บทที่ 886 ประตูสมบัติลับทั้ง 5
แผ่นดินเทวะ ดาวจักรพรรดิ นอกสุสานจักรพรรดิ
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่พลันเกิดขึ้น
ในพริบตาที่รูปสลักนั่นถูกแท่นประหารเทพของสวี่ชิงบดขยี้ทำลาย รูปสลักทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ต่างสั่นสะเทือนทันที ดวงตาทั้ง 2 ของพวกมันต่างลืมขึ้นมา ในขณะที่เผยประกายแสงสีดำมืดออดมา ร่างก็แปรเปลี่ยนจากสภาวะที่เป็นหินในทันใด
ต่างฟื้นตื่นขึ้นมา
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวพวยพุ่งขึ้นฟ้า หอบม้วนลมเมฆทำให้เกิดเเป็นคลื่นวนขนาดมหึมา โดยมีภูเขาจักรพรรดิเป็นศูนย์กลางหมุนวนครืนครั่นสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสารทิศ
สายฟ้าสีดำในนั้นแลบแปลบปลาบ ราวเทพเจ้ากำลังวาดรูป วาดเค้าการสังหารฟ้าดิน
ในขณะเดียวกันนี้ นอกดาวจักรพรรดิ ต้นไม้แห้งเหี่ยวหน้าคนที่เติบโตอยู่บนใยแมงมุมเหล่านั้น ในเสี้ยวพริบตานี้ถูกกระตุ้นสั่นไหวอย่างรุนแรง
หน้าคนทั้งหมดต่างลืมดวงตาแดงก่ำขึ้นมา ปากส่งเสียงหวีดแหลม
เสียงนี้ทะลุทะลวงแข็งแกร่ง แฝงไว้ด้วยพลังน่าตื่นตะลึง ยิ่งแฝงไว้ด้วยความอาฆาตแค้นมหาศาล ราวประตูยมโลกเปิดออก เสียงแห่งปรโลกดังขึ้นในโลกมนุษย์ ผีเทพต่างครวญคราง
และเสียงนับไม่ถ้วนรวมอยู่ด้วยกันทำให้ฟ้าเปลี่ยนสี ลมเมฆตลบม้วน แม้แต่ลมพายุรอบๆ ในเสี้ยวขณะนี้ก็ต่างหยุดชะงัก
คลื่นวนบนท้องฟ้ายิ่งฉีกขาดในเสียงนี้ เหมือนมีดวงตามหึมาข้างหนึ่งลืมตื่นขึ้นกลางท้องฟ้า
เหมือนดวงดาวฟื้นตื่น ทำลายซึ่งทุกสิ่ง!
เงาร่างของสวี่ชิงและนายกองตอนนี้ในใจต่างหวาดหวั่น ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น แต่จะอย่างไรก็ยังถูกพลังระเบิดจากการฟื้นตื่นขึ้นของดาวทั้งดวงกระแทกใส่อยู่ดี
สภาวะเทพของสวี่ชิงพังทลายทันที การป้องกันทุกอย่างแหลกสลาย อวัยวะภายในทุกอย่างเดือดพล่าน
นายกองทางนั้นก็เช่นเดียวกัน ร่างกายในกลิ่นอายบ้าคลั่งที่ปะทะหน้ามานี้ แทบจะระเบิดทลาย
ความตายผุดขึ้นมาในใจของพวกเขาทันที เหมือนว่าเสี้ยวขณะต่อมาก็จะถูกลบเลือนไป แต่ดีที่พวกเขาอยู่ใกล้กับทางเข้าที่เปิดเอาไว้ตรงภูเขา
ทันทีที่เข้ามา สวี่ชิงกระอักเลือดออกมาคำโต ทั่วทั้งร่างตลอดจนวิญญาณล้วนแผ่ความเจ็บปวดรวดร้าวรุนแรงมา เขานั่งขัดสมาธิลงปรับสมดุลรักษาตัวทันที
นายกองทางนั้นก็ทนไม่ไหวเช่นกัน ร่างแตกทลายกลายเป็นหนอนสีฟ้าจำนวนมหาศาล แล้วรวมเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง ในตอนที่ก่อเป็นร่างขึ้นอีกครั้ง สีหน้าก็ขาวซีด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อาการบาดเจ็บของทั้ง 2 ค่อยยังชั่วขึ้นก็ต่างมองหน้ากัน
นายกองกระแอมออกมา
