ตอนที่ 855
พลังแห่งกรรม!
คนทั้งหมดในตี้จิ่วซานไห่ ต่างก็สะท้านใจไปทั่วโดยสิ้นเชิง ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์จากสำนักต่างๆ มองไปพร้อมกับแสงแปลกๆ ที่ปรากฏขึ้นในดวงตา ผู้เฒ่าจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหยียนโม๋ไห่ (กระดูกแห่งเปลวไฟปีศาจ) หัวเราะออกมาและยืนขึ้น
“ข้าคิดว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ ไม่ใช่คนที่จะถูกเลือกโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ เวทของมันนี้มีโชคชะตาที่เชื่อมต่อกับเหยียนโม๋ไห่ สหายเต๋าทั้งหลาย หวังว่าพวกท่านคงจะไม่มาแย่งชิงกับเหลาสิ่วเช่นข้า” (ชายชราที่แก่เป็นไม้ใกล้ฝั่ง – คำกล่าวอย่างถ่อมตัว) ขณะที่พูดออกมา ชายชราก็เคลื่อนที่ออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น อีกแปดถึงเก้าคนก็พุ่งตรงไปด้วยเช่นเดียวกัน
จากห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หวังโหย่วฉายและเจ้าอ้วน ถูกนำตัวไปโดยเยี่ยหู (ทะเลสาบจันทรา) และกู่เซียนหลิง (สุสานเซียนโบราณ) ตามลำดับ จนกระทั่งถึงตอนนี้ มีเพียงชิงเหลียนเทียน (บัวเขียวสวรรค์), ภูเขาไท่หยาง และเหยียนโม๋ไห่ ที่ยังไม่ได้ขยับตัวอย่างแท้จริง ตอนนี้พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ขณะที่พวกมันเข้าไปใกล้โลกของหลีเหยียน เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา ขณะที่แท่นศิลาตัวอักษรตกลงมามากมาย หนึ่ง, สาม, ห้า, เจ็ด…
มีทั้งหมดสิบเจ็ดแท่นศิลาตัวอักษรปรากฏขึ้น!!
แท่นศิลาตัวอักษรแต่ละแท่นมีความสูงถึงหนึ่งร้อยจ้าง ขณะที่พวกมันหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างหลีเหยียน ก็กลายเป็นกระแสน้ำวนทำให้เกิดเป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า หลีเหยียนยืนอยู่ที่จุดกึ่งกลาง ถูกห้อมล้อมโดยลำแสงอันไร้ขอบเขต ดูคล้ายกับเป็นผู้ถูกเลือกที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้
เมื่อกลุ่มฝูงชนที่ด้านนอกในตี้จิ่วซานไห่มองเห็นแท่นศิลาตัวอักษรทั้งสิบเจ็ดแท่นนั้น พวกมันตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
“จากสมัยโบราณมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ มันเป็นอันดับสองรองจากฝานเหล่าเท่านั้น!!”
“สิบเจ็ดแท่นศิลาตัวอักษร! ช่างสมกับที่มันได้รับความรู้แจ้งของเศษซากเซียนมากถึงเก้าสิบห้าแห่งจริงๆ! มันสร้างร่างเวทซึ่งเรียกแท่นศิลาตัวอักษรมาได้ถึงสิบเจ็ดแท่น!”
“ยากที่จะทำนายได้ว่าในวันข้างหน้ามันจะเป็นเช่นไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพื้นฐานฝึกตนของมันทะลวงผ่านขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าไปได้แล้ว เมื่อไหร่ที่มันเข้าสังกัดสำนัก มันก็จะได้รับการสั่งสอนมากขึ้น และจะต้องกลายเป็นผู้ถูกเลือกในรุ่นของมันอย่างแน่นอน!”
คำพูดด้วยความอิจฉาดังก้องอยู่ในตี้จิ่วซานไห่ ในโลกของหลีเหยียน ปรมาจารย์จากสำนักต่างๆ ไปถึงแล้ว หลังจากที่มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย เหยียนโม๋ไห่ก็รับหลีเหยียนเข้าเป็นศิษย์
ในตอนนี้ มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ในโลกของด่านที่หก, เจ็ดและแปด ซึ่งก็คือเมิ่งฮ่าว ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเขายังสร้างขึ้นไม่เสร็จสมบูรณ์
คนทั้งหมดในตอนนี้กำลังมองไปอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ที่อยู่ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
ความมุ่งหวังในอากาศเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้นไปเรื่อยๆ
“ถ้ามันสามารถเอาชนะคนอื่นๆ ได้ทั้งหมด มันก็จะอยู่ในอันดับหนึ่ง! มาดูกันว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของมัน จะทำให้แท่นศิลาตัวอักษรตกลงมามากน้อยแค่ไหน!”
