บทที่ 408 : ชุบมือเปิบ
ในยามนี้
ในการประลองแย่งชิงสมบัติช่วงสุดท้าย จ้าวเฟิงได้นั่งขัดสมาธิ กำลังรับรู้ดูดกลืน ‘น้ำค้างยอดไผ่ตะวันจันทรา’
ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิงอันดุเดือดรุนแรงของสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ที่ต่างก็สำแดงสติปัญญาความกล้าหาญของตนเองออกมา เด็กหนุ่มก็ไม่ใส่ใจ
กระทั่งแมวขโมยตัวน้อยคว้าเอา ‘ผลโลหิต’ ไป สีหน้าของจ้าวเฟิงก็ไม่แปรเปลี่ยน
นิ่งเฉย! ไม่ใส่ใจ!
เขาเป็นเหมือนกับเซียนผู้ละทางโลก การฝึกฝนมาเป็นอันดับหนึ่ง สิ่งอื่นไม่นับเป็นอันใด
“ตามแผนแล้วข้าไม่จำเป็นต้องทำอันใด ไม่ต้องลงมือแย่งชิง”
นัยน์ตาของจ้าวเฟิงสว่างวาบขึ้นบางครั้ง
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เขาได้ทำตามแผนนี้ ไม่เข้าร่วมแย่งชิงกับผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั้งสาม
ยามที่แมวขโมยตัวน้อยกลืนเห็ดอินตู๋เข้าไปจ้าวเฟิงก็ลอบผงกศีรษะ แผนนับว่าสำเร็จแล้ว
ทว่าในยามนี้
แมวขโมยตัวน้อยเองก็ได้ตกอยู่ในอันตราย
มันมีผลโลหิตอยู่ในมือ นี่คือผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเพิ่มพลังฝึกตนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้ฝึกฝนในศาสตร์แห่งโลหิตอย่างบุรุษชุดสีเลือด ผลโลหิตเป็นสิ่งที่ต้องได้ครอบครอง ยินยอมที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อมัน
“ทิ้งผลโลหิตไว้ซะ!”
ชายหนุ่มชุดสีเลือดไม่สนว่าจะต้องแลกด้วยอะไร พุ่งกายตรงไปยังแมวขโมยตัวน้อย
“ไอ้แมวขโมยชั่วร้าย! ดันกินเห็ดอินตู๋เข้าไปซะได้…”
ชื่อกุ้ยร่างสั่นสะท้าน
เมื่อเทียบกับผลโลหิตแล้ว เขาต้องการที่จะครอบครอง ‘เห็ดอินตู๋’ มากกว่า
เขาให้โครงกระดูกขั้นนายเหนือแท้ขัดขวางถ่วงเวลาเย่หยานหยู ตนเองเข้าไล่ล่าแมวขโมยตัวน้อย
“แมวขโมยระวังด้วย!”
เย่หยานหยูเผยความกังวลออกมา
สองผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้เมินนาง พุ่งเข้าหาแมวขโมยตัวน้อยโดยไม่สนใจสิ่งใด
แมวขโมยตัวน้อยไม่ได้ขอความช่วยเหลือ ทั้งยังไม่อาจเข้าใกล้เย่หยานหยูได้ ทำได้เพียงหนีไปยังทิศทางตรงข้าม
ทว่าทิศทางนั้นคือจ้าวเฟิง!
เมี้ยว เมี้ยว!
ภายใต้เงาร่างที่พุ่งวูบของสัตว์ตัวเล็ก มันตรงไปยังจ้าวเฟิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ทันที
“แมวขโมยตัวน้อย…”
ใจของเย่หยานหยูกระตุกวูบ พลันเกิดความคิดขัดขวาง
นี่คือเวลาแสดง ‘ความจงรักภักดี’ ของแมวขโมยตัวน้อย
ฟุ่บ!
หลังจากที่แมวขโมยตัวน้อยไปถึงยังร่างของจ้าวเฟิง มันก็พลันจางหายไปไม่อาจมองเห็น
“ไอ้หนู! ส่งแมวนั่นมา!”
