Skip to content

King of Gods 501

King Of Gods

บทที่ 501 นี่เป็นพวกเจ้าทำตัวเอง

เถี่ยหมัวยืนอยู่เหนือเกี้ยวเลือดมังกรเพียงผู้เดียว เรือนผมสีเลือดพลิ้วไหวหยอกล้อกับสายลม มองไปยังสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ด้วยสายตาเย็นชา

สำหรับรองจ้าวลัทธิโลหะเลือด ยักษ์ใหญ่ที่น่าพรั่นพรึงแห่งอาณาจักรผู้นี้ ทำให้ฉินหวางเฟย จ้าวตำหนักฉินเจี่ยน และยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้คนอื่นๆ ล้วนรู้สึกหวาดผวาอย่างมาก

“เถี่ยหมัว หากเป็นการสู้ตัวต่อตัว ผู้อาวุโสผู้นี้อาจมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ทว่าด้วยพลังและความพยายามของเจ้าเพียงผู้เดียว พยายามจะต่อต้านคนอื่นๆ กับข้า อย่าได้นับว่าเราใช้คนมากรังแกคนน้อยเลย”

‘ยอดผู้อาวุโสผมเงิน’ จากตำหนักฉินเจี่ยนหรี่ตาลง นัยน์ตาส่องประกายวูบ

ในสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ เขามีพลังฝึกตนแข็งแกร่งที่สุด ย่อมเป็นกำลังหลักในการต่อสู้กับเถี่ยหมัว

ทว่า คนที่ลงมือคนแรกกลับเป็นจ้าวตำหนักฉินเจี่ยน

“ยอดกระบี่เพลงพิณ” จ้าวตำหนักฉินเจี่ยนเล่นพิณ ใช้วิชาควบคุมกระบี่

กระบี่บินในมือนางส่องประกายสามสี สร้างคมกระบี่บางเบาราวใยไหมขึ้นมากมายเช่นสายฝน ในขณะเดียวกัน ทำนองของมันก็รวดเร็วขึ้น เสียงดนตรีราวกับกลองรบ สร้างคลื่นเสียงพลังจิตที่ไม่อาจมองเห็นเข้าฉกฉวยโอกาส ทิ่มทะลวงเข้าสู่ส่วนที่เปราะบางของร่างกาย ทิ่มแทงดวงวิญญาณ

“หนึ่งดาบชี้ชะตา”

เรือนผมสีเงินของยอดผู้อาวุสำหนักฉินเจี่ยนพริ้วไหว ร่างทะยานวูบสูงขึ้นกลางท้องฟ้า ดาบวาดออกตรงไปยังร่างของเถี่ยหมัว

 

ในวินาทีนั้น พลังของดาบของผู้อาวุโสผมเงินได้ระเบิดออกที่กลางอากาศ ตาเปล่าเห็นเพียงประกายคมดาบจำนวนนับไม่ถ้วนสว่างจ้า ดาบสีเงินโอบล้อมควบรวมกันอย่างทรงพลัง ฟาดลงจากเหนือศีรษะ แนวคิดนั้นราวกับหนึ่งดาบลิขิตฟ้า ฟาดฟันลงมาจากสวรรค์

ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือการโจมตีด้วยดาบของเขาได้ส่งเสริมหนุนเนืองกับ ‘ยอดดาบเพลงพิณ’ ของจ้าวตำหนักฉินเจี่ยน

คนทั้งสองโจมตี หนึ่งขาวหนึ่งดำ ใช้ออกพร้อมกัน หยินหยางหลอมรวม

แรงกดดันและพลังโจมตีนั้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ยากที่ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปจะสามารถรับมือได้

“การร่วมมืออย่างสมบูรณ์แบบ”

