Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1169

ตอนที่ 1169

กลับไปยังชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

เมิ่งฮ่าวเดินไปบนดาวหนานเทียน มองไปรอบๆ ด้วยความคุ้นเคย ยังภาพที่ดูแปลกตาไปทั้งหมด ที่นี่คือบ้านในจิตใจของเขา เป็นสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา และเป็นสถานที่ที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกตน นี่คือสถานที่ที่ทำให้เขาได้หัวเราะอย่างมีความสุข เต็มไปด้วยความฝันและพลัง นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ซึ่งเขาและสวี่ชิงได้วิวาห์กันอีกด้วย

ลมฝนผ่านพ้นไป และสายรุ้งก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ เมิ่งฮ่าวไปยังสถานที่หลายแห่งในดินแดนตะวันออกอันกว้างใหญ่ เขาไปยังภูเขาที่เคยเป็นที่ตั้งของวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ เมื่อนานมาแล้ว มันเคยเป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอย่างมากสำหรับเขา แต่ในตอนนี้ไม่มีค่าให้เขาต้องเหลือบแลไปแม้แต่น้อย

เมิ่งฮ่าวเดินผ่านเทือกเขา ผ่านเส้นทางแคบๆ และในที่สุดก็มาถึงขอบหลุมที่ซึ่งวิหารเคยตั้งอยู่มาก่อน เขายืนครุ่นคิดอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน

เขานึกย้อนกลับไปยังทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในที่แห่งนี้ เมื่อเขาได้ตะเกียงสัมฤทธิ์มา คนทั้งหมดก็ไล่ล่าเขาอยู่หลายวันหลายคืน ราวกับว่าเขาได้พบเจอกับพิธีชำระล้าง

นั่นคือครั้งแรกที่เขาต้องมาพัวพันกับเรื่องราวของขุนเขาทะเลที่เก้าอย่างแท้จริง

ขณะที่ยืนอยู่ตรงขอบหลุม เมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจออกมา วันเวลาผ่านไป ภูเขายังคงเป็นภูเขาเช่นเดิม มีต้นไม้ใบหญ้าอยู่ทั่วทุกที่เหมือนก่อนหน้านี้ แต่สีสันก็เปลี่ยนไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเดิมในตอนแรก แต่สีของพวกมันก็ดูเข้มข้นมากกว่าเดิมจากที่เขาเคยจำได้

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เขาก็จากไป

เมิ่งฮ่าวไปยังดินแดนทางเหนือ และจากที่แห่งนั้นก็ไปยังทะเลเทียนเหอ ขณะที่พุ่งผ่านน้ำทะเล เขามองลงไปยังเกลียวคลื่นที่ด้านล่าง นึกย้อนไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในที่แห่งนี้ คิดไปถึงปรมาจารย์เอกะเทวะ, ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง และดอกปี่อ้าน

หลังจากที่ข้ามผ่านทะเลเทียนเหอ ก็พบว่าตนเองไปอยู่ในทะเลทรายตะวันตก ซึ่งเป็นสถานที่อันกว้างใหญ่ และยังคงจมอยู่ใต้ทะเลม่วง ที่เรียบสงบและไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ

เมื่อเขาผ่านทะเลม่วง ในที่สุดก็บรรลุถึงสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เคยเรียกมันว่าบ้าน เขาจมลงไปในน้ำ มองไปยังภูเขาและหุบเขาในบริเวณนั้น ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยดีทั้งหมด

จากที่แห่งนั้นเขาเดินทางต่อไปใต้น้ำ บอกกับตนเองว่ากำลังจดจำรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับดาวหนานเทียนและสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ไว้ในจิตใจ เพื่อจะไม่มีทางลืมเลือนไปได้ ขณะที่เขาพุ่งไปตามพื้นดินใต้ทะเลม่วง ในที่สุดก็บรรลุถึงภูเขาต้วนหนาน (ตัดทางลงใต้) ซึ่งดูเหมือนจะยืดยาวออกไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด

ในที่สุดเขาก็บรรลุถึงบางสิ่งบางอย่างที่ดูคล้ายกับเป็นกำแพงขนาดใหญ่ หรือว่าเป็นประตูเมือง ซึ่งช่วยกั้นทะเลม่วงออกจาก…ดินแดนสีดำ

ดินแดนสีดำในตอนนี้แตกต่างเป็นอย่างมากจากที่เมิ่งฮ่าวเคยจำได้ พวกมันดูคึกคักและเติบโตขึ้น มีผู้ฝึกตนจำนวนมากเดินทางเข้าออกอย่างเร่งรีบอยู่ที่นั่นและดินแดนด้านใต้ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าดินแดนด้านใต้ยินดีต้อนรับผู้ฝึกตนจากดินแดนสีดำเป็นอย่างยิ่ง