ชายหนุ่มชุดสีเลือดและชื่อกุ้ยพุ่งตรงมายังจ้าวเฟิงอย่างประสงค์ร้าย
จ้าวเฟิงผวาไป
สองผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ที่ตรงมายังเขาไม่ใช่ผู้ที่เขาจะสามารถต่อต้านได้
หรืออีกนัยหนึ่ง การกระทำของแมวขโมยตัวน้อยต่อจ้าวเฟิงผู้เป็น ‘นายคนเก่า’ ได้สร้างอันตรายถึงแก่ชีวิตให้
“เป็นเช่นนี้เอง”
เย่หยานหยูแย้มยิ้ม เผยสีหน้าเข้าใจและยินดีออกมา
“ดีมากไอ้แมวขโมย อยากยืมมือพวกมันจัดการข้าหรือ?”
จ้าวเฟิงทั้งหงุดหงิดกราดเกรี้ยว คว้าใบหูของแมวขโมยตัวน้อยโยนออกไป
การกระทำของเขาอาจเรียกได้ว่ารวดเร็ว มอง ‘แผนการเจ้าเล่ห์’ ของแมวขโมยตัวน้อยออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
วูบ
แมวขโมยตัวน้อยที่ถูกโยนออกไป แส้อสรพิษโลหิตลึกลับยังคงพันอยู่รอบ ‘ผลโลหิต’
“ปล่อยผลโลหิตซะ”
“แมวขโมย! ข้าจะเอาศพของเจ้าไปทำเป็นหุ่นเชิด”
สีหน้าของชายหนุ่มชุดสีเลือดและชื่อกุ้ยเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ต้องการชีวิตของแมวขโมยตัวน้อย
“แมวขโมยตัวน้อย!”
เย่หยานหยูไล่ตามมาอย่างเร่งรีบ ช่วยเหลือแมวขโมยตัวน้อย เข้าปะทะกับสองผู้ฝึกตนขั้นในนายเหนือแท้อย่างรุนแรง
ทว่าจ้าวเฟิง
เด็กหนุ่มยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างเฉยเมย
เมื่อมองจากสถานการณ์ปัจจุบัน การร่วมมือกันระหว่างเย่หยานหยูและแมวขโมยตัวน้อยได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง
ผลโลหิตและหญ้าคืนชีวิตได้ถูกครอบครองโดยฝั่งของเย่หยานหยู รวมทั้ง ‘เห็ดอินตู๋’ ที่ถูกแมวขโมยตัวน้อยกลืนเข้าไป
“สำเร็จ”
จ้าวเฟิงมองไปยังสถานการณ์วุ่นวายพร้อมกับสำรวจช่องเก็บของของเขาอย่างเงียบงัน
ไม่นาน
ในกำไลมิติ จ้าวเฟิงก็ได้เห็นเห็ดที่มีรูปลักษณ์คล้ายเน่าเปื่อย
“เห็ดอินตู๋… เป็นไปได้ดี!”
จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า
แต่เดิม
เห็ดอินตู๋นี้คือเป้าหมายที่แท้จริงของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว
ภายใต้สถานการณ์ยามนี้
หากต้องการให้จ้าวเฟิงเลือกระหว่างผลโลหิตและเห็ดอินตู๋ เขาย่อมเลือกเห็ดอินตู๋
“เห็ดอินตู๋คือวัสดุสำหรับหุ่นเชิดศพที่หายาก หุ่นเชิดขั้นนายเหนือแท้สามารถเลื่อนขั้นได้ด้วยมัน กระทั่งทำให้ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นชื่อกุ้ยเสียสติไป เมื่อได้ครอบครองเห็ดพิษนี้ หุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์ของข้าย่อมสามารถเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ได้อย่างแน่นอน”
จ้าวเฟิงพยายามอดกลั้นความตื่นเต้นในใจ
นอกจากนั้น ผลของเห็ดอินตู๋ยังมีมากกว่านั้น
เห็ดพิษนี้คือวัตถุดิบในการกลั่นเอาพิษแห่งฟ้าดิน!
