Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1236

ตอนที่ 1236

พวกเราน่าจะเป็นสหายที่ดีต่อกัน

เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านกลุ่มหมอกไปคล้ายกับเป็นสุนัขป่าเดียวดายในยามราตรี เงียบกริบโดยสิ้นเชิง สัญญาณเพียงหนึ่งเดียวว่าเขากำลังมาแล้วก็คือ ดวงตาที่เจิดจ้าสีแดงคู่หนึ่ง และความผันผวนของเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต

ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องใดๆ ขณะที่เป้าหมายของเขาอยู่ที่ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณเท่านั้น ด้วยเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต ทำให้เมิ่งฮ่าวเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างช้าๆ แต่ก็ไม่ได้กระทำอย่างรวดเร็วมากนัก ขณะที่ฉวยโอกาสอยู่รอบๆ ป้ายศิลาหลุมฝังศพ สิ่งที่เมิ่งฮ่าวต้องการก็คือปลุกให้อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของตนเองตื่นขึ้นมา

ถ้าอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของเขาทำงานขึ้น การฟื้นฟูร่างกายก็จะมีความรวดเร็วมากขึ้นกว่านี้

เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าต่อไป ดูดซับผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่เขาพบเจอ สำหรับเงาร่างที่เลือนรางนั้น มันเฝ้าติดตามเขาไป เพื่อรอคอยโอกาสที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวไปอย่างเรียบร้อยหมดจด

มันมองไม่เห็นตอนที่เมิ่งฮ่าวสังหารหงเฉิน และไม่เห็นว่าเสวียนเต้าจื่อกำลังไล่ติดตามมา แต่ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันโหดร้ายที่กำลังกระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว เมื่อเขาปลดปล่อยเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตออกมา ก็ทำให้ปราณและโลหิตเดือดพล่านขึ้น ทำให้เงาร่างนั้นเต็มไปด้วยความต้องการที่จะครอบครองร่างเมิ่งฮ่าวอย่างรุนแรง

“ข้า, ตันหลาง มีโชควาสนามาตลอดชีวิต เมื่อข้ายังเยาว์ ก็เกือบจะถูกสังหารไปในตอนที่ต่อสู้กับศัตรูที่น่ากลัวมากที่สุด แต่ก็มีวัตถุตกลงมาจากท้องฟ้าและบดขยี้มันจนตายไป!” เงาร่างนั้นพึมพำ

“เมื่อข้าออกไปผจญภัย ก็ไม่เคยกลับมามือเปล่า และทุกที่ที่ข้าไป ก็มีของวิเศษอยู่มากมาย ข้าฝึกตนด้วยความราบรื่น ไร้การสะดุดแม้แต่น้อย แต่เมื่อข้าบรรลุถึงจุดสูงสุดก็ได้พบกับคนผู้หนึ่ง เจ้าบัดซบสารเลวนั้นสมควรที่จะตกตายไป!”

“นอกจากมันแล้ว ก็ไม่เคยมีใครจะสามารถสะกดข่มข้าได้ แม้แต่การถูกผนึกอยู่ในที่แห่งนี้ก็เป็นแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น ข้าไม่มีทางจะอยู่ในที่แห่งนี้ตลอดไป”

“คนผู้นี้คือของขวัญอันยิ่งใหญ่เท่าที่สวรรค์เคยส่งมอบมาให้ข้า” ความละโมบในดวงตาของมันเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ยอมเคลื่อนไหว ก่อนหน้านี้มันโจมตีล้มเหลว ดังนั้นจึงเลือกที่จะเฝ้าติดตามและรอคอยไปเรื่อยๆ…

เมิ่งฮ่าวทำการสังหารไปอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกตนที่ตกตายไปใต้เงื้อมมือเขามีถึงสิบกว่าคน ตอนนี้เขายื่นมือออกไปวางอยู่บนศีรษะของผู้ฝึกตนอีกคนเพื่อดูดซับมัน แต่ทันใดนั้นเส้นขนทั่วร่างก็ต้องลุกขึ้นตั้งชี้ชัน ไม่รอให้การดูดซับผู้ฝึกตนนั้นเสร็จสิ้น ก็พุ่งถอยไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วสูงสุด

