Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1119

ตอนที่ 1119

หงปินต่อสู้จนตัวตาย!

เต้าเทียนเผชิญหน้ากับเวทผู้ยิ่งใหญ่ของเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ด้วยความเย่อหยิ่ง ทันใดนั้นมันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และพลังก็พุ่งทะยานขึ้นมา ขณะที่ยกมือขวาโบกสะบัดออกไปรอบๆ บริเวณนั้น

“สำหรับเวทผู้ยิ่งใหญ่ของข้า ข้าเรียกมันว่า…ภาพวาดผู้ยิ่งใหญ่!” ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน อากาศที่อยู่เบื้องหน้าเต้าเทียนก็บิดเบี้ยวไปมาและฉีกขาดออก ขณะที่ม้วนภาพได้ลอยออกมา

ม้วนภาพนั้นเป็นสีดำสนิทและกระจายความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณอย่างไร้ขอบเขตออกมา ดูเหมือนจะคล้ายกับเป็นสิ่งที่คงอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน และก่อนที่มันจะคลี่กางออกมา ก็กระจายกลิ่นอายที่น่ากลัวอย่างน่าเหลือเชื่อออกมา

พลังของกลิ่นอายนั้นทำให้เกิดเป็นสีสันแวบขึ้นไปในทั่วทุกที่อย่างฉับพลัน และสายลมก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ยากที่จะอธิบายถึงระดับพลังของมันได้ กลิ่นอายอันน่ากลัวนี้เป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต

ดูเหมือนจะเป็นกลิ่นอายของใครบางคน ที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานไม่รู้จบ เป็นคนที่สามารถทำลายล้างโลกมาจนนับไม่ถ้วน เป็นคนที่พิสูจน์ได้ว่าด้วยศักดิ์ฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของมัน สามารถจะสังหารได้อย่างไร้จุดสิ้นสุด!

อากาศเกิดเป็นเสียงดังกระหึ่ม และบิดเบี้ยวไปมา ภายใต้พลังของกลิ่นอายอันน่ากลัวนี้ ท้องฟ้าเริ่มมืดคลึ้มลง ราวกับว่ากำลังถูกปกคลุมไปทั่ว ราวกับว่าทั่วทั้งโลกแห่งนี้กำลังกลายเป็นสีดำไป

พื้นดินสั่นสะเทือน และกลิ่นอายอันน่ากลัวก็ทำให้กลุ่มหมอกพุ่งขึ้นมา และม้วนตัวออกไปในทั่วทุกทิศทาง ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังเต้นรัว เช่นเดียวกับอวี่เหวินเจียนและหงปิน ซึ่งมีสีหน้าสลดลงไป

ราวกับว่าภายในม้วนภาพวาดนั้น ได้ซุกซ่อนอสูรร้ายอันโหดเหี้ยม ซึ่งเพียงแค่กลิ่นอายของมันก็สามารถจะดูดแสงสว่างของโลกแห่งนี้ไปได้ทั้งหมด!

“ภาพวาดผู้ยิ่งใหญ่ เปิดออก!”

เต้าเทียนกล่าวขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง ขยับมือร่ายเวทและชี้ไปยังม้วนภาพวาด ม้วนภาพเริ่มคลี่กางออกอย่างไร้เสียง แต่ยังไม่เปิดออกมาอย่างสมบูรณ์ เพียงแค่ประมาณสามในสิบส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตามสามส่วนนั้นก็เปิดเผยให้เห็นถึงภาพบางส่วน เป็นโลกแปลกๆ โลกหนึ่ง มีสีดำสนิท และถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะมองเห็น…ดินแดนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นแหล่งรวบรวมความตายเข้าด้วยกัน

มองไม่เห็นอะไรอื่นอีกนอกจากดินแดนแห่งนั้น แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นเช่นนั้น จนกว่าม้วนภาพวาดนี้จะถูกคลี่กางออกมามากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม แค่ส่วนเล็กๆ นั้น ก็ทำให้เกิดเป็นพลังอย่างสุดที่จะพรรณนาพุ่งออกมา กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง พร้อมกับกลิ่นอายอันน่ากลัว

