ของท่านได้รับเงินจำนวนสามร้อยปอนด์แล้วหรือยัง”
ออเดรย์ซักถามโดยระงับความต้องการจะพูดคุยเรื่องพลเรือโทคีลิงเกอร์ไว้ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือผู้รับใช้ของหัวหน้าใหญ่
ไคลน์อมยิ้ม
“เราไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เมื่อผู้รับใช้ไม่ได้ทักท้วงสิ่งใดมา ก็คงไม่มีปัญหาเกิดขึ้น”
…เงินเข้านานแล้ว ตนเดินทางไปตรวจสอบนับสิบหนเพื่อให้มั่นใจว่าบัญชีลับมีเงินจำนวนสามร้อยปอนด์อยู่จริง!
ไคลน์รำพันอย่างมีความสุข
“เยี่ยมเลยค่ะ!”
ออเดรย์เริ่มผ่อนคลาย ก่อนจะมองไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“มิสเตอร์แฮงแมน ดิฉันมีความคืบหน้าเกี่ยวกับคีลิงเกอร์มาแจ้ง”
ทันใดนั้น อัลเจอร์พลันนั่งหลังตรงด้วยสีหน้าสนใจ แฮงแมนรีบซักถามชนิดมิอาจระงับอาการตื่นเต้น
“มันอยู่ไหน?”
“โชคไม่ดีนัก อีกฝ่ายตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังถูกแกะรอย จึงลงมือฆ่าปิดปากหนึ่งในสายสืบของดิฉัน”
ออเดรย์เน้นย้ำรายงานจากซิลและฟอร์ส จากนั้นก็อธิบายรายละเอียดความคืบหน้าอื่นเช่นละแวกบ้านของดัคโฮล์ม
อัลเจอร์ผงกศีรษะ
“ผมจะช่วยติดตามเรื่องนี้อีกแรง”
ถัดมา มันชำเลืองไปยังเก้าอี้ประธานของเดอะฟูลพร้อมกับซักถามโดยไม่สนใจสายตาฉงนของเดอะซัน เดอร์ริค ซึ่งกำลังจ้องมองโดยไม่เข้าใจอะไรเลย
“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ หากทางเราสามารถทราบถึงจุดประสงค์แน่ชัดของคีลิงเกอร์ รวมถึงสมบัติในฝันของมัน ได้โปรดอนุญาตให้ผมประกอบพิธีเอ่ยพระนามของท่านเพื่อแจ้งข่าวคราวด้วย”
มันไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้รับใช้ของเดอะฟูลเหมือนคราวก่อน เนื่องจากอีกฝ่ายเคยให้คำตอบไว้แล้ว หากถามเซ้าซี้มากเกินไปอาจทำให้ตัวตนระดับเทพเกิดความระคายเคือง
ดังนั้นอัลเจอร์จึงแสดงความเคารพฝ่ายเดียวด้วยการแจ้งข้อมูลให้เดอะฟูลรับทราบโดยไม่หวังผลตอบแทน
แต่ลึกๆ แล้ว มันหวังให้เดอะฟูลสนใจสมบัติในฝันของคีลิงเกอร์ และสั่งให้ผู้รับใช้ลงมือขัดขวางเป้าหมาย
…ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ? ออเดรย์ขมวดคิ้ว
ตัวเธอเองก็ต้องการแจ้งข่าวคราวความคืบหน้าให้มิสเตอร์ฟูลทราบบ้างเช่นกัน
เด็กสาวรอฟังด้วยใจจดจ่อ
ท่ามกลางความคาดหวังจากทุกสายตา ชายหนุ่มเอนกายพิงเก้าอี้พลางเปล่งเสียงสุขุม
“ไม่มีปัญหา”
……………………