Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 963

ตอนที่ 963

ฟางฮ่าว ออกมาต่อสู้กัน!

ขณะที่เมิ่งฮ่าวนั่งเข้าฌาณตามลำพังอยู่ในสุสานของปรมาจารย์รุ่นแรก ชีพจรเซียนจุดแรกได้ตกผลึกแข็งตัวอย่างสมบูรณ์ และจุดที่สองก็กำลังดำเนินต่อไป ประตูเซียนส่งเสียงดังกระหึ่มอยู่เหนือดาวตงเซิ่ง และทัณฑ์เซียนก็ฟาดลงมา

ฟางเว่ยบินขึ้นไปอยู่เหนือพื้นดิน มุ่งหน้าเข้าไปในทัณฑ์เซียน กลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่บนดาวตงเซิ่ง สำนักและตระกูลทั้งหมดได้ใช้วิธีการที่แตกต่างกันออกไป เพื่อคอยเฝ้าสังเกตดูการกลายเป็นเซียนแท้ของฟางเว่ย

ฝานตงเอ๋อร์เปิดชีพจรได้เก้าสิบหกจุด ทำให้เกิดเป็นความตกตะลึงกระจายออกไปทั่ว ตอนนี้เมื่อฟางเว่ยได้บรรลุกลายเป็นเซียน คนทั้งหมดต่างก็มีคำถามเกิดขึ้นว่ามันจะสามารถเปิดชีพจรได้มากมายเท่าใดกัน การเป็นเซียนของมันแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้ยิ่งใหญ่รุ่นใหม่แห่งตระกูลฟาง

ขณะที่ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ทัณฑ์เซียนก็ได้ฟาดลงมายังฟางเว่ย และมันก็ส่งเสียงกู่ร้อง สายฟ้ากระแทกลงมาและมันก็ยอมรับอย่างไม่หลบเลี่ยง กลิ่นอายของการเกิดใหม่หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่าง และเจตจำนงแห่งอเวจีก็พุ่งขึ้นมาอย่างเข้มข้น

ยิ่งไปกว่านั้นแสงแปลกๆ ได้สาดประกายอยู่ภายในดวงตาของมัน ข้างซ้ายเป็นสีดำ ข้างขวาเป็นสีขาว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการฝึกเวทหนึ่งรำพึงเต๋าอเวจีได้สำเร็จ สำหรับกลิ่นอายแห่งการเกิดใหม่ ซึ่งได้หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมัน เป็นสิ่งที่มาจากเวทหนึ่งรำพึงการเกิดใหม่!

เหล่านี้คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลฟาง แต่ก็น่าตกใจยิ่งที่มันสามารถจะฝึกฝนได้สำเร็จถึงสองเวท!

ท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง ฟางเว่ยกระแทกเข้าไปที่ประตูเซียน ทำให้เกิดเป็นรอยแตกร้าวเปิดขึ้นในทันที แสงเซียนอันไร้ขอบเขตเริ่มกระจายออกมา และทัณฑ์เซียนก็เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น ปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่งในท้องฟ้า

ในที่สุด เวลาสามวันก็ผ่านไป

ในช่วงตลอดทั้งสามวันนั้น ภาพของฟางเว่ยทำให้คนทั้งหมดต้องตกตะลึง มันยังคงไม่สนใจทัณฑ์เซียนต่อไป ซึ่งดูเหมือนว่าไม่อาจจะผลักดันให้มันต้องถอยไปทางด้านหลังได้แม้แต่น้อยนิด อันที่จริงก็ดูเหมือนว่ามันจะได้เริ่มมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นจากทันฑ์เซียนนั้น สายฟ้าเต็มอยู่ในสวรรค์ และการคงอยู่ของฟางเว่ยก็ทำให้คนทั้งหมดต้องรู้สึกแปลกประหลาดใจ

“ฟางเว่ยคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งแห่งตระกูลฟาง! มันคือเว่ยกงจื่อแห่งตระกูลฟาง!”

