ตอนที่ 968
เอาชนะทัณฑ์เซียน!
สวรรค์ส่งเสียงดังกึกก้อง ขณะที่กลุ่มเมฆลงทัณฑ์สีแดงพลุ่งพล่านปั่นป่วน ราวกับว่ามีกองกำลังอันโอ่อ่าเกรียงไกรกำลังเดินสวนสนามกันอยู่ภายในนั้น เกิดเป็นเสียงดังกึกก้องได้ยินมาจนทำให้พื้นดินต้องสั่นสะเทือน กระจายเต็มไปทั่วทั้งดาวตงเซิ่ง
บริเวณที่ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ ได้กระจายเลยออกไปจากดาวตงเซิ่ง เข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว พวกมันมีขนาดใหญ่จนไร้ที่เปรียบ และจิตใจของผู้ฝึกตนจากสำนักและตระกูลทั้งหมด ต่างก็เต็มไปด้วยบางสิ่งซึ่งคล้ายกับเป็นสายฟ้าที่ฟาดลงมา เมื่อพวกมันเฝ้ามองไปด้วยจิตใจที่จดจ่อ
สำหรับวิหารเซียนที่อยู่ภายในกลุ่มเมฆ พวกมันมีความงดงามและถูกตกแต่งไว้อย่างวิจิตรตระการตา กระจายแสงเซียนเข้าไปในหมู่ดาวอย่างน่าตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นก็ดูคล้ายกับว่ามีเซียนนับไม่ถ้วนกำลังลอยไปมาอยู่ภายในวิหารเซียนเหล่านั้น
ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นแค่ภาพลวงตา แต่ก็เป็นครั้งแรกจากสมัยโบราณเป็นต้นมาจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ที่วิหารเซียนเช่นนั้นได้ปรากฏขึ้นในขุนเขาทะเลที่เก้า แม้แต่ในจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) โดยทั่วไปแล้ว ทัณฑ์เซียนพร้อมกับวิหารเซียนเช่นนี้ เป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้แต่ในตำนานเท่านั้น
นอกจากนี้ประตูเซียนก็ดูน่าตกใจไปโดยสิ้นเชิง มันลอยตัวอยู่ที่ด้านนอกของดาวตงเซิ่ง มีขนาดใหญ่โตและดูเก่าแก่โบราณ พร้อมด้วยกลิ่นอายแห่งบรรพกาล ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของเจตจำนงแห่งเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่เอง
ทัณฑ์เซียนเช่นนี้, ประตูเซียนนี้ และวิหารเซียนเหล่านี้ ต่างก็ไม่เหมือนกับสิ่งอื่นใดมาก่อน!
นั่นเป็นเพราะว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจะกลายเป็นเซียนแท้ในท่ามกลางเหล่าเซียนแท้ทั้งปวง!
คนทั้งหมดบนดาวตงเซิ่งเฝ้ามองไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าจนคล้ายกับเป็นดาวตก แทบจะในทันทีที่เขาบินขึ้นไป กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยสายฟ้าสีแดงนับไม่ถ้วน คล้ายกับเป็นใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากกลุ่มเมฆ จากนั้นก็รวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นสายฟ้าสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะสามารถแยกสวรรค์หั่นปฐพีให้ขาดออกจากกันได้ จากนั้นสายฟ้านี้ก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
นี่คือทัณฑ์เซียน!
ใครก็ตามที่มองไปยังทัณฑ์เช่นนี้ก็คงจะรู้สึกว่าสีหน้าของตนเองต้องสลดลง แม้แต่ฟางเว่ยและผู้ถูกเลือกเซียนแท้ของสำนักและตระกูลต่างๆ ก็เช่นกัน สำหรับคนอื่นๆ พวกมันทั้งหมดอ้าปากค้าง เมื่อเปรียบเทียบกับการเผชิญหน้ากับทัณฑ์เซียนก่อนหน้านี้ของผู้ถูกเลือกเซียนแท้ ทำให้ยากที่จะอธิบายได้ว่าทัณฑ์เซียนนี้มีความแข็งแกร่งมากมายเท่าใดกันแน่
ในถ้ำศิลาที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินของคฤหาสน์โบราณตระกูลฟาง ปรมาจารย์ปฐพีนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับปรมาจารย์อีกหกคน มองขึ้นไปยังสายฟ้าสีแดงนั้น และกล่าวขึ้นว่า
“การเผชิญหน้ากับโชคชะตาเซียนแท้ เหมือนกับการถูกคัดเลือกโดยสวรรค์และปฐพี ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะกลายเป็นเซียนแท้ด้วยวิธีนี้ แต่จริงๆ แล้ว เจตจำนงแห่งเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่มักจะเหลือโอกาสเล็กๆ ไว้ให้ทำได้สำเร็จ ใครที่บรรลุกลายเป็นเซียนแท้เช่นนี้ จะมีโชคชะตาบางอย่างของเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่อยู่ภายในตัว!”