สวรรค์และปฐพีดูเหมือนว่าแทบจะพังทลายลงไป โลกแห่งนี้ดูเหมือนกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลังขนาดใหญ่ส่งเสียงดังกระหึ่ม ม้วนกวาดตรงไปยังอวี่เหวินเจียน และทำลายเวทผู้ยิ่งใหญ่ของมันจนแตกกระจายไปโดยสิ้นเชิง เมื่อภาพสีโลหิตเวทผู้ยิ่งใหญ่ของอวี่เหวินเจียนพังทลายลงไป มันก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก

เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าภูเขากำลังบดขยี้ลงมา ร่างกายสั่นสะท้าน และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก เขาโซเซถอยไปทางด้านหลังสิบจ้าง เมื่อมองไปยังเวทผู้ยิ่งใหญ่อันน่ากลัวของเต้าเทียน ก็ตระหนักว่าเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะต่อสู้ด้วยได้

“สิ่งที่ถูกวาดอยู่ในม้วนภาพนั้นคืออะไรกัน!?” เมิ่งฮ่าวคิดด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน

ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายมากที่สุดของคนทั้งสามคือเด็กชายหงปิน มันแผดร้องขึ้นและจากนั้นก็กระอักโลหิตออกมากองโต ขณะที่พุ่งถอยไปทางด้านหลัง ก่อนที่หงปินจะทันไปได้ไกล ภาพอันเลือนรางก็พุ่งฝ่าอากาศมา ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเต้าเทียน ใบหน้ามันซีดขาว เห็นได้ชัดว่าเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกปลดปล่อยออกมาโดยเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ จากก่อนหน้านี้ ได้โจมตีไปที่มันอย่างที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้

พวกเขาบังคับให้มันต้องใช้เวทผู้ยิ่งใหญ่เพื่อต่อสู้กลับมา ถ้ามันมีผู้ติดตามมายังที่แห่งนี้ ก็คงต้องประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง ด้วยความเย่อหยิ่งของเต้าเทียน ทำให้มันไม่เคยจะปลดปล่อยเวทผู้ยิ่งใหญ่ออกมา ในช่วงการต่อสู้กับกลุ่มคนในรุ่นเดียวกันกับมัน จริงๆ แล้ว มันเคยใช้เวทนี้เพื่อสะกดข่มผู้แข็งแกร่งจากรุ่นผู้อาวุโสมาเท่านั้น

แต่ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ได้บังคับให้มันต้องใช้เวทนี้ออกมา เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รวมพลังกันของพวกเขา ก็ทำให้จิตใจของเต้าเทียนต้องเต็มไปด้วยวิกฤตอันร้ายแรงขึ้นมาอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของวิกฤตนี้ทำให้มันต้องปลดปล่อยเวทผู้ยิ่งใหญ่ของตัวเองออกมา ทำให้สามารถจะพลิกสถานการณ์ของการต่อสู้นี้ขึ้นมาได้ในทันที ฉับพลันนั้นมันก็ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าหงปิน ดวงตาแวบรังสีสังหารขณะที่ฟาดฝ่ามือโจมตีไป

ฝ่ามือที่ฟาดออกไปอย่างเรียบง่ายนั้น เต็มไปด้วยพลังที่ระเบิดออกไป จนกลายเป็นเจตจำนงแห่การสังหาร ที่กระแทกเข้าไปในร่างของหงปิน

เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะตกตายไป แววตาบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของหงปิน มันแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา เลือกที่จะระเบิดตนเองไปในช่วงเวลาเดียวกับที่เต้าเทียนกำลังมาสังหารมัน

ดวงตามันกลายเป็นสีแดงจ้า ขณะที่พื้นฐานฝึกตนระเบิดขึ้นด้วยพลังอันบ้าคลั่ง เมื่อร่างของหงปินระเบิดออกไป ม่านตาเต้าเทียนก็หดเล็กลง มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ใช้เสื้อผ้าของมันป้องกันตนเอง

หงปินระเบิดออก ร่างของมันกลายเป็นสายลมอันปั่นป่วนวุ่นวาย ม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง

แรงระเบิดขนาดใหญ่นั้น ทำให้ท้องฟ้าแตกกระจาย และพื้นดินก็ถูกบดขยี้ไป เจตจำนงแห่งการสังหารของหงปินพังทลายลงด้วยพลังของแรงระเบิด และใบหน้าของเต้าเทียนก็ซีดขาว มันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากผลกระทบนี้ แต่ก็ไม่ได้กระอักโลหิตออกมาแม้แต่น้อย

หงปินฉวยโอกาสในช่วงนี้ก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มโลหิต เมื่อมันปรากฏกายขึ้นอีกครั้งก็พุ่งถอยไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วสูงสุด

“ช่วยข้าด้วย!” มันแผดร้องออกมา มันเคยตายไปแล้วหนึ่งครั้งก่อนหน้านี้ ในช่วงที่อยู่ในขุนเขาที่หก ถ้ามันทำการระเบิดตัวเองไปอีกครั้งเหมือนเมื่อครู่นี้ ก็หมายความว่ามันไม่อาจจะกลับมาได้อีกต่อไป ถ้าตายไปอีกครั้ง มันก็จะตายไปอย่างถาวร

ในช่วงเวลาเดียวกับที่หงปินร้องขอความช่วยเหลือ

เมิ่งฮ่าวและอวี่เหวินเจียนก็ทำการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ออกมา และอวี่เหวินเจียนก็แผดร้องคำราม ขณะที่แสงสีแดงหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ตัว มันต่อยหมัดออกไปทำให้เงาร่างสีโลหิตปรากฏขึ้น เป็นยักษ์ขนาดใหญ่ที่ต่อยหมัดตรงไปยังเต้าเทียน

เต้าเทียนแค่นเสียงเย็นชา ขณะที่ยักษ์สีโลหิตของอวี่เหวินเจียนเข้ามาใกล้ มันใช้มือซ้ายขยับร่ายเวทและชี้ออกไป ทันใดนั้นโซ่เซียนที่อยู่บนแขนก็หายไป จากนั้นก็พุ่งออกไปจากนิ้วของมัน

กระแทกเข้าไปในร่างยักษ์สีโลหิต เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่ร่างยักษ์ระเบิดขึ้น แต่โซ่เซียนก็ไม่ได้หยุดลง กลับพุ่งตรงไปยังอวี่เหวินเจียนอย่างต่อเนื่อง

บุคคลที่เต้าเทียนวิตกกังวลมากที่สุดจริงๆ แล้วก็คือเมิ่งฮ่าว ซึ่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขากำลังพุ่งตรงมาที่มันแล้วในตอนนี้

“แก่นแท้…ข้าก็มีเช่นกัน!”

มันพูดขึ้นมาในทันที พ่นบางสิ่งบางอย่างออกมาจากปาก และมองเห็นประกายสายฟ้าแวบขึ้นมา เป็นสายฟ้าสีแดงที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการเรียกสายฟ้ามาจากสวรรค์และปฐพี สายฟ้านับไม่ถ้วนเริ่มฟาดลงมา กลายเป็นทะเลแห่งสายฟ้าพุ่งตรงไปยังแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว

เมื่อพลังทั้งสองกระแทกเข้าหากัน แก่นแท้เปลวไฟและแก่นแท้สายฟ้า ต่างก็พังทลายลงไปพร้อมกับเสียงกระหึ่มที่ดังก้องออกมา

ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่ความจริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่เต้าเทียนทำการต่อต้านเมิ่งฮ่าว และ

อวี่เหวินเจียน มันไม่ได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย ก่อนที่จะไล่ตามหงปินไป

“ตาย!” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ มือขวากำเป็นหมัด และต่อยออกไป หมัดนั้นประกอบไปด้วยสายลมอันรุนแรงอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ สายลมอันปั่นปั่วนวุ่นวายที่ระเบิดออกไปนั้น ได้กดทับลงไปบนร่างหงปิน

แสงแห่งความสิ้นหวังแวบขึ้นมาในดวงตาของหงปิน และมันก็ใช้สองมือขยับร่ายเวท ทำให้ค่ายกลเวทจำนวนมากปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า มันยังได้โบกสะบัดมือไปอีกด้วย ทำให้ของวิเศษมากมายลอยออกมาจากถุงสมบัติ มันยังได้ใช้ของวิเศษที่ช่วยชีวิตออกมาอีกด้วย