เวลาเดียวกันนั้นมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากภายในกลุ่มหมอก มือข้างนั้นปกคลุมเต็มไปด้วยขนสีดำและเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ คว้าจับไปบนร่างของผู้ฝึกตนที่ถูกดูดซับนั้นอย่างดุร้าย จนทำให้มันต้องแผดร้องออกมา และถูกลากเข้าไปในกลุ่มหมอก จากนั้นเสียงขบเคี้ยวก็ได้ยินขึ้นมา

“หิว…หิว…” ได้ยินเสียงแผดร้องคร่ำครวญ พร้อมกับเสียงที่คล้ายกับเป็นโซ่เหล็กกระทบกันไปมา เมิ่งฮ่าวล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวที่พุ่งออกมาจากภายในกลุ่มหมอก

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก กลิ่นอายนั้นก็จางหายไป และเสียงแผดร้องคร่ำครวญก็ลอยออกไปยังที่ห่างไกล

เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม ในที่สุดก็หันหลังและพุ่งห่างออกไป เพื่อค้นหาผู้ฝึกตนพันธมิตรเทพสวรรค์อีกคนเพื่อดูดซับ เวลาผ่านไปขณะที่เขาพุ่งไปมาเพื่อทำการดูดซับ ก็ต้องพบเจอกับมืออันน่ากลัวนั้นมากกว่าสามครั้ง และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่แทบจะตกอยู่ในวิกฤตอันร้ายแรงอีกด้วย

ด้วยความระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม เขาดูดซับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณไปอีกคน ในขณะที่เกิดเป็นเสียงกระหึ่มเต็มอยู่ภายในร่าง ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นราวกับเป็นแสงไฟ

ไม่นานนักอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ก็ตื่นขึ้นมาจากสถานะที่หลับใหล มันเริ่มทำงานขึ้นอย่างช้าๆ ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตและพลังลมปราณของเขา ในตอนนั้นเองที่แสงสีโลหิตภายในดวงตาเริ่มจางหายไป และบาดแผลบนร่างกายก็เริ่มได้รับการรักษามากขึ้น

เวลาเดียวกันนั้นก็มีกระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ม้วนกวาดตรงมายังเมิ่งฮ่าวจากทางด้านบน เขาถอยไปทางด้านหลัง แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นรวดเร็วมากเป็นอย่างยิ่งและปกคลุมเขาไว้ในทันที กวาดผ่านไปทั่วร่างเขา และจากนั้นก็เริ่มมารวมตัวกันในบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว

“เจ้าก็อยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน” เสียงโบราณกล่าวขึ้น แรงกดดันอันน่ากลัวเริ่มกดทับลงมา ทำให้กลุ่มหมอกในบริเวณนั้นถูกผลักออกไป

ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง จากแรงกดดันอย่างรุนแรงนั้น ทำให้พอจะบอกได้ว่าพลังนี้สูงเกินกว่าราชันเต๋า ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกคุ้นเคยกับแรงกดดันนี้อีกด้วย มันคือแรงกดดันจากชายชราที่พยายามจะมาขัดขวางเขาไว้ในตอนที่ออกมาจากพันธมิตรเทพสวรรค์ตั้งแต่ตอนแรก

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าไม่อาจจะต่อสู้กับชายชราผู้นี้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะฟื้นฟูกลับคืนมาและอยู่ในจุดสูงสุดของตนเองแล้วก็ตามที โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขากลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีฟ้าหลบหนีจากไปในทันที

แต่แรงกดดันที่คล้ายกับเป็นลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งทะลวงออกมาจากกลุ่มหมอกเพื่อไล่ล่าติดตามมา อันที่จริงถ้าไม่ใช่เป็นเพราะกลุ่มหมอกแล้วละก็ ชายชราผู้นั้นคงสามารถจะไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวมาได้ทันในชั่วพริบตา

