ตอนที่ 761
สหายเก่า…
มือของเมิ่งฮ่าวกำแน่นไปรอบๆ แผ่นหยกอย่างช้าๆ
ถึงแม้ว่าเขาได้ปกปิดความคิดไว้ในส่วนลึกของจิตใจ และไม่ยอมจะเปิดเผยออกมาให้เห็นได้อย่างง่ายดาย แต่ปรมาจารย์ซ่งก็ได้ฝึกฝนตนเองมาเป็นเวลานานหลายปี จึงสามารถจะรับรู้ได้ถึงร่องรอยบางอย่างจากท่าทางกำมือของเมิ่งฮ่าว มันรู้ว่าการเดิมพันตานี้มันชนะแล้ว
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ประสานมือ และโค้งตัวลงต่ำให้กับปรมาจารย์ซ่ง กล่าวว่า
“ขอบคุณมาก!”
เขาไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้อีกนอกจากสามคำนี้ แต่สำหรับปรมาจารย์ซ่งก็เพียงพอแล้ว มันพยักหน้าและประสานมือตอบรับ
“สหายน้อยเมิ่งฮ่าว ถ้าท่านจะไปยังดินแดนตะวันออก สาขาของตระกูลซ่งที่นั่น อาจจะสามารถช่วยเหลือท่านได้บ้าง”
เมิ่งฮ่าวพยักหน้า จากนั้นโดยไม่พูดอะไรอีก เขาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งจนหายลับตาไป
ปรมาจารย์ซ่งมองดูเขาบินจากไป หลังจากผ่านไปนาน เมื่อมองไม่เห็นเมิ่งฮ่าวอีก มันก็หันหลังมุ่งหน้ากลับเข้าไปในคฤหาสน์บรรพบุรุษของตระกูลซ่ง
ขณะที่เมิ่งฮ่าวบินฝ่าอากาศไป สีหน้าอันซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภาพในวัยเยาว์ปรากฏขึ้นในจิตใจ ไม่ได้ลบเลือนหายไป ถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานหลายปี ก็ยังคงแจ่มชัดกว่าที่เคยเป็นมา
“ท่านแม่, ท่านพ่อ…เพราะ…อะไร?”
“ทำไมพวกท่านถึงต้องจากไป? ทำไมถึงได้ทิ้งข้าไว้ตามลำพัง? ทำไม?! ทำไมท่านถึงมายังตระกูลซ่ง…โดยไม่ให้ข้ารู้?! ทั้งๆ ที่ท่านก็อยู่ที่นั่น!”
“ทำไม?!?!”
เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าจิตใจกำลังถูกแทงด้วยใบมีด คำถามเหล่านี้ได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขามานานมากแล้ว โดยที่ไร้คำตอบใดๆ
คำตอบเหล่านั้น…อยู่ในดินแดนตะวันออก!
ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจ และได้สติกลับคืนมา เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกตนมานานนับร้อยปี สิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ ก็คือเรื่องของบิดาและมารดา
“ดินแดนตะวันออก ข้ามักจะฝันว่าได้ไปยังที่แห่งนั้น…นั่น…ก็คือสถานที่ที่ข้าต้องไป!” การตัดสินใจที่แน่วแน่ปรากฏขึ้นในแววตา เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็เร่งความเร็วต่อไป
ขณะที่ความมืดปกคลุมลงมา เมิ่งฮ่าวก็มุ่งหน้าตรงไปอย่างรวดเร็ว เขาได้ไปยังตระกูลซ่ง และไปเยี่ยมสำนักจื่อยิ่นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะกลับไปยังสำนักเซี่ยเยา และใช้เวลาที่เหลือหนึ่งร้อยปีร่วมกับสวี่ชิง
ขณะที่เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าต่อไป สายตาทันใดนั้นก็มองไปเห็นบางสิ่งบางอย่าง กำลังเกิดขึ้นอยู่ที่ห่างไกลออกไป
“มันนั่นเอง…” เขาคิดด้วยความประหลาดใจ
ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวอยู่ในเขตชายแดนระหว่างตระกูลซ่งและสำนักเซี่ยเยา ที่ห่างไกลออกไปจากตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้หนึ่งร้อยหลี่ สามริ้วลำแสงพุ่งฝ่าอากาศไป
เห็นได้ชัดว่า มีสองผู้ฝึกตนกำลังไล่ล่าผู้ฝึกตนคนที่สามอยู่ เป้าหมายก็คือบุรุษวัยกลางคนซึ่งสวมใส่ชุดยาวสีขาวที่แปดเปื้อนไปด้วยโลหิต จากสีหน้าของมัน ดูเหมือนว่ามันกำลังเหน็ดเหนื่อย และที่มากไปกว่านั้นก็คือ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
เห็นได้อย่างง่ายดายว่าเมื่อครั้งหนึ่ง มันคือผู้ที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก ตอนนี้มันดูแก่ลงไป แต่ก็ยังคงดูพิเศษไม่ธรรมดา มีจิตวิญญาณแห่งผู้กล้า แต่วันเวลาได้กระทำต่อมันอย่างโหดร้าย และดูเหมือนว่ามันได้ผ่านประสบการณ์ที่โหดเหี้ยมทารุณมา ตอนนี้ชีวิตของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“หวังเถิงเฟย เจ้าคิดว่าจะหลบหนีไปที่ไหนได้ในตอนนี้?!”