“ฟางเว่ย! ฟางเว่ย!” คนทั้งหมดในตระกูลฟางกำลังตื่นเต้น และเสียงของพวกมันก็กระจายเต็มไปทั่วในอากาศอย่างรวดเร็ว กลายเป็นคลื่นเสียงที่ม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ไม่นานต่อมา เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจก็ได้ยินมา ขณะที่ฟางเว่ยผลักประตูเซียนให้เปิดออก แสงเซียนพุ่งออกมาเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้า ลำแสงอันเจิดจ้าทำให้ทัณฑ์เซียนกระจายหายไปในทันที

แสงเซียนอาบไล้ไปทั่วร่างฟางเว่ย ขณะที่มันแหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงหัวเราะอย่างยาวนานออกมา เส้นผมของมันพลิ้วไสวไปมา และรูปร่างที่สูงใหญ่ของมันก็ยิ่งมีความประณีตมากขึ้น ขณะที่มันสลายข้อจำกัดของมนุษย์ออกไป ตอนนี้มันได้ก้าวเข้าไปในอาณาจักรเซียนแท้แล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้น แสงเซียนได้ส่งปราณเซียนอันไร้ขอบเขตออกมา ห้อมล้อมไปรอบๆ ตัวฟางเว่ยและไหลซึมเข้าไปในร่างมัน

คนทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนโกลาหล ขณะที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ดวงตาของผู้เฒ่าสูงสุดสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า ที่ด้านข้างออกไป ปู่ของฟางเว่ยและฟางซิ่วซาน ต่างก็มีท่าทางตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด

ยี่สิบจุดชีพจร, สี่สิบจุดชีพจร, แปดสิบจุดชีพจร!

ภายในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ แสงเซียนได้อาบไล้ไปทั่วร่างฟางเว่ย และมันก็เปิดชีพจรเซียนได้ถึงแปดสิบจุด ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันอันเข้มข้นกระจายตัวออกไป เสียงกระหึ่มดังก้องออกมาจากภายในร่างมัน ขณะที่ชีพจรเซียนคล้ายกับเป็นมังกรอันดุร้าย และกระจายพลังของเซียนแท้ออกมา

แปดสิบสามจุดชีพจร, แปดสิบเจ็ดจุดชีพจร, เก้าสิบจุดชีพจร!!

ตระกูลฟางตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายขนาดใหญ่ และผู้ที่เฝ้ามองดูอยู่ทั้งหมดบนดาวตงเซิ่งต่างก็กำลังสั่นสะท้านใจ สมาชิกของตระกูลอื่นๆ ต่างก็มองไปยังฟางเว่ย ขณะที่มันเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาอีกครั้ง กำลังเปิดชีพจรได้เก้าสิบจุด!

แต่ก็ยังไม่ได้จบลง เสียงกระหึ่มที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นได้ยินออกมาจากภายในร่างฟางเว่ย เก้าสิบเอ็ด, เก้าสิบสอง, เก้าสิบสาม…

เมื่อจุดชีพจรที่เก้าสิบหกปรากฏขึ้น ก็ทำให้เกิดเป็นความประหลาดใจกระจายออกไปทั่วทั้งดวงดาว!

“ฝานตงเอ๋อร์เปิดชีพจรได้เก้าสิบหกจุด และตอนนี้ฟางเว่ยก็กระทำได้เช่นเดียวกัน!”

“สมควรแล้วที่มันจะถูกเรียกว่าผู้ถูกเลือก!”

“มัน…มันยังมีพลังเหลืออยู่อีก ฟางเว่ยได้ทุ่มเททรัพยากรไปทั้งหมดมากน้อยเท่าใดกันแน่ในการเตรียมตัวนี้ของมัน!? ช่างน่าประหลาดใจนัก!”

เสียงกระหึ่มดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชีพจรจุดที่เก้าสิบเจ็ดเปิดออกอยู่ภายในร่างฟางเว่ย!

ฟางซิ่วซานกำลังสั่นสะท้าน และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างรุนแรง มันมองขึ้นไปในท้องฟ้า และเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ที่ด้านข้างมัน ปู่ของฟางเว่ยมีท่าทางยินดีเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ผู้เฒ่าสูงสุดก็ยังมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น

ทั่วทั้งตระกูลฟางถูกปลุกเร้าให้ตกอยู่ในความตื่นเต้นโดยสิ้นเชิง

แต่ฟางเว่ยก็ยังไม่พึงพอใจ มันยังคงอยู่ในประตูเซียน ถูกห้อมล้อมโดยแสงเซียน พื้นฐานฝึกตนของมันไต่ทะยานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ พุ่งสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งในที่สุดมันก็ร้องตะโกนออกมา

“ชีพจรจุดที่เก้าสิบแปด, เปิดออก!!”