ฉินหวางเฟยและยอดผู้อาวุโสตระกูลหลิวอดที่จะอุทานออกมาอย่างตื่นตะลึงไม่ได้ มิคิดว่าการร่วมมือกันของจ้าวตำหนักฉินเจี่ยนและยอดผู้อาวุโสของตำหนักฉินเจี่ยนจะรวดเร็วเพียงนี้ พวกเขายังไม่ทันตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนั้น สีหน้าของบุรุษผมสีเลือดเถี่ยหมัวก็ยังคงราบเรียบ

ครืนนนน

แขนขวาของเขาได้ปรากฏโลหะขึ้นครอบคลุม พลันกลับกลายเป็นวงล้อสีเงินดำเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งจ้างขึ้น ใจกลางของมันเป็นสีดำลึกล้ำ ส่วนขอบส่องประกายวาววับราวกับคมมีดบางเฉียบสีเงิน สร้างความรู้สึกกระวนกระวายให้ผู้จ้องมอง

“สลาย”

บุรุษผมสีเลือดเถี่ยหมัววาดวงล้อสีเงินดำในมือขึ้นสูง มันพลันกลับกลายเป็นเงาแสงส่องประกาย ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของยอดผู้อาวุโสผมเงิน

คนทั้งสองหนึ่งบนหนึ่งล่าง ไม่เอ่ยวาจามากความ เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง

เคร้ง

วินาทีที่คมดาบแหลมและเงาที่ส่องประกายเข้าปะทะกัน มันราวกับได้ปะทะเข้ากับสุดยอดการป้องกัน ทำลายประกายคมดาบสีเงินของผู้อาวุโสผมเงินจนแหลกสลาย

เคร้ง เปรี้ยง

วงล้อสีเงินดำที่หมุนด้วยความเร็วสูงมุ่งตรงเข้าปะทะกับดาบของยอดผู้อาวุโสตำหนักฉินเจี่ยนจนเกิดประกายไฟ

“ดาบเงินของข้า”

ผู้อาวุโสผมเงินร้องออกมา เห็นเพียงว่าวงล้อสีเงินดำที่หมุนด้วยความเร็วสูงปะทะเข้ากับดาบบางสีเงินที่แหลมคมก่อนที่จะตัดทะลวงผ่านอาวุธของเขาไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ อาวุธวิเศษชั้นสูงของผู้อาวุโสผมเงินก็ได้ปรากฏรอยบิ่นเล็กๆ ขึ้น

เคร้ง เช้ง

การโจมตีรุนแรงทั้งสองปะทะกัน ร่างของผู้อาวุโสผมเงินสะท้านเฮือก พลังในร่างสะท้อนกลับ แทบจะกระอักเลือดออกมา

“วงแหวนทมิฬ”

ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้คนอื่นๆ ที่อยู่ ณ ที่นั้น เจียงซานเฟิงและคนอื่นๆ ที่กำลังเฝ้าดูอยู่ตื่นตะลึงจนสิ้นเสียง

เคร้ง

อีกความสามารถหนึ่งของวงแหวนทมิฬคล้ายคลึงกับโล่ที่ใช้ป้องกันที่ด้านหน้าของร่างกาย ปะทะกับกระบี่บินของจ้าวตำหนักฉินเจี่ยนจนเกิดประกายไฟก่อนที่จะส่งกระบี่นั้นให้กระเด็นลอยออกไป

นอกจากนั้น ในขณะที่วงแหวนทมิฬกำลังป้องกันมันก็ยังคงหมุนด้วยความเร็วสูง สร้างแรงปะทะให้กับกระบี่บินของจ้าวตำหนักฉินเจี่ยนจนแทบจะทำให้มันได้รับความเสียหาย

จ้าวตำหนักฉินเจี่ยนคำรามในลำคอ กระบี่บินแทบจะร่วงลงพื้น

เมื่อทำทั้งหมดเสร็จแล้ว บุรุษผมสีเลือดเถี่ยหมัวก็ลอยลงไปที่พื้น วงแหวนทมิฬเปลี่ยนเป็นแขนกล

สามยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ที่ต่อสู้กัน ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจก็เข้าใจถึงความแตกต่าง

จ้าวตำหนักฉินเจี่ยนและผู้อาวุโสฉินเจี่ยนสามารถโจมตีร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทว่ากลับถูกเถี่ยหมัวตอบโต้จนต้องล่าถอยได้อย่างง่ายดาย กระทั่งเรียกได้ว่าเสียเปรียบได้รับความเสียหาย

“มิคาดว่าพลังของเถี่ยหมัวผู้นี้จะแข็งแกร่งเพียงนี้ สมแล้วที่เป็นผู้ควบคุมลัทธิโลหะเลือด”

โดยเฉพาะยอดผู้อาวุโสผมเงินที่ปะทะกับวงแหวนทมิฬตรงๆ บริเวณหน้าอกยังปรากฏรอยเลือดอยู่ ลมหายใจถี่กระชั้น

ห้องโถงหลอมใต้ดิน

จ้าวเฟิงและอาจารย์เถี่ยกานกำลังทำการสร้างขั้นตอนสุดท้าย

“อีกครั้งชั่วยามคงจะ…”

พลังส่วนมากของจ้าวเฟิงถูกใช้ไปในการสร้างอาวุธ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังแบ่งความสนใจไปยังการต่อสู้ด้านบนเล็กน้อย

พลังต่อสู้ของรองจ้าวลัทธิโลหะเลือดทำให้จ้าวเฟิงต้องเปลี่ยนสีหน้าไป โดยเฉพาะวงแหวนทมิฬที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย

ควรรู้ว่ายอดผู้อาวุโสผมเงินที่เป็นกำลังโจมตีหลักนั้นมีพลังฝึกตนเข้าใกล้ขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอด ทั้งยังร่วมมือกับจ้าวตำหนักฉินเจี่ยน พลังโจมตีเพียงพอที่จะสร้างแรงคุกคามให้แก่ยอดฝีมือในขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอด

ทว่าการโจมตีที่รุนแรงเพียงนั้นกลับถูกเถี่ยหมัวสลายไปได้โดยง่าย ทั้งยังไล่ต้อนสองยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้อยู่ด้วย

“ในอาณาจักร ความแข็งแกร่งของเถี่ยหมัวต้องติดหนึ่งในสามเป็นอย่างน้อย ในราชวงศ์คงมีเพียงยอดผู้อาวุโสหลงมู่ที่อาจมีพลังในการต่อสู้ตัวต่อตัวเหนือกว่าเขา”

ร่างกายบอบบางไร้ที่ติของฉินหวางเฟยเต้นรำไปกับสายลมอย่างสง่างาม

ในเสี้ยวพริบตา ริบบิ้นหลากสีก็ได้รายล้อมร่างของนางราวกับภาพในห้วงฝัน สร้างประกายแสงหลากสี มุ่งตรงไปยังบุรุษเรือนผมสีเลือดเถี่ยหมัวที่อยู่ด้านล่าง

ในเวลาเดียวกัน ยอดผู้อาวุโสฉินเจี่ยน จ้าวตำหนักฉินเจี่ยน และยอดผู้อาวุโสตระกูลหลิวได้มุ่งมาจากหลากทิศทาง ลงมือโจมตีเถี่ยหมัวพร้อมกัน

เถี่ยหมัวยืนอยู่บนเกี้ยวทองมังกรโลหิตไร้ซึ่งความหวาดกลัว วงแหวนทมิฬที่แขนขวาเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ เข้าปะทะกับสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ที่มุ่งตรงมา

เปรี้ยง

ในโถงหลอมใต้ดิน พวกจ้าวเฟิงทั้งสองรับรู้ได้ถึงแรงสั่นไหวอย่างรุนแรง

โชคดีที่เถี่ยหมัวและเกี้ยวทองมังกรโลหิตได้รับพลังโจมตีไปกว่าเก้าส่วน หรือมิเช่นนั้น แม้โถงหลอมใต้ดินนี้จะมีค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งครอบคลุมอยู่หลายชั้นก็คงไม่อาจต้านทานการโจมตีของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้หลายคนได้

