ตอนที่ 1117
มันมาแล้ว
บนภูเขากั๋วยิ่นของชนเผ่าที่หก เด็กชายหงปินนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่ดุร้าย ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ติดตามทั้งเก้า ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของมันพร้อมที่จะถูกใช้งานได้ทุกเมื่อ เพียงแค่ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันก็จะถูกเคลื่อนย้ายทางไกลจากไปได้ในทันที
มันถือตราประทับของชนเผ่าที่หกไว้ในมือจนแน่น ขณะที่จ้องมองไปยังอวี่เหวินเจียนด้วยความเย็นชา แต่ก็ยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายทางไกลจากไป
อวี่เหวินเจียนรีบพุ่งตรงไป จนกระทั่งอยู่ที่ด้านนอกเกราะป้องกันของภูเขากั๋วยิ่น แน่นอนว่าถ้าหงปินไม่ยอมให้ผ่านเข้าไป สิ่งที่มันสามารถจะทำได้ทั้งหมดก็คือ ลอยตัวอยู่ที่ด้านนอกและยิ้มอย่างแห้งแล้งออกมา
“น้องหงปิน…เจ้าฟังข้าพูดก่อน…”
“ไสหัวไป! ใครก็ตามที่เจ้าเรียกพี่เรียกน้องด้วย ต้องซวยไปตลอดชาติ!” หงปินมีสีหน้าที่น่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่ห่างไกลออกไป ดวงตาเบิกกว้างขึ้น เดิมทีมันไม่ได้คิดมากนักเกี่ยวกับลำดับขั้นคนล่าสุดนี้ แต่พลังที่แสดงออกมาของเมิ่งฮ่าวในอาณาจักรสายลมแห่งนี้ ได้ม้วนกวาดความคิดที่ไม่แยแสสนใจต่อผู้ฝึกตนลำดับขั้นคนอื่นๆ ของมันไปโดยสิ้นเชิง
เขาทำให้หานชิงเหลยต้องพ่ายแพ้ ตัดเส้นทางของหลินชงไป และยังได้สังหารผู้ฝึกตนลำดับขั้นไปอีกด้วย
ความสำเร็จในการต่อสู้เช่นนั้น ทำให้เขามีชื่อเสียงจนคล้ายกับเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้า และเป็นบุคคลที่ไม่มีใครจะสามารถมองข้ามไปได้
หงปินกัดฟันแน่นและกล่าวว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดออกมาสามครั้ง หลังจากนั้นเจ้าก็ควรจะกลับไปยังสถานที่ที่เจ้าจากมา มิเช่นนั้นหงโหม่วก็จะไปแล้ว!”
“ไปแล้ว? ไปที่ไหน?” อวี่เหวินเจียนร้องตะโกนขึ้น จ้องนิ่งไปยังหงปิง “เจ้าไม่อาจจะออกไปจากอาณาจักรสายลมนี้ได้! ไม่ว่าเจ้าจะหลบหนีไปยังที่แห่งใด ถ้าเต้าเทียนคิดว่าคุ้มค่าที่จะไล่ตามเจ้าไป แล้วเจ้าคิดว่ามันจะปล่อยให้เจ้าหลบหนีไปได้จริงๆ?”
หงปินมีสีหน้าบูดบึ้งขึ้น มันก็ตระหนักดีเช่นเดียวกันว่า การหลบหนีไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในระยะยาว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ เต้าเทียนแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าพูดได้อีกสองครั้ง!” หงปินกล่าวด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
“เจ้าไร้พลังที่จะต่อต้านได้ และข้าก็เช่นกัน ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากอาณาจักรสายลมอันบัดซบ และกฎที่ถูกเปลี่ยนไป อย่าได้บอกข้าว่าเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นตัวอักษรที่อยู่บนผนัง ยิ่งไปกว่านั้น อย่าได้คิดว่าข้าจะเชื่อว่าเจ้าไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องนำเมิ่งฮ่าวมายังที่แห่งนี้ ถ้าร่วมมือกันพวกเราก็จะได้เปรียบเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ถ้าแยกกันก็จะมีอันตรายเป็นสองเท่าด้วยเช่นกัน!”