“มันได้รับความรู้แจ้งมาจากเศษซากเซียนถึงเก้าสิบเก้าแห่ง ถ้ามันได้น้อยกว่าสิบห้าแท่นศิลาตัวอักษร ก็คงน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง!”
“ยากที่จะบอกได้ ข้าได้ข่าวมาว่าในปีหนึ่ง มีใครบางคนได้ความรู้แจ้งจากเศษซากเซียนถึงเก้าสิบแปดแห่ง แต่สุดท้ายมันก็สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้แค่เก้าแท่นศิลาเท่านั้น!”
สามวันต่อมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมา
“แต่ละครั้งที่ข้าได้รับความรู้แจ้งมาจากเศษซากเซียนเก้าสิบแปดแห่งแรก ข้ามองเห็นภาพของหินลมปราณและตั๋วสัญญา ในวันข้างหน้า ข้าหวังว่าจะทำให้ผู้ถูกเลือกในตี้จิ่วซานไห่ทั้งหมดนี้เขียนตั๋วสัญญาให้กับข้า!”
“นั่นคือความมุ่งมาดปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ของข้า…”
“การเขียนตั๋วสัญญาให้กับข้า ก็เหมือนกับการหว่านเมล็ดกรรมเช่นกัน และเส้นใยกรรมเหล่านั้นก็สามารถที่จะใช้เพื่อไปแทรกแซงชะตากรรมได้ อย่างไรก็ตามผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็ไม่ยินดีที่จะเขียนตั๋วสัญญา ดังนั้น…ข้าจะสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่บังคับให้พวกมันต้องทำการผูกชะตากรรมขึ้นให้จงได้!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และเขาก็ชี้นิ้วออกไป
ทันใดนั้น โลกแห่งนี้ก็เริ่มสั่นสะเทือน ขณะที่เส้นใยนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น บางเส้นใยเป็นสีเจิดจ้า บางเส้นใยดูมืดสลัว แต่ทั้งหมดนั้นคือเส้นใยกรรม และพวกมันก็ไม่ได้เป็นของดั้งเดิมจากโลกแห่งนี้ แต่มาจากเมิ่งฮ่าวเอง!
อย่างน่าตกใจยิ่ง แค่ขยับนิ้วก็ทำให้เส้นใยกรรมทั้งหมดของเขาเริ่มมองเห็นได้ ทั่วทั้งโลกแห่งนี้เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น และเสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ราวกับว่าทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้กำลังจะพังทลายลงไป
เมิ่งฮ่าวมองจ้องขึ้นไปยังเส้นใยกรรม และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า ทันใดนั้นเขาก็ทำมือขวาให้กลายเป็นกรงเล็บ ยื่นออกมาคว้าจับไปที่หนึ่งในเส้นใยกรรม ทันทีที่สัมผัสมัน เขาก็มองเห็นภาพของฝานตงเอ๋อร์ขึ้นในทันใด
เมิ่งฮ่าวดึงเส้นใยกรรมนั้นเข้ามา และมันก็บิดเบี้ยวไปมา ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็หยิบเอาตั๋วสัญญาออกมา จากนั้นโดยไม่ลังเลเขาทำให้เส้นใยกรรมนั้นบิดตัวไปมากลายเป็นรูปสัญลักษณ์เวท จากนั้นก็ประทับมันลงไปบนกระดาษ
ทันทีที่เครื่องหมายนั่นปรากฏขึ้น ฝานตงเอ๋อร์ที่นั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า กำลังพยายามสะกดข่มซากศพหญิงสาวที่อยู่บนหลังของนาง ก็รู้สึกว่ามีแรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง ดวงตานางลืมขึ้นมาอย่างเบิกกว้าง และจากนั้นก็สาดประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ต่อมาสีหน้านางก็เปลี่ยนไป และกระอักโลหิตออกมากองโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้น? มีใครบางคนเพิ่งจะใช้เต๋าแห่งกรรมมาทำร้ายข้า?”
