ตอนที่ 80
อุบายของเมิ่งฮ่าว
“สหายเต๋า, ท่านไม่จำเป็นต้องอารมณ์เสีย” เทียนจีซ่างเหรินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “นี่เป็นเรื่องราวอันเล็กน้อยของพวกผู้เยาว์, ทำไมเราไม่เพียงแค่ดู?”
ขณะที่ทั้งสองพูดจากัน หลิวเต้าอวิ๋นก็ส่งเสียงร้องอย่างน่าอนาถใจออกมาอีก เมิ่งฮ่าวก้าวตรงไปข้างหน้า และด้วยการเฉือนของกระบี่ ทำให้แขนซ้ายของหลิวเต้าอวิ๋น ลอยออกไปจากร่างของมัน โลหิตกระจายออกไปทุกที่
กระบี่บินอีกมากมาย ลอยออกมาจากถุงเก็บสมบัติของเมิ่งฮ่าว ทีละเล่ม ทีละเล่ม ปักเข้าไปในร่างของหลิวเต้าอวิ๋น โลหิตไหลพุ่งออกมา ในชั่วพริบตาเดียว ร่างของมันก็ปักเต็มไปด้วยกระบี่สิบสองเล่ม
เมิ่งฮ่าวไปยืนตรงหน้ามัน กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “ถ้าข้าบอกว่า เจ้าต้องตายในวันนี้, เจ้าก็ต้องตาย”
ความสิ้นหวังเติมเต็มอยู่ในดวงตา ที่เบิกกว้างของหลิวเต้าอวิ๋น โลหิตไหลซึมออกมาจากปากของมัน
สี่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ มองมายังฉากเบื้องหน้าด้วยความตกใจ พวกมันต่างก็ประหลาดใจ โดยเฉพาะกับการแสดงออกที่โหดร้ายของเมิ่งฮ่าว
“พอ!” หนึ่งในผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ จากสำนักเฟิงหาน (สายลมยะเยือก) กล่าวขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด มันโบกสะบัดนิ้ว ทันใดนั้นพลังลมปราณในบริเวณนั้น ก็เหมือนกับจะหมุนปั่นไปมา และพุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว ห่อหุ้มอยู่รอบๆ ตัว ไม่แตะต้องพลังลมปราณในร่างของเขา แต่ดึงร่างเขาออกมาจากหลิวเต้าอวิ๋น
ขณะที่เมิ่งฮ่าวถูกลากออกไป ความหวังก็รวมอยู่ภายในดวงตาของหลิวเต้าอวิ๋น ถึงแม้ว่ามันจะบาดเจ็บสาหัส
“ตูม!” เมิ่งฮ่าวพูดเสียงเย็นชา รังสีสังหารในดวงตาของเขาแวบขึ้นมา
เวลาเดียวกับที่คำพูด ดังออกมาจากปากของเขา กระบี่บินสิบสองเล่ม ที่เสียบอยู่ในร่างของหลิวเต้าอวิ๋นก็ระเบิดขึ้นในทันที เสียงกรีดร้องอันโหยหวนก็ดังก้องไปทั่วทุกทิศทาง ร่างกายของหลิวเต้าอวิ๋นถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ แม้แต่ศีรษะของมันก็กลายเป็นเศษเนื้อ กระจายออกไปในทุกทิศทาง
สำหรับสี่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ, ม่านตาของพวกมันหดตัวลงจนกลายเป็นจุดดำเล็กๆ จ้องไปที่เศษชิ้นเนื้อ จากนั้นก็จ้องมาที่เมิ่งฮ่าว ซึ่งมีสีหน้าไร้ความรู้สึก พวกมันคงไม่อาจลืมเหตุการณ์นี้ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะความทรงจำเกี่ยวกับ ความรวดเร็วในการโจมตีของเมิ่งฮ่าว และความเด็ดขาดในสุ้มเสียงของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิธีการคิดของเขา ไม่มีอะไรที่พื้นๆ ธรรมดา เขาได้เปลี่ยนทุกคน ที่ไม่ใช่ศิษย์สำนักเฟิงหาน ให้กลายเป็นผู้ช่วยของเขา และผลลัพธ์อันน่าสยดสยองนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้นยืนกรานอย่างแท้จริงของเขา
ไม่ว่าใครก็ตามสามารถที่จะคิดแผนการเช่นนี้ออกมาได้ แต่น้อยคนนักที่จะทำให้มันสำเร็จลงได้ ขณะที่ในวันนี้ พวกมันก็ได้เห็นการสังหารจริงครั้งแรกของเมิ่งฮ่าว!