“เจ้าพูดได้อีกหนึ่งครั้ง!”
หงปินกล่าวขึ้นช้าๆ วางมือขวาลงไปบนพื้น ทำให้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเริ่มหมุนวนไปมา และจ้องนิ่งไปยังอวี่เหวินเจียนอยู่ตลอดเวลา
“ท่านย่ามันเถอะ! บิดาไม่พูดแล้ว! ถ้าเจ้าอยากจะไป ก็ให้รีบไสหัวไป!” อวี่เหวินเจียนแผดร้องออกมา
หงปินจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง และสีหน้ามันก็ยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น มันเลื่อนสายตามองไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่ห่างไกลออกไป หลังจากที่ผ่านไปนานสักพักมันก็กัดฟันแน่น
“มันเอาชนะเต้าเทียนได้?”
“อาจจะได้ หรืออาจจะไม่ได้ ต่อให้เจ้าร่วมมือกับพวกเรา ก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะเต้าเทียนได้…แต่นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเรา อีกทางเลือกก็คือรอคอยให้เต้าเทียนมาสังหารพวกเราไปทั้งหมดทีละคน!”
หงปินเงียบไป ถ้าอวี่เหวินเจียนบอกว่ามันมั่นใจที่จะเอาชนะเต้าเทียนได้ หงปินคงจะเคลื่อนย้ายทางไกลหลบหนีจากไปในทันที โดยปกติแล้ว มันไม่เชื่อในสิ่งที่อวี่เหวินเจียนพูดมาทั้งหมด
แต่คาดไม่ถึงว่าอวี่เหวินเจียนจะตอบมาเช่นนี้ ทำให้หงปินต้องรู้สึกลังเลขึ้นมา
“มันต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือของข้า!?”
หงปินถามขึ้น มองไปยังอวี่เหวินเจียน
อวี่เหวินเจียนมองกลับไปยังหงปินอย่างเงียบๆ อยู่ชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวตอบ “เจ้าจำเป็นต้องถามจริงๆ?”
หลังจากผ่านไปอีกชั่วครู่ มันก็กล่าวต่อ
“สหายเต๋าหงปิน ข้าอาจจะหลอกลวงเจ้าเมื่อในอดีตที่ผ่านมา แต่เจ้าก็ต้องยอมรับว่าในตอนนั้น ข้าไม่ได้ทำให้เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!”
หงปินกัดฟันแน่น จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวา ตราประทับของชนเผ่าที่หกลอยออกไป ทะลุผ่านเกราะป้องกัน และลอยผ่านอวี่เหวินเจียนตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
ถ้ามันต้องการจะซื้อความพึงพอใจ มันก็ต้องให้เมิ่งฮ่าวเป็นหนี้มัน ดีกว่าที่จะเป็นอวี่เหวินเจียน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่ยื่นมือตรงไปยังตราประทับที่กำลังใกล้เข้ามา
“สหายเต๋าเมิ่งฮ่าว ข้าไม่รู้ว่าอวี่เหวินเจียนที่ไร้ยางอายผู้นี้เคยบอกอะไรกับท่านบ้าง แต่เมื่อนี่คือการพบกันครั้งแรกของพวกเรา
ข้าจึงต้องขอบอกให้ชัดเจน…เต้าเทียนได้เริ่มสังหารผู้คนแล้ว และข้าก็ไม่ต้องการจะตกเป็นเหยื่อของมัน เช่นเดียวกับอวี่เหวินเจียน สำหรับท่าน…ถ้าท่านต้องการจะต่อสู้กับเต้าเทียน ท่านจำเป็นต้องให้พวกเราช่วยเหลือ!”
หงปินกล่าวจบในรวดเดียว
“อย่างน้อยที่สุด ท่านต้องการพวกเราจนกระทั่งเต้าเทียนตกตายไป!”