“จ้าวเฟิง รองจ้าวลัทธิตัวคนเดียวช่วยต้านทานยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้สี่คนเพื่อพวกเรา ข้าเกรงว่าเขาจะต้านทานได้ไม่นานนัก”

อาจารย์เถี่ยกานกังวลเล็กๆ

การสร้างครั้งนี้เขาเป็นเหมือนผู้ช่วย มีพลังในการแบ่งความสนใจไปยังการต่อสู้ด้านบนมากกว่า

รองจ้าวลัทธิโลหะเลือดต้านทานสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้เพียงผู้เดียว ทำได้เพียงแค่ตั้งรับ โอกาสในการโจมตีน้อยลงเรื่อยๆ ทว่ารับมือการโจมตีของสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้อย่างต่อเนื่อง

จ้าวเฟิงใช้ดวงตาเทพเจ้า เข้าใจถึงสถานการณ์ภายใต้การกวาดตามองครั้งเดียว เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มบาง “ไม่ต้องกังวล”

บนเกี้ยวทองมังกรโลหิต รองจ้าวลัทธิโลหะเลือดอาจดูเหมือนเป็นฝ่ายตั้งรับ ทว่าด้วยพลังของคนผู้เดียวสลายการโจมตีของสี่ยอดฝีมือ ทั้งสีหน้ายังคงสะดวกสบาย ไม่มีความกังวลลนลานแม้เพียงน้อยนิด

“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านรองจ้าวลัทธิต้องการป้องกันห้องหลอมใต้ดินนี้ ทำให้ทำได้เพียงแค่ป้องกัน”

เจียงซานเฟิงที่อยู่ในเกี้ยวทองมังกรโลหิตเห็นถึงสถานการณ์บางส่วน

“เช่นนั้นก็คือด้วยพลังต่อสู้ในช่วงเวลาที่สมบูรณ์พร้อมของท่านรองจ้าวลัทธิ แม้จะรับมือสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้พร้อมกันก็ไม่เสียเปรียบเช่นนั้นหรือ?”

เตี๋ยเย่อดที่จะประหลาดใจไม่ได้

จ้าวลัทธิโลหะเลือดในยามนี้อาจกล่าวได้ว่ามีอาการน่าเป็นกังวล การจัดการเรื่องราวภายในยกให้เป็นของรองจ้าวลัทธิจนหมด

 

เถี่ยหมัวสามารถนำลัทธิโลหะเลือดต้านทานราชวงศ์ที่ร่วมมือกับตระกูลหลิว ตำหนักฉินเจี่ยน และขั้วอำนาจอื่นๆ ได้ มีหรือที่ความแข็งแกร่งวิธีการจะสามารถใช้มาตรฐานทั่วไปมาชี้วัด?

กลางอากาศ การโจมตีของสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้รุนแรงขั้นเรื่อยๆ

จ้าวตำหนักฉินเจี่ยน ฉินหวางเฟย และยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้คนอื่นๆ กระทั่งใช้วิชาลับ ทว่ากลับถูกรองจ้าวลัทธิโลหะเลือดสลายไปได้โดยง่าย

“ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินความแข็งแกร่งของรองจ้าวลัทธิโลหะเลือดต่ำไป ในสถานการณ์ที่ข้าไม่ใช้พลังดวงตาบางส่วนและไพ่ในมือ การที่จะเอาชนะเถี่ยหมัวตรงๆ ดูจะยากอยู่บ้าง”

จ้าวเฟิงเพียงมองสถานการณ์ด้วยสองตาอย่างสบายๆ ทว่าความเข้าใจในสถานการณ์กลับเหนือกว่าผู้ใด