“เมื่อรวมเห็ดอินตู๋เข้ากับ ‘ถุงพิษแมงป่องยักษ์’ ที่ข้าได้ครอบครองก่อนหน้าย่อมกลายเป็นพิษที่รุนแรง เมื่อหุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์ของข้าเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้และมีพิษร้ายแรงทั้งสองชนิดนี้ ความสามารถของมันย่อมมีมากขึ้น มีประโยชน์มากกว่าเดิม”
นัยน์ตาของจ้าวเฟิงส่องประกายสว่างวาบ อดที่จะสูดลมหายใจลึกไม่ได้ พยายามทำตนเองให้เยือกเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ อดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้
แผนนี้ได้ถูกวางไว้ตั้งแต่เห็นแมงป่องยักษ์โบราณ
อย่างแรก
พิษของแมงป่องยักษ์โบราณสามารถคร่าชีวิตของผู้ที่อยู่ในขั้นนายเหนือแท้ได้ แทบจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต พิษนี้จะนับว่ารุนแรงเพียงใดกัน
จ้าวเฟิงต้องใช้พิษนี้ในการเสริมสร้างร่างกายของหุ่นเชิดศพ ทั้งยังต้องพิจารณาถึงว่าเมื่อถุงพิษถูกตัดออกจากศพแล้ว ความเป็นพิษของมันก็จะลดลงด้วย
จุดที่สำคัญคือระดับของหุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์ไม่เพียงพอ พลังโจมตีของมันไม่สูง แม้ว่าจะมีพิษของแมงป่องยักษ์ก็ทำได้เพียงสร้างแรงกดดันต่อขั้นนายเหนือแท้เท่านั้น
ดังนั้นแล้ว
สิ่งจำเป็นที่สุดก็คือเห็ดอินตู๋
“เห็ดอินตู๋สามารถเพิ่มระดับพลังของหุ่นเชิดศพได้ ทั้งยังสามารถทดแทนความเป็นพิษที่ลดลงของพิษจากแมงป่องยักษ์ได้ กระทั่งทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น”
ยามนี้
เขาได้ครอบครองเห็ดอินตู๋แล้ว
เมื่อรวมหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้และพิษที่สามารถคร่าชีวิตของขั้นนายเหนือแท้ได้เข้าด้วยกัน อาจกล่าวได้ว่ามันมีความอันตรายมหาศาล
ฟุ่บ!
จ้าวเฟิงใช้ยามที่สถานการณ์ยังวุ่นวายนำเห็ดอินตู๋ใส่เข้าไปในบัวดำ
เขาไม่ได้เลือกผลโลหิต ทว่าเลือกเห็ดอินตู๋ที่นับว่าเหนือกว่าในทางหนึ่ง
หากจ้าวเฟิงใช้ ‘ผลโลหิต’ ในการเพิ่มพลังเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ มันย่อมสร้างแรงคุกคามต่อเย่หยานหยู
ในยามนั้น แม้เขาจะยังต้องการปะปนอยู่ในสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างเพื่อมองหาเรื่องน่าสนใจมันก็ยากเย็นแล้ว
นอกจากนั้น การกิน ‘ผลโลหิต’ จ้าวเฟิงยังต้องปิดด่านฝึกตนกว่าสี่คืนจึงจะสามารถเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ได้
ในซากปรักหักพังสือเฉิงที่เต็มไปด้วยอันตรายเช่นนี้ จะมีเวลามากมายเพียงใดให้จ้าวเฟิงปิดด่านทะลวงขั้นกัน? จากขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูง ข้ามขั้นไปสู่ขั้นนายเหนือแท้มันไม่ใช่เพียงแค่ก้าวเดียว
ดังนั้นแล้ว
การครอบครองผลโลหิตนั้นทำให้เรื่องราวยากเย็นเกินไป จ้าวเฟิงจึงยอมสละมัน
“เห็ดอินตู๋ วัตถุดิบในการเพิ่มระดับของหุ่นเชิดศพเช่นนี้ไม่มีประโยชน์อันใดต่อเย่หยานหยู ทั้งยังถูกแมวขโมยตัวน้อยล่อลวง มันย่อมไม่อยู่ในความสนใจของนาง จะอย่างไรแมวขโมยตัวน้อยก็มักจะกลืนกินสมบัติล้ำค่าเข้าไปราวกับเสียสติอยู่แล้ว”
มุมปากของจ้าวเฟิงยกโค้งขึ้น
ในยามนี้
ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าเขาผู้ไม่ได้ทำสิ่งใดจะได้ครอบครองเห็ดอินตู๋?