เมิ่งฮ่าวคว้าจับตราประทับไว้ หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ก็พยักหน้ากล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
“คงจะเป็นเช่นนั้น พวกท่านเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้หงปินต้องจ้องมองไปด้วยความงุนงง มันคาดไม่ถึงว่าเมิ่งฮ่าวจะกล่าวตอบกลับมาเช่นนี้ ช่างเป็นคำตอบที่ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของมันโดยสิ้นเชิง ดวงตาอวี่เหวินเจียนก็เบิกกว้างขึ้นด้วยเช่นกัน คนทั้งสองสบตากันไปมา และจากนั้นก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
“สหายเต๋าเมิ่ง ท่านช่างจริงใจและตรงไปตรงมาเป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใดๆ ข้าพร้อมที่จะต่อสู้แล้วในตอนนี้!”
หงปินกล่าวตอบ จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืน พื้นฐานฝึกตนของมันพุ่งขึ้นไป จนเกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา และสายลมขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า
สายตาของอวี่เหวินเจียนสาดประกายขึ้นด้วยความเด็ดเดี่ยว และพื้นฐานฝึกตนของมันก็ระเบิดเป็นพลังพุ่งขึ้นมาด้วยเช่นกัน สายลมอันปั่นป่วนวุ่นวายอีกสายส่งเสียงกระหึ่มดังขึ้นไปในท้องฟ้า รวมตัวเข้ากับสายลมของหงปิน ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนไปมา พลังอันน่าตกใจนี้ทำให้พื้นดินสั่นสะท้าน และอากาศก็บิดเบี้ยวไปมา ดูคล้ายกับเป็นคบเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่ในยามราตรีอันมืดมิด เป็นการประกาศไปถึงผู้ฝึกตนลำดับขั้นทั้งหมด รวมทั้งเต้าเทียนด้วยว่าพวกมัน…ต้องการจะต่อสู้ด้วย!!
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เก็บตราประทับของชนเผ่าที่หกไว้ และจากนั้นก็ปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาด้วยเช่นกัน เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น ขณะที่พลังของเขามากเกินกว่าของอวี่เหวินเจียนและหงปิน ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
คนเหล่านี้คือสามผู้ฝึกตนลำดับขั้น ที่กำลังพุ่งพลังออกไปโดยพร้อมเพรียงกัน สร้างเป็นเจตจำนงแห่งการต่อสู้ จนทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือน ส่งข้อความท้าทายไปยังเต้าเทียนโดยตรง!
นี่ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง, แผนการ หรือเล่ห์เหลี่ยมใดๆ นี่คือการประกาศสงครามอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา!
มนุษย์ธรรมดาในอาณาจักรสายลมไม่อาจจะสังเกตเห็นได้ นอกจากรู้สึกว่าแรงกดดันในอากาศได้เพิ่มขึ้นมาอย่างฉับพลันเท่านั้น แต่ผู้ฝึกตนสามารถจะรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจนี้ ทำให้พื้นดินต้องสั่นสะเทือนและเกิดเป็นความปั่นป่วนพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า
สำหรับเจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่พุ่งออกมาจากเมิ่งฮ่าว, อวี่เหวินเจียน และหงปิน…มีแต่ผู้ฝึกตนลำดับขั้นเท่านั้นที่สามารถจะรับรู้ได้
หานชิงเหลยและหลินชง ไม่ได้อยู่ในชนเผ่าของพวกมันมานานแล้ว ทั้งคู่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่บางแห่งของอาณาจักรสายลม ในถ้ำบนภูเขาแห่งหนึ่ง หานชิงเหลยมองตรงไปยังทิศทางของชนเผ่าที่หก และสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปในทันที
หลินชงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ก้นทะเลสาบ เมื่อน้ำในทะเลสาบเริ่มสั่นไปมา มันก็มองขึ้นไปในทันที และแววตาก็สาดประกายขึ้น
ในชนเผ่าที่สี่ เต้าเทียนกำลังบินฝ่าอากาศไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด แต่ทันใดนั้นเองมันก็หยุดชะงักนิ่ง และมองไปยังทิศทางของชนเผ่าที่หก
แสงอันเจิดจ้าปรากฏขึ้นในดวงตา และรอยยิ้มน้อยๆ ก็บิดขึ้นมาอยู่ตรงมุมปาก มันรับรู้ได้ถึงความต้องการต่อสู้ในพลังที่พุ่งขึ้นมาทั้งสามนั้น และสามารถจะบอกได้ว่านั่นคือคำท้ารบสำหรับมัน
“พวกเจ้าต้องการจะสู้? ถ้าเช่นนั้นก็มาต่อสู้กัน!”
