ตอนที่ 1095
แซ่เมิ่งที่น่ารังเกียจ
ร่างอวตารไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปยังสนามรบ เนื่องจากมันไม่มีพลังการต่อสู้มากเท่าใดนัก ร่างนี้จะกระจายหายไปในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นมันจึงมุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำแห่งเซียนที่ถูกครอบครองโดยผู้ฝึกตนอื่นๆ จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า
ภาพเช่นเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ในชนเผ่าอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ที่สะดุดตามากที่สุดคือชนเผ่าแรก ในขณะที่สี่ลำแสงได้พุ่งตรงไปยังสนามรบที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง
เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนลำดับขั้นทั้งหมด ต่างก็ตระหนักว่าสงครามของมนุษย์เหล่านี้มีความสำคัญมากเป็นอย่างยิ่ง!
ถ้าพ่ายแพ้ก็จะทำให้กลิ่นอายแห่งเชื้อชาติต้องกระจายหายไป และการป้องกันก็จะอ่อนแอลงไป ถ้าการป้องกันหายไป…พวกมันก็จะตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง!
ตรงเทือกเขาแห่งหนึ่งในชนเผ่าที่เก้า เป็นหุบเขาซึ่งดูคล้ายกับดินแดนในจินตนาการของเซียน ผู้ฝึกตนมากมายมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่นทั้งด้านในและด้านนอกของหุบเขา จ้องมองไปอย่างเงียบๆ ยังผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่เบื้องหน้า
มันคือหนึ่งในผู้ฝึกตนอสูรจากทะเลที่เก้า ซึ่งในตอนนี้กำลังเอนกายลงบนเบาะ ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ฝึกตนหญิงสาวที่กำลังเต้นรำอยู่
บทเพลงอันไพเราะลอยมาในอากาศ ตามมาด้วยเสียงวิหคขับร้องและกลิ่นหอมของบุปผา ช่างเป็นภาพที่น่าลุ่มหลงเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ฝึกตนอสูรถอนหายใจยาวออกมา ขณะที่มองไปรอบๆ มันยังคงไม่รู้สึกคุ้นเคยกับสถานการณ์ในตอนนี้ ตลอดช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคนทั้งหมดที่มันพบเจอมักจะมองมาด้วยความหวาดกลัวและเคารพนับถืออย่างคลั่งไคล้
แค่มันพูดออกมาเพียงคำเดียว ก็ทำให้ผู้คนต้องฆ่าตัวตายไปได้ เพียงมองไปแค่แวบเดียวก็ทำให้ผู้ฝึกตนหญิงสาวที่งดงามซึ่งมันเห็นว่ามีเสน่ห์ยั่วยวนใจ
ต้องตอบสนองทุกความต้องการของมัน ถ้ามันรู้สึกรำคาญ คนทั้งหมดก็จะสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่ามันคือเจตจำนงแห่งสวรรค์ และมันก็ตกอยู่ภายใต้ความรู้สึกนั้นโดยสิ้นเชิง
มันไม่เคยพบเจอกับสิ่งใดๆ เช่นนี้ตอนอยู่ในทะเลที่เก้ามาก่อน และมันก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีสิ่งใดเป็นเช่นนี้อีกด้วย ในที่แห่งนั้นมีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งกว่ามันมากมายนัก
ถ้ามันออกไปยังที่ห่างไกลบางแห่ง บางทีมันอาจจะมีชีวิตที่มีความสุขเช่นนี้ได้ชั่วคราว แต่ในที่สุดใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่ามันก็จะผ่านเข้ามาและนำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดไป ชีวิตของมันก็จะกลับเป็นปกติเหมือนเช่นเคย
แต่ในอาณาจักรสายลมแห่งนี้แตกต่างกันออกไป ทำให้จิตใจมันตกอยู่ในสภาวะที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
ถึงแม้ว่าจะมีแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ แต่มันก็เป็นศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า และเข้าใจดีว่ามันมีภารกิจที่ต้องทำอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แต่มันก็ไม่อาจจะอดทนต่อความเย้ายวนใจของอาณาจักรสายลมแห่งนี้ได้
ขณะที่มันครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ยกมือขึ้น ใช้นิ้วไต่ลงไปบนแก้มของหนึ่งในหญิงสาวที่งดงาม เมื่อมันมองเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของนาง ผู้ฝึกตนอสูรก็หัวเราะเป็นเสียงดังขึ้น และกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้ามันก็ต้องสลดลง มันมองขึ้นไปและเห็นลำแสงกำลังพุ่งตรงมาจากกลางอากาศ ซึ่งจากนั้นก็กลายเป็นเมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าว!” ดวงตาผู้ฝึกตนอสูรเบิกกว้างขึ้น และลุกขึ้นมายืน ทำท่าป้องกันตัวขึ้นในทันที จากนั้นมันก็ตระหนักว่านี่เป็นเพียงแค่ร่างอวตารเท่านั้น แน่นอนว่าถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ร่างอวตาร แต่มันก็ยังคงเป็นเมิ่งฮ่าว
“ไปยังสนามรบที่วิหารกลางเดี๋ยวนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าว ประโยคเรียบง่ายนี้ทำให้ใบหน้าของผู้ฝึกตนอสูรบิดเบี้ยวขึ้นด้วยโทสะในทันที
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งข้า!”