“การใช้ต้นเถาวัลย์ประกายเซียนคือการคดโกงอย่างแท้จริง และจะไม่เกี่ยวข้องกับโชคชะตาแห่งเซียนแท้ เนื่องจากเช่นนั้นทัณฑ์เซียนจึงได้รุนแรงมากกว่า แต่ถ้าเปิดประตูเซียนได้สำเร็จ ก็จะเหมือนกับการได้รับคำรับรองจากเจตจำนงแห่งเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่”
“อย่างไรก็ตาม…การกลายเป็นเซียนแท้เช่นนี้ จะอยู่เหนือเส้นทางทั้งสาม มันได้แสดงการดูถูกต่อสวรรค์และเยาะเย้ยต่อเจตจำนงแห่งเก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ มันคือการกลายเป็น…เซียนของตนเอง และเป็นเซียนแท้ด้วยเช่นกัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมไม่ว่าสวรรค์จะยอมรับหรือไม่…พวกมันก็จะถูกบังคับให้ต้องรับรู้ถึงการกลายเป็นเซียนแท้ของมัน!”
“เมื่อสวรรค์ถูกบังคับให้ต้องยอมรับเช่นนี้ ทัณฑ์เซียนแท้ชนิดที่สามนี้จึงได้เกิดขึ้นอย่างที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้!”
เหล่าปรมาจารย์ของสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดกำลังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ถ้ากล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว การก้าวเท้าเข้าไปเป็นเซียนของผู้ฝึกตนอาณาจักรวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่พวกมันจะยอมถ่อมตัวลงมาคอยเฝ้าสังเกตดู ยกเว้นว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ถูกเลือกจากสำนักหรือตระกูลของพวกมันเอง ทัณฑ์เซียนของกลุ่มคนจากสำนักและตระกูลอื่นๆ ไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์เหล่านี้จะให้ความสนใจแม้แต่น้อย
แต่เมิ่งฮ่าวแตกต่างกันออกไป!
เขากำลังเดินไปบนทางสายที่สามของเส้นทางทั้งสาม เป็นเส้นทางที่ทำให้แม้แต่เหล่าปรมาจารย์ยังต้องสั่นสะท้าน พวกมันต้องการจะเห็นว่า…เขาสามารถทำได้สำเร็จจริงหรือไม่!
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ เป็นสิ่งที่พวกมันอาจจะมีโอกาสได้มองเห็นแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น
สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน และสายฟ้าสีแดงก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ เขาลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ สีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ดวงตาเต็มไปด้วยความต้องการจะต่อสู้
“ช่วงเวลาที่ข้าเฝ้ารอคอยมานาน ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!” เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้น ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปจากกายเนื้อเซียนแท้ ชีพจรเซียนของเขาหมุนวนไปมา และพลังแห่งเจตจำนงก็เริ่มตกผลึกแข็งตัว ขณะที่เขากำมือเป็นหมัดจนแน่น
เมิ่งฮ่าวต่อยหมัดออกไปยังสายฟ้าสีแดง และเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ สายฟ้าเริ่มพังทลายลงไปในทันที แต่ก็แตกสลายไปแค่เจ็ดในสิบส่วนเท่านั้น ที่เหลืออยู่อีกสามส่วนได้กระแทกลงมายังร่างของเมิ่งฮ่าว
