ตอนที่ 971
ข้าคือฟางมู่!
เดิมทีเมิ่งฮ่าวคิดว่าจะเก็บตัวตนในฐานะที่เป็นฟางมู่ไว้เป็นความลับ เพื่อใช้ในยามฉุกเฉินหลังจากที่ออกไปจากตระกูลฟางแล้ว แต่ในตอนนี้เขาได้เปลี่ยนใจแล้ว แทนที่จะเก็บซ่อนปกปิดตัวตนของฟางมู่ไว้ เขาจะเปิดเผยตัวตนนั้นออกมาอย่างยิ่งใหญ่!
เขาต้องการทำให้คนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้ารู้ว่า เมิ่งฮ่าวคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งแห่งตระกูลฟาง ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็คือฟางมู่ ซึ่งเป็นผู้เข้าแข่งขันอันดับหนึ่งในการแข่งขันที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ด้วยเช่นเดียวกัน!
เขาคือศิษย์หลักของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าด้วยเช่นกัน! ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจจะทำให้เขาต้องตกอยู่ในอันตรายในภายหลังก็ตามที แต่จริงๆ แล้ว…การมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากก็ค่อนข้างจะเป็นการปกป้องตัวเองด้วยเช่นกัน!
การทำตัวเป็นผู้ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามก็ถือว่าดี แต่ถ้าเขาจะขยับตัวเคลื่อนไหวแล้วละก็ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการทำให้คนทั้งหมดต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน!
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่ลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทั้งหมด กลุ่มผู้ชมนับไม่ถ้วนทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า กำลังใช้วิธีการที่แตกต่างกันออกไป เพื่อเฝ้าดูเขาอยู่ ขณะที่เขายกมือขวาขึ้นไปในอากาศ และโบกสะบัดตรงไปยังวิหารเซียนที่ใกล้เข้ามา
เพื่อตอบรับการโบกสะบัดมือของเขา สีสันได้แวบขึ้นไป สวรรค์สั่นสะท้าน สายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา ดาวตงเซิ่งสั่นสะเทือน เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดสะท้านใจไปตามๆ กัน ขณะที่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ระเบิดออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกระจายระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนออกมา และกลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากร่างเมิ่งฮ่าว เข้มแข็งทรงพลังมากขึ้นไปกว่าเดิมอย่างน่าตกใจยิ่งในตอนนี้
สายตาเมิ่งฮ่าวคมกริบราวกับเป็นใบมีด เต็มไปด้วยความครอบงำ ทำให้ดูคล้ายกับเป็นเซียนศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนี้สีหน้าของกลุ่มคนทั้งหมดในตระกูลฟางได้เปลี่ยนไป
ลึกลงไปใต้พื้นดิน เจ็ดปรมาจารย์แห่งตระกูลฟางต่างก็สั่นสะท้านกันไปทั่ว!
“กลิ่นอายนั่น…”
“นั่นคือกลิ่นอายที่เหมือนกับวิหารเซียนเหล่านั้น แต่แข็งแกร่งกว่ามากนัก!”
“นั่นคือ…” ดวงตาฝานตงเอ๋อร์เบิกกว้างขึ้น และหญิงชราที่ยืนอยู่ด้านหลังนางก็ก้าวเท้าตรงมา เพ่งมองเข้าไปในแก้วผลึก ดวงตานางเริ่มเต็มไปด้วยความประหลาดใจขึ้นอย่างช้าๆ
“มันนั่นเอง!” นางคิด ถึงแม้ว่าหญิงชราผู้นี้จะมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่อาณาจักรเต๋า แต่นางก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ในเวลาเดียวกันนั้น สีหน้าของเหล่าปรมาจารย์ในสำนักกระบี่ไท่สิงก็เปลี่ยนไป ลำแสงกระบี่ขนาดใหญ่โตพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า จากนั้นก็กวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง
“นั่นคือ…กลิ่นอายของเวทแห่งเต๋าผู้ยิ่งใหญ่!”
“เมิ่งฮ่าวผู้นี้ มัน…เป็นไปได้หรือไม่ว่ามัน…”
นอกจากตระกูลจี้แล้ว เซียนกู่เต้าฉ่างแห่งสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่คือกลุ่มที่แข็งแกร่งมากที่สุดในขุนเขาทะเลที่เก้านี้ และพวกมันก็ตกตะลึงมากกว่าผู้ใดทั้งหมด ที่ด้านในของลานวิหารพิธีเต๋า พลังของเหล่าปรมาจารย์พุ่งขึ้นไป ขณะที่พวกมันมองตรงไปยังดาวตงเซิ่งและกลิ่นอายของเมิ่งฮ่าว
“สุดยอดสะพานของตี้จ้างต้าจุน!”