ชื่อกุ้ยผู้นั้นเองก็ยังคิดว่าเห็ดอินตู๋อยู่ในท้องของแมวขโมยตัวน้อยและถูกย่อยไปแล้ว ไม่เว้นแม้แต่เย่หยานหยู
แมวขโมยตัวน้อยเข้าใกล้จ้าวเฟิงก่อนจะจางหายไปกลางอากาศคือการนำเห็ดอินตู๋ใส่เข้าไปในกำไลมิติของจ้าวเฟิง
ความสามารถพิเศษนี้เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิดของแมวขโมยตัวน้อย
ในยามนั้น จ้าวเฟิงเองก็ค่อนข้างปวดหัว สมบัติล้ำค่าหลายอย่างได้ถูกแมวขโมยตัวน้อยขโมยไปเป็นอาหาร
ทว่าในเวลาสำคัญ ความสามารถนี้ของแมวขโมยตัวน้อยก็ได้มีประโยชน์
ในบัวดำ
จ้าวเฟิงใช้ดวงตาเทพเจ้าควบคุมสถานการณ์ด้านใน
หุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์ทั้งสองอยู่ภายใต้ชั้นน้ำแข็งไม่ขยับไหว ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีปราณหยินหนานแน่น
“หุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์มีสองตัว ทว่าเห็ดอินตู๋มีอันเดียว หากเพิ่มระดับเพียงแค่ตัวเดียวย่อมเพียงพอที่จะทำให้มันอยู่ในขั้นนายเหนือแท้ กระทั่งมีมากเกินกว่าที่ต้องใช้ ทว่ามันนับว่าเสียเปล่าอย่างมาก”
จ้าวเฟิงจมลงในห้วงความคิด
เมื่อครุ่นคิดไปชั่วครู่ เด็กหนุ่มก็แบ่งเห็ดอินตู๋ออกเป็นสองส่วน ให้หุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์ทั้งสองกินเข้าไป
ดังนั้นแล้ว พลังของเห็ดอินตู๋จึงสามารถแสดงออกได้จนถึงจุดสูงสุด
“ก่อนหน้าได้ใช้ ‘ศิลารอยหมึกสวรรค์’ ในการเพิ่มความแข็งแกร่งสร้างพื้นฐาน เห็ดอินตู๋ครึ่งชิ้นย่อมสามารถเพิ่มพลังของหุ่นเชิดศพเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้แปดส่วนได้”
จ้าวเฟิงคำนวณ
หากก่อนหน้าเขาไม่ได้ครอบครอง ‘ศิลารอยหมึกสวรรค์’ เพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพของหุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์ จ้าวเฟิงย่อมต้องเพิ่มระดับให้เพียงตัวเดียว
ทว่ายามนี้
เด็กหนุ่มได้เพิ่มระดับให้กับทั้งสองตัวพร้อมๆ กัน
จะอย่างไรก็ต้องให้พวกมันเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้จึงจะนับว่าอันตราย จุดสำคัญคือการพึ่งพาพิษรุนแรงร้ายกาจที่เพิ่มขึ้น
ไม่ช้า
หุ่นเชิดศพสัมฤทธิ์ทั้งสองก็กินเห็ดอินตู๋เข้าไปหมด
เห็ดอินตู๋นับว่าเป็นสมบัติแห่งฟ้าดินในการฝึกฝนหุ่นเชิดศพโดยแท้ หลังจากที่หุ่นเชิดศพทั้งสองกินเข้าไป ปราณศพบนร่างของมันก็ได้เพิ่มสูงขึ้น หลอมละลายเข้ากับร่างกาย
ในบัวดำ กลิ่นอายความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดศพทั้งสองได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายบนร่างของพวกมันได้เข้าสู่จุดที่จะทะลวงขั้นของขั้นผู้วิเศษแท้ อย่างน้อยก็อาจนับได้ว่าเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ได้
“ใช้เวลาเพียงสองหรือสามวัน พลังของหุ่นเชิดศพสองตัวนี่ก็จะเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ อย่างมากก็ขาดไปเพียงหนึ่งหรือสองส่วน ในยามนั้น เมื่อข้าพัฒนาพวกมันด้วยพิษของแมงป่องยักษ์อีกครั้ง หึ นับว่าทำให้คนคาดหวังโดยแท้…”
จ้าวเฟิงรั้งสติออกจากภายในบัวดำ
ในยามนี้
การปะทะกันอย่างรุนแรงของสามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ก็ได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว
เย่หยานหยูและแมวขโมยตัวน้อยได้แย่งชิงสมบัติล้ำค่าไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ทว่าก็ยังได้ทำลายสมบัติล้ำค่าที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองไปด้วย เมื่อตนเองไม่อาจใช้ได้ก็ไม่ทางที่นางจะปล่อยให้ผู้อื่นช่วงชิงเอาไป
แมวขโมยตัวน้อยกิน ‘เห็ดอินตู๋’ เข้าไป หากสมุนไพรนั้นตกอยู่ในมือของชื่อกุ้ย พลังต่อสู้ของเขาย่อมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นแล้ว ในสายตาของเย่หยานหยูก็เหมือนแมวขโมยตัวน้อยทำลายเห็ดอินตู๋ไปแล้ว ทำให้โอกาสในการเลื่อนระดับของคู่ต่อสู้ลดน้อยลง
ชื่อกุ้ยทั้งเกลียดชังและไม่เต็มใจ หากสามารถครอบครองเห็ดอินตู๋ได้ เขาก็สามารถเพิ่มระดับของหุ่นเชิดศพให้เข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ระดับสูงได้เป็นอย่างน้อย
ควรรู้ว่าอัจฉริยะขั้นนายเหนือแท้ทั้งสิบที่เข้ามาในซากปรักหักพังนั้น ผู้ที่มีพลังฝึกตนในขั้นนายเหนือแท้ระดับสูงหรือมากกว่านั้นมีถึงสาม!