แต่เมิ่งฮ่าวก็แค่ลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ ปล่อยให้สายฟ้าฟาดลงมา ประจุไฟฟ้านับไม่ถ้วนลอยออกไป เส้นผมเขาพลิ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา
“ทัณฑ์เซียนแท้อ่อนแอเช่นนี้จริงๆ?!” เมิ่งฮ่าวอดจะรู้สึกผิดหวังขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ ย้อนกลับไปในตอนที่เขาได้เป็นสักขีพยานทัณฑ์เซียนของอาจารย์ตานกุ่ย ตอนที่อยู่บนดาวหนานเทียน ที่นั่น…เขาได้เริ่มเฝ้ารอคอยที่จะเอาชนะทัณฑ์เซียนของตนเองแล้ว
ขณะที่เขาหัวเราะออกมา สวรรค์ก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม และกลุ่มเมฆก็ม้วนตัวไปมา สายฟ้านับไม่ถ้วนเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นสายฟ้าอีกสายที่น่าตกใจมากขึ้นไปกว่าเดิม พุ่งโจมตีตรงมาที่เขา
ขณะที่มันเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็หัวเราะเป็นเสียงดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงที่ดังเข้มข้นจนสามารถจะเฉือนโลหะบดขยี้ก้อนศิลาให้ป่นเป็นผุยผงได้ คนทั้งหมดที่ได้ยินเสียงนี้ต่างก็ต้องแอบตกตะลึงอยู่ภายในใจ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีทอง กระพือปีกไปมาและพุ่งตรงไปยังสายฟ้าที่ใกล้เข้ามา
นี่ไม่เหมือนกับการเอาชนะทัณฑ์สายฟ้า แต่ดูเหมือนกับเป็นการอาบไล้อยู่ในทัณฑ์สายฟ้ามากกว่า!
ตูมมมมมม!
สายฟ้าฟาดลงมา เสียงแตกร้าวกระจายออกไปรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวที่อยู่ในรูปแบบของวิหคยักษ์ ราวกับเป็นลูกทรงกลมขนาดใหญ่ของสายฟ้า กระจายแสงอันเจิดจ้าปกคลุมออกไปทั่วทั้งฟ้าดิน
“ฟาดลงมาอีก!” เสียงเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป วิหคยักษ์สีทองส่งเสียงกรีดร้อง ขณะที่เขาพุ่งตรงไปยังกลุ่มเมฆที่อยู่บนท้องฟ้า สายฟ้าแวบขึ้น สายที่สาม, สี่, ห้า…
สายฟ้าอันน่ากลัวฟาดลงมาคล้ายกับเป็นสายพิรุณ ตามมาด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้องอย่างน่าตกใจ เมิ่งฮ่าวในรูปแบบวิหคยักษ์สีทอง พุ่งขึ้นไปด้วยความรวดเร็วเหมือนเดิม ทะลวงผ่านสายฟ้าไปคล้ายกับเป็นใบมีดที่คมกริบทะลวงผ่าปล้องไม้ไผ่ สายฟ้าคล้ายกับเป็นกิ่งไม้แห้งที่ง่ายต่อการบดขยี้ ขณะที่เขาพุ่งตรงเข้าไปในกลุ่มเมฆลงทัณฑ์โดยตรง
ดาวตงเซิ่งเต็มไปด้วยเสียงที่คล้ายกับเป็นเสียงหัวใจเต้นของยักษ์ พื้นดินสั่นสะเทือน ดวงดาวสั่นสะท้าน และผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่บนดาวดวงนี้ต่างก็สะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง
กลุ่มเมฆลงทัณฑ์เริ่มแยกออกจากกัน เผยให้เห็นช่องว่างเล็กๆ ที่เมิ่งฮ่าวได้ทะลวงผ่านขึ้นไปได้ไม่มากนัก แต่ที่ด้านหลังกลุ่มเมฆ ก็มองเห็นประตูเซียนได้อย่างชัดเจน
แต่โชคร้ายที่ระหว่างตัวเมิ่งฮ่าวและประตูเซียนเป็นวิหารเซียน!
นี่คือทัณฑ์เซียนแท้ของเมิ่งฮ่าว ไม่เพียงแต่ว่ากลุ่มเมฆลงทัณฑ์จะมีขนาดใหญ่กว่าคนอื่นๆ ทั้งหมดเท่านั้น ที่ด้านหลังของกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็ยังเป็นวิหารเซียน ถ้าเขาต้องการจะไปให้ถึงประตูเซียน เขาก็ต้องพุ่งผ่านวิหารเซียนเหล่านี้ไปให้ได้ก่อน!