มันกล่าวขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง จากนั้นก็ระเบิดความเร็วขึ้น กลายเป็นมังกรสีฟ้าส่งเสียงแผดร้องคำรามพุ่งจนหายลับตาไป
เสียงร้องคำรามนั้นทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน เกิดเป็นสายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา และท้องฟ้าก็เคลื่อนถอยไปทางด้านหลัง เมื่อเทียบกับพลังของเมิ่งฮ่าวและอีกสองคน พลังของมันมีมากกว่าอยู่เล็กน้อย!
ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ผลักดันตนเองให้มีความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น พุ่งทะลวงฝ่าอากาศไป จนเหลือไว้แต่ภาพซ้อนทับอย่างเลือนราง ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังชนเผ่าที่หกด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
ที่ด้านนอกของภูเขากั๋วยิ่นของชนเผ่าที่หก แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ปลดปล่อยพลังออกมา ทั้งหมดต่างก็รู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาตอบรับจากเต้าเทียน สีหน้าของอวี่เหวินเจียนหมองคล้ำลง
“บัดซบ มันแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้!!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น เขาไม่เคยพบกับเต้าเทียนแห่งขุนเขาแรกมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินผู้ฝึกตนลำดับขั้นคนอื่นๆ เอ่ยนามของมันมา เขารู้ว่าเต้าเทียนแข็งแกร่ง และมันก็ได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่งของลำดับขั้นมาตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อนแล้ว
สามสิบปีต่อมา ผู้ฝึกตนลำดับขั้นคนอื่นๆ มีโอกาสที่จะไล่ตามทัน ทำให้พวกมันตกอยู่ในสถานะที่ต้องไปต่อสู้กับมัน แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นมาในอาณาจักรสายลมแห่งนี้ ก็ดูเหมือนว่าเต้าเทียน…ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในท่ามกลางสมาชิกที่แข็งแกร่งมากที่สุด
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็แวบขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้อย่างเข้มข้น
ที่ด้านในเกราะป้องกันของภูเขากั๋วยิ่น หงปินรู้สึกว่าจิตใจมันกำลังเต้นรัวขึ้นมา และเริ่มบ่นพึมพำอยู่ภายในใจ ตอนนี้เมื่อเต้าเทียนเปิดเผยพลังของมันออกมา ความรู้สึกกล้าหาญของหงปินเมื่อครู่นี้กำลังจางหายไป
แต่หลังจากนั้นชั่วขณะ ดวงตามันก็แวบประกายขึ้นและกล่าวว่า “ข้าเก่งในเรื่องเวทแห่งเต๋า ข้าจะอยู่ที่ด้านหลังของเกราะป้องกันนี้เพื่อความปลอดภัย และจะใช้วิชาเวทโจมตีไปยังเต้าเทียน นั่นคือสิ่งที่ข้าจะช่วยพวกท่านได้ พี่เมิ่งและพี่อวี่เหวิน”
อวี่เหวินเจียนลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กัดฟันแน่น ความมุ่งมั่นลุกโชนขึ้นมาในดวงตา และมีท่าทางคล้ายกับว่ามันพร้อมที่จะโยนความระมัดระวังตัวใดๆ ไปกับสายลมแล้ว
“ข้าคือผู้ฝึกตนกายเนื้อ และข้าก็มีร่างเทพหกจ้างเก้าเปลี่ยนแปลง พี่เมิ่ง ท่านอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่มพวกเรา แต่ท่านก็ไม่เคยปะทะกับเต้าเทียน ปล่อยให้ข้าเป็นคนนำในการต่อสู้นี้ ข้าจะถ่วงเวลาให้ท่านทำการศึกษาวิเคราะห์มัน”