หลายปีที่ผ่านมา ชนเผ่าที่แข็งแกร่งดั้งเดิมของทะเลทรายตะวันตก รวมทั้งกองกำลังพื้นเมืองของดินแดนสีดำ ต่างก็เจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งมากขึ้น

ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือมากมายได้มาตั้งรกรากอยู่ในดินแดนสีดำ และกลายเป็นสถานที่ที่พวกมันเรียกว่าบ้านไปแล้ว เส้นทางการฝึกตนของพวกมันถูกเมิ่งฮ่าวตัดไปเมื่อหลายปีก่อนโน้น ไม่ว่าพวกมันจะฝึกฝนอย่างไร ก็บรรลุได้แค่ระดับที่ถูกจำกัดไว้เท่านั้น โชคชะตาของพวกมันถูกผนึกไว้ และพวกมันก็ถูกบังคับให้ต้องชดใช้ต่อการกระทำอันร้ายแรง ที่บรรพบุรุษของพวกมันจากดินแดนทางเหนือ เข้ามารุกรานดินแดนด้านใต้ในตอนนั้น

ตอนนี้ชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในดินแดนสีดำ และเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งด้วยเช่นกัน โดยมีสำนักและตระกูลต่างๆ มากมายยอมจำนนให้กับพวกมัน

แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไป เขาก็ตระหนักว่ามีรูปปั้นอยู่ทั่วทุกแห่งหน บ้างก็มีขนาดใหญ่ บ้างก็มีขนาดเล็ก แต่กลุ่มกองกำลังที่สำคัญทั้งหมดในดินแดนสีดำต่างก็มีรูปปั้นเหล่านี้อยู่

รูปปั้นทั้งหมดนั้นมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ…เมิ่งฮ่าว!

รูปปั้นที่ขนาดใหญ่มากที่สุดถูกปกคลุมด้วยหินลมปราณ เมื่อแสงตะวันส่องกระทบมาที่มัน ก็จะเปล่งประกายระยิบระยับด้วยสีสันที่หลากหลายออกมา รูปปั้นนั้นตั้งอยู่บนภูเขาที่สูงมากที่สุดในดินแดนสีดำ ซึ่งเป็นอาณาเขตของชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

รูปปั้นนั้นคือสัญลักษณ์ของดินแดนสีดำ และเป็นตัวแทนจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนในที่แห่งนั้น

บ่อยครั้งที่สมาชิกเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์มักจะมารวมตัวกันอยู่รอบๆ รูปปั้นเพื่อกราบกรานและทำพิธีบวงสรวง ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่พอดีในตอนที่เมิ่งฮ่าวมาถึง

เขาลอยตัวอยู่ที่นั่นเหนือรูปปั้นขนาดใหญ่ มองลงไปยังกลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ที่มารวมตัวกันอยู่รอบๆ ภูเขา มีประมาณหลายหมื่นคน กำลังหมอบกราบด้วยความเทิดทูนบูชา

ไม่มีใครรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าเขาอยู่ในโลกที่แตกต่างกันออกไป

สิบชายชราซึ่งอยู่ในชุดยาวที่เปล่งประกายยืนแยกตัวออกมา จากกลุ่มคนในชนเผ่าหลายหมื่นคนเหล่านั้น ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความหลงใหล ยกมือสูงขึ้นไปในอากาศ ร้องตะโกนออกมาว่า “เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ น้อมคำนับต่อเซิ่งจู่! (บรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์)”

เพื่อตอบรับเสียงร้องตะโกนของชายชรา คนในชนเผ่านับหมื่นต่างก็โขกศีรษะลงไป เปล่งเสียงด้วยความเทิดทูนออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป คนในชนเผ่าต่างก็มองขึ้นไปยังรูปปั้นด้วยสายตาที่เกรงขาม เท่าที่เห็นถ้ารูปปั้นนี้มีชีวิต และออกคำสั่งต่อพวกมัน พวกมันก็จะปฏิบัติตามโดยไร้เงื่อนไขใดๆ

รูปปั้นของเมิ่งฮ่าวได้มาแทนที่ภาพศักดิ์สิทธิ์ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งผู้ฝึกตนในดินแดนสีดำ

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ มองลงไปยังภาพที่กำลังเกิดขึ้นตรงด้านล่าง ได้ยินเสียงของกลุ่มฝูงชน และยังรับรู้ได้ถึงความเทิดทูนบูชาที่ประกอบไปด้วยร่องรอยของพลังแห่งเปลวธูปอีกด้วย ถึงมันจะเลือนรางแต่ก็คงอยู่ในที่แห่งนี้

ชายชราทั้งสิบร้องตะโกนเป็นเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “ชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ น้อมคำนับต่ออู๋จู่ (บรรพบุรุษห้า) และซานจู่! (บรรพบุรุษสาม)”