“ศิษย์น้องเล็ก เมื่อพลังบ้าเลือดของเจ้าเมื่อครู่มีรูปแบบอย่างศิษย์พี่ใหญ่มากเลยทีเดียว แต่ว่านะ…ครั้งต่อไปหากจะทำแบบนี้อีก จะบอกกันก่อนล่วงหน้าได้หรือไม่…”
นายกองในใจรู้สึกประหลาดนิดๆ แม้เขาจะวิเคราะห์ว่ารูปสลักแตกสลายมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่อย่างไรก็เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์เท่านั้น ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ดวงดาวฟื้นตื่นขึ้น พลังทำลายล้างลงมาเยือนจนเกือบถูกสังหาร
นอกจากนี้ แต่ก่อนเป็นเขาที่เป็นฝ่ายรนหาที่ตาย สวี่ชิงถูกเขาทำให้พลอยลำบากไปด้วย
แต่ครั้งนี้กลับตรงกันข้าม
สวี่ชิงได้ยินก็ประหลาดใจ มองนายกองผาดหนึ่ง “ศิษย์พี่ใหญ่ ก่อนหน้านี้ท่านก็ไม่บอกกันก่อนนี่นา”
นายกองยิ้มปูเลี่ยนๆ “นั่นศิษย์พี่ใหญ่กังวลว่าเจ้าจะกลัวไง”
สวี่ชิงพยักหน้า “ข้าก็เหมือนกัน”
นายกองเลิกคิ้ว แอบพูดในใจว่าอาชิงน้อยเรียนรู้เรื่องชั่วแล้วจริงๆ แบบนี้ไม่ได้ ตัวเองจะต้องทำให้เขาได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าไม่กลัวของจริง อะไรถึงจะเรียกว่าไม่กลัวตายของจริง อะไรถึงจะเรียกว่าบ้าคลั่งที่แท้จริง
ดังนั้นสีหน้าจึงเข้มงวดขึ้นมา เอ่ยตำหนิ “ศิษย์น้องเล็ก ข้าจะต้องตำหนิเจ้าแล้ว ข้างนอกของเล็กน้อยนี่นับว่าเป็นอะไรกัน ศิษย์พี่ใหญ่พาเจ้ามาที่นี่คือพามาทำการใหญ่ร่ำรวยเงินทอง พวกเราไปกันเถอะ!”
พูดแล้ว ทั่วทั้งร่างนายกองก็แผ่ท่าทีมุ่งมั่นไม่กลัวต่ออุปสรรคทออกไป ไหววูบออกไปก่อน ใช้พลังแข็งแกร่งทรงพลังพุ่งตรงไปข้างหน้า นำอยู่ข้างหน้า
ภาพนี้ปรากฏในดวงตาสวี่ชิง เขาถอนหายใจ มักจะรู้สึกว่านายกองเหมือนจะกำลังแข่งหาทางเอาชีวิตไปทิ้ง
ดังนั้นจึงหยุดไปสามสี่ก้าวแล้วถึงจะตามไป
ตอนจากไปเขาหันกลับไปมองพายุนอกม่านแสงผาดหนึ่ง สำหรับรูปสลักที่แค่แตกสลายตัวนั้น เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้ไม่เหมาะที่จะล่ารูปสลักต่อ ดังนั้นจึงดึงสายตากลับมา ตามนายกองเคลื่อนไปข้างหน้า
และบริเวณที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้เป็นถนนที่มนุษย์สร้างขึ้นสายหนึ่ง กำแพงรอบๆ สลักอักขระที่ซับซ้อนเอาไว้จำนวนหนึ่ง ประเดี๋ยวๆ ก็กะพริบแสงสลัวออกมา
ระหว่างทางประเดี๋ยวก็เจอมุมเลี้ยว เหมือนว่าทะลุเชื่อมต่อถึงกันหมด ไม่มีเส้นทางที่แน่นอน
เหมือนเป็นเขาวงกต
แต่นายกองทางนั้นกลับไม่เสียทีท่าการเป็นผู้นำเลย เหมือนรู้แน่ชัดถึงเส้นทางที่ถูกต้อง ตลอดทางมาไม่หยุดพักแม้แต่น้อย พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงก็ไม่ไปสนใจเส้นทางอีก ตามไปด้วย ดำดิ่งจิตใจลงไปในทะเลความรู้สึกไปด้วย
เหนือสุดบนทะเลความรู้สึกของเขา มีประตูคลังสมบัติมหึมาอยู่ 5 บาน!