“มันตายแล้ว ท่านปล่อยข้าได้แล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา
ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ลอยอยู่ในอากาศ จ้องลงมาที่เมิ่งฮ่าว ความต้องการสังหารอย่างเด็ดเดี่ยวของเขา สร้างความทรงจำอันลึกล้ำอยู่ในจิตใจของพวกมัน
แม้แต่เทียนจีซ่างเหริน ก็มองไปที่เขาเป็นเวลานาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทำให้มันต้องเหลือบมองไปที่ความอำมหิตโหดร้ายของเมิ่งฮ่าวอย่างช่วยไม่ได้
ปรมาจารย์ขั้นสร้างแกนลมปราณ จากสำนักเฟิงหาน (สายลมยะเยือก) ซึ่งกำลังจับกุมเมิ่งฮ่าวอยู่ ก็มีความดุร้ายน่ากลัวปรากฎอยู่บนใบหน้า แม้ว่ามันได้สอดมือเข้าไป เมิ่งฮ่าวก็ยังสามารถสังหารหลิวเต้าอวิ๋นตรงหน้ามันได้ มันรู้สึกเสียหน้าเพราะเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
แค่ความคิดนี้ มันก็สามารถฉีกเมิ่งฮ่าวออกเป็นชิ้นๆ ให้ตายเหมือนกับหลิวเต้าอวิ๋นได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อมันพิจารณาไปถึงสีหน้าของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนี้ ก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
ด้วยเสียงแค่นอย่างเย็นชา มันสะบัดชายแขนเสื้อ และพันธนาการที่มองไม่เห็นรอบๆ ร่างของเมิ่งฮ่าวก็หายไป แต่มันก็ยังคงกระแทกไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยการโจมตีที่มองไม่เห็น ทำให้เขาต้องกระอักโลหิตออกมา เมิ่งฮ่าวมองไปที่มัน สีหน้าเขาซีดขาว แต่ดวงตาสาดประกายดำมืดออกมา
“หลิวเต้าอวิ๋นเยาะเย้ยข้าอยู่ตลอดเวลา และสาบานว่าจะสังหารข้า” เมิ่งฮ่าวกล่าว มองไปที่ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ที่เพิ่งจะทำร้ายเขาเมื่อครู่
“ข้า ซึ่งเป็นผู้เยาว์ ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องโจมตีก่อน ข้าร้องขอความเป็นธรรมจากท่านผู้อาวุโส ในตอนนี้ ข้าค่อนข้างกังวลว่าสำนักเฟิงหาน จะไม่ยอมให้ยาขจัดพิษแก่ข้า ท่านพอจะช่วยให้ยาถอนพิษกับข้า ซึ่งเป็นผู้เยาว์ ได้รู้สึกสบายใจขึ้นสักเล็กน้อย ก่อนที่ข้าจะเปิดถ้ำแห่งเซียนของท่านปรมาจารย์ จะได้หรือไม่?”
ดวงตาของสี่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ส่องประกายออกมา ขณะที่ทันใดนั้น พวกมันก็ดูเหมือนจะเข้าใจถึงความโหดเหี้ยมและความเจ้าเล่ห์ของเมิ่งฮ่าว
ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ซึ่งนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ดวงตาของพวกมันส่องประกายเมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งฮ่าว พวกมันเข้าใจว่าเขากำลังคิดถึงอะไรในทันที และพวกมันก็ขมวดคิ้ว ขณะที่มองไปที่ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณสองคน จากสำนักเฟิงหาน (สายลมยะเยือก)
ใบหน้าของพวกมันเย็นเยียบราวน้ำแข็ง
“ด้วยจิตใจเจ้าเล่ห์ของเจ้า คงยากที่จะอยู่ในแคว้นจ้าว” เทียนจีซ่างเหรินกล่าว “ข้ากำลังอยากได้คนรับใช้, เมิ่งฮ่าว เจ้าลองคิดดูให้ดี” ดวงตาของมันส่องประกายเมื่อมองไปที่เมิ่งฮ่าว รอยยิ้มของมันดูน่ากลัว และลึกลับ เช่นเดียวกับลวดลายที่อยู่บนชุดยาวของมัน, ดวงตาข้างเดียวที่อยู่ตรงกลางของพื้นที่สีเหลี่ยมอันลึกลับ