ทันทีที่สีหน้าฝานตงเอ๋อร์เปลี่ยนไป สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เริ่มตื่นเต้นขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นแสงแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตา เวทนี้ที่บังคับให้ต้องผูกชะตากรรม เป็นแค่การถูกพัฒนาขึ้นมาในระดับแรกเท่านั้น ในระดับที่สอง เขาก็จะสามารถหลอมรวมตั๋วสัญญาเข้าไปในเส้นใยกรรมได้ และจากนั้นก็จะปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบ
เมื่อถึงระดับสาม เขาก็จะสามารถใช้ตั๋วสัญญาเป็นเมล็ดกรรม ถ้าสามารถปลูกฝังได้สำเร็จ เวทนี้ก็จะขยายเติบโตขึ้นโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้เมิ่งฮ่าวมีพลังที่จะตัดสินความเป็นตายของคนอื่นๆ ได้เพียงแค่คิดขึ้นมาเท่านั้น
“นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของข้า คำสั่งแห่งกรรม มันอาจจะยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ในวันข้างหน้า เมื่อพื้นฐานฝึกตนของข้าสูงส่งมากยิ่งขึ้น ข้าก็จะทำให้มันสมบูรณ์แบบ!” ขณะที่คำพูดของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกมา โลกรอบๆ ตัวเขาเริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นก็เต็มไปด้วยรอยแตก ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะท้าน ขณะที่เมิ่งฮ่าวเริ่มถูกคนทั้งหมดในโลกด้านนอกมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ปรมาจารย์ที่อยู่ในวิหารสูงขึ้นไปต่างก็ตกตะลึง
“มันคือเวทแห่งเต๋า!!”
“มันคือเต๋าแห่งกรรมของตระกูลจี้! ไม่ถูกต้อง! มีบางสิ่งที่แตกต่างไปจากเต๋าแห่งกรรมของตระกูลจี้! ตระกูลจี้ตัดกรรม แต่นี่บังคับให้มีการผูกชะตากรรมร่วมกัน มันมีการครอบงำเหมือนกัน ช่างน่าตกใจเหมือนกันนัก!”
“นั่นไม่ใช่แค่เวทแห่งเต๋า สามารถถือได้ว่าเป็นวิชาลับได้เลย!! การหยั่งรู้ของฟางมู่ช่างสูงส่งจนน่าเหลือเชื่อนัก!”
“ข้าอยากรู้นักว่าความรู้แจ้งอะไร ที่ทำให้มันสามารถสร้างเป็นเวทวิชาลับได้เช่นนี้!!”
เวทแห่งเต๋าเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยาก แต่เวทวิชาลับกลับยิ่งหาได้ยากกว่ามากนัก!
พวกที่มุงดูอยู่ในตี้จิ่วซานไห่กำลังมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เสียงหอบหายใจได้ยินมา และสีหน้าประหลาดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็มองเห็นได้ไปทั่ว
“เรื่องนี้ช่างท้าทายความเชื่อนัก!!”
“ฟางมู่ผู้นี้สร้างเวทที่ดูเหมือนจะเป็นทั้งเวทแห่งเต๋าและเวทวิชาลับ! ข้าเกรงว่ามีแต่ผู้แข็งแกร่งจากสำนักใหญ่เท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าใจมันได้!”
“อย่างไรก็ตาม มันก็ทำให้โลกนั้นเริ่มพังทลายลงไป ตอนนี้ข้าอยากรู้นักว่าจะมีแท่นศิลาตัวอักษรตกลงมาเท่าใดกัน!? จะมากกว่าของหลีเหยียนหรือไม่?!”
ขณะที่โลกกำลังสั่นสะเทือนอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว เสียงกระหึ่มอย่างรุนแรงก็ได้ยินออกมา ขณะที่แท่นศิลาตัวอักษรเริ่มตกลงมา
หนึ่ง, สาม, ห้า, เจ็ด…
กลุ่มฝูงชนมองไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่แท่นศิลาตัวอักษรตกลงมาทั้งหมดยี่สิบเอ็ดแท่น พวกมันหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวอย่างไม่รู้จบ สร้างเป็นภาพที่น่าประหลาดใจโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้น กลุ่มฝูงชนในตี้จิ่วซานไห่ก็เริ่มเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น
“ยี่สิบเอ็ดแท่นศิลาตัวอักษร! สวรรค์! นั่น…นั่นมากกว่าของฝานเหล่าซะอีก!!”