“เจ้าเคยเป็นผู้ถูกเลือกอันดับต้นๆ ของตระกูลหวัง แต่ตอนนี้เจ้าไม่มีอะไรนอกจากเป็นสุนัขจรจัด! ที่รู้จักแต่วิ่งหนีเท่านั้น!”
“เจ้าจะวิ่งหนีไปทำไม? มาเถอะ มาแสดงให้พวกเราเห็นความสามารถของเจ้า จากเมื่อหลายปีก่อนโน้น เจ้าเคยมีความเย่อหยิ่งอย่างถึงที่สุด! เจ้าไล่ล่าข้าและน้องชายมาหลายปีเพื่อพยายามจะสังหารพวกข้า ตอนนี้ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันอีกครั้ง แล้วเจ้าจะหลบหนีไปทำไม?!”
“ฮา ฮา ฮา! แน่นอนว่ามันต้องหลบหนี ไม่มีตระกูลหวังในดินแดนด้านใต้อีกต่อไป! มันถูกกวาดล้างไปในชั่วค่ำคืนเดียว! หวังเถิงเฟยก็แค่โชคดีทำให้หลบรอดจากความตายมาได้! แต่โชคร้ายที่มันบังเอิญมาพบกับพวกเราที่นี่! หวังเถิงเฟย…เจ้าต้องตาย!”
บุคคลที่กำลังถูกไล่ล่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็น หวังเถิงเฟย!
ผู้ที่ไล่ล่าเป็นสองผู้ฝึกตนวัยกลางคน ซึ่งมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ขั้นสุดท้ายสร้างแกนลมปราณ ห่างอีกครึ่งทางจากขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้น สำหรับหวังเถิงเฟย มันก็อยู่ในขั้นสุดท้ายสร้างแกนลมปราณด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บ และไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องหลบหนีไปจากสองคนนี้เท่านั้น
ใบหน้ามันซีดขาว และเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจอย่างเข้มข้น เห็นได้ชัดว่าคำพูดที่กล่าวออกมาจากปากของผู้ที่ไล่ล่ามันมา ได้เสียดแทงเข้าไปลึกในจิตใจมัน หลังจากที่ตระกูลหวังถูกทำลายลงไป มันก็ต้องพบเจอกับคำสบประมาทเหยียดหยามมามากมาย ในครั้งหนึ่งมันคือผู้ถูกเลือก แต่ในชั่วพริบตาก็เปลี่ยนให้มันกลายเป็นผู้เร่ร่อน เดิมทีมันเคยบอกตนเองว่า มันสามารถที่จะปรับตัวให้คุ้นเคยกับสถานภาพใหม่นี้ได้ แต่ทุกครั้งที่มันได้ยินคำพูดเช่นนั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจ ก็ทำให้ต้องรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ข้างใน
มันรู้สึกราวกับว่าผู้คนกำลังขุดคุ้ยหัวใจมันออกมาจากหน้าอก ทำให้เกิดเป็นความเจ็บปวด เต็มอยู่บนใบหน้า ซึ่งเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
มันอยู่ที่นั่นในคืนที่ตระกูลหวังถูกกวาดล้างไป มันได้เห็นความบ้าคลั่งของปรมาจารย์ด้วยสองตาของตนเอง ขณะที่ปรมาจารย์ได้สังหารสมาชิกของตระกูลไปคนแล้วคนเล่า ในคืนนั้นมันรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ากำลังตกลงมา
บิดาและมารดามันได้ตายไป ท่านปู่มันตายไป ทุกคนตายไป ทีละคน ทีละคน…ในขณะที่ตัวมันได้ตกอยู่ในความหวาดกลัวและโศกเศร้าเสียใจ และจากนั้น พี่ชายของมัน…พี่ชายที่มักจะต้องการก้าวข้ามมันไป ได้ฟาดฝ่ามือลงมาบนศีรษะของมัน
ฝ่ามือนั้นฟาดลงมาราวกับเป็นสายฟ้า ทำให้มันหมดสติไป สิ่งสุดท้ายที่มันจำได้ก็คือว่า พี่ชายกำลังพึมพำอยู่ที่ข้างหูมัน “เสี่ยวตี้ (น้องชาย) เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป…”
เมื่อหวังเถิงเฟยรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองจมอยู่ในทะเลแห่งโลหิต มันถูกห้อมล้อมด้วยซากศพของกลุ่มคนในตระกูล ที่กำลังนอนทับอยู่บนตัวมัน…เป็นร่างของพี่ชายมัน
พี่ชายมันปกปิดตัวมันไว้ด้วยซากศพของตัวเอง ใช้กลิ่นอายแห่งความตายปิดบังหวังเถิงเฟยไว้ นั่นคือวิธีที่หวังเถิงเฟย…สามารถหลบหนีออกมาจากหายนะที่เกิดขึ้นจากปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ซึ่งความบ้าคลั่งของมันทำให้ไม่อาจจะค้นหาได้อย่างรอบคอบได้
ในตอนนั้น หวังเถิงเฟยก็เริ่มร้องไห้
มันไม่มีอะไรเหลืออยู่อีก ไม่มีตระกูล ไม่มีครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่างได้สูญหายไปจนหมดสิ้น
มันรู้สึกราวกับว่ามีมันเหลือชีวิตรอดอยู่เพียงคนเดียวในโลกแห่งนี้ มันคลานออกมาจากกองซากศพด้วยความขมขื่น และเริ่มต้นระหกระเหินร่อนเร่ไปเรื่อยๆ…
มันมีชีวิตอยู่ แต่ก็ราวกับว่าได้ตายไปแล้ว ผู้คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสหายได้มองมายังมันด้วยความเยาะเย้ยเย็นชา ดูถูกเหยียดยามอย่างต่อเนื่อง แตกต่างไปจากที่มันเคยได้รับการปฏิบัติมาจากเมื่อในอดีต และทำให้หวังเถิงเฟยที่กำลังสั่นสะท้านเริ่มตระหนักว่า
สิ่งที่มันสามารถทำได้ทั้งหมดในตอนนี้ก็คือ ก้มศีรษะลงและยอมรับคำถากถางเหล่านั้นด้วยความขมขื่นต่อไป
มันต้องการจะหาปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง และถามว่า…ทำไม?!
ทำไมท่านถึงได้มากวาดล้างตระกูลหวังไปจนหมดสิ้น?!
ทำไม?!
คำถามนี้ได้กลายเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้หวังเถิงเฟยต้องมีชีวิตต่อไป มันเริ่มค้นหาไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ ใช้ความสัมพันธ์ของสายโลหิต พยายามที่จะค้นหาปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ถึงแม้ว่ามันจะต้องตายไปในการกระทำเช่นนี้…มันก็ต้องได้รับคำตอบให้จงได้!
ในที่สุดในบริเวณนี้เองที่มันรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของปรมาจารย์รุ่นสิบ มันจึงเริ่มค้นหาไปทั่ว แต่ก่อนที่มันจะได้ร่องรอยของปรมาจารย์รุ่นสิบ มันก็ต้องมาเผชิญหน้ากับคนทั้งสอง ที่ก่อนหน้านี้มันเคยดูถูกว่าไร้ค่าแม้แต่จะมองไป พวกมันเป็นคนที่หวังเถิงเฟยและคนของมัน จะไล่ล่าหรือสังหารไปด้วยอาวุธเวทเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ตอนนี้ มันได้แต่หลบหนีไปจากพวกมันเท่านั้น
สองผู้ไล่ล่าหวังเถิงเฟย ขยับมือร่ายเวท ทำให้กระบี่บินสองเล่มพุ่งออกมา ส่งแสงวาววับพุ่งตรงมายังหวังเถิงเฟยที่มีใบหน้าซีดขาว ซึ่งมันก็รีบหยิบเอากลองใบเล็กๆ โยนออกไปที่ด้านหลัง กลองใบนั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งเสียงดังกึกก้อง ขณะที่กระบี่ทั้งสองเล่มเข้ามาใกล้ ทั้งกลองและกระบี่พุ่งปะทะเข้าหากันและ…
ตูม!