ทันทีที่เสียงของมันดังก้องออกมา เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจก็ได้ยินมา ในชั่วพริบตา กลิ่นอายของมันก็พุ่งทะยานสูงขึ้นหลายเท่าตัว กระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา ขณะที่มันก่อตัว…ชีพจรจุดที่เก้าสิบแปดขึ้นมาได้!

เขามังกรเก้าสิบแปดข้างปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวมันในความว่างเปล่า หมุนวนไปมาอย่างงดงาม จนทำให้คนทั้งหมดที่มองไปต่างก็เริ่มหอบหายใจออกมา

ในตอนที่ชีพจรจุดที่เก้าสิบแปดได้ก่อตัวขึ้นมา เงาร่างภาพลวงตาหนึ่งหมื่นร่างได้ปรากฏขึ้นในอาณาเขตรอบๆ ประตูเซียน พวกมันสวมใส่ชุดเกราะและถืออาวุธเซียนอยู่ในมือ ไปห้อมล้อมอยู่รอบๆ กายฟางเว่ยอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็น้อมคำนับมันด้วยความเคารพ

คนทั้งหมดที่อยู่บนดาวตงเซิ่งซึ่งได้มองเห็นเช่นนี้ต่างก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ผู้ฝึกตนจากสำนักและตระกูลอื่นๆ ต่างก็สะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง

“ตระกูลฟางมีฉีหลินจื่อเกิดขึ้นแล้ว!” (ฉีหลินจื่อ – บุตรกิเลน หมายถึง เก่งกล้าอย่างไร้ที่เปรียบจนยากจะพบเห็น)

“เก้าสิบแปดจุดชีพจร! ช่างเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในรอบหนึ่งหมื่นปี! สัญลักษณ์แปลกๆ จะปรากฏขึ้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ใครบางคนมีชีพจรมากกว่าเก้าสิบห้าจุด ยกตัวอย่างเช่น หงส์ร่อนมังกรทะยานของฝานตงเอ๋อร์ แต่สำหรับฟางเว่ย…ทำให้นักรบเซียนโบราณหนึ่งหมื่นคนปรากฏขึ้น!”

“มันมีโชคชะตาแห่งขุนเขาทะเล! โชคชะตาแห่งขุนเขาทะเลขึ้นอยู่กับมันแล้ว!!”

ตระกูลฟางเต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆ ขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดต่างก็สะท้านใจไปด้วยเช่นเดียวกัน แม้แต่ตระกูลจี้บนขุนเขาที่เก้าก็ต้องเฝ้ามองมา

ในตอนนี้ฟางเว่ยได้กลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในรุ่นของมันไปแล้ว!

ขณะที่ประตูเซียนค่อยๆ จางหายไป ฟางเว่ยลอยตัวอยู่กลางอากาศ เสื้อผ้าของมันดูขาวสะอาดสดใสราวกับเป็นหิมะ เส้นผมที่ยาวเงางามพลิ้วไสวไปมา เดิมทีมันมีหน้าตาที่หล่อเหลาอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้ท่าทางของมันก็ยิ่งดูสง่างามสบายตามากขึ้นกว่าเดิม ดวงตามันสาดประกายด้วยความหยิ่งยโสขณะที่มองไปยังสวรรค์และปฐพี ในตอนนี้มันไม่ได้ปกปิดพื้นฐานฝึกตนของตัวเองไว้ ปล่อยให้ระเบิดออกมา จนทำให้ท้องฟ้าต้องสั่นสะท้าน และพลังเซียนก็ทำให้พื้นดินต้องสั่นสะเทือน

“ฟางฮ่าว ออกมาต่อสู้กัน!” จู่ๆ มันก็ร้องตะโกนออกมา เกิดเป็นเสียงดังก้องราวกับเป็นเสียงฟ้าคำราม ไม่มีใครคาดคิดว่านี่คือคำพูดแรกที่ได้เปล่งออกมาจากปากของมัน

“ฟางฮ่าว ออกมาต่อสู้กับข้า!” คำพูดของมันดังก้องไปมาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นเสียงกระหึ่มราวกับเสียงฟ้าร้อง

ในตอนนี้เองที่มีผู้คนไม่น้อยเริ่มคิดไปถึงเมิ่งฮ่าว อันที่จริงในวันที่เกิดปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) ผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งในตระกูลไม่ใช่ฟางเว่ย แต่เป็นเมิ่งฮ่าว!

ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมา ทั่วทั้งตระกูลฟางเงียบกริบ จริงๆ แล้วก็มีผู้คนน้อยมากที่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวได้เข้าไปในดินแดนบรรพบุรุษ พวกมันส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้อยู่ภายในตระกูลในตอนนี้

แม้แต่ฟางเว่ยก็ไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้!

ขณะที่เสียงของมันดังก้องออกไป ทั่วทั้งตระกูลก็เงียบลงไป พวกมันเฝ้ารอดูว่าเมิ่งฮ่าวจะออกมาหรือไม่ ฟางซีอยู่ในกลุ่มฝูงชนกัดฟันแน่น ในที่สุดมันก็ส่งเสียงร้องอันทรงพลังออกมา ด้วยพื้นฐานฝึกตนทั้งหมดของมันเอง

“ฟางฮ่าวอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษ! เมื่อไหร่ที่มันออกมา เจ้าไม่จำเป็นต้องไปหามัน! มันจะมาหาเจ้าเพื่อต่อสู้เอง!” เมื่อได้ยินคำพูดของฟางซี สีหน้าฟางเว่ยก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ความเย็นเยียบราวน้ำแข็งได้ปรากฏขึ้นในดวงตา ขณะที่มันมองลงไปยังฟางซี

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะรอจนกว่ามันจะออกมา!” จากนั้นมันก็พุ่งลงไปยังพื้นดิน ไปปรากฏขึ้นที่ด้านนอกของห้องโถงหลัก จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ

เป็นความจริงอย่างที่มันพูดไว้ มันจะเฝ้ารอจนกว่าเมิ่งฮ่าวจะกลับออกมา จากนั้นมันก็สามารถจะต่อสู้และสังหารเขาไปได้!

ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะยังไม่กลายเป็นเซียนแท้ไป แต่ฟางเว่ยก็ยังคงจะสังหารเขาไป นอกจากนี้ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้กลายเป็นเซียนแท้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่แข่งของฟางเว่ย การสังหารผู้ที่ด้อยกว่าเช่นนี้ก็แค่เป็นการสะสางเมฆหมอกที่บดบังจิตใจมันเท่านั้น

“เจ้าอย่าทำให้ข้าต้องผิดหวัง” มันคิด รังสีสังหารในดวงตาเพิ่มมากขึ้น ขณะที่มองไปยังห้องโถงวิหาร

การที่ฟางเว่ยและเมิ่งฮ่าวกำลังจะต่อสู้ตัดสินกันในไม่ช้านี้ ได้ดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนในตระกูลอยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้พวกมันหลายคนเริ่มชื่นชอบเมิ่งฮ่าว แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นฟางเว่ยได้กลายเป็นเซียนแท้ด้วยตนเอง จิตใจพวกมันก็เริ่มหวั่นไหว

“ฟางฮ่าวจะพ่ายแพ้หรือไม่…?”

“จะมีใครไปต่อสู้กับผู้ถูกเลือกเช่นนั้นได้อย่างไรกัน…?”

สีหน้าของกลุ่มคนสายโลหิตหลักค่อนข้างจะเศร้าหมอง มีแต่ฟางซีเท่านั้นที่ยังมีความเชื่อมันในตัวเมิ่งฮ่าวอย่างถึงที่สุด มันยืนอยู่ที่นั่นกำหมัดจนแน่น มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในสุสานของปรมาจารย์รุ่นแรกในดินแดนบรรพบุรุษ ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกที่ม้วนตัวไปมา ศีรษะของกลุ่มหมอกมังกรในตอนนี้ ได้ถูกดูดซับเข้าไปในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ร่างกายของมันยังคงอยู่ภายในสุสาน

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ยืนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่นั่น แต่จิตใจเต็มไปด้วยเสียงกึกก้องราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม คลื่นลูกใหญ่ได้พุ่งขึ้นมาทั่วร่าง ขณะที่ชีพจรเซียนจุดที่สองได้ตกผลึกแข็งตัวด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจยิ่ง

หนึ่งในสิบส่วน, สองในสิบส่วน, สามในสิบส่วน…ยากที่จะบอกได้ว่าร่างของมังกรสัมฤทธิ์ประกอบด้วยปราณเซียนมากน้อยเท่าใดกันแน่ นอกจากนั้นเพียงแค่ศีรษะของมัน ก็เพียงพอที่จะทำให้ชีพจรเซียนจุดที่สองของเมิ่งฮ่าว ได้บรรลุถึงความสมบูรณ์ไปแล้วสี่ในสิบส่วน

ต้องเน้นย้ำว่าชีพจรเซียนของเมิ่งฮ่าวแตกต่างไปจากคนอื่นๆ แม้แต่ฝานตงเอ๋อรหรือว่าฟางเว่ยก็ไม่อาจจะเทียบกับเขาได้แม้แต่น้อยนิด

ชีพจรเซียนของเขาคือเซียนแท้ในท่ามกลางเซียนแท้ทั้งมวล!