“ไม่ใช่มนุษย์แล้ว! พลังการต่อสู้ของคนผู้นี้ช่างน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง และความคิดสร้างสรรค์ของมันก็ไม่ใช่มนุษย์! ถึงแม้ว่าพวกเราจะมองไม่เห็นพรสวรรค์ของมัน แต่ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน! มันต้องได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้อย่างแน่นอน!!”
“ข้าพนันได้เลยว่าสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดกำลังตกตะลึงอยู่! ยี่สิบเอ็ดแท่นศิลาตัวอักษร! ฟางมู่ผู้นี้จะต้องมีชื่อเสียงอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าอย่างแน่นอน!”
ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ต่างก็นั่งอยู่ที่นั่นเหมือนก่อนหน้านี้ทั้งหมด แต่ทุกคนต่างก็พร้อมที่จะพุ่งทะยานออกไป ดวงตาพวกมันสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้าอย่างน่าเหลือเชื่อ ถ้าสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ไม่ต้องการจะรับเมิ่งฮ่าวไว้ พวกมันก็พร้อมที่จะแย่งชิงเขามา
ศิษย์ทั้งหมดที่ถูกรับเข้าสังกัดก่อนหน้าเมิ่งฮ่าว สามารถถือได้ว่าเป็นผู้ถูกเลือก แต่บางครั้งผู้คนหรือเหตุการณ์ต่างๆ ก็เกินกว่าที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้ การพยายามจะเปรียบเทียบพวกมันกับคนอื่นๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ในดินแดนตะวันออกอันกว้างใหญ่ ฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่มองดูกันและกัน พร้อมกับยิ้มออกมา ใบหน้าเมิ่งลี่ปกคลุมด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ ขณะที่นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวบนจอภาพกระแสน้ำวน และจิตใจก็เต็มไปด้วยความรัก
“เจ้าตัวบัดซบน้อย!” ปรมาจารย์เอกะเทวะพึมพำออกมา “ดีแล้วที่สุดท้าย เจ้าก็ไม่ได้ทำให้ข้าต้องเสียหน้าใดๆ!”
ตานกุ่ยและฉู่อวี้เยียน ต่างก็ถอนหายใจอย่างแผ่วเบาออกมา ฉู่อวี้เยียนไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าว และจิตใจที่ฝักใฝ่ต่อตั๋วสัญญาของเขามากนัก แต่ตานกุ่ยรับรู้ได้ถึงบางอย่างเกี่ยวกับมัน และสีหน้าแปลกๆ ก็มองเห็นได้จากบนใบหน้าท่าน สำหรับกลุ่มคนที่เหลือทั้งหมด ส่วนใหญ่แล้วพวกมันไม่เข้าใจเรื่องกรรมดีนัก แต่พวกมันก็สามารถคาดเดาได้มากมาย
“ด้วยวิชาเวทเช่นนี้ ใครจะกล้าบังอาจปฏิเสธไม่ยอมเขียนตั๋วสัญญาให้กับข้า!” เมิ่งฮ่าวแอบรู้สึกดีใจ และพึงพอใจต่อความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสร้างขึ้นมานี้เป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนี้ คนทั้งหมดต่างก็คาดคิดว่าสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่จะถลาลงไปรับเมิ่งฮ่าวเข้าสังกัด อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า และสำนักกระบี่ไท่สิงจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน และพวกมันก็พร้อมที่จะเข้าไปถกเถียงกับเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หลับตาลงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่า…เขากำลังจมกลับเข้าไปในการเข้าฌาณ!
ภาพที่เห็นนี้ทำให้คนทั้งหมดจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงขึ้นในทันที
“มันกำลังทำอะไร?”