อีกครั้งที่กลุ่มฝูงชนโขกศีรษะลงไปด้วยความเทิดทูนบูชา สีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นแล้วว่าบนไหล่ของรูปปั้นมีนกแก้วเกาะอยู่ และที่ข้อเท้าของมันก็มีกระดิ่งใบเล็กๆ ติดอยู่ด้วย

พิธีการแสดงความเคารพเทิดทูนดำเนินต่อไป

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจออกมา และกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นเองก็ต้องร้องอุทานออกมา

ดวงตาตาสาดประกายเจิดจ้าขึ้น ลอยตัวอยู่กลางอากาศ มองกลับลงไปที่ด้านล่าง

สิ่งที่เขาเห็นคือพลังเปลวธูปที่กระจายออกมาจากคนทั้งหมด อันเนื่องมาจากความศรัทธาอย่างแรงกล้าของพวกมัน กำลังรวมตัวกันอยู่รอบๆ รูปปั้น จากนั้นก็ระเบิดขึ้นไปในท้องฟ้า ปรากฏเป็นกระแสน้ำวนขึ้นมา ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนที่ด้านล่างไม่อาจจะมองเห็นกระแสน้ำวนนี้ได้ แต่เมิ่งฮ่าวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ขณะที่มันหมุนวนไปมาอย่างเงียบๆ นั้น เงาร่างๆ หนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นอยู่ภายในกระแสน้ำวนนั้น เป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัยในชุดยาวสีดำ ซึ่งมีรูปร่างหน้าตา…ที่ดูเหมือนกับ…เมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง!

ส่วนหลักที่แตกต่างกันคือ มันมีปีกสีดำสองข้างอยู่ตรงแผ่นหลัง มีสีหน้าทระนงขณะที่ลอยลงมาจากด้านบน ไปนั่งขัดสมาธิอยู่บนนศีรษะของรูปปั้น จากนั้นมันก็เริ่มสูดลมหายใจเพื่อรับเอาพลังของเปลวธูปเข้าไป

มันไม่อาจจะมองเห็นเมิ่งฮ่าว แต่เมิ่งฮ่าวสามารถมองเห็นมัน และรู้ว่าจริงๆ แล้วมันคือใคร นี่คือสิ่งมีชีวิตที่เคยติดตามเขามาในช่วงเวลาสั้นๆ ค้างคาวดำ!

ถึงแม้ว่าในตอนนี้มันจะยังคงมีรูปร่างของมนุษย์อยู่ ยังคงดูเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันมายังที่แห่งนี้ เพื่อขโมยพลังเปลวธูปที่ถูกบวงสรวงจากดินแดนสีดำ

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังค้างคาวด้วยสายตาที่เย็นชา ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ตระหนักว่าอ๋าวเฉี่ยนในถุงสมบัติจู่ๆ ก็บิดตัวลืมตาขึ้นมา ประกายแสงสีโลหิตปรากฏขึ้น รวมทั้งกลิ่นอายที่เย็นชาราวน้ำแข็ง

“เจ้าสนใจในตัวมัน ใช่หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวคิด จากนั้นก็นึกไปถึงสิ่งที่ถูกเรียกว่าวิญญาณผู้ทรยศ ซึ่งอ๋าวเฉี่ยนเคยดูดกลืนมา ตอนที่อยู่ในอาณาจักรสายลม และก็เป็นค้างคาวด้วยเช่นกัน

บุรุษหนุ่มปีกดำกำลังนั่งเข้าฌานอยู่ที่นั่น ทำการดูดซับพลังเปลวธูปเข้าไป แต่ทันใดนั้นเองที่ร่างมันสั่นสะท้าน ลืมตาขึ้นมา และมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่ามันจะมองไม่เห็นสิ่งใดๆ แต่ยังคงรู้สึกตกใจกลัวขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่าการคงอยู่ของเมิ่งฮ่าวทำให้มันต้องอกสั่นขวัญหาย

ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงแผดร้องออกมา ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ขณะที่ระลอกคลื่นเหล่านั้นเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว เขาก็ชี้นิ้วออกไป ทำให้ระลอกคลื่นไม่มีปฏิกิริยาใดๆ พุ่งผ่านร่างเขาไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บุรุษหนุ่มชุดดำขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าจะใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบบริเวณนั้นดู แต่ก็ไม่อาจจะระบุได้ถึงสิ่งที่น่าสงสัยใดๆ มันกำลังจะเลิกให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ แต่ความรู้สึกถึงวิกฤตก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มันมาดูดซับพลังเปลวธูปในที่แห่งนี้นานหลายปีมาแล้ว ไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งใดๆ เช่นนี้มาก่อน ในที่สุดมันก็กัดฟันแน่น และบินขึ้นไปในอากาศเพื่อจากไป มันยินดีที่จะยกเลิกพลังเปลวธูปเหล่านี้ ดีกว่าที่จะตกอยู่ในสถานการณ์อันร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกับที่มันบินขึ้นไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า และแค่นเสียงเย็นชาออกมา