เมิ่งฮ่าวกลายร่างจากรูปแบบวิหคยักษ์กลับมาเป็นมนุษย์เช่นเดิม กระอักโลหิตออกมากองโต ขณะที่โซเซถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว จากนั้นดวงตาก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้น ด้วยความต้องการต่อสู้
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาได้ฉีกขาดออก ทำให้ต้องเปลือยหน้าอกไปโดยสิ้นเชิง เส้นผมพลิ้วไปมา แต่ก็มองไม่เห็นอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อยนิดอยู่บนร่าง ในตอนที่เขากระอักโลหิตออกมา อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ได้ทำงานขึ้น ช่วยฟื้นฟูร่างกายเขาในทันที
เมื่อฟางเว่ยมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ใบหน้ามันก็เริ่มดูน่าเกลียดขึ้น และดวงตาก็แวบรังสีสังหารออกมา หลังจากนั้นมันก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และรังสีสังหารก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม
ที่ห่างออกไปด้านข้าง ฟางซิ่วซานกำลังประหลาดใจ กำมือเป็นหมัดจนแน่น และภายในใจมันกำลังก่นด่าสาปแช่งเมิ่งฮ่าวอยู่ สิ่งที่มันหวังไว้มากที่สุดก็คือว่า เมิ่งฮ่าวจะต้องถูกกำจัดไปในช่วงทัณฑ์ของเขา จากนั้นปัญหาทั้งหมดก็จะถูกคลี่คลายไปเอง
“เจ้าลูกสุนัขน้อยตายไปเถอะ” มันแผดร้องอยู่ภายในใจ “ตายไปในทัณฑ์เซียนนี้! นี่คือโชคชะตาของเจ้า!”
ดวงตาของผู้เฒ่าสูงสุดสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า จากนั้นมันก็เริ่มหอบหายใจออกมา ในที่สุดก็เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าสิ่งที่มันกำลังครุ่นคิดคืออะไร
กลุ่มคนสายโลหิตหลักกำลังตื่นเต้นขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่กลุ่มคนธรรมดาของตระกูลก็ยังรู้สึกตื่นเต้นขึ้นด้วย
ขณะที่เมิ่งฮ่าวตกลงมาเล็กน้อย ช่องว่างที่อยู่ในกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็เริ่มปิดกลับเข้าไป ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในเวลาเดียวกันนั้น แรงกดดันอย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้กระจายออกมา และสายฟ้าจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมก็เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน
ไม่มีโอกาสรอดชีวิต ไม่มีโชควาสนา!
นี่คือเหตุผลที่ทำไมมันถึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเพื่อให้บรรลุกลายเป็นเซียนแท้ของตนเอง!
เหล่าปรมาจารย์ของสำนักและตระกูลต่างๆ มองขึ้นไปด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง
ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ฝานตงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง ขณะที่มองไปยังแก้วผลึกที่อยู่ตรงหน้า นางมองเห็นภาพของเมิ่งฮ่าวกำลังกระแทกเข้าไปในทัณฑ์สายฟ้า และมองเห็นกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ขนาดใหญ่ ทำให้จิตใจต้องงุนงงขึ้นด้วยความตกตะลึง
“ซือจุน (ท่านอาจารย์) มัน…มันจะเอาชนะทัณฑ์เซียนได้หรือไม่?” นางถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
“ทัณฑ์เซียนนี้…แม้แต่อาจารย์ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน” หญิงชรากล่าวตอบอย่างช้าๆ “ข้าเคยได้ยินแต่ในตำนานเท่านั้น ไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดจากทัณฑ์เช่นนี้เลย แน่นอนว่าเมื่อมันเป็นทัณฑ์เซียน พลังของสายฟ้าก็คงไม่เกินกว่าขีดจำกัดของอาณาจักรเซียนมากเท่าใดนัก อย่างไรก็ตามข้าก็เคยได้ยินมาว่าสายฟ้าจะไม่มีวันสิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้นวิหารเซียนเหล่านั้นก็ได้ปิดกั้นเส้นทางไว้ทำให้ยากที่จะผ่านออกไปได้”
คำพูดเช่นเดียวกันนี้กำลังถูกพูดขึ้นในท่ามกลางสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมด
“ยากนัก…?” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความต้องการต่อสู้ที่พุ่งสูงขึ้นไปมากกว่าเดิม ส่งเสียงคำรามออกมาขณะที่ภาพแห่งธรรมได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง เป็นภาพแห่งธรรมแค่ภาพเดียวเท่านั้น แต่ก็มีความสูงถึงเจ็ดพันจ้าง
ในตอนที่ภาพแห่งธรรมปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวก็แวบตรงขึ้นไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ เสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี ขณะที่สายฟ้าจำนวนมากได้ฟาดลงมา ในชั่วพริบตา สายฟ้าสิบกว่าสายก็กำลังจะฟาดลงมาบนร่างเขา
เสียงแตกร้าวได้ยินมาขณะที่สายฟ้าได้กระแทกลงไปบนร่าง ในเวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยกมือขวาขึ้นมา ภายในมือเป็นหอกยาว ที่ด้ามจับถูกสร้างขึ้นมาจากต้นเจี้ยนมู่ และคมหอกถูกแกะสลักขึ้นมาจากกระดูกสีขาว เขายกหอกขึ้นมา พุ่งตรงขึ้นไปในท้องฟ้า
ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ขณะที่สายฟ้าแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่เข้าไปใกล้กลุ่มเมฆ เมิ่งฮ่าวก็แผดร้องคำรามออกมา และภาพแห่งธรรมก็ยื่นสองมือออกไปคว้าจับพวกมันไว้ เส้นเลือดเขียวโผล่ขึ้นมาบนหน้าผากของเมิ่งฮ่าว
ตูม!
ภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวฉีกกระชากสวรรค์ให้แยกออกจากกัน คว้าจับไปที่กลุ่มเมฆลงทัณฑ์และแยกมันออกเป็นสองข้าง พื้นดินสั่นสะเทือน และเสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ดวงดาวสั่นสะท้านขณะที่รอยแยกขนาดใหญ่ฉีกขาดออกในท่ามกลางกลุ่มเมฆลงทัณฑ์โดยตรง
ราวกับว่ามีกระบี่ขนาดใหญ่ได้กรีดเฉือนพวกมันออกเป็นสองส่วน ตอนนี้วิหารที่อยู่ด้านหลังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็สามารถจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นแสงเซียนก็เริ่มกระจายออกมา เหล่าเซียนที่อยู่ภายในวิหารของพวกมัน ก็หยุดชะงักนิ่งและหันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าว
ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวยกหอกขึ้นมา และพุ่งมันออกไปที่ด้านหน้าอย่างรุนแรง
“ทำลาย!” เมิ่งฮ่าวแผดร้องตะโกน หอกได้กลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นสายฟ้า ขณะที่มันพุ่งฝ่ารอยแยกในกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ไป และมุ่งหน้าตรงไปยังวิหารเซียน
มันพุ่งผ่านความว่างเปล่าไป คล้ายกับเป็นคมมีดที่กรีดผ่านก้อนเต้าหู้ รอยแยกในกลุ่มเมฆลงทัณฑ์เริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้น เซียนจำนวนมากได้บินออกมาพบกับคมหอก เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมาขณะที่เซียนมากมายได้ถูกทำลายลงไป ตัวหอกได้แทงทะลุเข้าไปในวิหารเซียนแห่งหนึ่ง ทำให้มันระเบิดออก
ในตอนนี้เองที่ความรวดเร็วของเมิ่งฮ่าวได้บรรลุถึงจุดสูงสุด เขากลายเป็นลำแสงพุ่งฝ่ารอยแยกในกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ไป
อย่างไรก็ตาม ต่อจากนั้น…กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็เริ่มม้วนตัวไปมาและหดตัวลง ทันใดนั้นแรงกดดันอันเข้มข้นก็ได้กระจายออกมา ขณะที่กลุ่มเมฆจำนวนมากได้รวมตัวเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นหัตถ์ขนาดใหญ่ ซึ่งจากนั้นก็ตบฟาดลงมาบนร่างเมิ่งฮ่าว หัตถ์ยักษ์บดบังภาพที่เบื้องหน้าเขาไปทั้งหมด ปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ขณะที่มันฟาดเขาให้ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ตกลงไปบนพื้นดิน
แสงอันดุร้ายปรากฏขึ้นในแววตาเมิ่งฮ่าว คล้ายกับเป็นใบมีดโลหิตที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“มาขวางทางข้า?”