แต่ละเส้นชีพจรคล้ายกับเป็นมังกรที่แท้จริง!

ขณะที่พวกมันก่อตัวขึ้นมา ก็ต้องการจะกลืนกินปราณเซียนเข้าไปอย่างมากมาย ด้วยขอบเขตที่แทบไม่อยากจะเชื่อ

“ยิ่งข้าสร้างการเตรียมพร้อมอยู่ในที่แห่งนี้มากขึ้นเท่าใด ข้าก็จะยิ่งสามารถระเบิดมันออกมาได้มากขึ้นเท่านั้นในภายหลัง!” เมิ่งฮ่าวขยับสองมือร่ายเวท และโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตน ทำการดูดซับกลุ่มหมอกมังกรเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง

เวลาผ่านไป และมังกรก็เคลื่อนที่เข้าไปเรื่อยๆ ชีพจรเซียนจุดที่สองของเมิ่งฮ่าวบรรลุถึงห้าในสิบส่วน, หกในสิบส่วน, เจ็ดในสิบส่วน และในที่สุดก็แปดในสิบส่วน!!

ถ้ามีใครสามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ก็คงจะต้องตกตะลึงไปอย่างแน่นอน

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่ทุ่มสุดกำลังเพื่อดูดซับปราณเซียนเข้าไป ชีพจรเซียนจุดที่สองของเขาได้บรรลุถึงเก้าในสิบส่วนอย่างรวดเร็วและจากนั้น…ก็สิบส่วนเต็ม!

ในตอนนั้นเอง เสียงปะทุได้ดังก้องออกมาจากภายในร่าง ขณะที่ชีพจรเซียนจุดที่สองของเขาได้ตกผลึกแข็งตัวไปอย่างสมบูรณ์

ในตอนนี้ เขามีชีพจรเซียนอยู่ภายในร่างถึงสองแห่ง เป็นสิ่งที่ถูกจัดเตรียมเพื่อนำไปสู่การเป็นเซียน โดยที่ไม่มีใครในขุนเขาทะเลที่เก้าจะสามารถมาเทียบได้!

“ข้าสามารถทำได้ต่อไปอีก!” เมิ่งฮ่าวคิด หอบหายใจออกมา จิตใจเริ่มเต้นรัว เขาได้ตระหนักมานานแล้วว่า โอกาสนี้คือโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ที่เขาจะได้รับการช่วยเหลือเพื่อให้บรรลุกลายเป็นเซียนแท้

เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา และดวงตาทั้งคู่ก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ลึกลงไปในม่านตา มีเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมา เป็นเปลวไฟแห่ง…ความกระหายที่จะได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลัง!

“ข้าจะต้อง…กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้!” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา ขณะที่กลุ่มหมอกมังกรได้ไหลเข้าไปในร่างมากขึ้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวดูดซับมันเข้าไป ชีพจรเซียนจุดที่สามก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา!

“ยังมีเวลาอีกประมาณครึ่งเดือนก่อนที่ข้าต้องจากสถานที่แห่งนี้ไป…เมื่อข้าออกไปจากดินแดนบรรพบุรุษ นามของข้า…จะต้องกระจายไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าอย่างแน่นอน!”

“เตีย, เหนียง ข้ากำลังจะสร้างความประหลาดใจให้กับทั่วทั้งตระกูลฟาง ข้ากำลังจะกลายเป็นจุดสนใจของขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมด ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องติดอยู่บนดาวหนานเทียน ดังนั้น…ข้ากำลังจะทำให้พวกท่านภาคภูมิใจในตัวข้าจากที่แห่งนี้!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้นคล้ายกับเป็นคมมีด เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความใฝ่ฝัน ในที่สุดเขาก็หลับตาลงอีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!