หากไม่ใช่เพราะเถี่ยหมัวต้องป้องกันโถงหลอมใต้ดินนี้ บางทีด้วยพลังของเขาอาจจะเอาชนะสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ไปแล้ว

“ทุกคน ดูเหมือนว่าวันนี้การที่เราจะฆ่าจ้าวเฟิงได้มีหวังน้อยนัก”

ฉินหวางเฟยอดที่จะรู้สึกขมขื่นสิ้นหวังไม่ได้

นางหมุนตัวอย่างสง่างาม โจมตีอย่างต่อเนื่อง ปลายนิ้วชี้ตรงไปยังรองจ้าวลัทธิโลหะเลือด

ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้อีกสามคนมองหน้ากัน สีหน้าย่ำแย่ลง

พลังต่อสู้ของรองจ้าวลัทธิโลหะเลือดแข็งแกร่ง ทั้งวงแหวนทมิฬยังยากที่จะรับมือ มันมักจะสร้างความเสียหายให้กับอาวุธวิเศษของสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้อยู่เสมอ

 

“ถึงแม้พวกเราจะไม่อาจฆ่าจ้าวเฟิงได้ ทว่าก็ยังสร้างอุปสรรคให้กับการสร้างอาวุธของเขาได้ ชัดเจนว่าเขากำลังสร้างวงแหวนทมิฬอันที่สอง จะปล่อยให้เขาทำสำเร็จได้อย่างไร”

ฟันเงินของจ้าวตำหนักฉินเจี่ยนขบกันแน่น เอ่ยขึ้นอย่างเกลียดชังไม่เต็มใจ

ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้หลายคนปล่อยประสาทสัมผัสจิตวิญญาณออกไป สามารถเห็นสถานการณ์ในโถงหลอมใต้ดินได้

อาวุธวิเศษในมือของจ้าวเฟิงกำลังจะก่อตัวขึ้นในไม่ช้า ดูคล้ายกับวงแหวนทมิฬอันที่สอง

“จะปล่อยให้เขาสร้างมันขึ้นมาไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่รองจ้าวลัทธิจะป้องกันสถานที่นั้นถึงเพียงนี้”

ยอดผู้อาวุโสผมเงินเค้นเสียงเย็น การโจมตีมุ่งตรงไปยังโถงหลอมใต้ดินอย่างจงใจ

“ไร้ยางอาย”

สีหน้าของเถี่ยหมัวแปรเปลี่ยนไป ฝืนกระตุ้นการเคลื่อนไหวของวงแหวนทมิฬสร้างเงาขึ้นหลายเงา ทำลายการโจมตีของยอดผู้อาวุโสผมเงิน

ทว่ายอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ที่เหลืออีกสามคนต่างก็จงใจโจมตีไปยังโถงหลอมใต้ดิน

เปรี้ยง

โถงหลอมใต้ดินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทำท่าจะถล่มลงไปในไม่ช้า

“ไอ้พวกนายเหนือของอาณาจักรพวกนี้ ไร้ยางอายเกินไปแล้ว…”

อาจารย์เถี่ยกานสบถออกมา

ทว่าในฐานะของศัตรู พวกเขาย่อมไม่ต้องการที่จะเห็นวงแหวนทมิฬชิ้นที่สองปรากฏขึ้นบนโลก

“จ้าวเฟิง หากไม่หาวิธี การสร้างครั้งนี้อาจล้มเหลว”

อาจารย์เถี่ยกานถอนหายใจยาว

โถงหลอมใต้ดินไม่อาจต่อต้านได้หลายลมหายใจ ทำท่าจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา

บนเกี้ยวทองมังกรโลหิต ใบหน้าของเถี่ยหมัวเองก็ปรากฏความสิ้นหวังอยู่บ้าง

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ ทว่าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงลูกหลงจากการต่อสู้ที่ส่งผลต่อโถงหลอมใต้ดินได้ ไม่ต้องเอ่ยเลยว่ายอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ทั้งสี่จงใจโจมตีไปยังมัน