ขณะที่เมิ่งฮ่าวหลบหนีจากไป เสวียนเต้าจื่อก็ปรากฏกายขึ้นตรงทิศทางที่แตกต่างกันออกไป ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหาร มันยังได้ใช้หนึ่งในวิชาลับเพื่อตรึงตำแหน่งของเมิ่งฮ่าวไว้ภายในกลุ่มหมอกอีกด้วย โดยที่ต้องยอมแลกกับพลังชีวิตและอายุขัยอันยืนยาวของมันไป ทำให้ร่างกายดูคล้ายกับเป็นถุงหนังห่อหุ้มกระดูก กลิ่นอายอ่อนแอลงถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนจะไม่ลดลงไปก็ตามที

“เมิ่งฮ่าว ครั้งนี้เจ้าต้องตาย!”

มันแผดร้องขึ้น พุ่งตรงไปยังทิศทางของเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นสายฟ้า

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป เขาสามารถจะต่อสู้กับเสวียนเต้าจื่อได้ชั่วขณะ แต่สำหรับชายชราผู้นั้น มันมีความแข็งแกร่งกว่ามากนัก จนถึงจุดที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกหวาดกลัว เขากัดฟันแน่นหลบหนีต่อไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด เมื่อแรงกดดันอันแข็งแกร่งเข้ามาใกล้ ก็ได้ยินเสียงกู่ร้องดังก้องขึ้นมาอย่างเลือนราง ผสมรวมเข้ากับเสียงแผดร้องคร่ำครวญ

“หิว…หิว…” นอกจากเสียงนี้แล้ว ก็ยังมีเสียงที่คล้ายกับเป็นสายโซ่ดังกระทบกันได้ยินมา ดวงตาเมิ่งฮ่าวหรี่เล็กลง ขณะที่ตระหนักว่าสิ่งที่ชายชราจากพันธมิตรเทพสวรรค์ไปพบเจอเข้าคืออะไร

ในตอนนี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ตรึงแน่นอยู่บนร่างเขาก็คลายออกไปในทันที

แต่รังสีสังหารของเสวียนเต้าจื่อก็ยังคงกดทับลงมาบนร่างเขาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา ขณะที่หมุนร่างไปอย่างฉับพลัน โบกสะบัดมือขวาออกไปเพื่อเรียกแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์และภูเขาเซียนออกมาเพื่อต่อสู้กลับไปยังเสวียนเต้าจื่อ

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว เมื่อเขากำลังจะยืมพลังจากแรงระเบิดนั้นล่าถอยจากไป เสวียนเต้าจื่อก็ดึงพลังนั้นกลับไป ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะทำอะไรได้

“ข้าคาดเดาไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องทำเช่นนี้!” เสวียนเต้าจื่อกล่าว หัวเราะอย่างเย็นชา ทันใดนั้นแก่นแท้แห่งกาลเวลาของมันก็ปะทุขึ้น ทำให้ร่างของมันเริ่มเลือนรางลงไป ราวกับว่ากำลังเดินผ่านกระแสแห่งกาลเวลาไป สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง และใช้วิธีการเดินของตนเองออกมาในทันที คนทั้งคู่ต่างก็ใช้เต๋าแห่งกาลเวลาเพื่อต่อสู้กัน ทำให้กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วนและค่อยๆ ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขึ้นมาอย่างช้าๆ

กระแสน้ำวนนั้นเริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้นไปเรื่อยๆ และเสียงกระหึ่มก็มีความเข้มข้นมากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ร่างกายสั่นสะท้านถอยไปทางด้านข้าง เสวียนเต้าจื่อก็มีโลหิตไหลซึมออกมาจากปากด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ยอมล้มเลิก ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ดวงตาก็ยังคงสาดประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น และจิตใจกำลังเต้นรัว ในตอนนี้แก่นแท้ของมันเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยความมุ่งหวังอย่างแรงกล้า