ทุกบานล้วนสูงหมื่นจั้ง ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง แผ่กลิ่นอายทรงพลังทั้งยังเก่าแก่ผ่านห้วงเวลามาเนิ่นนาน ตั้งอยู่ 5 ทิศ แตกต่างกันไป
บานที่ 1 เปิดออกกว้าง มองเห็นโลกอันกว้างใหญ่ในนั้น อสูรสมุทรบรรพกาลตัวหนึ่งว่ายอยู่ข้างใน ประเดี๋ยวๆ ก็คำราม เสียงสะท้อนก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน
นี่ก็คือสมบัติเทพคลังที่ 1 ของสวี่ชิง!
ประตูบานที่ 2 ปิดอยู่ แต่ประตูบานนี้ตลบอวลไปด้วยกลิ่นอายพิษต้องห้าม เห็นแล้วหวาดหวั่นครั่นคร้าม น่ากลัวไม่ธรรมดา
บานที่ 3 ปิดอยู่เช่นกัน พลังดวงจันทร์ม่วงปะทุพวยพุุ่งอยู่ข้างใน เหมือนมีเตาหลอมแฝงอยู่ ส่งเสียงครืนครั่นออกมา
ประตูบานที่ 4 ต่างออกไป แม้จะยังคงปิดอยู่ แต่ประตูบานนี้จิตจักรพรรดิท่วมฟ้า ล้ำลึกหนักแน่นทรงอำนาจ ประดุจราชาผู้ปกครองอยู่ข้างใน สยบสังหารทุกสิ่ง ราชันลงมาเยือน
ประตูบานที่ 5 คือประตูวิถีผู้ใช้วิญญาณ ประตูเปิดครึ่งหนึ่ง จะเห็นรางๆ ว่าในหุบเหวลึกในนั้น เงาร่างยิ่งใหญ่ร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิ ค้ำยันฟ้าดิน ยิ่งมีเสียงร้องครวญครางเป็นระลอก ดังออกมาจากในประตู
นั่นคือเสียงของจี้ตงจื่อ
ประตูคลังสมบัติทั้ง 5 นี้ ประดุจเทพปกคลุมไปทั่วทั้งทะเลความรู้สึก สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง
นี่ก็คือประตูสมบัติลับของระดับสมบัติวิญญาณระดับนี้ แต่สำหรับสวี่ชิงแล้วคือประตูสมบัติเทพ สมบัติจักรพรรดิและสมบัติผู้ใช้วิญญาณ
สมบัติวิญญาณขอบเขตนี้เป็นขั้นตอนการสร้างประตูคลังสมบัติ ทุกครั้งที่สร้างสมบัติลับขึ้นมา 1 คลัง ก็จะมีประตูคลังสมบัติปรากฏขึ้นในทะเลความรู้สึกบานหนึ่ง
หากมีวิถีสวรรค์ ประตูคลังสมบัติก็จะเปิดออก กลับกันก็จะไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ทำได้แค่ปิดไว้เท่านั้น
ตอนนี้ประตูคลังสมบัติทั้ง 5 ของสวี่ชิง บานหนึ่งเปิดออก บานหนึ่งเปิดครึ่งหนึ่ง อีก 3 บานปิดสนิท
แต่ในตอนนี้เอง ในประตูคลังสมบัติที่ 3 ที่ปิดสนิท ซึ่งก็คือคลังสมบัติที่ 3 ของสวี่ชิง จากการผสานเข้ามาของแสงจันทร์แต่ละกลุ่มๆ ก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าล่มสมุทรก็กำลังปะทุขึ้น
แสงจันทร์นี้คือแสงจันทร์บรรพจารย์ แฝงไว้ด้วยท่วงทำนองเต๋าแห่งจันทรา พลังต้นกำเนิดเดียวกับพลังดวงจันทร์ม่วงที่สร้างสมบัติเทพ อีกทั้งยังเก่าแก่โบราณกว่า การปรากฏขึ้นของมันเหมือนส่องสว่างไปทั้งสมบัติเทพ ส่งเสียงเบิกฟ้าผ่าปฐพี
เสียงระเบิดที่มาจากในประตูคลังสมบัติที่ 3 ปะทุมาในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง ดังขึ้นเรื่อยๆ ดังกลบทุกอย่าง จนสุดท้าย ประตูคลังสมบัติที่ 3 ที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ เปิดออกเป็นรอยแยกทางหนึ่ง!