ขณะที่เสียงระเบิดดังก้องออกไป หวังเถิงเฟยก็กระอักโลหิตออกมา ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษขณะที่มันค้ำยันตนเองไว้ และพยายามพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว มันไม่ยอมเสียเวลาในการเอากลองกลับคืนมา ผู้ฝึกตนที่ไล่ล่าตามมาทั้งสองคนหัวเราะ ขณะที่หนึ่งในพวกมันมองไปที่กลองใบนั้น จากนั้นก็มุ่งไล่ล่าติดตามไปอีกครั้ง ดวงตาพวกมันสาดประกายด้วยความละโมบและความต้องการเข่นฆ่าสังหาร
พวกมันต่อสู้กันไปมาอย่างต่อเนื่อง และหวังเถิงเฟยก็กระอักโลหิตออกมาอยู่ตลอดเวลา แสงกระบี่ที่อยู่ใต้เท้ามันเริ่มจางหายไป และแววตาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สำหรับมันแล้ว ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ดูเหมือนว่า…จะกลายเป็นสีเทาไปแล้ว
“เจ้าเคยหยิ่งยโสนัก ใช่หรือไม่?!”
“ในตอนที่เจ้าสูงส่ง มีพลังอำนาจ เจ้าดูแคลนคนทั้งหมดราวกับว่าพวกมันเป็นมดแมลง และเจ้าก็เป็นผู้ถูกเลือกแห่งสวรรค์! ตอนนี้ความหยิ่งยโสของเจ้าไปอยู่ที่ไหนแล้ว, หือ?!”
“หวังเถิงเฟย, วันนี้เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน! ถ้าไปเกิดใหม่ ก็อย่าได้ลืมว่า ชีวิตหน้าของเจ้าอย่าได้หยิ่งยโสเช่นนั้นอีก!”
ดวงตาของสองผู้ไล่ล่าแวบรังสีสังหารขึ้น และพวกมันก็โจมตีไปโดยพร้อมเพรียงกัน ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังมากที่สุดของพวกมันออกมา ปราณกระบี่หมุนวนไปมา และฝ่ามือขนาดใหญ่ก็ส่งเสียงดังกระหึ่มตรงไปยังหวังเถิงเฟย
หวังเถิงเฟยยิ้มอย่างขมขื่นออกมา มันรู้ว่าไม่อาจจะหลบเลี่ยงหนีรอดไปได้ ดังนั้นมันจึงหันหน้ากลับไปในทันทีและเริ่มหัวเราะออกมา มันมีชีวิตอยู่มาอย่างเพียงพอแล้ว และน่าจะตายไปพร้อมกับตระกูลของมัน มันกำลังจะโยนความระวังตัวทั้งหมดออกไปพร้อมกับสายลม แต่…
ทันใดนั้น เสียงถอนหายใจก็ได้ยินดังก้องออกมาทั่วทั้งบริเวณนั้น
เมื่อพวกมันได้ยินเสียงถอนหายใจ สองผู้ไล่ล่าหวังเถิงเฟยก็หยุดลง ใบหน้าพวกมันซีดขาว ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที ขณะที่มองไปยังด้านหลังของหวังเถิงเฟย
“เจ้า…เจ้าสำนักน้อยแห่งเซี่ยเยาจง!!”
“นั่นคือเมิ่งฮ่าว!”
เมิ่งฮ่าวลอยตัวลงมาจากด้านหลังหวังเถิงเฟย จนกระทั่งไปยืนอยู่ระหว่างมันและสองผู้ไล่ล่า
“คนผู้นี้เป็นสหายเก่าของข้า สหายเต๋า, ได้โปรดไว้หน้าข้าสักเล็กน้อย เป็นอย่างไร?”