ชายชราใบหน้าสีแดง จากสำนักเฟิงหาน (สายลมยะเยือก) แค่นเสียงทุ้มต่ำอยู่ในลำคอ สามสำนักใหญ่มักเข้ากันไม่ค่อยได้ และในตอนนี้ มันได้เริ่มระแวง ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ซึ่งจ้องมาที่มันด้วยสายตาอันคมกริบ
มันไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซับซ้อนวุ่นวายไปมากกว่านี้ แต่ภายในใจของมัน ได้กำหนดให้เมิ่งฮ่าวต้องตายไปเรียบร้อยแล้ว มันโบกสะบัดมือขวา และเม็ดยาสีขาวก็ปรากฎขึ้น พุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว
เม็ดยากระจายกลิ่นหอมออกมา จากการศึกษาของเขาในข้อมูลของแผ่นหยกโบราณ เมิ่งฮ่าวก็บอกได้จากการเห็นในแวบแรกว่า นี่เป็นยาขจัดพิษของเม็ดยาซากศพเยือกเย็น
เขาคว้าจับมันไว้ ไม่กลืนกินในทันที แต่เอาใส่เข้าไปในถุงเก็บสมบัติแทน จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตรงไปยังจุดสูงสุดของภูเขาตะวันออก
สำหรับผู้ฝึกตนจากสามสำนักใหญ่ พวกมันจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด พร้อมที่จะเคลื่อนไหวในทันที ถ้าเขาพยายามจะทำอะไรที่ผิดปกติ เทียนจีซ่างเหรินลอยอยู่ข้างกายเขา ดวงตาส่องประกายเมื่อมันจ้องไปที่ภูเขาตะวันออก
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ทะยานตรงไปที่ด้านบนของยอดเขา แต่เดินไปตามทางที่ทอดไปสู่ภูเขาตะวันออกแทน กลุ่มผู้ฝึกตนพวกนั้นก็ได้แต่ต้องอดทนตามเขาไป เดินผ่านถ้ำแห่งเซียนของหวังเถิงเฟย เดินไปเรื่อยๆ ก็เห็นถ้ำของศิษย์พี่เฉิน และศิษย์พี่หญิงฉื่อ ภาพในอดีตก็เชื่อมต่อกันอยู่ในจิตใจ และเขาก็ถอนหายใจยาวออกมา
ในที่สุด เขาก็มาหยุดอยู่หน้าถ้ำแห่งเซียน ที่เป็นของเขา มองไปที่มันอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เดินต่อไป จนกระทั่งมาถึงจุดสูงสุดของภูเขาตะวันออก และห้องโถงหลักของสำนักเอกะเทวะ
แสงตะวันยามบ่ายส่องเข้าไปในห้องโถง ทำให้ดูภูมิฐานสง่างาม เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าเข้าไปข้างใน จ้องไปที่รูปปั้นด้านใน สายตาไปหยุดอยู่ที่รูปปั้นของปรมาจารย์เอกะเทวะ
วันที่ปรมาจารย์เอกะเทวะ ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ฝึกตนจากสำนักต่างๆ มันได้บอกวิธีลับเพื่อจะเปิดเส้นทางไปถึงถ้ำแห่งเซียนกับเมิ่งฮ่าวไว้ ตอนนี้ ผ่านไปหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ได้กลับมา
อันที่จริง หนึ่งปีที่นัดไว้ ได้ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เมิ่งฮ่าวได้มาถึงรูปปั้นของปรมาจารย์เอกะเทวะ ผู้ฝึกตนจากแคว้นจ้าว ก็มองไปที่เขา จากด้านหลัง
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมา กดนิ้วลงไปที่จุดบนรูปปั้น ทุกๆ ช่วงเวลาสั้นๆ เขากดนิ้วย้ำลงไปบนจุดนั้น อีกครั้ง และอีกครั้งที่เขากดลงไป จนกระทั่งเขากดลงไปถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้าครั้ง
ทันใดนั้น ห้องโถงหลักก็เริ่มสั่นสะเทือน รูปปั้นอื่นๆ เขย่าไปมาอย่างรุนแรง จากนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้รูปปั้นอื่นๆ ทั้งหมดสลายกลายเป็นชิ้นๆ จากนั้นแสงสว่างจ้าก็สาดออกมาจากรูปปั้นของปรมาจารย์เอกะเทวะ กวาดเศษหินเศษอิฐทั้งหมดออกไป เหลือไว้เพียงแต่รูปปั้นของมันเอง