“อาจจะไม่มี แต่ข้าแข็งแกร่งพอที่จะสังหารเจ้าไปได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างไร้ที่สิ้นสุด เขาอาจจะเป็นเพียงแค่ร่างอวตารที่อ่อนแอ ไม่อาจจะทำอะไรกับผู้ฝึกตนอสูรได้ แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่ากลัวที่ไม่อาจจะโต้แย้งได้ “ไป นั่นคือภารกิจของเจ้าในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าเจ้าจะมีความสุขมากแค่ไหน ที่ได้ตกหลุมรักกับพวกมัน แต่ถ้าเจ้าลืมภารกิจ ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะไว้ชีวิตเจ้า”
ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็หมุนตัวและพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
ผู้ฝึกตนอสูรยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ อยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา มันอาจจะมีโทสะ แต่ก็ไร้ทางเลือกนอกจากต้องปฏิบัติตามเท่านั้น มันบินขึ้นไปในอากาศ โบกสะบัดมือทำให้ก้อนเมฆและกลุ่มหมอกพลุ่งพล่านอยู่รอบๆ ตัว มุ่งหน้าตรงไปยังสนามรบที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง
เมิ่งฮ่าวไม่กังวลใจว่าผู้ฝึกตนอสูรจะปฏิเสธไม่ยอมไป มันไม่ใช่คนแรกที่เมิ่งฮ่าวไปพูดคุยด้วย แต่เป็นคนที่สอง ผู้ฝึกตนอสูรคนแรกก็มีโทสะขึ้นเช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายมันก็หวาดกลัวจนไม่กล้าจะปฏิเสธ ผู้ฝึกตนอสูรคนที่สองมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับคนแรก พวกมันคล้ายกับเป็นจักรพรรดิในโลกใบเล็กๆ ของตนเอง มีสิทธิ์เหนือสิ่งใดๆ ทั้งหมด หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่เช่นนั้นมาหนึ่งเดือนเต็ม ทำให้พวกมันแทบจะสูญเสียความคิดเพ้อฝันของตนเองไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ในความคิดของเขา ผู้ฝึกตน หรือแม้แต่ผู้ฝึกตนอสูร ไม่ควรที่จะปล่อยให้จิตใจถูกชักจูงไปด้วยวิธีการเช่นนี้ในช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น
มีเรื่องราวมากมายหลายสิ่งในโลกด้านนอกที่ตรงกันข้ามกับสถานที่แห่งนี้โดยสิ้นเชิง แต่มันก็เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
แทบจะราวกับว่ามีพลังที่แปลกๆ ในอาณาจักรสายลม ไปส่งเสริมความปรารถนาของผู้คนด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทำให้ความปรารถนานั้นรุนแรงและเด่นชัดมากขึ้น
“ข้าก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน?” เมิ่งฮ่าวถามตัวเอง แต่ก็ไร้คำตอบใดๆ พร้อมกับประกายที่แวบขึ้น เขาพุ่งตรงไปยังสถานที่ของผู้ฝึกตนอสูรคนต่อไป
จุดหมายปลายทางของเขาเป็นเมืองเล็กๆ ภายในเมืองนั้นเป็นร้านตีเหล็ก บุรุษร่างกำยำเปลือยหน้าอกผู้หนึ่งอยู่ที่นั่น และเสียงโลหะกระทบกันก็ได้ยินมา ขณะที่กำลังตีเหล็กอยู่นั้น มันมักจะดึงชิ้นเหล็กออกมาจากเตาหลอมเป็นระยะ ตรวจสอบดูจากนั้นก็เริ่มใช้ค้อนทุบตีลงไป
อากาศในที่แห่งนี้ร้อนมากเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ไม่มีใครอยู่ตรงถนนที่ด้านนอก เมื่อเมิ่งฮ่าวปรากฎกายขึ้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่างของบุรุษร่างกำยำ และมันก็มองขึ้นไปพร้อมกับฝืนหัวเราะออกมา
บุรุษผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นผู้ฝึกตนกายเนื้อร่างกำยำที่เจ้าเล่ห์และมากไหวพริบเป็นอย่างยิ่งจากกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร ซึ่งเมิ่งฮ่าวเคยต่อสู้ด้วยมาก่อน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเอง ข้ารู้ว่าภารกิจของข้าคืออะไร เมื่อไหร่ที่ข้าตีดาบเล่มนี้เสร็จ ข้าก็จะไปเอง” บุรุษผู้นั้นกล่าวขึ้น ยกชิ้นเหล็กที่เป็นสีแดงจ้าซึ่งมันกำลังตีขึ้นมา จากนั้นก็จุ่มลงไปในน้ำเย็น เกิดเป็นเสียงซี่ซี่และฟองอากาศพร้อมกับกลุ่มควันก็พุ่งขึ้นมา
หลังจากผ่านไปชั่วขณะ มันก็ดึงเอาชิ้นโลหะนั้นกลับขึ้นมา เป็นใบมีดที่เต็มไปด้วยรูเล็กๆ แต่ก็มีกลิ่นอายอันน่ากลัวอย่างเหลือล้น
“เจ้าแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ทั้งหมด” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ มองไปรอบๆ ซึ่งดูแล้วก็เหมือนกับร้านตีเหล็กธรรมดาทั่วไป มองไม่เห็นความฟุ่มเฟือยใดๆ แม้แต่น้อย จากสิ่งที่เขาสามารถบอกได้ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ไม่รู้ว่าบุรุษร่างกำยำนี้จริงๆ แล้วก็คือเซียน
“ความปรารถนาของข้าไม่เหมือนใคร และเข้มแข็งผิดปกติ ทำให้พวกมันยากที่จะเติมเต็มข้าได้” บุรุษผู้นั้นกล่าว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ มันก็โยนดาบเล่มใหญ่นั้นเข้าไปในถุงสมบัติ ยิ้มให้กับเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็เดินออกไปจากร้าน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง รูปแบบของบุรุษผู้นี้ดูเหมือนว่าจะแตกต่างเป็นอย่างมากจากก่อนหน้านี้ ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องจ้องมองไปยังมันอยู่ชั่วขณะ
“ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้ชีวิตเช่นนี้” เขากล่าวขึ้นในทันที
“นั่นคือแผนการ” บุรุษร่างกำยำกล่าวตอบพร้อมกับหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา จากนั้นก็บินขึ้นไปในอากาศ หายลับไปในเส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น จากนั้นก็หมุนตัวและหายไป ไปปรากฏร่างขึ้นใหม่อยู่ตรงหน้ามัน
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าบุรุษผู้นั้นจะบินไปยังสนามรบตรงจุดศูนย์กลาง แต่จริงๆ แล้วมันกลับหลบไปยังทิศทางตรงกันข้าม
ในทันทีที่มองเห็นเมิ่งฮ่าวมาปิดกั้นเส้นทางไว้ มันก็หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา
“ผิดทางแล้ว! ข้ามาผิดทางจริงๆ!” มันกล่าวขึ้น จากนั้นก็หันหลังและมุ่งหน้าไปยังสนามรบตรงจุดศูนย์กลาง
เมิ่งฮ่าวมองดูมันหายตัวไป หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก็มองกลับไปยังร้านตีเหล็กอยู่สักพัก ชั่วขณะก็จากไป เขาไม่ได้บังคับใครให้ต้องไปต่อสู้อีก เพียงแค่ตรวจสอบดูถ้ำแห่งเซียนของผู้ฝึกตนอื่นๆ ในชนเผ่าที่เก้าเล็กน้อย
ร่างอวตารของเขากำลังจางหายไปอย่างช้าๆ และบางทีอาจจะเนื่องจากเช่นนั้น ทำให้คนอื่นๆ ยากที่จะตรวจพบเขาได้