“หึ นี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าทำตัวเอง อย่าได้โทษว่าข้าโหดเหี้ยมเลย”

น้ำเสียงเย็นเยียบปะปนไปด้วยจิตสังหารดังขึ้นจากความว่างเปล่า ทำให้ดวงวิญญาณต้องสะท้านเฮือก

นอกจากเถี่ยหมัวแล้ว สี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้รู้สึกว่าใจหนาวเยือกขึ้นอย่างไม่อาจอธิบาย

“นั่นมันเสียงของหัวหน้าสาขา”

เจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่อดที่จะตื่นตะลึงไม่ได้ มองไปยังทิศทางของเสียงนั้น

เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินที่ถูกโอบล้อมไปด้วยสายลมและสายฟ้าได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ตั้งแต่เมื่อใดไม่มีผู้ใดล่วงรู้

“จ้าวเฟิง”

ทุกคนตื่นตะลึงใบหน้าซีดขาว

ยามที่รองจ้าวลัทธิผงะไปก็อดที่จะทอดถอนใจอย่างเสียดายไม่ได้ สุดท้ายแล้วการสร้างอาวุธของจ้าวเฟิงก็ถูกทำลาย

ทว่าฉินหวางเฟยและจ้าวตำหนักฉินเจี่ยนมีท่าทีหวาดกลัวตื่นตระหนก ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้อีกสองคนเองก็ปรากฏความหวาดกลัวอย่างมาก

ไม่มีผู้ใดเห็นอย่างชัดเจนว่าจ้าวเฟิงเคลื่อนไหวเช่นไรจึงปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของผู้อื่นเช่นนี้ได้

มีเพียงแค่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ ณ ที่นั้นที่สามารถรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวของไอสวรรค์วายุอัสนีในอากาศ ร่างของจ้าวเฟิงราวกับเป็นส่วนหนึ่งของสายฟ้าและสายลมในธรรมชาติ

“ถอยเร็ว! จ้าวเฟิงและเถี่ยหมัวร่วมมือกัน แม้ว่าคนเราจะมากก็ไม่มีโอกาสชนะได้”

เสียงของจ้าวตำหนักฉินเจี่ยนเต็มไปด้วยความร้อนรน ส่งเสียงผ่านจิตเอ่ยขึ้น

ถอย

สี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ไร้ซึ่งความลังเล

ขนาดเถี่ยหมัวเพียงผู้เดียวพวกเขายังไม่อาจทำอันใดได้ หากมีจ้าวเฟิงเพิ่มเข้ามาอีกคน พวกเขาก็มีเพียงแค่จะลงไปเป็นปุ๋ยในดินเท่านั้น

“แม้ว่าเราจะฆ่าจ้าวเฟิงไม่ได้ ทว่าก็ทำให้เขาไม่อาจสร้างวงแหวนทมิฬขึ้นได้ เช่นนั้นก็นับว่าไม่มีอันใดติดค้าง”

ยอดผู้อาวุโสตระกูลหลิวเค้นเสียงเอ่ย

สี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้แพร่ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณออกตรวจสอบโรงหลอมใต้ดินอย่างไม่รู้ตัว

ทว่าประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของพวกเขาเพียงเข้าไปใกล้กลับรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายกัดกร่อนประเภทหนึ่งครอบคลุมบริเวณนั้นอยู่จนหัวใจกระตุกวูบ

โถงหลอมใต้ดินได้ถูกปราณเพลิงสีดำสนิทแปลกประหลาดครอบคลุมอยู่

ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของสี่ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ไม่เพียงแค่ไม่อาจตรวจสอบได้ ทว่ายังแทบจะถูกสะท้อนกลับจนได้รับบาดเจ็บจนหวาดกลัวลังเล หัวใจเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ในโรงหลอมนั่นมีตัวตนที่น่าพรั่นพรึงอันใดอยู่กัน?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!