เมื่อมันมองเห็นว่าเมิ่งฮ่าวกำลังพยายามจะหลบหนีไปอีกครั้ง ดวงตาก็แวบแสงอันเย็นชาขึ้นมา และทันใดนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและร้องตะโกนออกไป “สหายเต๋าทั้งหลายในที่แห่งนี้ เหล่าฟูคือเสวียนเต้าจื่อ มาช่วยเหล่าฟูตรึงเมิ่งฮ่าวไว้! ถ้าพวกท่านพบเจอมัน ให้แจ้งต่อเหล่าฟูในทันที เพื่อแสดงความขอบคุณสำนักอี้เสวียนจะมอบของวิเศษเสมือนเต๋าให้กับใครก็ตามที่มาช่วย!!”

เสวียนเต้าจื่อรู้ว่าเมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่เจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง เมื่อไหร่ที่เขาหลบหนีจากไปได้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาเขาพบอีกครั้ง ดังนั้นมันจึงเลือกที่จะให้คำสัญญาต่อคนทั้งหมดที่มาช่วยเหลือในครั้งนี้

ด้วยการสนับสนุนพลังจากพื้นฐานฝึกตนของเสวียนเต้าจื่อ ทำให้คำพูดของมันดังก้องออกไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้ เมื่อคนทั้งหมดได้ยิน ดวงตาก็สาดประกายขึ้น การแจ้งต่อเสวียนเต้าจื่อถึงตำแหน่งที่อยู่ของเมิ่งฮ่าว เป็นเรื่องง่ายกว่าการพยายามไปสังหารเขามากนัก สิ่งที่พวกมันต้องทำก็คือแค่พูดออกมาเท่านั้น ถ้าคำพูดนั้นสามารถทำให้เสวียนเต้าจื่อจับกุมเมิ่งฮ่าวไว้ได้ พวกมันก็จะได้รับรางวัลเป็นของวิเศษเสมือนเต๋า

คนทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นในทันที

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งเครียดขึ้น และพุ่งต่อไปด้วยความรวดเร็วเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ไม่นานนักก่อนที่จะมีเงาร่างปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า กลายเป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณขึ้นอย่างฉับพลัน ในทันทีที่มันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็ดีใจจนแทบจะคลุ้มคลั่งและร้องตะโกนขึ้น

“เมิ่ง…”

แต่มันก็พูดออกมาได้แค่คำเดียวเท่านั้น ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะแวบร่างมาราวกับเป็นสายฟ้า ตะปบฝ่ามือลงไปบนศีรษะของมัน และปลดปล่อยเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตออกมา ผู้ฝึกตนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่างขณะที่ปราณและโลหิต, พลังชีวิต, พื้นฐานฝึกตน และวิญญาณของมันถูกเมิ่งฮ่าวดูดซับไป

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่คำพูดนั้นก็ทำให้เสวียนเต้าจื่อพุ่งมายังทิศทางนี้โดยไม่ลังเล เช่นเดียวกับผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังคนอื่นๆ

รังสีสังหารในดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่เขากำลังจะหลบหนีจากไป เสียงร้องตะโกนด้วยความยินดีก็ดังก้องไปทั่วในกลุ่มหมอก

“เมิ่งฮ่าวอยู่นี่!”

เสียงนั้นจริงๆ แล้วก็ค่อนข้างจะอยู่ห่างไกลไปจากเมิ่งฮ่าว ทำให้ผู้คนที่กำลังพุ่งตรงมายังเขาต้องหยุดชะงักไป ขณะที่เสวียนเต้าจื่อขมวดคิ้ว อีกเสียงก็ดังก้องขึ้น “มันอยู่นี่! เร็วเข้า มันอยู่นี่!”

จากนั้นก็มีอีกเสียงดังก้องขึ้นมาอย่างเร่งรีบจากอีกทิศทางหนึ่ง “ข้าเห็นเมิ่งฮ่าว มันอยู่นี่!!”