คำพูดที่กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันของอวี่เหวินเจียนนี้ ทำให้หงปินต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง อวี่เหวินเจียนเป็นคนที่ดูเหมือนว่าจะซื่อสัตย์ แต่จริงๆ แล้วก็เจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นหงปินจึงไม่มีทางจะคาดคิดว่า มันจะกระทำตามที่กล่าวมา
เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังอวี่เหวินเจียนด้วยสีหน้าแปลกๆ เช่นเดียวกัน หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก็พยักหน้ากล่าวว่า
“ก็ดี มันจะช่วยให้ข้ามีเวลาที่จะศึกษาเรียนรู้ได้บ้าง”
คนทั้งสามนั่งลงขัดสมาธิ ไม่พูดอะไรออกมาอีก อวี่เหวินเจียนและเมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่กลางอากาศตรงด้านนอกของเกราะป้องกัน หงปินอยู่ที่ด้านใน
ทั้งสามยังคงอยู่ในขั้นสูงสุดขณะที่รอคอยให้เต้าเทียนมาถึง ในที่สุดอวี่เหวินเจียนก็หยิบเอาขวดเม็ดยาออกมา และกลืนกินลงไปหนึ่งเม็ดอย่างเงียบๆ เสียงกระหึ่มดังก้องออกมาจากภายในร่างของมัน และเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงสีแดง
“โลหิตเทพ?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้นในทันที
“หยดสุดท้ายของข้าแล้ว” อวี่เหวินเจียนกล่าวตอบ บดขยี้ขวดยาไป เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันคือหยดสุดท้ายจริงๆ
“เจ้าได้มันมาอย่างไร?” เมิ่งฮ่าวถาม
“ด้วยการสังหารเทพไป! พี่เมิ่ง ถ้าท่านสนใจ ตราบเท่าที่ข้าไม่ได้ตายไปในการต่อสู้ครั้งนี้ สักวันหนึ่งข้าจะนำท่านไปยังขุนเขาที่เจ็ด พวกเราสามารถเดินทางไปยังดินแดนเทพ และสังหารเทพบางส่วนไปได้!”
เมิ่งฮ่าวพยักหน้า “ตกลง!”
เวลาผ่านไป ในที่สุดเต้าเทียนก็พุ่งฝ่าท้องฟ้าของชนเผ่าที่ห้ามา ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่ว พื้นดินสั่นสะเทือน และท้องฟ้าก็ฉีกขาดออกเป็นรอยแตกขึ้น
ทันใดนั้นเอง สายโซ่สีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้น ม้วนพันไปรอบๆ แขนของเต้าเทียน สายโซ่เส้นนั้นกระจายกลิ่นอายของวิเศษโบราณออกมา มันคือรางวัลจากการสังหารผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาที่สอง โซ่เซียนภูเขาสูง!
บนพื้นผิวของสายโซ่เริ่มปรากฏเป็นภาพของภูเขาขึ้นมาอย่างช้าๆ แม้แต่ภูเขาเซียนก็ยังมองเห็นได้เป็นระยะ!
เต้าเทียนพุ่งผ่านชนเผ่าที่ห้ามา ด้วยสีหน้าที่เย็นชาราวน้ำแข็ง เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเชื่อมั่นในตนเองด้วยเช่นกัน ในที่สุดมันก็มาถึง…ชนเผ่าที่หก
ในทันทีที่มันผ่านเขตชายแดนเข้ามา แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อก็กดทับลงไปบนร่างของมัน
ย้อนกลับไปบนยอดเขากั๋วยิ่นของชนเผ่าที่หก หงปินกล่าวขึ้นมาในทันที “มันมาแล้ว!!”
ดวงตาอวี่เหวินเจียนเริ่มสาดประกายขึ้น และรีบลุกขึ้นมายืน มีท่าทางเคร่งเครียดมากกว่าที่เคย
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมองออกไปยังที่ห่างไกล ในทิศทางนั้น เขารับรู้ได้ว่าสวรรค์กำลังสั่นสะท้าน ปฐพีกำลังแตกกระจายออกไปด้วยพลังปราณและโลหิต ที่กำลังส่งเสียงดังกระหึ่มพุ่งตรงมายังทิศทางนี้