ที่น่าเสียดายคือ เห็ดอินตู๋ วัตถุดิบที่ยากจะหาสิ่งใดเทียบเคียงในการเพิ่มพลังหุ่นเชิดศพกลับถูกแมวขโมยตัวน้อยกลืนเข้าไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน อีกฝ่ายที่เหลือ
ชายหนุ่มชุดสีเลือดกัดฟันกรอดอย่างเกลียดชัง ผลโลหิตได้ตกไปอยู่ในมือของเย่หยานหยูในที่สุด
หากเย่หยานหยูกินผลโลหิตเข้าไป แม้ว่าจะไม่อาจได้ผลดังที่ต้องการ ทว่าอย่างน้อยก็สามารถทำให้พลังฝึกตนเพิ่มมากขึ้นได้
ทว่าเย่หยานหยูไม่ได้กิน ‘ผลโลหิต’ เข้าไปในทันที ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ มีหรือที่นางจะมีโอกาสปิดด่านฝึกตน
ก่อนหน้านางได้เผชิญหน้ากับวิชาต้องห้ามของสองผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ จิตใจได้รับความเสียหาย สูญเสียพลังไป
เย่หยานหยูไล่ต้อนผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั้งสอง ได้สิ่งที่ตนต้องการในที่สุด ทว่าก็ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนไปมาก ในเวลาเดียวกัน ด้วยความช่วยเหลือของแมวขโมยตัวน้อยก็ได้ทำให้นางประสบความสำเร็จ
ไม่นาน
ยอดสมบัติล้ำค่าบนกำแพงหินสีดำที่ส่องประกายก็ได้ถูกเก็บไปจนหมด
ทว่าจ้าวเฟิง
ตั้งแต่เริ่มจนจบ เด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิม ท่าทีเฉยเมย ไม่เข้าร่วม ไม่แย่งชิง
อัจฉริยะจากทั้งสามฝ่ายมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาแปลกประหลาด
ในยามนี้
จ้าวเฟิงได้กิน ‘น้ำค้างยอดไผ่ตะวันจันทรา’ เข้าไปหนึ่งหยด ขอบเขตจิตวิญญาณมีความแตกต่างกับขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำไม่มากนัก
สุดท้าย
เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้น
“เย่เซียนจื่อ”
จ้าวเฟิงเดินไปหาเย่หยานหยูด้วยตนเอง
“มีอันใด”
หลังจากการต่อสู้ที่รุนแรง จิตใจของเย่หยานหยูได้รับบาดเจ็บ เสียพลังไปมาก ใบหน้างดงามซีดเซียวลงบ้าง
“ข้าขอแลก ‘น้ำค้างยอดไผ่ตะวันจันทรา’ สองหยดกับวารีแห่งชีวิต หรือหญ้าคืนชีวิตครึ่งหนึ่ง”
จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้น
อันใดนะ!
เย่หยานหยูสงสัยว่าตนเองฟังผิดไปหรือไม่
นางเกือบจะเสียสติไป แทบจะลงมือจัดการอีกฝ่าย หญ้าคืนชีวิตที่นางได้ครอบครอง ไอ้หมอนี่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำอันใด ไม่ได้เข้าร่วม ทว่ากลับต้องการถึงครึ่งหนึ่ง