“เป็น…เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันตั้งใจจะสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นออกมาอีก?” ในขณะที่ความตกตะลึงม้วนกวาดออกไปทั่วยังกลุ่มคนทั้งหมด แสงอันเจิดจ้าทันใดนั้นก็เริ่มสาดประกายอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว และบทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มดังก้องออกมา
ถูกแล้วที่เมิ่งฮ่าวกำลังตกอยู่ในท่ามกลางการครุ่นคิดใคร่ครวญความรู้แจ้ง เหตุผลที่เขาไม่ได้ดูดซับพลังของแท่นศิลาตัวอักษรทั้งยี่สิบเอ็ดแท่นนั้น เป็นเพราะว่าด้วยสถานะในตอนนี้ เขาพร้อมที่จะใช้ความเข้าใจของสะพานทั้งเก้ามาสร้างเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นอีก
“มันกำลังจะสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นอีกจริงๆ!!”
“เป็น…เป็นไปได้อย่างไรกัน? มันสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว แล้วมันจะสร้างขึ้นอีกได้อย่างไรกัน? มันคิดว่าการสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ง่ายดายเหมือนกับการดื่มหรือกิน?”
พวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมดในโลกด้านนอกต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่บิดาและมารดาเมิ่งฮ่าวก็เช่นเดียวกัน ปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ต่างก็จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นเดียวกัน
หลีเหยียน รวมทั้งผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดในตอนนี้กำลังรอคอยอยู่ที่ด้านนอก จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความงุนงง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากผ่านไปแค่หนึ่งชั่วยาม เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ดังอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว และพลังอันเข้มข้นก็พุ่งออกมาจากร่างเขา เพราะโลกก่อนหน้านี้ได้พังทลายลงไปแล้ว พลังนั้นจึงมีผลกระทบต่อแท่นบูชาที่เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ ทำให้คนทั้งหมดสามารถมองเห็นได้ ไม่จำเป็นที่พวกมันจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์มาก่อนหรือไม่ คนทั้งหมดสามารถรับรู้ได้ว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังออกมานี้ ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“มันกำลังสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นอยู่จริงๆ! คนผู้นี้เป็นอมนุษย์เช่นใดกันแน่?!?!” กลุ่มฝูงชนต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ก่อนที่พวกมันจะทันได้มีโอกาสสงบใจให้เยือกเย็นลง จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ไม่ถูกต้อง ความคิดของข้าหายไปแล้ว” เมิ่งฮ่าวพึมพำโบกสะบัดมือ ทำให้พลังที่พุ่งขึ้นมาจนทำให้คนทั้งหมดต้องตกตะลึงหายไปในทันที อีกครั้งที่เขาเริ่มเข้าฌาณต่อไป
เมื่อคนทั้งหมดมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ พวกมันก็นิ่งเงียบไร้คำพูดไปโดยสิ้นเชิง…ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เริ่มยิ้มอย่างขมขื่นใจออกมา ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เมิ่งฮ่าวคิดว่าใช้ไม่ได้ จริงๆ แล้วก็มีความแข็งแกร่งมากกว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่พวกมันสร้างขึ้นมามากนัก แต่ละคนได้แต่ต้องนิ่งเงียบไร้คำพูดไป
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม พลังก็พุ่งขึ้นมาจากร่างเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง แต่จากนั้น…
“ใช้ไม่ได้อีกแล้ว!” เขากล่าวด้วยโทสะ ยกเลิกพลังนั้นอีกครั้ง และเริ่มเข้าฌาณต่อไป
กลุ่มฝูงชนในตอนนี้ต่างก็มองหน้ากันไปมาด้วยความตื่นตระหนก พวกมันเริ่มยิ้มอย่างแห้งแล้งออกมา ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวบนจอภาพกระแสน้ำวน
สำหรับเหล่าปรมาจารย์ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ดวงตาพวกมันกำลังสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า และดูคล้ายกับพร้อมที่จะดิ้นรนต่อสู้ ผู้ฝึกตนที่ไม่ใช่มนุษย์เช่นนี้เป็นคนที่ไม่มีใครจะยอมให้สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่รับไว้ในฐานะศิษย์
ปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่กำลังอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ จากนั้นพวกมันก็สบตากันไปมา และภายในดวงตาที่สาดประกายของแต่ละคน พวกมันสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นและบางสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ในส่วนที่ลึกสุด…ความหวัง!