เขามองเห็นเป้ยอวี้ ถูกห้อมล้อมด้วยทะเลแห่งบุปผา มองเห็นผู้ฝึกตนและมนุษย์ธรรมดานับไม่ถ้วน กำลังดูแลดอกไม้คล้ายกับเป็นคนสวน ในขณะที่เป้ยอวี้ฝึกตนอยู่ตรงกลาง ถึงแม้จะดูเหมือนว่าภาพทั้งหมดนั้นจะไม่เป็นพิษเป็นภัยใดๆ ในตอนแรก แต่เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะมองเห็นเมล็ดแห่งความปรารถนาที่ค่อยๆ หยั่งรากฝังลึกลงไปในจิตใจของนาง
เขาพบเห็นฝานตงเอ๋อร์ ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ในบริเวณใกล้เคียงมองไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว ความจริงแล้วนางได้นั่งเข้าฌานตามลำพัง เลือกที่จะไม่ติดต่อกับใครในโลกด้านนอก
เขายืนอยู่ที่ด้านนอกถ้ำแห่งเซียนของนางนานสักพัก มองไปด้วยความครุ่นคิด จนในที่สุดก็จากไป
ก่อนที่ร่างอวตารของเขาจะจางหายไป เขาพบเห็นผู้ฝึกตนมนุษย์ที่อยู่ด้านข้างฝานตงเอ๋อร์เพียงคนเดียว เป็นบุรุษหนุ่มที่มาจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า โดยทั่วไปแล้วมันมีรูปร่างหน้าตาที่สุภาพเรียบร้อยและดูคล้ายกับเป็นนักศึกษาอีกด้วย แต่ในโลกแห่งนี้มันได้สร้างภาพที่คล้ายกับเป็นนรกขึ้นมา
มนุษย์ธรรมดาที่นี่สั่นสะท้าน และผู้ฝึกตนก็ตกอยู่ในอาการหวาดกลัว ขณะที่พวกมันขุดหยกเซียนออกมาจากเหมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง!
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นหยกเซียน จิตใจก็ต้องสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย และเริ่มหอบหายใจออกมา ราวกับว่ามีพลังขนาดใหญ่บางอย่างมาปกคลุมจิตใจเขาไว้ ย้ำเตือนให้เขาสังหารผู้ฝึกตนหนุ่มนั่นไปในทันที และนำหยกเซียนทั้งหมดนั้นมาเป็นของตนเอง
แรงกระตุ้นนั้นพุ่งขึ้นมาอย่างไร้วี่แวว และแข็งแกร่งจนดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องกลายเป็นสีแดงก่ำไปในทันที พื้นฐานฝึกตนของเขาพุ่งขึ้นไปและโบกสะบัดมือ
ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อกดทับลงไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในบริเวณนั้น จิตใจพวกมันหมุนคว้าง และได้ยินเสียงแผดร้องด้วยโทสะออกมา ขณะที่ผู้ฝึกตนหนุ่มบินขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
“เมิ่งฮ่าว เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!?!?” มันแผดร้อง ร่างอวตารของเมิ่งฮ่าวพังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปในทันที กลายเป็นเถ้าธุลีไป เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ
แต่ร่างอวตารนี้บรรลุถึงขีดจำกัดของมันแล้ว และพื้นฐานฝึกตนที่พุ่งขึ้นมาของเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้พลังชีวิตที่ยังเหลืออยู่ต้องหายไปในทันที
บุรุษหนุ่มจ้องมองไปด้วยความตกใจอยู่ชั่วขณะ และจากนั้นใบหน้ามันก็หมองคล้ำลง มองตรงไปยังทิศทางของภูเขาไป๋เฟิง และแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา ก่อนที่จะลอยกลับลงไปบนพื้นดิน