ข้างใต้ของรูปปั้นเป็นแผ่นหิน เมื่อผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ เห็นดังนี้ ดวงตาของพวกมันก็สาดประกายด้วยความมุ่งหวัง
รูปปั้นเปล่งพลังอันน่าเหลือเชื่อออกมา และดวงตาของมันก็สาดประกายราวกับว่ามีชีวิต ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่า ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปใกล้รูปปั้นนั้น
เมิ่งฮ่าวถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็ประสานมือ และโค้งตัวคำนับต่ำลงไป “ศิษย์เมิ่งฮ่าว ขอรบกวนการนอนหลับของท่านปรมาจารย์ ท่านโปรดช่วยเปิดประตูไปที่ถ้ำแห่งเซียนได้หรือไม่?” เขาเงยหน้าขึ้น และดวงตาสาดประกาย เขาหันหลังให้กับผู้ฝึกตนจากแคว้นจ้าว ขยับริมฝีปาก ขณะที่พึมพำเสียงอันซับซ้อนบางอย่างออกมา
“รวม!”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก รูปปั้นก็เริ่มสั่น และแสงเจิดจ้าที่ส่องออกมาจากดวงตาของรูปปั้นก็ส่องสว่างมากยิ่งขึ้น แสงสว่างทวีความเข้มข้นมากขึ้น และเกิดลมกรรโชกแรงพัดม้วนมา ความประหลาดใจปกคลุมไปที่ใบหน้าของผู้ฝึกตนจากแคว้นจ้าวทั่วทุกคน
รอยร้าวปรากฎขึ้นบนพื้นผิวของรูปปั้น มากขึ้น และมากยิ่งขึ้น ชั่วเวลาหายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง มันก็ระเบิดเสียงดังออกมา ส่งผลให้ชิ้นส่วน ลอยกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ตอนนี้ฐานของรูปปั้นที่เป็นแผ่นหิน ก็เริ่มส่องแสงสว่างเจิดจ้าออกมา
แสงเจิดจ้าบาดตาที่เกิดจากเวทอาคมที่หมุนวนไปมา ทำให้ผู้ฝึกตนจากแคว้นจ้าวต้องหายใจแรงขึ้น ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับเวทอาคมเช่นนี้ สามารถบอกได้ว่า มันคืออาคมผนึก ซึ่งกำลังจะคลายออก
เสียงสายฟ้าคำรามดังกระหึ่มกึกก้องสะท้อนออกมา และลำแสงกว้างใหญ่ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นลำแสงก็เริ่มหมุนบิดไปรอบๆ จนกระทั่งกลายเป็นแหวนขนาดยักษ์
ภายในของแหวนส่องประกายเลือนลาง และจากนั้นก็กลายเป็นกระแสน้ำหมุน มันคือ ทางผ่านไปยังสถานที่อื่น
ขณะที่วงแหวนแห่งแสงเริ่มก่อตัว เมิ่งฮ่าวก็กระโจนขึ้นไปในอากาศ และพุ่งตรงไป เขาหายตัวไปภายในแหวนนั้น ด้านหลังเขา ผู้ฝึกตนจากแคว้นจ้าวลังเล ใบหน้าของพวกมันบิดเบี้ยว
“ศิษย์ขั้นพื้นฐานลมปราณ, เข้าไปก่อน” เทียนจีซ่างเหรินพูด ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณพยักหน้าเห็นด้วย และผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณสิบสองคน หรือมากกว่านั้น ก็กัดฟัน พุ่งออกไป หายเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้น
หลังจากหายใจเข้าออกสิบครั้ง เทียนจีซ่างเหริน และผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ก็มองหน้ากัน ศิษย์หนึ่งคนจากแต่ละสามสำนักใหญ่ก็เข้าไปเป็นรายต่อไป หลังจากที่พวกมันเข้าไปจนหมด ก็เหลือแต่ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ และเทียนจีซ่างเหรินตามเข้าไป
เมื่อเข้าไปในกระแสน้ำวน จิตใจพวกมันก็หมุนคว้าง และเริ่มหายใจลำบากขึ้น มองไปรอบๆ สิ่งแรกที่พวกมันเห็นก็คือแผ่นศิลาขนาดใหญ่มหึมา ตัวอักษรสีทองถูกสลักลงไปบนแผ่นศิลานั้น ตัวอักษรที่อยู่บนสุดก็ส่งผลให้ดวงตาของพวกมันสาดประกายออกมาในทันที
“คัมภีร์สุดยอดวิญญาณ!!”