แม้จะเป็นเพียงแค่รอยแยก แต่นี่เป็นขั้นตอนจากไม่มีเป็นมี ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง มีความหมายอย่างมหาศาล!
และผ่านจากรอยแยกนี้ จะเห็นว่าในสมบัติเทพที่ 3 สีม่วงเข้ม มีวงแสงสีขาวรางเลือนดวงหนึ่ง
วงแสงนี้มองไปก็ให้ความรู้สึกเหมือนมีความเก่าแก่โบราณลุกไหม้ เหมือนว่าการมีตัวตนอยู่ของมัน ก็คือนิยามของคำว่าเก่าแก่ 2 คำนี้
รอบๆ มันแผ่ไอเย็นยะเยือกที่เหมือนจะแช่แข็งมิติได้ เหมือนแสงจันทร์ส่องมา มหาวิถีก็ต้องถูกแช่แข็ง
นั่นเป็นเค้าร่างของวิถีสวรรค์ในสมบัติเทพที่ 3
รูปลักษณ์นี้คือพลังหยินสูงสุด ชื่อโบราณคือโยวอิ๋ง!
ทันทีที่มันปรากฏขึ้นมา ในพริบตาที่ประตูคลังสมบัติที่ 3 เปิดรอยแยกออก ก็เหมือนภูเขาไฟมีท่าทีจะปะทุ แผ่กลิ่นอายทรงพลังแข็งแกร่ง กระจายไปทั่วทั้งทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง แผ่ไปทั่วร่างของเขา ชำระล้างทุกอย่าง เพิ่มพลังให้กับทุกสิ่ง
ในเส้นทางเขาวงกตสุสานจักรพรรดิ สวี่ชิงที่กำลังมุ่งไปข้างหน้าร่างพลันสะท้านเฮือก พลังบำเพ็ญปะทุขึ้น เหนือกว่าที่ผ่านมา แล้วอำพรางลงไปในพริบตา มีเพียงประกายในดวงตาของเขา ความดุดันเฉียบคมยิ่งไม่ธรรมดากว่าในอดีต ราวโคมสว่างไสวกะพริบแสงวูบวาบในความมืด
นายกองที่อยู่ข้างหน้าฝีเท้าหยุดชะงักตามไปด้วยเช่นกัน หันกลับไปมองสวี่ชิงด้วยความหมายลึกซึ้ง ไม่ได้พูดอะไร แต่ยกเท้าก้าวไปก้าวหนึ่ง ร่างหายไปในกำแพงที่อยู่ข้างหน้า
สวี่ชิงจ้องมอง ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น มองกำแพงหินเหมือนไร้วัตถุ ก้าวไปทีละก้าวๆ เหมือนข้ามมิติ มาปรากฏอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง
ถ้ำนี้ไม่เหมือนกับเขาวงกตก่อนหน้านี้ เหมือนเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ รอบๆ กว้างขวางมืดมิด เหมือนตัวอยู่ในความว่างเปล่า มีเพียงข้างบนมีคลื่นวนที่ปกคลุมไปด้วยแสงดาว 9 ลูก หมุนวนอย่างเงียบงัน พร่างพรายระยิบระยับไม่ธรรมดา
เหมือนทางเข้า 9 ทาง และก็เหมือนโลก 9 ใบ
ในตอนที่สวี่ชิงจ้องมอง เสียงนายกองก็ดังมา
“ชั้นนอกของสุสานจักรพรรดิเดิมก็เป็นเขาวงกตสับสนวุ่นวาย หากไม่รู้ความลับภายใน ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะก็ยากจะผ่านได้ แต่สำหรับข้าแล้วก็ง่ายเหมือนกับกลับบ้าน และที่นี่ก็คือใจกลางของเขาวงกต คลื่นวนทั้ง 9 ข้างบนนั่นก็คือเส้นทาง 9 เส้นทาง ในนั้นมีทางรอด 5 ทาง ทางสู่ความตาย 4 ทาง อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกชั่วขณะ ทำให้คนยากจะแยกแยะเป็นตายได้”
นายกองยืนอยู่กลางท้องฟ้า มือไพล่หลังมองคลื่นวนทั้ง 9 ลูก สีหน้าภาคภูมิใจ
“แต่จากการค้นคว้าและการเตรียมตัวของข้าเมื่อชาติก่อนๆ ข้ามีความมั่นใจว่าไม่ว่าทางเข้าทั้ง 9 แต่ละบานจะเป็นตายเปลี่ยนแปลง แต่เส้นทางที่ข้าไป มันจะกลายเป็นเส้นทางรอดให้ข้าเอง!”