ย้อนกลับไปยังภูเขาไป๋เฟิง เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านข้างของรูปปั้น กระอักโลหิตออกมาในทันที และใบหน้าก็ซีดขาว ลืมตาขึ้นมาและสีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นเขาทำท่าร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ เพื่อให้มั่นใจว่าการเข้าฌาณเพื่อความรู้แจ้งของตนเองจะไม่ถูกรบกวน ถ้าพลังสะท้อนกลับที่เกิดขึ้นในช่วงของการเข้าฌาณเพื่อความรู้แจ้งของแก่นแท้ ไม่ทำลายร่างกายและวิญญาณของเขาไป มันก็จะทำให้พื้นฐานฝึกตนของเขาต้องกระจัดกระจายออกไป การรู้แจ้งเช่นนี้ไม่อาจจะถูกรบกวนได้ ต้องเพ่งสมาธิอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น
“เหมือนกับว่าข้าไม่อาจจะควบคุมตนเองได้!! ในทันทีที่ข้าเห็นหยกเซียน แรงกระตุ้นที่ข้ารู้สึกมันรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ช่างเป็นเรื่องที่…ยากจะอธิบายออกมาได้ ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือในตอนนั้น ข้าไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะต่อสู้กลับไป”
เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับจิตใจที่สั่นสะท้าน สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ทันใดนั้นก็ตระหนักถึงความลี้ลับที่แท้จริงของอาณาจักรสายลม ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าอาจจะได้รับผลกระทบเช่นกันโดยที่ตนเองไม่รู้ตัวมาก่อน บางทีอาจจะอยู่ในช่วงที่เขาเพิ่งจะมาถึงอาณาจักรสายลม
จิตใจเขาเริ่มเย็นชากว่าปกติที่เคยเป็น และความคิดนั้น…ก็ทำให้เขาต้องสั่นสะท้านขึ้นมา
“แรงปรารถนาถูกขยายให้มีมากขึ้น…โชคดีที่เป็นแค่ร่างอวตาร และจบลงด้วยการทำลายตนเองไป ถ้าเป็นร่างจริงของข้า…” เขาคาดคิดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเป็นเช่นนั้น
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็เริ่มจมอยู่ในการเข้าฌานอีกครั้ง แต่ความระมัดระวังตัวในจิตใจก็ยังคงอยู่ในระดับสูงสุด
ย้อนกลับไปยังสนามรบของมนุษย์ตรงจุดศูนย์กลาง สามผู้ฝึกตนอสูรเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย ทำให้ช่วยผ่อนคลายความตรึงเครียดไปได้บางส่วน แต่ไม่นานนักผู้ฝึกตนจากชนเผ่าต่างๆ ก็มาถึง และการสู้รบก็ยิ่งมีความวุ่นวายเพิ่มมากขึ้น ชนเผ่าที่เก้ามีปัญหาในการรวบรวมกลิ่นอายแห่งเชื้อชาติ ทำห้พวกมันประสบกับความพ่ายแพ้มากขึ้น จริงๆ แล้ว จากลำแสงสีโลหิตทั้งหมด ลำแสงของพวกมันพุ่งสูงขึ้นไปน้อยที่สุด
ในตอนนี้เอง…ที่บุรุษหนุ่มร่างผอมแห้งในชนเผ่าที่แปด ซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยกระดูก ได้ลุกขึ้นมายืนอย่างฉับพลัน มันเป็นบุคคลแรกที่ได้รับความรู้แจ้งจากหนึ่งร้อยแก่นแท้โดยสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น มันหยุดความพยายามที่จะได้รับความรู้แจ้งใดๆ ไว้ หันหน้าตรงไปยังชนเผ่าที่เก้า รังสีสังหารพุ่งสูงขึ้นไป
“เมิ่งฮ่าว แซ่เมิ่ง…นั่นคือแซ่ที่ข้ารังเกียจมากที่สุด!”
ด้วยเช่นนั้น ประกายแสงก็แวบขึ้นขณะที่มันพุ่งตรงไปยังชนเผ่าที่เก้า พร้อมกับรังสีสังหารที่พลุ่งพล่านปั่นป่วน
“ไม่เป็นไร เจ้าต้องตายเป็นคนแรก ข้าจะเอาเครื่องหมายตราประทับของเจ้ามา และบดขยี้เจ้าไป! ข้า, หานชิงเหลย จะสร้างชื่อด้วยการสังหารคนที่อยู่ในลำดับขั้น!”