สองผู้ไล่ล่าอ้าปากค้าง จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว รีบประสานมือและก้มศีรษะลงด้วยความเคารพสูงสุดในทันที
“ผู้อาวุโส พวกเราไม่รู้ว่าหวังเถิงเฟยเป็นสหายเก่ากับเจ้าสำนักน้อย ขอได้โปรดอย่าได้ถือสาผู้เยาว์เช่นพวกเรา”
“ไปแล้ว, พวกเรากำลังไปแล้วในตอนนี้…”
สองผู้ฝึกตนสั่นสะท้านไปทั้งร่างโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครในดินแดนด้านใต้จะไม่คุ้นเคยกับรูปร่างหน้าตาของเมิ่งฮ่าว พวกมันไม่สนใจหวังเถิงเฟยอันกระจ้อยร่อย แต่สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาช่างน่ากลัวอย่างถึงที่สุด แม้ในขณะที่พวกมันพูดจา คนทั้งสองก็ถอยไปด้านหลังด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
หวังเถิงเฟยเหม่อมองไปยังแผ่นหลังของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็เห็นสีหน้าของบุรุษทั้งสอง และรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในจิตใจ สีหน้าเช่นนั้นควรจะเป็นใบหน้าของผู้คนที่มองมายังมัน สีหน้าเช่นนั้นทำให้มันต้องคิดย้อนกลับไปก่อนที่ตระกูลหวังจะถูกกำจัดไป แต่ตอนนี้…
ใบหน้าหวังเถิงเฟยบิดเบี้ยวขึ้น รู้สึกราวกับว่าใบมีดกำลังแทงทะลุผ่านหัวใจมันไป ขณะที่มันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ ความเกลียดชังที่มันมีต่อเมิ่งฮ่าวลึกล้ำเป็นอย่างมาก แม้แต่ก่อนที่ตระกูลหวังจะถูกทำลายไป มันก็เคยฝันว่าได้สังหารเขาไปด้วยมือของตนเองมานับครั้งไม่ถ้วน
มันเกลียดชังเมิ่งฮ่าวที่นำมรดกวิเศษของมันไป มันเกลียดชังเมิ่งฮ่าวที่เอาคู่หมั้นมันไป มันเกลียดชังเมิ่งฮ่าวที่มีความสำเร็จเหนือกว่ามัน ในจิตใจของหวังเถิงเฟย ความสำเร็จทุกสิ่งทุกอย่างของเมิ่งฮ่าว ควรจะเป็นของมันมากกว่า!
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เมื่อไหร่ที่มันได้ยินเรื่องราวของเมิ่งฮ่าว มันก็รู้สึกราวกับว่าจิตใจกำลังถูกบดขยี้ มันรู้สึกแทบจะเป็นบ้าไป ความเกลียดชังของมันได้ฝังแน่นลึกลงไปจนถึงไขกระดูก!
“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!” มันร้องตะโกนออกมา “สังหารข้า มาสังหารข้า สังหารข้าไปเลย!”
“ข้ามีชีวิตอยู่มานานพอแล้ว, เมิ่งฮ่าว เจ้าไม่ใช่ต้องการจะสังหารข้า? เข้ามา ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง! เข้ามาเลย ข้า, หวังเถิงเฟยมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่! ข้ากำลังยืนอยู่ตรงนี้ มาสังหารข้าเลย!”
“เจ้าเอาโชคชะตาทั้งหมดของข้าไป! เจ้าเอาโอกาสทั้งหมดของข้าไป! แม้แต่คู่หมั้นของข้าเจ้าก็ยังเอาไป ข้าจะไม่อยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเจ้า, เจ้าผู้เสแสร้ง! เจ้าคนต่ำช้า! มาเลย มาสังหารข้า!”
“ตอนที่อยู่ในสำนักเอกะเทวะ เจ้ามันไม่มีอะไรเลย ข้าสามารถจะสังหารเจ้าได้ด้วยนิ้วเพียงข้างเดียว ถ้าผู้อาวุโสโอวหยางไม่สอดมือเข้ามา ข้าก็คงจะสังหารเจ้าไปแล้ว!”
“ข้าคือผู้ถูกเลือก! ผู้ถูกเลือกแห่งสำนักเอกะเทวะ! ผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลหวัง! แล้วเจ้าล่ะ? เจ้ามันก็แค่…แมลงตัวเล็กๆ เท่านั้น!!”
หวังเถิงเฟยเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มันได้ข่มกลั้นตนเองไว้เป็นเวลานาน และตอนนี้มันก็แผดร้องตะโกนความคับข้องใจทั้งหมดของมันออกมาอย่างบ้าคลั่ง