หลี่หลิงเอ๋อร์มองไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้อย่างเงียบๆ คนทั้งหมดรู้สึกตกตะลึง แต่นางมีความเยือกเย็นยิ่ง นางรู้อยู่แก่ใจมานานแล้วว่าฟางมู่…ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเมิ่งฮ่าว!
“นี่คือยุคของมัน…?” นางคิด แอบถอนหายใจออกมา
น่าจะเป็นเรื่องง่ายในการพบเห็นขนหงส์หรือเขากิเลน กว่าการที่ได้เห็นคนอื่นๆ ในขุนเขาทะเลที่เก้ารู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อพิจารณาถึงกลิ่นอายที่เขากำลังกระจายออกมาในตอนนี้ ผู้คนส่วนใหญ่จึงต้องตกตะลึงขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้คิดไปถึงฟางมู่
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นเหนือดาวตงเซิ่ง เสื้อผ้าพลิ้วไปมาอยู่ในสายลม กลิ่นอายพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับที่น่ากลัว แข็งแกร่งทรงพลังมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
หลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่อึดใจ ความรู้สึกที่คนทั้งหมดคิดว่าเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม วิหารเซียนส่งเสียงดังกระหึ่มตรงมาที่เขา จนกระทั่งพวกมันอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่สิบกว่าจ้างเท่านั้น
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงอันคมกริบ ในตอนนั้นเองที่เขาได้โบกสะบัดมือ ทำให้ชีพจรเซียนโคจรหมุนเวียน และพื้นฐานฝึกตนก็ระเบิดพลังขึ้น ภาพของสุดยอดสะพานที่ถูกประทับลึกอยู่ในความทรงจำของเขา จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
ดูเหมือนว่าโลกแห่งนี้จะหยุดนิ่งไป ทุกสิ่งทุกอย่างในสวรรค์และปฐพีแน่นิ่งไม่ไหวติง สะพานขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น กระจายกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณแห่งบรรพกาลออกมา พลังอันไร้ขอบเขตของมันมาแทนที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้
สะพานขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา มันก็มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซียนทั้งหนึ่งแสนแห่งที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว สะกดข่มพวกมันไว้โดยสิ้นเชิง
แสงอันไร้ขอบเขตสาดประกายออกมา ตามมาด้วยสัญลักษณ์เวทมากมายนับไม่ถ้วน กลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และดูเหมือนว่าวิหารเซียนจะตกใจกลัว แม้แต่ดวงดาวเองก็ดูเหมือนว่าจะถูกบังคับให้ต้องยอมจำนน ราวกับว่าสะพานนี้คือเส้นทางที่จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะเป็นผู้แข็งแกร่งเพียงหนึ่งเดียวหลังจากที่ได้เดินผ่านไป!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา และดวงดาวก็สั่นสะเทือน ราวกับว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้จู่ๆ ก็มืดเลือนลางไป ยกเว้น…ประตูเซียน ซึ่งลอยตัวสูงอยู่ที่นั่นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ที่สามารถจะเทียบได้กับสะพานนี้ หรือต่อสู้กับมันได้
ทันทีที่สะพานปรากฏขึ้น ฟางเว่ยก็รู้สึกราวกับว่ามีหมัดที่มองไม่เห็นได้ต่อยลงมาที่มันอย่างรุนแรง ใบหน้ามันซีดขาว และถอยโซเซไปทางด้านหลังสองสามก้าว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จ้องมองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าว และสุดยอดสะพานที่มีกลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่อย่างน่าประหลาดใจ!!
“นี่เป็นไปไม่ได้! นี่…นี่คือ…” จิตใจฟางเว่ยหมุนคว้าง มันจดจำสะพานนี้ได้ และตระหนักดีว่ามันคือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยฟางมู่ ในช่วงของการแข่งขันของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่!
เมื่อเร็วๆ นี้ มีอยู่หลายคนที่คาดเดาว่าฟางเว่ยจริงๆ แล้วก็คือฟางมู่ ฟางเว่ยแสร้งทำเป็นลึกลับและไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่จะไปแก้ไขข่าวลือนั้น มันไม่ได้ยอมรับว่าเป็นฟางมู่ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธด้วยเช่นกัน เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้มีผู้คนอยู่ไม่น้อยที่คาดเดาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ข้อสรุปว่ามันคือ…ฟางมู่จริงๆ!
ในตอนนี้เองที่ฟางเว่ยต้องพบกับความขมขื่นที่ว่า ตัวมันได้ทำให้ตนเองกลายเป็นตัวตลกไปอย่างน่าขันนัก ความจริงแล้วฟางมู่ก็คือ…เมิ่งฮ่าว!
มันแทบไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนี้ และไม่ใช่มันเพียงคนเดียวเท่านั้น สมาชิกอื่นๆ ของตระกูลฟางที่มองไปยังสะพาน ต่างก็มีจิตใจที่หมุนคว้างด้วยเช่นกัน
“ฟาง…ฟางมู่?”
“ข้าเคยเห็นสะพานนี้มาก่อน! ในการแข่งขันของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ผู้เข้าแข่งขันอันดับหนึ่งฟางมู่ได้สร้างมันขึ้นมาในฐานะที่เป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์!”
“นี่…อย่าบอกนะว่า…ฟางฮ่าวจริงๆ แล้วก็คือฟางมู่!?!?” ทั่วทั้งตระกูลเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ฟางอวิ๋นอี้ยืนอยู่ในกลุ่มฝูงชน สายตามันพล่าเลือนไป โลกนี้ดูเหมือนว่ากำลังจะหมุนคว้างไปมาอย่างรวดเร็ว มันไม่เคยจะคาดคิดว่าฟางมู่…ก็คือเมิ่งฮ่าวมาก่อน!
จิตใจฟางซิ่วซานเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ใบหน้ามันซีดขาวราวกระดาษ ขณะที่จ้องมองไปยังสุดยอดสะพานที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า ในอดีตที่ผ่านมา มันเคยสงสัยว่าฟางมู่จากการแข่งขันของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ จริงๆ แล้วก็เป็นคนของตระกูลฟาง แต่มันก็ต้องยกเลิกความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมันคิดว่าไม่มีใครในตระกูลฟาง จะสามารถเก่งกว่าบุตรชายของมันได้ ซึ่งเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในรุ่นเดียวกันนี้
ตอนนี้เมื่อมันตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวก็คือฟางมู่มาโดยตลอด ทำให้มันรู้สึกว่าโลกนี้กำลังโคจรย้อนกลับอย่างรวดเร็ว
ปู่ของฟางเว่ยถอนหายใจอย่างขมขื่นออกมา
กลุ่มคนสายโลหิตหลักรู้สึกตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฟางซีหรือสือจิ่วซูของเมิ่งฮ่าว พวกมันทั้งหมดพบว่าเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ พวกมันเคยมองไปยังฟางมู่ตลอดช่วงของการแข่งขันนั้น และตอนนี้พวกมันก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อตระหนักว่า…เมิ่งฮ่าวก็คือฟางมู่นั่นเอง
“มันคือ…ฟางมู่จริงๆ?”
จิตใจของผู้เฒ่าสูงสุดเต้นรัวอย่างรุนแรง มันคุ้นเคยกับชื่อเสียงของฟางมู่เป็นอย่างยิ่ง
ดาวตงเซิ่งทั้งหมดสั่นสะเทือน ด้วยการปรากฏขึ้นของสุดยอดสะพาน กลุ่มคนเริ่มคิดไปถึงฟางมู่มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกพวกมันลังเลอยู่เล็กน้อยที่จะยอมรับความจริงนี้ แต่สุดยอดสะพานคือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยฟางมู่ และความสามารถศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้…ไม่อาจจะถูกสร้างขึ้นมาได้อีกเป็นครั้งที่สองโดยบุคคลอื่น
“เมิ่งฮ่าว ฟางฮ่าว ฟางมู่…จริงๆ แล้วมันก็คือฟางมู่!”
ในตอนนี้ ผู้ฝึกตนทั้งหมดของสำนักและตระกูลต่างๆ ในขุนเขาทะเลที่เก้าจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จิตใจพวกมันหมุนคว้าง
สำหรับเหล่าปรมาจารย์ต่างก็สะท้านใจไปตามๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ฟางมู่คือผู้ชนะอันดับหนึ่งของการแข่งขันที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ หลังจากที่เอาชนะจ้าวอีฝานไปได้ เขาก็หายตัวไปในเศษซากเซียน พวกมันสันนิษฐานว่าเขาได้ตายไปแล้ว แต่เขากลับมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ในฐานะที่เป็นผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลฟาง!
สำหรับผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปเป็นเซียนแท้ จิตใจพวกมันกำลังหมุนคว้างด้วยเช่นเดียวกัน
“ข้าน่าจะเดาได้ว่ามันคือฟางมู่!” ไท่หยางจื่อพึมพำ ซ่งหลัวตานยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ และหวังมู่ก็กัดฟันแน่น
คนทั้งหมดสั่นสะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง!