มันทุ่มออกมาจนหมดหน้าตักเพื่อทำการต่อต้าน แต่ค่ายกลเวทและของวิเศษทั้งหมดของมัน ถูกเต้าเทียนบดขยี้ไปอย่างง่ายดาย ราวกับว่าพวกมันเป็นหญ้าแห้ง ทุกสิ่งทุกอย่างแตกกระจายออกไป และขณะที่สายลมนั้นกำลังจะกระแทกเข้าไปบนร่างของหงปิน จู่ๆ เต้าเทียนก็เปลี่ยนหมัดให้กลายเป็นกรงเล็บ ตวัดเฉือนลงไปที่หน้าผากของหงปิน

จากนั้นเสียงอันเย็นชาของเต้าเทียนก็ดังก้องออกมาสามคำ

“เทียนเยาสือ!” (อสูรฟ้ากลืนกิน)

หงปินส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมาในทันที ร่างกายมันแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่พลังชีวิตของมันถูกเต้าเทียนดูดกลืนเข้าไป ทันใดนั้นอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเต้าเทียนก็ถูกรักษาไปจนหมดสิ้น

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของหงปิน ขณะที่มันใกล้จะตกตายไป จู่ๆ ค่ายกลเวทก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมัน จากนั้นก็ระเบิดออก ทำให้มือของเต้าเทียนหายไปหนึ่งข้าง หงปินกลายเป็นเถ้าธุลีไป มีแต่วิญญาณเซียนที่ยังเหลืออยู่เท่านั้น มันส่งเสียงแผดร้องแหลมเล็กออกมา และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

“อวี่เหวินเจียน, เมิ่งฮ่าว พวกเจ้าน่าจะสังหารข้าเพื่อรับรางวัล ดีกว่าที่จะปล่อยให้ตกอยู่ในมือของเต้าเทียน! จงสาบานว่าพวกเจ้าจะสังหารมันเพื่อล้างแค้นให้กับข้า!”

หงปินหวาดกลัวต่อความตาย แต่มันก็ยังคงเป็นสมาชิกของลำดับขั้น ผู้ฝึกตนลำดับขั้นมีความเย่อหยิ่งทระนง และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย พวกมันก็ไม่รีรอใดๆ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มันพุ่งตรงไปยังอวี่เหวินเจียน

จิตใจอวี่เหวินเจียนสั่นสะท้าน เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว คนทั้งสามคิดคำนวณผิดพลาดไป เต้าเทียนแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง จนแม้แต่จะร่วมมือกันทั้งสามคน ก็ยังไม่แข็งแกร่งอย่างเพียงพอที่จะสังหารมันไปได้

“มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสังหารเจ้าได้…ก็คือข้า”

เต้าเทียนกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะเป็นเสียงเย็นชา มือขวาของมันทำท่าเป็นกรงเล็บพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวและอวี่เหวินเจียน ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา ขณะที่อากาศระหว่างคนทั้งสองแตกกระจายไป กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับสิ่งกีดขวาง ทำการแยกคนทั้งสองออกไปโดยสิ้นเชิง

จากนั้นเต้าเทียนก็พุ่งตรงไปยังหงปินราวกับเป็นสายฟ้า ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง

“ข้าอยากรู้นักว่าจะได้รับรางวัลอะไรในการสังหารเจ้าไป, หงปิน? เตรียมตัวตายได้แล้ว!”

เต้าเทียนยกมือขึ้นและคว้าจับตรงไปยังหงปิน ซึ่งมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หงปินไม่อาจจะหลบหนีจากไป และไม่อาจแม้แต่จะระเบิดตนเองได้ ราวกับว่าร่างกายของมันถูกผนึกไว้โดยสิ้นเชิง

แต่เมื่อมันกำลังจะถูกสังหารไปนั้น จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หยิบเอากระถางสายฟ้าออกมา ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเต้าเทียนก็ส่งเสียงแผดร้องคำรามออกมา ทันใดนั้นแสงสีแดงก็กระจายออกไป ปกคลุมไปทั่วร่างมันและหงปิน คาดไม่ถึงว่ากระถางสายฟ้าของเมิ่งฮ่าวไม่ได้ผล!

แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องหยุดชะงักลงแม้แต่น้อย เขายกมือซ้ายขึ้นมา และชี้นิ้วตรงไปยังเต้าเทียน

เวทผนึกอสูรรุ่นแปดถูกปลดปล่อยออกไป!

เต้าเทียนสามารถระวังป้องกันกระถางสายฟ้าของเมิ่งฮ่าวได้ แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อหยุดเวทผนึกอสูรรุ่นแปดนี้ได้!

ในทันทีที่เวทผนึกถูกปลดปล่อยออกไป เต้าเทียนก็หยุดชะงักนิ่งไปอย่างฉับพลัน เป็นครั้งที่สองแล้วที่สีหน้ามันต้องสลดลงไป และความรู้สึกประหลาดใจก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ

มันถูกตรึงแน่นไว้ในช่วงเวลาแค่หนึ่งลมหายใจเท่านั้น แต่สำหรับหงปินแล้ว หนี่งลมหายใจนั้นเพียงพอที่มันจะหลบหนีออกมาจากห่วงที่ผูกมัดมันไว้

อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ฉวยโอกาสนั้นหลบหนีจากไป มันรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น มันหัวเราะด้วยความขมขื่นออกมา และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น บินตรงไปยังเต้าเทียนเพื่อโจมตี

“ล้างแค้นให้ข้าด้วย!” มันกล่าว แหงนหน้าขึ้นและแผดร้องออกมา

อวี่เหวินเจียนแผดร้องตะโกนขึ้นอย่างรีบเร่ง “หงปิน!!”

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน

ในตอนนี้เองที่วิญญาณเซียนของหงปินเข้าไปใกล้เต้าเทียน ในเวลาเดียวกันนั้น เต้าเทียนก็เริ่มพื้นคืนกลับมาจากเวทผนึกอสูรรุ่นแปด รอยยิ้มอันดุร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวิญญาณเซียนหงปิน ขณะที่มัน…ทำการระเบิดตนเองไป!

ตูมมมมมมม!

การระเบิดตนเองไปตามลำพังของวิญญาณเซียน ไม่ได้ปลดปล่อยพลังที่เหมือนกับการระเบิดกายเนื้อออกมา อย่างไรก็ตาม…หงปินก็อยู่ในลำดับขั้น และด้วยเช่นนั้น การระเบิดวิญญาณเซียนของมัน ก็ทำให้เกิดเป็นพลังที่ไกลเกินกว่าพลังธรรมดาทั่วไป ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือว่า พลังทำลายล้างก็ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมันอยู่ใกล้กับเต้าเทียนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่อาจจะทำการต่อต้านได้ทัน เพราะว่ามันยังคงฟื้นตัวมาจากวิชาเวทของเมิ่งฮ่าวไม่เต็มที่

เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจดังก้องขึ้นมา ขณะที่วิญญาณเซียนของหงปินระเบิดจนกลายเป็นเถ้าธุลีไป เต้าเทียนสั่นสะท้าน และลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง

พร้อมกับกระอักโลหิตออกมา นี่เป็นครั้งแรกตลอดช่วงของการต่อสู้ที่มันกระอักโลหิตออกมา ซึ่งโลหิตเหล่านั้นก็พร่างพรมไปทั่วพื้นและกลายเป็นแอ่งน้ำสีโลหิตไป

“เมิ่งฮ่าว!!” เต้าเทียนแผดร้องออกมา ไปหยุดอยู่ในกลางอากาศ ใบหน้ามันซีดขาวขณะที่หันมามองยังเมิ่งฮ่าว แสงอันน่ากลัวสาดประกายขึ้นมาในดวงตา

อันตรายทั้งสองครั้งที่มันพบเจอมา ต่างก็เนื่องมาจาก…เมิ่งฮ่าว!

ครั้งนี้เพราะว่าหงปินได้ตายไปจากการระเบิดตนเอง ทำให้เต้าเทียนไม่ได้รับรางวัลสำหรับการสังหารมันไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!