เสียงที่เย็นชานั้นราวกับว่าจะดังออกมาจากโลกแห่งภาพลวงตา จนในที่สุดก็พุ่งมาถึงโลกแห่งความเป็นจริง กลายเป็นสายฟ้าที่ปะทุขึ้นมาในท้องฟ้า โลกสั่นสะเทือน และบุรุษหนุ่มชุดดำก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และไม่อาจจะหลบซ่อนตัวจากกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างได้อีกต่อไป แทบจะทันใดนั้นคนทั้งหมดก็มองเห็นมันลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิบชายชรา เมื่อพวกมันมองเห็นใบหน้าของบุรุษหนุ่มชุดดำ สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ใครอยู่ที่นั่น!!?” บุรุษหนุ่มชุดดำร้องตะโกนขึ้น กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง “ใครมาแอบซุ่มโจมตีข้า!!?” ร่างกายมันสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง แต่สิ่งทั้งหมดที่มันได้ยินเมื่อครู่นี้คือเสียงฟ้าร้องคำราม ไม่ใช่เสียงแค่นเย็นชาจากเมิ่งฮ่าว

ถ้ามันได้ยินเสียงเมิ่งฮ่าว คงไม่อาจจะรวบรวมความกล้าพูดขึ้นมาได้

“เซิ่งจู่!!”

“นั่นคือเซิ่งจู่ต้าเหริน! (บรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่) สวรรค์! เซิ่งจู่ต้าเหรินแสดงตัวขึ้นแล้ว!!”

“ขอน้อมพบ เซิ่งจู่ต้าเหริน!!” ผู้ฝึกตนแห่งชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นคนที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็สั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดหวั่น สิบชายชราหอบหายใจเป็นเสียงดังออกมา

“ข้าคือเมิ่งฮ่าว เซิ่งจู่ของที่แห่งนี้!” บุรุษหนุ่มชุดดำร้องตะโกนขึ้น “ใครก็ตามที่มาดักซุ่มทำร้ายข้า ให้แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!” มันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดูดซับพลังเปลวธูปเข้าไป ทำให้แสงอันเจิดจ้าพุ่งออกมาจากร่างมัน จนดูคล้ายกับเป็นเซียนผู้สูงส่งทุกกระเบียดนิ้ว

“ช่างน่าสนใจนัก” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ก้าวเดินออกมาจากภายในอากาศ “ถ้าเจ้าคือเมิ่งฮ่าว เช่นนั้น…ข้าคือใคร?” ตอนนี้คนทั้งหมดที่ด้านล่างสามารถมองเห็นเขาแล้ว

ผู้ฝึกตนแห่งชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง, สับสน และไม่อยากจะเชื่อ มองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็มองกลับไปยังบุรุษหนุ่มชุดดำ ด้วยความไม่มั่นใจว่าใครคือตัวจริงใครคือตัวปลอม

 

อันที่จริงพวกมันไม่จำเป็นต้องคาดเดาเลยแม้แต่น้อย ในทันทีที่บุรุษหนุ่มชุดดำมองเห็นเมิ่งฮ่าว สีหน้ามันก็สลดลงและดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น เริ่มหอบหายใจออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และร้องตะโกนด้วยความตกใจขึ้นมา

“เมิ่งฮ่าว…เจ้า…เจ้ากลับมาเมื่อไหร่?!” บุรุษหนุ่มชุดดำเสียวสันหลังวาบ ทันใดนั้นก็ตระหนักว่าเสียงฟ้าร้องเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เสียงฟ้าร้องจริงๆ แม้แต่น้อย แต่เป็นเสียงจากเมิ่งฮ่าว มันเริ่มสั่นสะท้านและถอยไปทางด้านหลัง จากนั้นก็หลบหนีจากไปด้วยความรวดเร็วทั้งหมดเท่าที่จะสามารถรวบรวมขึ้นมาได้

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่เดินตรงไปยังบุรุษชุดดำที่กำลังหลบหนีจากไปหนึ่งก้าว จากนั้นร่างเขาก็หายไป ปรากฏกายขึ้นใหม่ตรงหน้ามัน

ที่ด้านล่างผู้ฝึกตนแห่งชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์นับหมื่น กำลังสั่นสะท้านขณะที่ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวคนที่สองนี้คือเซิ่งจู่ที่แท้จริงของพวกมัน

“ขอน้อมพบ เซิ่งจู่!!”

“เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ขอน้อมพบ เซิ่งจู่!!”

ขณะที่เสียงพวกมันดังก้องออกมา ดินแดนสีดำก็สั่นสะเทือนไปทั่ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!