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นเหนือดาวตงเซิ่ง สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เส้นผมที่ยาวของเขาลอยพลิ้วไปมา เขารู้ว่าในตอนนี้ตัวตนในฐานะฟางมู่ของเขาได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว และคงทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าต้องปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่สนใจ
“ใช่แล้ว ข้าคือฟางมู่!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่มองไปยังสุดยอดสะพาน ซึ่งยืดยาวออกไปปกคลุมวิหารเซียนหนึ่งแสนแห่งไว้ และทอดยาวตรงไปยังประตูเซียน
ที่ด้านล่างใต้สะพาน วิหารเซียนสั่นสะท้าน ราวกับว่าพวกมันไม่อาจจะรับน้ำหนักของกลิ่นอายผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้กระจายออกมาจากสุดยอดสะพานนี้ได้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และความต้องการต่อสู้ของเขาก็พุ่งขึ้น จ้องนิ่งไปยังประตูเซียนขณะที่เคลื่อนที่ตรงไป และก้าวเท้าลงไปบนสุดยอดสะพาน
ก้าวแรกของเขาทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้อง กระจายออกไปทั่วทั้งดาวตงเซิ่ง ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว…วิหารเซียนหนึ่งหมื่นแห่งก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปในทันที!
พวกมันกลายเป็นเศษชิ้นส่วนที่กระจัดกระจาย และจากนั้นก็จางหายไปในหมู่ดาว…
หนึ่งก้าวที่เหยียบย่างลงไปบนสุดยอดสะพาน ได้ทำลายวิหารไปหนึ่งหมื่นแห่ง!
เป็นเพียงแค่ก้าวแรกบนสุดยอดสะพานเท่านั้น แต่คนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ต่างก็รู้สึกได้ว่า เมิ่งฮ่าวกำลังเดินเข้าไปในกลุ่มดวงดาว วิหารเซียนหนึ่งหมื่นแห่งถูกทำลายลงไป ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่เฝ้าดูอยู่ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ขณะที่แรงกดดันได้กระจายออกมาจากตัวสะพาน เป็นเจตจำนงแห่งผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้ทำลายวิหารเซียนไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ต้องได้รับบาดเจ็บจากพลังสะท้อนกลับนั้น เขาสามารถใช้สุดยอดสะพานได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันยิ่งใหญ่ออกไป กระอักโลหิตออกมากองโต แต่สีหน้าก็ยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่เดินไปเป็นก้าวที่สอง
ก้าวที่สองนี้ทำให้วิหารเซียนอีกหนึ่งหมื่นแห่งแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ไปในทันที สายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา กวาดเอาเศษชิ้นส่วนของพวกมันเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
ไม่เคยมีใครจะได้เห็นทัณฑ์เซียนเช่นนี้มาก่อน ทัณฑ์เซียนที่เหล่าผู้ถูกเลือกทั้งหมดเคยพบเจอมา เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เมิ่งฮ่าวกำลังเผชิญอยู่นี้
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ไม่เคยมีใครจะสามารถเอาชนะทัณฑ์เซียนด้วยวิธีการเช่นนี้มาก่อน เขาได้ทำลายกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ไปจนหมดสิ้น และบดขยี้วิหารเซียนไปทีละก้าว ในตอนนี้คนทั้งหมดที่กำลังเป็นสักขีพยานให้กับเมิ่งฮ่าว ต่างก็พลุ่งพล่านปั่นป่วนขึ้นมา
เมื่อเขาเดินไปเป็นก้าวที่สาม กลิ่นอายก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว่ามีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่คงอยู่ในสวรรค์และปฐพีทั้งหมดนี้ สีสันแวบขึ้นมาอยู่ในท่ามกลางสีดำและสีขาว ในเวลาเดียวกันนั้น พลังสะท้อนกลับจากการใช้สุดยอดสะพานก็ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ทำให้สะพานแปดเปื้อนไปด้วยสีแดงที่เด่นสะดุดตาขณะที่เขาเดินผ่านไป
แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดลงแม้แต่น้อย พยายามค้ำยันตัวเองเพื่อต่อสู้กับอาการบาดเจ็บภายใน ต่อต้านกับแรงสั่นสะเทือนของพื้นฐานฝึกตน และพลังจากการสะท้อนกลับนั้น เขาเดินไปเป็นก้าวที่สี่ จากนั้นก็ห้า และก้าวที่หก!
สุดยอดสะพานมีแค่สิบส่วนเท่านั้น!
ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินไปในแต่ละก้าว วิหารเซียนหนึ่งหมื่นแห่งก็ถูกทำลายลงไป เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม, ครั้งที่สี่, ครั้งที่ห้า!
เมื่อเขาก้าวไปเป็นครั้งที่หก พลังก็พุ่งทะยานขึ้น สุดยอดสะพานสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันไร้ขอบเขต เช่นเดียวกับตัวเมิ่งฮ่าวเอง!