นายกองเชิดหน้า สะบัดแขนเสื้อ แอบพูดในใจว่าคำพูดนี้ของตนจะต้องยิ่งใหญ่เกินใครแน่นอน ท่าทางด้วยความหัวไวของอาชิงน้อย ต่อจากนี้น่าจะแสดงสีหน้าตื่นตะลึงและเคารพนับถือออกมาอย่างแน่นอน
ดังนั้น เขารออยู่ครู่หนึ่ง แต่ข้างล่างกลับไม่มีคำพูดอะไรดังมาทั้งสิ้น ดังนั้นนายกองถึงแปลกใจ ก้มหน้าลงไปดู
กลับเห็นสายตาของสวี่ชิงไม่ได้มองมาที่ตัวเองเลยแม้แต่น้อย กลับไปมองคลื่นวนลูกที่ 7 ดวงตาฉายประกายวาววาม สีหน้าคล้ายครุ่นคิด
“นั่นเป็นเส้นทางแห่งความตาย เป็นเส้นทางที่ตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด อย่าไปมองเลย” นายกองกระแอมเตือน
สวี่ชิงเมินไม่สนใจ ประกายแวววาวในดวงตายิ่งแจ่มชัดขึ้น เขาไม่รู้ว่าในคลื่นวนที่ 7 มีอะไร แต่…ทันทีที่มาที่นี่ สมบัติเทพคลังที่ 2 ในร่างของเขา ซึ่งก็คือสมบัติพิษต้องห้าม ส่งระลอกคลื่นพลังเหมือนกับสมบัติเทพที่ 3 ในตอนที่ได้เห็นรูปสลักเมื่อก่อนหน้านี้
ในระลอกคลื่นส่งความปรารถนาอันแรงกล้าออกมา
นายกองเลิกคิ้ว กำลังจะอ้าปาก แต่ตอนนี้ อีกด้านหนึ่งของถ้ำ มิติเดือดพล่าน เงาร่างชุดนักพรตตัวโคร่งร่างหนึ่ง มาพร้อมด้วยกลิ่นอายที่น่ากลัวทั้งยังแข็งแกร่งทรงพลัง ก้าวออกมาจากในนั้น
ลมที่พัดหอบมาพัดเอาเสื้อปลิวไปข้างหลัง แนบไปกับร่าง เผยให้เห็นเค้าร่างอรชรเลิศล้ำของคนคนนี้
ครึ่งหนึ่งของร่างกายราวภูเขาที่สูงต่ำสลับซับซ้อน อีกครึ่งหนึ่งเห็นเป็นร่องลึกรางๆ โดยเฉพาะเมื่อสวมใส่ชุดนักพรต ทำให้ผู้คนที่มองเห็นเกิดความรู้สึกถึงความลึกลับขึ้นมาในใจ
เป็นเหยียนเสวียนจื่อนั่นเอง
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น นางเห็นสวี่ชิง เห็นเอ้อร์หนิว ก็อึ้งตะลึงไปก่อน จากนั้นในดวงตาเพียงพริบตาก็เหมือนมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ปะทุขึ้นมา จิตสังหารท่วมฟ้ายิ่งเดือดพล่านพวยพุ่งยิ่งกว่าเดิม
สวี่ชิงจ้องมอง
นายกองทางนั้นอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็สูดลมหายใจลึก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล ร้องเสียงหลง “เวรเอ๊ย เจ้ามาได้อย่างไร!”
พูดจบ นายกองก็หันหลังหนีทันที เหยียนเสวียนจื่อทั่วทั้งร่างจิตสังหารทำลายล้างฟ้าดิน เทียบได้กระทั่งกลิ่นอายน่าหวาดกลัวระดับเตรียมสู่เทวะ ทำให้ทั้งถ้ำระเบิดลั่น ร่างของเขาเพียงก้าวเดียวก็มาถึงข้างๆ คลื่นวน ซัดฝ่ามือหนึ่งไปทางนายกองทางนั้น
“ตาย!”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