เสวียนเต้าจื่อกัดฟันแน่น หันหลังและมุ่งหน้าตรงไปยังอีกทิศทาง

เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง ขณะที่ตระหนักว่ามีกลุ่มคนกำลังช่วยเหลือตนเองอยู่

เขามีเวลาในการขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก รีบหันหลังหลบหนีไปในทันที แต่จากนั้นก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อรู้สึกได้ถึงคลื่นความผันผวนอันคุ้นเคยพุ่งใกล้เข้ามา เป็นคลื่นพลังที่เจ้าของไม่ได้พยายามจะปกปิดไว้

“หานชิงเหลย…” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นช้าๆ ขณะที่หานชิงเหลยพุ่งออกมาจากกลุ่มหมอกที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น เมื่อคนทั้งสองอยู่ห่างกันสิบกว่าจ้าง ก็หยุดชะงักลง จ้องมองดูซึ่งกันและกัน

“ขอบคุณมาก!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนขึ้น

เขามองไปยังหานชิงเหลยอย่างลึกซึ้ง ประสานมือและโค้งตัวลง

หานชิงเหลยมองกลับมายังเมิ่งฮ่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวตกอยู่ในสถานะอันเลวร้าย เลวร้ายกว่าตอนที่อยู่ในอาณาจักรสายลมซะอีก เขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผล มองเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างลึกล้ำ เป็นความเหน็ดเหนื่อยที่เม็ดยาไม่อาจจะรักษาให้ทุเลาหายดีได้ในช่วงเวลาสั้นๆ จำเป็นต้องใช้เวลาในการพลิกฟื้นกลับคืนมา

แต่ในท่ามกลางความรู้สึกที่ซับซ้อนของหานชิงเหลย ก็ยังมีการชื่นชมยกย่องด้วยเช่นกัน มันได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวกระทำมาเมื่อเร็วๆ นี้ ถึงเขาจะตกเป็นเป้าไล่ล่าของพันธมิตรเทพสวรรค์ แต่ก็ยังสังหารผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าไปได้

เนื่องจากผลลัพธ์เช่นนั้น ทำให้ชื่อเสียงของเมิ่งฮ่าวกระจายออกไปทั่วทั้งพันธมิตรเทพสวรรค์มานานแล้ว

หานชิงเหลยมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เย็นชาขณะที่กล่าวว่า

“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ตราบเท่าที่ยังมีข้าอยู่ คนที่คู่ควรจะสังหารเจ้าก็มีแต่ผู้ฝึกตนลำดับขั้นเท่านั้น!”

“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า แต่เพื่อตัวข้าเอง! ดังนั้นให้เอาคำขอบคุณของเจ้ากลับคืนไป ข้าไม่ต้องการ อันที่จริงการยอมรับคำขอบคุณจากเจ้าจะทำให้ศักดิ์ศรีของข้าตกต่ำลง เจ้าไม่คู่ควรที่จะกล่าวขอบคุณข้า ไม่มีใครในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้จะคู่ควรขอบคุณหานชิงเหลย นั่นคือข้า ในวันข้างหน้า ข้าจะกลายเป็นผู้ไร้พ่ายที่ไม่มีใครต่อสู้ด้วยได้!”

“ในไม่ช้าเจ้าและข้าก็จะต่อสู้กัน และในการต่อสู้นั้น ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าให้จงได้” ขณะที่คำพูดของหานชิงเหลยดังก้องออกมา ก็เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและสะกดข่ม มันไพล่มืออยู่ที่ด้านหลังและขบฟันแน่น

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ เขาไม่เคยลืมว่าหานชิงเหลยเคยช่วยตนเองไว้ แต่เมื่อได้เห็นความเย่อหยิ่ง, ความภาคภูมิใจ และการวางท่าของมัน เมิ่งฮ่าวก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นว่า “จริงๆ แล้ว เจ้าไม่จำเป็นที่จะพูดเช่นนี้ก็ได้ พวกเราน่าจะเป็นสหายที่ดีต่อกัน…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!